ทุกสายตาของผู้คนที่กำลังเดินจับจ่ายอยู่ภายในห้างสรรพสินค้านั้นต่างหันมองหนุ่มหล่อเจ้าของเส้นผมสีทองที่มีเด็กสาววัยใสอยู่ในอ้อมแขน
"ลุงหนักไหม...ภิณเดินเองก็ได้...ลุงหนักจนพูดไม่ออกเลยเหรอ...ลุง....." เสียงใสถามเจื้อยแจ้วตลอดทาง
"ผีเจาะปากมาพูดหรือไง ถึงได้พูดไม่หยุด ขาไม่น่าเจ็บนะ น่าจะเจ็บที่ปาก" คิ้วหนาขมวดกันเป็นปม ยิ่งฟังสรรพนามที่เธอใช้เรียกเขา ยิ่งทำให้เขาปวดหัวตุ๊บๆ อยากจะทุ่มร่างเล็กลงกับพื้นไปเสียหลายๆ ครั้ง
"ปากร้าย" คนตัวเล็กว่าปากยู่
"อย่างอื่นก็ร้าย ถ้าไม่อยากเจอก็หุบปาก แล้วเลิกเรียกฉันว่าลุงได้แล้วถ้าไม่อยากถูกจับทุ่มลงพื้น"
"ใจร้าย" คนตัวเล็กว่าปากยู่อีกครั้ง แต่พอเงยหน้าไปเจอสายตาดุๆ ก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น แต่ก็ไม่หลบสายตานั้น จนเขาต้องเป็นฝ่ายละสายตาไปเอง
พนักงานของร้านต่างมองเจ้านายหนุ่มด้วยความงุนงงที่จู่ๆ ก็อุ้มเด็กสาววัยใสที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาในร้าน แล้วยังมีเด็กสาวในวัยเดียวกันอีกคนวิ่งตามมาติดๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาด้วยรู้นิสัยของเจ้านายเป็นอย่างดี
รัณย์วางภิณลงบนโซฟาในห้องทำงานของเขาก่อนจะหายตัวไปพักใหญ่แล้วกลับมาพร้อมถุงอะไรบางอย่างในมือ
"ลุงไปไหนมาตั้งนาน แล้วลุงพาภิณมาร้านของใคร" ภิณเอ่ยถามทันที แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ
"ภิณ คุณแม่จูนมารอรับแล้ว" จูนบอกหลังจากเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น
"จูนกลับไปก่อนก็ได้ ภิณอยู่กับลุงได้"
"แต่..." จูนมีท่าทีลังเล
"จูนไม่ต้องกลัวลุงจับภิณกินหรอก ลุงเขาไม่ใช่ยักษ์ ไม่ใช่ปีศาจที่จะจับภิณกินซะหน่อย แต่ลุงเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของภิณ" ภิณกระซิบกระซาบกับจูน แต่รัณย์ก็ได้ยินทุกถ้อยคำ
"งั้นจูนกลับก่อนนะ ถึงบ้านแล้วไลน์บอกจูนด้วยนะ"
"โอเค"
"จูนไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" จูนยกมือไหว้ร่ำลารัณย์
รัณย์ย่อตัวลงแล้วยกข้อเท้าของภิณขึ้นอย่างช้าๆ บรรจงถอดรองเท้าและถุงเท้าออก จากนั้นจึงนำน้ำแข็งที่เขาออกไปซื้อมาประคบข้อเท้าให้เธอ
ภิณมองใบหน้าหล่อเหล่าพร้อมยิ้มออกมา รัณย์รับรู้ได้ถึงการจ้องมองในระยะประชิดของคนตัวเล็ก เขาจึงเงยหน้ามอง
"ล้มจนเอ๋อหรือไงยิ้มอยู่ได้"
"หัวภิณไม่ได้กระแทกซะหน่อย พอได้แล้วละมั่งลุง มันคงไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วล่ะ" รัณย์นำน้ำแข็งที่ประคบออกก่อนจะเห็นเป็นรอยช้ำสีเขียวอมม่วงนิดๆ บริเวณข้อเท้า
"ไปหาหมอไหม?"
"ไม่เป็นไร ภิณไม่อยากรบกวนลุง เดี๋ยวคุณพ่อมารับค่อยไปหาลุงสายฟ้า"
"หึ ทีแบบนี้มาบอกว่าไม่อยากรบกวน ตามใจ" รัณย์หยัดตัวลุงขึ้นมานั่งบนโซฟาอีกตัว ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นจนเห็นรอยถลอกที่มีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา
"ลุงไปโดนอะไรมา" ภิณตาโต ถามด้วยความตกใจที่จู่ๆ เขาก็มีแผลเลือดไหล
"ไปช่วยลูกหมาที่กำลังจะถูกรถชนมา" คนตัวเล็กทำหน้าเจื่อนเพราะรู้ถึงความหมายของลูกหมาที่เขาพูดถึง รัณย์ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์มาทำความสะอาดแผลตัวเอง
"ภิณทำแผลให้ลุงเอง เหมือนที่ลุงทำให้ภิณไง" ภิณเดินกะโผลกกะเผลกมานั่งข้างรัณย์ ซึ่งเป็นโซฟาเดี่ยวทำให้ทั้งคู่แนบชิดกันโดยที่คนตัวเล็กไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่าจะช่วยทำแผลให้เขา
"สามครั้งแล้วนะที่ลุงช่วยภิณไว้ ลุงต้องเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของภิณแน่ๆ เลย เพราะลุงมาช่วยภิณไว้ได้ทันเวลาทุกที เออใช่ ภิณขอเงินคุณพ่อมาแล้วเดี๋ยวภิณเอาคืนลุงให้นะ ให้ภิณทำแผลลุงเสร็จก่อน แปะอันนี้ก็เป็นอันเสร็จ เสร็จแล้ว เนี๊ยบสุดๆ" น้ำเสียงใสๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้วนกขุนทอง ในขณะที่มือก็ทำแผลให้คนข้างๆ ไปด้วย
"อยู่บ้านเก็บกดหรือไง พูดมากฉิบ แล้วก็ลุกไปได้ละอึดอัด แล้วนี่ถูกพ่อปล่อยทิ้งหรือไง ป่านนี้ถึงยังไม่มารับ" น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยอย่างประชดประชัน คนตัวเล็กย่นจมูกใส่อย่างน่ารักก่อนจะลุกไปนั่งที่เดิม
"มาแล้วค่ะ กำลังมาที่นี่" ภิณบอกพร้อมทั้งชูโทรศัพท์มือถือที่เธอเพิ่งส่งโลเคชั่นไปให้คนเป็นพ่อมารับตรงหน้าเขา
"ดีจะได้รีบๆ ไป"
"ถ้าภิณไปลุงไม่คิดถึงภิณเหรอ ภิณน่ารักนะ"
"น่ารำคาญสิไม่ว่า"
"แล้วอย่ามาหลงรักภิณก็แล้วกัน"
"สมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือไง ถึงคิดว่าคนอย่างฉันจะไปหลงรักเด็กกะโปโลอย่างเธอ"
"ลุงนั่นแหละที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน ภิณเคยบอกลุงไปแล้วไงว่าภิณไม่เด็กแล้ว ภิณอายุสิบสอง ขึ้น ม.1 แล้ว คุณปู่คุณย่าก็บอกว่าภิณโตเป็นสาวแล้ว คุณตาคุณยายก็พูด ถ้าไม่เชื่อจะไปถามดูก็ได้ หรือว่าจริงๆ แล้วลุงเป็นพวกความจำสั่น ก็อย่างว่านะ"
"อย่างว่าอะไร?"
"ก็แก่แล้วไง"
"เธอนี่มัน....." รัณย์ชี้หน้าตั้งท่าจะเอ่ยว่าแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"คุณอารัณย์คะ มีผู้ชายคนหนึ่งบอกว่ามารับลูกสาวค่ะ" พนักงานเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเอ่ยบอก
"คุณพ่อของภิณเองค่ะ ลุง ภิณกลับก่อนนะ วันหลังภิณจะมาหาใหม่" ภิณบอกเสียงใสพลางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย
"ไม่ต้อง ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น"
"คนแก่นี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ หัวก็ร้อนง๊ายง่าย" ภิณว่า พนักงานยกมือขึ้นมาปิดปากพยายามกลั้นหัวเราะ
"กลับไปเลย" รัณย์ตวาดเสียงดังลั่นจนพนักงานสะดุ้งรีบกวักมือเรียกให้ภิณออกมา
"เดี๋ยวค่ะพี่คนสวย ภิณยังไม่ได้ขอบคุณลุงเลย ขอบคุณลุงมากนะที่ช่วยภิณ ลุงเป็นเจ้าชายขี้ม้าขาวของภิณนะ" ภิณบอกก่อนจะเดิน กะโผลกกะเผลกออกไปโดยมีพนักงานสาวช่วยพยุง
"คุณพ่อขา" ภิณอ้าแขนเดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อ
"ภิณเป็นอะไรลูก" ภูรีบเดินเข้ามาหาลูกสาวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"มีคนวิ่งมาชนภิณค่ะ จนรถเกือบจะชนภิณเลย แต่ลุงช่วยภิณไว้"
"ลุง?"
"ก็ลุงคนที่เคยช่วยภิณไว้ไงคะ"
"แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้วล่ะครับ"
"ลุงมีแผลที่แขนค่ะ เลย....." ภิณกำลังจะบอกคนเป็นพ่อ แต่น้ำเสียงทุ้มของรัณย์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
"สวัสดีครับ ผมอารัณย์" รัณย์กล่าวทักทายภูพร้อมทั้งยกมือไหว้
"ลุง" ภิณยิ้มแป้นให้คนตัวสูง แต่เขาก็ทำเป็นนิ่งเฉยเพียงแค่ปรายตามองเธอเท่านั้น
"ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉันไว้อีกครั้ง" ภูเอ่ยขอบคุณรัณย์พลางพินิจพิจารณาใบหน้าของรัณย์ไปด้วย เขานึกว่าคนที่ช่วยลูกสาวของเขาไว้จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเสียอีก แต่นี่ยังหนุ่มแน่นอายุอานามน่าจะพอๆ กับธามแฟนของบัว ถึงจะมากกว่าก็คงจะไม่กี่ปี
"ไม่เป็นไรครับ ทุกครั้งล้วนเป็นความบังเอิญที่ทำให้ผมได้ช่วยลูกสาวของคุณ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงทำอย่างที่ผมทำ"
"ยังไงก็ต้องขอบคุณนายอยู่ดีที่ยอมเจ็บตัวเพื่อลูกสาวของฉัน ฉันคงไม่รบกวนนายแล้ว นายคงอยากพักผ่อน ไปครับภิณคุณแม่กับพี่ภีมรออยู่ที่ร้านอาหาร" ภูเอ่ยขอบคุณรัณย์อีกครั้ง ก่อนจะอุ้มลูกสาวที่ขาเจ็บในท่าอุ้มเด็กน้อย
"ค่ะคุณพ่อ ภิณไปนะลุง" ภิณใช้มือข้างหนึ่งกอดคอคนเป็นพ่อแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาโบกมือลาคนตัวสูง
"วันหลังเราชวนลุงไปกินข้าวบ้านเราได้ไหมคะคุณพ่อ ภิณอยากขอบคุณลุง" เสียงใสๆ พูดคุยกับคนเป็นพ่อไปตลอดทาง
รัณย์ยืนมองสองคนพ่อลูกจนทั้งคู่เดินลับตาไป ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน