บทที่ 9 เขามากันแบบแพ็คคู่

4301 Words
เวลาคล้อยเข้าสู่ช่วงยามซวี (19.00 - 20.59) ภายในเรือนหลังเล็กยังคงไม่ดับไฟ ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วหวานใสดังลอดออกมาให้ได้ยิน จ้าวเสวี่ยซินนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เฝ้าดูเฉียนยี่ตักขนมเข้าปาก แก้มสากขยับเคี้ยวจนแก้มตุ้ยน่ารักน่าชัง มองได้ไม่มีเบื่อ “วันนี้ข้าเดินผ่านสระบัว เห็นเจ้าชอบปลาย่างของข้าครั้งก่อนมาก จะจับมาให้เจ้าอีกสักตัว แต่ถูกหนิงผิงห้ามไว้เสียก่อน” คนพูดหน้าบึ้งตึง “ท่านไม่ควรจับปลาในจวนผู้อื่นนะขอรับ..” เฉียนยี่ตักขนมในน้ำสีขาวข้นคำสุดท้ายเข้าปาก นางบอกว่านี่คือขนมเม็ดบัวเชื่อม ได้ยินว่านางทำเองกับมือ คราแรกเขาชั่งใจอยู่นานแต่เมื่อลองทานแล้วกลับอร่อยจนเขาต้องตักอีกคำเข้าปาก เป็นเวลากว่าห้าวันแล้วที่นางคอยดูแลเขาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งมืดค่ำ อาหารและยาเตรียมไว้ครบทุกสามเวลาไม่เคยขาด เฉียนยี่ลอบอมยิ้มเล็กน้อย มองใบหน้างามของนางที่กำลังบึ้งตึง “..ก็เจ้าชอบนี่” “ขะ.. ข้า ข้ากินอะไรก็ได้ที่ท่านพี่ทำมาให้ขอรับ ไม่จำเป็นต้องเป็นปลาหรอก” คนกล่าวกล่าวเสียงอ่อนเขินอาย แก้มสากขึ้นสีจางๆ ให้เห็นตรงขอบแก้ม พักหลังนางไม่ดุด่าเขาหรือทำท่ารังเกียจอีกเลย นางมักกลับมาพร้อมกับขนมติดมือ และอยู่เป็นเพื่อนคุยจนกระทั่งเขาหลับ ถึงจะไล่ให้กลับไปแล้วก็ยังมาทุกวัน จนเขาเริ่มปลดความระแวงในตัวนางลง นางในตอนนี้ใจดีขึ้นมาก กระทั่งเขามีความคิดที่ว่าไม่อยากให้นางกลับกลายเป็นคนเก่าเลย อยากให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ .. ทางด้านจ้าวเสวี่ยซินนั้นหูผึ่ง ต่อให้พูดเบาเพียงใด หากมันมาจากลูกรักของนางแล้วนางได้ยินถนัดนักล่ะ! เมื่อสักครู่เฉียนยี่กล่าววาจาน่ารักใช่หรือไม่ อยากได้ยินอีก! “ฉะ..เฉียนยี่ พูดอีกทีสิ๊!!” “..พูดอะไรขอรับ” คนตัวโตกว่าบ่ายเบี่ยง รู้ว่านางหมายความว่าเช่นไร “เจ้าชอบกินอาหารฝีมือข้าหรือไม่” “....” “หืม?” จ้าวเสวี่ยซินยิ้มกว้าง สีหน้านางแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า พูดอีกครั้งสิ ข้าอยากฟังเจ้าใจจะขาด กดดันเขาจำต้องพูดออกมาแม้จะกระดากปากเล็กน้อยก็ตาม “ท่านทำสิ่งใดมาข้าก็กินได้หมด…นั่นแหละขอรับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น เบือนหน้าหนีขณะพูด จ้าวเสวี่ยซินยิ่งยิ้มกว้าง เหมือนได้ยืดลมหายใจให้เผชิญหน้ากับความฉิบหายในอนาคตข้างหน้าเล็กน้อย “เจ้าเด็กน้อย! ไม่ต้องห่วงพี่สาวเจ้าจะไปหามาให้เจ้ากินจนอิ่มเอง ชายหนุ่มวัยกำลังโตต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ให้มาก” สีหน้าและท่าทางของนางจริงจังเป็นอย่างมาก เรียกเสียงหัวเราะในลำคอของเฉียนยี่ หญิงสาวที่เห็นน้องชายขำออกมาได้พลันยิ้มกว้างจนตาหยี่ เฉียนยี่ทำให้นางนึกถึงน้องชายที่บ้านเด็กกำพร้าในโลกก่อน เจ้าตัวว่านอนสอนง่าย และน่ารักน่าหยิกเหมือนเฉียนยี่ไม่มีผิด “เอาล่ะมืดมากแล้วข้าต้องกลับก่อน ดื่มยาก่อนนอนด้วย พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่” “...ขอรับท่านพี่ ว่าแต่..แม่นางหลานอี้หนาน นางเป็นเช่นไรบ้าง” จ้าวเสวี่ยซินกลอกตามองบน นาน ๆ ครั้งเขาจะพูดถึงแม่นางเอกนั่นสักที แต่พอเปิดปากพูดทีก็หน้าเศร้าหงอยหนึ่งที! “นางก็คงอยู่กับท่านแม่ทัพกระมัง” จ้าวเสวี่ยซินตอบขณะลอบมองหน้าเฉียนยี่ว่ามีสีหน้าเช่นไร และพบว่าน้องชายนางหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด นางจึงรีบแก้ต่างอย่างรวดเร็ว "ท่านแม่ทัพเป็นผู้มีพระคุณ นางคงกำลังหาทางทดแทนบุญคุณอยู่.." "...ขอรับ แต่นางไม่มาเยี่ยมข้าเลย" คนได้ฟังยิ่งรู้สึกเศร้าสลด ใบหน้าหวานของเจ้าตัวหง่ำหงอลงคล้ายลูกหมากำลังหงอย หางลู่ลงห่อเหี่ยวจนนางสงสารจับใจ ภายในใจจ้าวเสวี่ยซินถึงกับกัดผ้าน้ำตาคลอ "เฉียนยี่ หากเจ้าต้องการนาง ข้าจะไปหยิบนางมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้" "หึ ท่านพี่กล่าวราวกับว่านางเป็นดอกไม้ตามทางไปได้" เขาขบคันกับคำพูดของนางยิ่ง เฉียนยี่มีสีหน้าที่ดีขึ้นขณะกล่าวคำติดเล่นให้นาง จ้าวเสวี่ยซินอมยิ้มตามปลื้มใจอย่างเสียไม่ได้ เฉียนยี่อารมณ์ดีเพราะนาง ต้องจดเอาไว้เสียแล้ว "เจ้าอย่าเศร้าใจเลย นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจ ยังคงต้องการพักฟื้น เมื่อนางหายดีแล้วจะต้องมาพบเจ้าภายหลังเป็นแน่" ถ้าไม่มานางเนี่ยแหละจะไปลากมาเองไม่ต้องห่วงเฉียนยี่ลูกรัก! "...ข้า" ตัวเฉียนยี่เองรู้อยู่แล้วว่านางไม่ว่างเพราะเหตุใด ฟังจากปากของเหล่าสาวใช้ ได้ความว่าท่านแม่ทัพและคุณหนูหลานอี้หนานรับน้ำชาด้วยกัน และยังไปเดินตลาดอีกด้วย ยิ่งได้ฟังคำปลอบใจจากนาง เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลานัก "หืม.." คิ้วเรียวดั่งต้นหลิวเลิกขึ้น ศีรษะเล็กเอียงคอมองน้องชายสุดที่รัก รอฟังว่าเขาต้องการพูดสิ่งใด จ้าวเฉียนยี่กลัวมาตลอดว่านางจะโกรธหากเขาพูดสิ่งใดไม่เข้าหู แต่ในยามนี้เขามั่นใจแล้วว่านางจะไม่โกรธเขาอีกเป็นแน่ "ข้า..แค่มีท่านพี่มาเยี่ยมก็พอแล้วขอรับ" "!" เปรี้ยง! ดั่งมีฟ้าผ่าลงกลางใจ มือเล็กเผลอนำมือทาบอก ร่างแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหิน คำพูดของเฉียนยี่ดังก้องในหัวของนางราวกับเสียงสะท้อน "..ท่านพี่" สองคำก็ท่านพี่สามคำก็ท่านพี่ ทำไมเฉียนยี่ของนางน่ารักถึงเพียงนี้ นังเสวี่ยซินเจ้ามันตาบอดที่มองไม่เห็นความฟรุ้งฟริ้ง ไม่น่าให้อภัยเด็ดขาด!! แม่บัวขาวอีกคน ขออนุญาตนำมือกระแทกหน้าได้ไหมเจ้าคะ ข้อหามาอ่อนให้อยากแล้วจากไป! ทำให้น้องชายสุดที่รักของนางต้องช้ำใจ! "เฉียนเฉียนของข้าเป็นเด็กน่ารักถึงเพียงนี้ อยากได้เม็ดบัวต้มอีกหรือไม่" "ข้าไม่ใช่เด็กเสียหน่อย ตัวสูงกว่าท่าน กำยำกว่าท่าน" คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด นางยังมองเขาเป็นเด็กอยู่หรือไร นางอายุมากกว่าเขาเพียงสามปี แต่เทียบแล้วตัวของนางดูราวกับเด็กวัยสิบห้าสิบหกก็ไม่ปาน "เข้าใจแล้วๆ เฉียนยี่ของข้าโตแล้ว" ตามหลักนิยายแล้วนางรู้สึกหมั่นไส้ตัวละครนางเอกไม่น้อย เป็นสตรีที่สามารถสอดตัวเองเข้าสู่ปัญหาได้ทุกรูปแบบ กลายเป็นให้เฉียนยี่และพ่อพระเอกต้องขี่ม้าขาวมาปกป้อง อีกทั้งเจ้าตัวมีชะตาดอกท้อ ขยับจับสิ่งใดล้วนเป็นใจแก่นาง หรือเพียงเอ่ยปากสนทนา คุณชายรูปงามทั้งหลายต่างพร้อมใจกันต้องตาต้องใจ รุมหมายปองราวกับแมลงวี่แมลงวัน คอยเอาอกเอาใจ เฝ้าตามปกป้องไม่ห่าง หากไม่โดนนางร้ายตามระราน นำความซวยทั้งหมดทั้งปวงประเคนใส่หน้าแม่นางเอกแล้ว ก็เป็นนางเองที่สอดตัวเข้าไปสู่ความวุ่นวาย ทว่าส่วนใหญ่มันก็เกิดขึ้นเพราะนางร้ายอย่างจ้าวเสวี่ยซินเอง พูดถึงตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าตัวนางที่ทะลุมิติเข้ามาไม่ใคร่สนใจในการทำเรื่องซวยๆ ให้แม่นางเอก พวกเขาทั้งคู่จะรักกันอีท่าไหน นางคงต้องรอดูต่อไป แต่อย่างน้อยการที่นางไม่หลวมตัวไปเป็นคนบ้าให้แม่นางเอกได้ฉายแสง พาลให้เฉียนยี่เกลียดนางกว่าเก่า “..นางไม่ได้กล่าวโทษอะไรท่านใช่หรือไม่” “นางไม่ได้พูดสิ่งใดกับข้า” “แล้วท่านขอโทษนางบ้างหรือยังขอรับ” เฉียนยี่กดเสียงต่ำ อย่างน้อยนางก็ควรไปขอโทษสักครั้ง “ขะ ขอโทษอะไรกันล่ะ..” “ท่านพี่กระชากต่างหูนางจนนางได้รับบาดเจ็บ เลือดตกยางออกก็เพราะท่านนี่ขอรับ” “...แต่ข้าไม่ได้ทำนี่” นางกล่าวเสียงอ่อน อมลมจนแก้มป่องอย่างไม่ต้องการจะยินยอม เฉมองไปทางอื่นหลบสายตากดดันของเฉียนยี่ หน้าบึ้งตึงนึกหมั่นไส้อยู่ในที แม่บัวขาวไม่โผล่หน้ามาเลยสักวัน เฉียนยี่ของนางต้องเศร้าสร้อยเพราะนางแต่ก็ยังไม่วายเป็นคนดีใส่ใจตัวแม่นางเอกนั่นมากอีกด้วย ฮึ่ม!! “ท่านพี่ไม่คิดจะขอโทษนางหรือขอรับ ข้าเข้าใจอยู่ว่าท่านเคืองที่ท่านแม่ทัพส่งของบรรณาการมาให้นา..” “ก็ได้ๆ พอแล้วอย่าพูดถึงท่านแม่ทัพอีกเลย ข้าจะไปขอโทษนาง อันที่จริงข้าก็ตั้งใจจะไปขอโทษอยู่แล้วแหละน่า!” การที่นางยอมแม้จะแสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดเรียกรอยยิ้มกว้างจากเขา “เก่งมากขอรับ” จ้าวเสวี่ยซินฟังจบประโยคก็ถึงกับหน้าขึ้นสี น้องชายนางคิดว่านางเป็นเด็กหรืออย่างไร แต่คำขอโทษนางสามารถพูดได้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะยากตรงไหน! "แล้วท่านพี่.. ไม่โกรธเคืองที่คุณหนูหลานใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพเฉินหรอกหรือ" "..ไม่โกรธ คนจะรักจะชอบหรือจะเกลียดกันข้าห้ามไม่ได้ หากท่านแม่ทัพเฉินปันใจให้นางจริง ข้าก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยว" คนถูกถามตอบทันควันอย่างไม่ต้องคิด "จริงหรือขอรับ" ภายในใจส่วนหนึ่งเขากลับรู้สึกยินดีที่นางตั้งสติได้เสียที “ข้าไม่โกหกเจ้า ส่วนเจ้าก็พักผ่อนเสีย ห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่นด้วย” เมื่อรออยู่จนเฉียนยี่ดื่มยาจนหมดนางจึงเดินออกมาจากเรือน หนิงผิงที่รออยู่หน้าห้องก็ได้เดินตามเข้ามา “กลับกันเถอะหนิงผิง วันนี้เจ้าก็รอข้าดึกอีกแล้ว” “เป็นหน้าที่ของข้าเจ้าค่ะ หนิงผิงรู้สึกยินดีที่ได้ทำ” จ้างเสวี่ยซินพยักหน้า กับหนิงผิงนางเหมือนได้น้องสาวมากกว่าสาวใช้ ขนมและอาหารบางส่วนที่นางทำก็แบ่งปันให้หนิงผิงจนหมด ส่วนชิงเหยานั้นหายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง และอีกคนหนึ่งที่นางพยายามไม่พบ ไม่อยากจะนึกถึงขึ้นมาในหัว ช่วงนี้นางพยายามหลบหน้าพ่อพระเอกอยู่ แต่ยิ่งหนีเหมือนยิ่งเจอ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างทางเดิน ระหว่างทางไปห้องครัว ทำเอานางแผลไม่หายดีสักทีเพราะต้องสับเท้าหนีเฉินเฟยหยางเป็นว่าเล่น แผนเร่งเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคู่พระนางเป็นอันต้องยกเลิก ภาพที่นางซุกลงไปกับกล่องกลางใจบุรุษมาดขรึมเช่นเขายังคงติดตา ติดอยู่ในความทรงจำของนางทุกเช้าและก่อนนอน! นางเครียดหนัก อยากกระดกเหล้าสักสองสามทีแต่ติดที่นี่มันไม่มีผับหน่ะสิ!! “จริงสิ ที่โรงน้ำชาน่าจะมีสุราหมักขายอยู่ใช่หรือไม่หนิงผิง” “จะ..เจ้าค่ะ แต่หากว่าคุณหนูอยากร่ำสุรา ไยไม่ขอท่านแม่ทัพเล่าเจ้าคะ ที่จวนพอมีสุราหมักอยู่มาก” นางส่ายหน้าพรืด จะขอคนที่ต้องการหลบหน้าทำไมกันเล่า! “ไม่ๆ ข้าไม่รบกวนท่านแม่ทัพจะดีกว่า” เพราะนางยังมีความผิดติดตัวอยู่มากน่ะสิ ฮือ! ปลายเท้าเดินผ่านสวนด้านหน้าจวนท่านแม่ทัพ ถึงจุดนี้นางยิ่งเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น จากประสบการณ์ครั้งก่อนพ่อพระเอกคงจะกลับจากค่ายหน้าด่านในช่วงเวลานี้พอดี สภาพตอนเช้ามืดในวันนั้นยังคงเป็นตราบาปในใจ นางยังคงทำใจมองหน้าเขาไม่ติด!! “เฮ้อ! ขออย่าให้เจอกันเลย” “ท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ ว้าย!” หนิงผิงตามมาด้านหลังชะงักตามสตรีด้านหน้าแทบหน้าคะมำไปกับพื้น จ้าวเสวี่ยซินหยุดเท้าที่กำลังเดินอย่างรวดเร็วจนกลายจะเป็นบินของตัวเองดังเอี๊ยด!! ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองยังทางตรงหน้าแทบถลน เหมือนคล้ายจะหนีเสือปะจระเข้ หน้าพ่อพระเอกนางไม่ใคร่จะอยากพบ แม่นางเอกยิ่งไม่อยากพบให้เกิดความเข้าใจผิด ทว่าเส้นผมสีดำๆผลุบโผล่ๆมาให้เห็นอยู่ไม่ไกลนั้นช่างคุ้นตา ถูกเผง! จ้าวเสวี่ยซินจำได้ตั้งแต่เห็นปลายเส้นผมแล้วว่านั่นคือเฉินเฟยหยางแน่นอน! ถัดไปข้างกันแน่นอนล่ะว่าต้องเป็นแม่นางเอกหลานอี้หนาน ไม่ได้พบเพียงแค่หนึ่งแต่กลับกำลังเดินเข้ามาแบบแพ็คคู่กันเลยทีเดียวเชียว.. โอ้ย กรรมอันใดของอีซินผู้นี้กัน!! หากเป็นไปตามเนื้อเรื่องเดิมมันต้องมีฉากหนึ่งที่แม่นางร้ายยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าที่ท่านแม่ทัพซื้อให้ เป็นเหตุให้นางพลัดตกน้ำไปอย่างน่าสงสาร ส่วนนางร้ายก็ถูกพ่อพระเอกทิ้งไว้กลางทางอย่างไม่ไยดี อีกทั้งยังรังเกียจนางขึ้นอีกเป็นกอง ถึงจะคล้ายกับฉากในตอนนี้ แต่อย่าหวังว่านางจะกลายเป็นตัวตลกตามเนื้อเรื่องเลย นางไม่คิดจะแย่งเสื้อผ้าใครหรอกมันปัญญาอ่อน! ทั้งสองเดินผ่านเข้ามายังสวนภายในจวน หลานอี้หนานระบายยิ้มอ่อนตลอดทาง ท่านแม่ทัพยอมสละเวลาพานางไปเที่ยวชมตลาดในเมือง พร้อมด้วยซื้อผ้ากลับมาถึงสองสามผืนโดยเป็นนางที่ขอให้เขาเลือกให้ ซึ่งแม่ทัพเฉินช่างตาถึงเลือกได้ถูกใจนางทุกผืนอีกด้วย “ข้ารบกวนท่านแม่ทัพอีกแล้ว ชุดเมืองตงฟางต่างจากเมืองหลวงเล็กน้อย ทว่าลายปักสวยงามไร้ที่ติ ขอบคุณท่านแม่ทัพมีน้ำใจช่วยเลือก” “ชมข้าเกินไป ชายชาตินักรบเช่นข้าหาได้มีความรู้เรื่องสตรีมากนัก” “ไม่จริงเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพตาถึงเลือกได้ดี” "ท่านราชครูหลานกล่าวถึงความชอบบุตรสาวไว้มาก ข้าเพียงนึกขึ้นมาได้เท่านั้น” หาไม่ใช่เพราะนางเป็นบุตรสาวราชครูแล้ว ตัวเขาคงไม่คิดข่องเกี่ยวกับนางอีกเป็นอันขาด การเดินตลาดในที่คนพลุกพล่านเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะทำมากที่สุด ทางด้านหลานอี้หนานนั้นชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย ตั้งแต่มาถึงที่ตงฟาง ไม่มีครั้งใดเลยที่ท่านแม่ทัพจะไม่กล่าวถึงพ่อของนาง เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะท่านพ่อของนางเขาถึงทำดีกับนางเช่นนี้ "..ท่านแม่ทัพ หนานเอ๋อร์มีสิ่งสงสัย เรื่องของบรรณาการนั่น.. เป็นเพราะท่านพ่อด้วยหรือไม่เจ้าคะ" "แม่นางหลานควรกล่าวถามท่านราชครูด้วยตนเอง" "..." หลานอี้หนานไม่ใช่คนโง่ถึงเพียงนั้น ฟังได้ความเช่นนี้ จึงรู้ได้ทันทีว่าของบรรณาการที่ผ่านมาที่ท่านพ่อหยิบยื่นให้กับนางในทุกปี มีส่วนจากท่านพ่อนั่นเอง.. เฉินเฟยหยางยังคงนิ่งเงียบไม่กล่าวสิ่งใดต่อ ปล่อยให้นางใช้ความคิดตริตรอง หาใช่เรื่องของเขาไม่ เขาเพียงยินดีทำตามผู้มีพระคุณเท่านั้น ท่านราชครูจะคิดสิ่งใดอยู่เขาไม่อาจถามหาความจนกว่าราชครูหลานจะกล่าวด้วยตนเอง ระหว่างนั้นหางตาของเฉินเฟยหยางจับถึงสตรีผู้หนึ่งได้ตั้งแต่เดินเข้ามา เห็นสตรีผู้นั้นที่หนีหน้าเขามาตลอดห้าวัน นางหยุดชะงักฝีเท้ามองมาทางพวกเขาตาเขม็ง ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ในที่สุดก็พบตัวเสียที ความรู้สึกเจ็บจนจุกแต่กลับต้องกล้ำกลืนลงคอด้วยความขมขื่นยามนั้นยังตรึงใจเขาไม่หาย! “!” คนรู้สึกถึงลางร้ายลางความซวยได้ย่ำแย่เช่นนางยังสามารถจับความหนาวเหน็บจากสายตาคู่คมนั้นได้ จ้าวเสวี่ยซินหล่นถอยหลังไปตั้งหลักถึงสองก้าว เกือบยกมือขึ้นตั้งการ์ดกันท่าหากเขาคิดจะวิ่งเข้ามาหานาง ทว่าพ่อพระเอกกลับไม่ตรงเข้ามาอย่างที่คิด เพียงกระตุกยิ้มมุมปากแล้วค่อยๆเดินเข้ามาไม่รีบร้อน บรื๋อ หนาวไปถึงกระดูก! จ้าวเสวี่ยซินคิด คนทั้งคู่เดินเคียงข้างกันจนกระทั่งถึงกลางสวน โดยมีสระน้ำกั้นอีกทอดหนึ่ง จำต้องข้ามสะพานเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ซึ่งฝั่งทางกลับเรือนของนางจำเป็นต้องข้ามสะพานนี้เสียด้วยสิ เอาก็เอาวะ! จ้าวเสวี่ยซินทำใจแน่วแน่ ในวันนี้นางจะต้องขอโทษตามที่เฉียนยี่ขอร้องไว้ให้ได้ ไหนๆ ก็ได้เจอโดยบังเอิญแล้ว หากจะให้นางถ่อไปพบแม่นางเอกอีกรอบมีหวังได้พบเฉินเฟยหยางที่นั่นอีกเป็นแน่ จ้าวเสวี่ยซินขยับเดินจากปลายสะพานขึ้นไป เช่นเดียวกับคนทั้งสองที่เดินมาถึงใจกลางสะพานแล้วเช่นกัน ไม่รอช้ากล่าวทักทายเปิดก่อน เปิดก่อนได้เปรียบ! “คารวะแม่ทัพเฉิน คุณหนูหลานอี้หนาน บังเอิญพบกันที่นี่เสียได้นะเจ้าคะ” ดวงตากลมโตดุจแก้วใสสั่นไหวยามเห็นสตรีสวมชุดสีขาวเรียบง่ายเดินสวนขึ้นมาบนสะพาน ใบหน้างดงามล่มเมืองเป็นที่อิจฉามักจะแต่งเครื่องหน้าฉูดฉาด บัดนี้ไร้ซึ่งการแต่งแต้ม เผยผิวเนียนระเอียดราวกับน้ำนม คิ้วเรียงตัวสวยดั่งคันศร ดวงตากลมเฉี่ยวที่หางตาภาพใต้ขนตาแพงามนั้นงดงามราวกับบรรจงปั้น สตรีด้วยกันเองยังเผลอจ้องมองแล้วจ้องมองอีก ดวงตาเมล็ดซิ่งเลือกมองเพียงหน้าขาวๆ ของแม่นางเอก บังคับสายตาให้จดจ่ออยู่เพียงหลานอี้หนานเท่านั้น ทว่าดวงตามันกลับไม่รักดี ทะเล่อทะล่าลอบมองบุรุษข้างกายนาง และเห็นว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน! อ้าก!! อย่ามอง!! “คารวะคุณหนูเสวี่ยซิน” เฉินเฟยหยางไม่ได้เอ่ยทักทายนางตอบ มองหน้านางแทนจนแทบจะทะลุอยู่รอมร่อ จ้าวเสวี่ยซินเลี่ยงไม่สนใจ ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ได้เข้าไปทักทายเจ้าเลย วันนี้ได้เจอ เป็นโอกาสที่ดีนัก” “อะ..โอกาสใดหรือเจ้าคะ” หลานอี้หนานกำมือเล็กเข้าหาตัวเอง รู้สึกหวาดหวั่นกับคำพูดของนาง ภายใต้บทสนทนาฉันมิตรเช่นนี้มีมีดคมซ่อนอยู่หรือไม่ ใบหน้าหวานติดน่าสงสารผินหน้ากลับไปหาบุรุษข้างกาย คาดหวังว่าเขาจะสังเกตเห็นและปลอบโยนนาง ความคาดหวังของนางถูกทำลายไม่มีชิ้นดี บุรุษข้างกายไม่ยอมละสายตาจากสตรีตรงหน้าแม้เสี้ยววินาที นับตั้งแต่ที่นางได้เดินเข้ามา ทางด้านจ้าวเสวี่ยซินฝืนระบายยิ้ม หางตากระตุกถี่ยิบ รู้สึกจักจี้บนใบหน้าเพราะถูกพ่อพระเอกจ้องมองไม่หยุด หันหน้าไปทางอื่นบ้างก็ได้ แบบนี้นางกดดัน! “ข้าไม่อยากรบกวนเวลาของท่านมาก แผลที่หูของท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่” “..ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” นางแปลกใจที่จ้าวเสวี่ยซินยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด หลานอี้หนานเดินขึ้นมาข้างหน้าเพื่อพูดคุย ส่วนเฉินเฟยหยางนั้นถอยหลังอย่างเป็นมารยาท ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองสนทนากัน “ข้าขอโทษด้วย.. มันคงดูไม่ดีเสียเท่าไหร่ที่ข้ามาขอโทษเอาป่านนี้ อีกทั้งมันก็คงไม่น่าให้อภัยนัก แล้วก็ไม่ได้เชิญเจ้าให้เป็นกิจลักษณ์เพื่อกล่าวสำนึกผิด แต่เจ้าอย่าได้เข้าใจข้าผิด ข้าไม่ได้คิดจะกล่าวขอโทษโดยไร้ซึ่งความจริงใจหรอก ข้าขอโทษจากใจจริงหากเจ้าอยากให้ข้าทำเช่นใดเพื่อไถ่โทษก็กล่าวมาได้เลย” จ้าวเสวี่ยซินปั้นหน้าเศร้าบีบน้ำตา หากเป็นไปตามภาพลักษณ์ของนางเอกผู้มีจิตใจดีแล้ว นางก็คงจะตอบว่า.. “..มะ ไม่เป็นอะไรเลยเจ้า คนเราย่อมมีผิดพลาด แม้จะบ่อยครั้ง ทว่าไม่ได้หนักหนาอะไร” เยี่ยม ถึงจะสะดุดกับคำว่าบ่อยครั้ง แต่มันก็คือความจริง.. จ้าวเสวี่ยซินสูดลมหายใจเข้าออก บรรจงปั้นรอยยิ้มปลื้มใจ “ถึงแม่นางเสวี่ยซินจะไม่เห็นข้าเป็นมนุษย์คนหนึ่งก็ตาม ตัวของข้าก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ไม่ถือโทษโกรธท่าน” ถึงตรงนี้ใบหน้าที่กำลังยิ้มอยู่เกือบจะกดริมฝีปากลงเป็นบึ้งตึง อ่ะ..แต่พอเข้าใจได้ว่าคงไม่พอใจส่วนหนึ่ง “ตัวของข้าไม่มีมารดาคอยอบรมเช่นท่าน จึงไม่รู้ว่าสังคมลำดับขั้นเป็นเช่นไร ข้าอาจวางตัวไม่เหมาะสมขัดสายตาท่าน หนานเอ๋อร์ต้องขออภัยคุณหนูเสวี่ยซินแล้ว” ..ตอนนี้นางกำหมัดทั้งสองข้างแล้ว เหลือเพียงแต่ยัดกำปั้นใส่หน้าแม่นางเอกนี่เท่านั้น ในเมืองหลวงจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงความเป็นไปภายในจวนอัครเสนาบดีย่อมไม่แปลก แต่บุตรสาวราชครูหลาน หรือสหายของท่านพ่อนางย่อมต้องรู้เรื่องภายใน เพราะนางมักติดตามบิดามายังจวนเป็นบางครั้ง อีกทั้งมารับน้ำชากับเฉียนยี่อยู่เสมอจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร! การที่นางร้ายไม่ถูกเรียกเข้าไปเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขาต้องรับอยู่ที่เรือน หรือไม่มีกระทั่งห้องหนังสือส่วนตัวอย่างที่บุตรสาวตระกูลอื่นมี หรือกระทั่งบนโต๊ะอาหาร ท่านแม่ไม่เคยคีบอาหารใส่จานของนางเยี่ยงเฉียนยี่เสียด้วยซ้ำ เรื่องเหล่านี้ตัวของแม่นางเอกรู้ดีกว่าชาวบ้านด้านนอกเสียอีก แบบนี้เหมือนซ้ำเติมกันทางอ้อมเลยไม่ใช่หรือ มันน่าตบมากนะย้ะหล่อน! “..ข้าเสียใจเรื่องท่านแม่ของเจ้าด้วย และหากเจ้าต้องการคำแนะนำสักอย่างหนึ่งจากข้า ข้าจะบอกเจ้าด้วยความจริงใจ มีอย่างหนึ่งที่ท่านแม่สอนข้าเอาไว้ บางครั้งคนเราไม่จำเป็นต้องเสนอตัวให้มากเกินพอดี คุณหนูหลานอี้หนานต้องอ่านบรรยากาศให้เป็นนะเจ้าคะ” “...” “นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องไปฝึกต่อ ข้าเชื่อว่าคนฉลาดเช่นคุณหนูหลานอี้หนานย่อมทำได้ดี” จ้าวเสวี่ยซินกล่าวจบประโยคและฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี่ ใบหน้าโฉมสะคราญชาไปแล้วกว่าครึ่ง แม่นางเอกหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ปากสั่นกระพือข่มความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด จ้าวเสวี่ยซินที่เห็นก็ลอบยิ้มเยาะเย้ย กระทั่งจับได้ถึงสายตาคมสายหนึ่งด้านหลังไกลจากแม่นางเอกที่นางลืมว่าเขามีตัวตนไปชั่วขณะ สายตาของเฉินเฟยหยางวาวโรจน์ราวกับสนุกกับบทสนทนาของบุปผางามทั้งสองตรงหน้า จ้าวเสวี่ยซินหุบยิ้มลงในทันที นางเห็นเขาลอบยิ้มมุมปากด้วย สนุกอะไร! จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เห็นว่าทางนี้คงหมดเรื่องให้พูดต่อแล้ว ดูจากที่แม่นางเอกนิ่งเงียบเหมือนจุกอก และนางคิดว่าคงไม่อาจญาติดีกับแม่นางเอกสองหน้านี้ได้อีก นางจึงเอ่ยลาทั้งคู่ “เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ท่านทั้งสองคงต้องการพักผ่อน เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ” “พบหน้าข้าเพียงเท่านี้ ก็จะหนีหน้าไปอีกแล้วงั้นหรือ” เท้าที่กำลังจะก้าวชะงัก หันไปมองคนที่รั้งนางไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้างดงามเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ความอับอายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีตามหลอกหลอนนางไม่จบไม่สิ้น “ข้าเพลียแล้วขอตัวเจ้าค่ะ” นางรีบเดินออกไป ทว่าจังหวะช่างเหมาะเจาะราวกับจับวาง นางที่เคลื่อนตัวผ่านแม่นางเอกไปได้เพียงเล็กน้อย สตรีสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ดุจเทพธิดากลับเซถลาเคลื่อนตัวราวกับโดนผลักไปยังริมสะพานข้ามสระบัว และราวกั้นของตัวสะพานก็ดันเตี้ยเสียด้วย .. “กรี๊ด!!” “เฮ้ย!!” จ้าวเสวี่ยซินตกใจ เอื้อมไปจะคว้า ทว่าไม่รู้ด้วยทิศทางที่แม่นางเอกล้มหรือจงใจเบี่ยงตัวหลบ ทำให้นางคว้าแขนของหลานอี้หนานเอาไว้ไม่ทัน สิ่งที่คว้าได้มีเพียงชายกระโปรงที่ขาดติดมือมาเท่านั้น จ้าวเสวี่ยซินไม่ได้คิดถึงร่างกายอ่อนปวกเปียกตัวเองและแผลที่เจ็บยังไม่หายที่ข้อมือ ทำให้ร่างที่ร่วงลงไปนั้นลากตัวของนางลงไปด้วยเช่นกันแม้จะพยายามใช้เท้ายึดพื้นเอาไว้ มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับเสียงผ้าขาดจากชายกระโปรงแม่นางเอกดังลั่นตามมาติดๆ แคว้ก! เสียงขาดดังลากยาวจะกระทั่งเสียงตกน้ำดังขึ้นถึงสองครา ตู้ม!! แม่นางเอกร่วงลงไปและตามมาด้วยตัวของนางเป็นตู้มที่สอง ฉิบหายล่ะไง!! ที่นางตกใจไม่ใช่เรื่องที่ตกน้ำ..แต่เป็นเศษผ้าในมือของนางที่ยาวเป็นหางว่าวต่างหาก ..นี่ขาดจนหมดทั้งตัวแล้วหรือไม่.. “เสวี่ยซิน!!” “กรี๊ด! คุณหนูเจ้าคะ!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD