ตอนที่ 3 อุบัติเหตุจูบ

1310 Words
"ไปร้านมาเหรอวะ" นิคถามเมื่อรัณย์มาถึงสนามแข่งรถ "มีคนรายงานแล้วนี่ แล้วมึงจะถามกูทำไม" รัณย์ว่าอย่างไม่ใส่ใจพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักแข่งรถ "ก็เผื่อมีเรื่องที่ยังไม่รู้ไง แล้วก็เผื่อพ่อมึงถามกู กูก็ต้องรู้ไว้บ้าง กูตอบไม่ได้พ่อมึงก็ด่ากูอีก" พ่อของรัณย์ฝากฝังให้นิคดูแลน้องชายคนนี้ด้วยรู้ดีว่ารัณย์เป็นพวกดื้อรั้น อารมณ์ร้อน ไม่ค่อยจะฟังใคร ก็มีแต่เขาที่รัณย์ยังพอรับฟังบ้างเพราะโตมาด้วยกัน รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี "ทุกวันนี้กูยังสงสัยว่าทำไมพ่อไม่ยกร้านให้มึงไปเลย รู้ดีกว่าตัวกูเองอีก" "มันเป็นของแม่มึง แล้วพ่อมึงจะมายกให้กูได้ไง แล้วกูก็มีกิจการของพ่อแม่กูที่ต้องดูแลเหมือนกัน" "ก็กูไม่ชอบ" คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างที่เขามักทำเป็นประจำเมื่อไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบธุรกิจจิลเวลรี่ ที่ทำไปก็ฝืนใจทำ เพราะถ้าไม่ทำพ่อของเขาก็จะไม่ให้เขาทำสนามแข่งรถอย่างที่เขาชอบ "ไม่ชอบแต่มึงก็ทำออกมาได้ดี มึงจะปฏิเสธความสามารถด้านนี้ของมึงไปถึงไหน ถ้ามึงตั้งใจทำป่านนี้ทำเงินปีๆ เป็นร้อยล้านพันล้านแล้วมั่ง" นิคชื่นชม ถึงปากจะบอกไม่ชอบ แต่ทุกครั้งที่ต้องออกคอลเลคชั่นใหม่รัณย์ก็จะออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนร้านไหน รัณย์มีหัวทางนี้ซึ่งทุกคนในครอบครัวรู้ดี แต่เขาไม่เคยยอมรับมันเพียงเพราะคำว่าไม่ชอบ เขาชอบความท้าทายอย่างการแข่งรถ "เรื่องของกู" รัณย์รูดซิปชุดนักแข่งก่อนจะหยิบหมวกกันน็อค ถุงมือ ผ้าคลุมหน้าออกไปทันที "มึงก็บอกว่าเรื่องของมึงทุกที แต่คนรับหน้าพ่อมึงคือกูนะเว้ย" นิคว่าตามหลัง "มึงไม่มีสมาธิ ใจไม่จดจ่ออยู่กับรถ ไม่จดจ่อกับเป้าหมายข้างหน้า มึงคิดอะไรอยู่วะ" นิคว่าหลังจากรัณย์ขับรอบสนามแข่งไปได้สองรอบ และทำออกมาได้ไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น "เปล่า" คิ้วหนาขมวดเป็นปม สีหน้าเคร่งขึงไม่พอใจผลการซ้อมของตัวเองเช่นกัน "มึงโกหก ถ้าอารมณ์มึงยังเป็นแบบนี้มึงไม่มีทางชนะไอ้เทรย์ได้ หรือแม้แต่ไอ้อิบูกิ" "เออกูรู้ กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อย แต่กูจัดการได้" "หงุดหงิด? อะไรมันมีผลต่อใจมึงได้วะ ปกติมึงไม่ได้เป็นแบบนี้ แม้แต่เรื่องผู้หญิง" "มึงจะคาดคั้นกูทำไมนักหนาวะ กูบอกจัดการได้ก็คือได้ดิว่ะ" "บัว ผู้หญิงของไอ้ธาม" นิคลองหยั่งเชิง เพราะดูรัณย์จะให้ความสนใจผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ "มึงจะต้องรู้ให้ได้เลยใช่ไหม" "ใช่กูต้องรู้ ตกลงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้จริงๆ" "ไม่ใช่ กูยอมรับว่าบัวสวยสะดุดตา แต่ก็ไม่ขนาดต้องไปเอาผู้หญิงของศัตรูมาเป็นของกู กูแค่อยากปั่นหัวไอ้ธามเล่นก็แค่นั้น" "แพร ลูกรัฐมนตรีสุชาติ" "ตัดทิ้งไปได้เลย มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยชอบ" "แล้วใครวะ มึงก็ไม่มีใครแล้วนี่หว่า" "กูไม่บอก" พูดจบรัณย์ก็เดินหนีนิคเข้าห้องทำงานไปทันที "ไอ้รัณย์มึงซุ่มเหรอวะ มึงไม่บอกกูแล้วกูจะหาทางแก้ปัญหานี้ยังไงห๊ะ ใจมึงไม่นิ่งมึงก็ไม่มีทางชนะนะเว้ย" นิคตะโกนว่าตามหลัง "บ้าเอ้ย! มึงเป็นบ้าอะไรวะไอ้รัณย์" รัณย์โยนถุงมือลงบนโต๊ะทำงานด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกับผลการซ้อมที่ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะใบหน้าของเจ้าของน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่สุดแสนจะน่ารำคาญที่ฉายชัดอยู่ในหัวของเขาอยากสลัดก็สลัดไม่ออก เขาจะทำอย่างไรให้ใบหน้าและน้ำเสียงน่ารำคาญนั้นหายไปจากห้วงความคิดของเขา วันต่อมา "วันนี้ภิณอย่าสั่งเยอะแบบเมื่อวานอีกนะ" จูนบอกขณะเดินออกจากสถาบันกวดวิชา "วันนี้ภิณขอตังค์คุณพ่อมาแล้ว แล้วก็จะเอามาคืนลุงด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกเมื่อไหร่" "จูนว่าเขาน่ากลัวออก" "น่ากลัวยังไง?" "ตัวก็สูงเหมือนยักษ์แล้วก็ชอบทำหน้ายักษ์ใส่ภิณแบบนี้ไง" จูนทำหน้าบึ้ง ขมวดคิ้วเข้าหากันเรียนแบบท่าทางของรัณย์ "ฮ่าๆ จูนทำเหมือนอ่ะ" ภิณหัวเราะลั่นเมื่อเห็นจูนทำหน้าทำตา ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันโดยไม่ทันระวัง ภิณถูกผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความรีบเร่งชนจนเซถลาตกฟุตบาท เป็นจังหวะที่รถมอเตอร์ไซต์ขับปาดซ้ายเข้ามาเพื่อเร่งเครื่องให้ทันสัญญาณไฟจราจร ภิณยืนนิ่งหลับตาปี๋เมื่อรถคันนั้นอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอต้องถูกชนแน่ๆ "ภิณ!!" จูนร้องออกมาด้วยความตกใจ ตุ๊บ!! "ทำไมไม่เจ็บล่ะ" ภิณพึมพำกับตัวเอง เธอจำได้ว่าเธอล้มลงมาอย่างแรงแต่... "จะลุกไปได้ยัง" น้ำเสียงที่แสดงความหงุดหงิดเป็นอย่างมากดังอยู่ข้างใบหูเล็ก ทำให้คนตัวเล็กหันมองตามเสียงจนริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอแตะสัมผัสกับริมฝีปากอุ่นหนาพอดี ดวงตากลมโตที่ปกติก็โตอยู่แล้วเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม จนคนใต้ร่างกลัวว่ามันจะถลนออกมานอกเบ้า คนตัวเล็กกำลังนอนทับคนตัวโตอยู่โดยที่ยังไม่ขยับลุกไปไหนราวกับถูกสตัฟฟ์ไว้ ในขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ก็ยังคงประกบติดกัน มีเพียงเสียงของหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหัวโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันเป็นเสียงของเธอหรือของเขากันแน่ "ภิณ ภิณเป็นยังไงบ้าง" เสียงของจูนทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดของภิณกลับมา "ภิณไม่เป็นอะไร" ภิณรีบผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากอุ่นๆ ของคนใต้ร่างก่อนจะพยายามใช้มือยันพื้นเพื่อพยุงตัวขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยมีจูนเข้ามาช่วยพยุงนั่ง มือเล็กจับข้อเท้าตัวเองอย่างรู้สึกปวดๆ "เจอทีไรซวยทุกที ...ไม่มีตาหรือไงถึงเดินไม่ระวัง รถจะชนตายอยู่แล้ว แล้วนี่ทำไมไม่ลุกอีกจะรอให้รถมาชนอีกรอบหรือไง เป็นอะไรหรือเปล่า?" รัณย์ลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นผงที่ติดตามเสื้อผ้าพร้อมทั้งต่อว่าคนตัวเล็กที่ยังไม่เข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนจะย่อตัวลงจับบริเวณข้อเท้าที่พลิกของภิณ "โอ๊ย! ลุงจับเบาๆ สิ มือคนหรือมือ..." ภิณชะงักปากไว้เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะพลั้งปากเอ่ยว่าคนตัวโตที่กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เธอ "มืออะไร?" "เปล่า ลุงอ่ะจับแรง ภิณก็เลยเจ็บ" "สงสัยข้อเท้าแพลงแน่ๆ พอลุกไหวไหม?" "ก็ต้องไหวสิ ภิณไม่อยากโดนรถชนตายอยู่ตรงนี้" "ปากดีนักก็ช่วยตัวเองแล้วกัน" รัณย์ทำท่าจะลุกเดินหนีไป "เดี๋ยวสิลุง ลุงช่วยภิณหน่อยนะ" ภิณจับมือใหญ่ไว้ ส่งสายตาอันไร้เดียงสาที่แฝงความออดอ้อนไปให้คนตรงหน้า รัณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ช้อนตัวภิณขึ้นอุ้มแล้วเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ตรงไปยังร้านจิลเวลรี่ของเขาโดยมีจูนถือข้าวของของภิณวิ่งตามไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD