นางคิดผิดแล้วที่วางใจ .. เพราะร่างกายบัดซบนี่ทำอะไรไม่เป็นเลยต่างหาก!! ไม่เป็นกระทั่งว่ายน้ำ!!
อีซินขออนุญาตกรีดร้อง
สระบัวค่อนข้างลึก หากเป็นบุรุษตัวสูงระดับน้ำจะเลยหัวขึ้นไปราวๆ ที่หนึ่งวา หากเป็นสตรีร่างเล็กส่วนสูงเพียงระดับอกบุรุษน้ำจะเลยศีรษะขึ้นไปถึงหนึ่งวาครึ่ง
สตรีทั้งสองร่วงลงน้ำไปพร้อมกับ ร่างเริ่มจมดิ่งลงก้นสระบัวในเวลาอันรวดเร็ว จ้าวเสวี่ยซินก่นด่าความซวยของตัวเองอีกรอบ นางเป็นคนว่ายน้ำเป็น ทว่าร่างกายนี้อ่อนแอก่อนไป และไม่ชินกับน้ำลึกส่งผลให้ร่างกายเผลออ้าปากรับน้ำเข้ามาเสียเต็มปอด สองแขนที่พยายามว่ายขึ้นด้านบนก็กวัดแกว่งไปมาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
พลันสายตาเลื่อนไปเห็นร่างที่กำลังลอยอยู่ข้างๆ เป็นแม่บัวขาวที่หลับตาสนิทหมดสติไปก่อนหน้านี้แล้ว
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน นางได้ยินเสียงคนด้านบนโดดตามลงมาแล้ว ทว่าน้ำใต้บ่อโคลนนี้ถูกแรงน้ำดันย้อนดินโคลนขึ้นมาจนขุ่น คงยากต่อการหาคนให้เจอภายในเวลาอันสั้น
‘นางควรได้ทะลุมิติไปเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นางร้าย ถ้าหากนางจะจิตใจดีปานนางฟ้านางสวรรค์เพียงนี้!’
สิ่งที่นางทำโดยไม่ต้องคิดนั่นคือการขยับกายเข้าไปใกล้ร่างอรชรไร้สติ สองมือพยายามส่งร่างนั้นให้ขึ้นเหนือน้ำ แต่ตัวของนางนี้ดันไม่มีเรี่ยวแรงอย่างใจนึก
นางจำต้องยกมือขอโทษในใจหนึ่งที ก่อนจะเลือกใช้แรงเท้าทีบส่งร่างหลานอี้หนานขึ้นไปอย่างแรง
นางแอบได้ยินเสียงหลานอี้หนานส่งเสียง ‘อั้ก!’ ในลำคอ เอาเถิด ถือว่านางช่วยแล้วกัน!
ทีนี้ก็กลับมาฉิบหายกับตัวเองต่อ กระโปรงยาวอึดอัดทำให้นางเคลื่อนตัวได้ลำบาก อีกทั้งยังหนักจากผ้าที่เปียก ร่างของนางเริ่มจำดิ่งลงเรื่อยๆตากที่กำลังขึ้นสู่ผิวน้ำ จ้าวเสวี่ยซินพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีแหวกว่ายไปด้านหน้า ทว่าแรงดึงใต้น้ำกลับมากกว่า
นางเริ่มหืดขึ้นคอ ไม่สามารถกลั้นหายใจได้นานกว่านี้ จมูกและตาก็แสบไปหมด สติเริ่มจะเลือนรางลงทุกที กระทั่งนางรู้สึกถึงแรงฉุดที่ข้อมือ
ตัวของนางลอยเข้าไปหาเจ้าของร่างหนา เอวถูกรวบไว้แน่น ขณะที่ตัวเริ่มทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ
“เฮือก!! แค่ก..ก”
นางถูกดึงขึ้นมาบริเวณริมสระบัว รู้สึกถึงฝ่ามือหนากำลังตบลงที่หลังของนางไปมาเพื่อให้นางสำรอกเอาน้ำออก จ้าวเสวี่ยซินไอจนตัวโยน น้ำหูน้ำตาไหลอย่างไม่น่ามอง
จะตาย จะตาย!!
“ค่อยๆ หายใจ”
เสียงทุ้มข้างตัวกล่าวด้วยความเป็นห่วงอยู่ในที นางพยายามลืมตาเมื่อหายแสบลงบ้างแล้ว ปรับสายตาให้ชินกับภาพตรงหน้า
สิ่งแรกที่จ้าวเสวี่ยซินเห็นคือหลานอี้หนานที่กำลังสำลัก มืออีกข้างของนางจับไว้บริเวรกลางหลัง หลานอี้หนานรู้สึกได้ว่ามันปวดจนเหมือนร่างกายนางจะแหลกเสียให้ได้ เกิดสิ่งใดขึ้นในน้ำนั่นกัน..
แม่บัวงามย่นคิ้วสงสัย เพียงทว่ากลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าหมองในวินาทีถัดไป สวมบทดอกหลี่ต้องฝนร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร หวังให้ท่านแม่ทัพผู้มาช่วยนางกล่าวปลอบโยน ทว่าเสียงเหนือหัวนางกลับไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
“คุณหนูสวมเสื้อทับไว้ก่อนขอรับ”
ชุดคลุมเก่าถูกใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันและเปียกชื้นวางทับลงบนตักของนาง เงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาเฉยชาของชายหนุ่มผู้หนึ่ง หลานอี้หนานสะอึกในลำคอ สายตาเลื่อนหาคนที่นางหวังไว้ให้ช่วยนางดั่งบุรุษช่วยสาวงามในหนังสือที่เคยอ่าน
ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังขึ้นจากสระบัวโดยมีสตรีที่นางเกลียดที่สุดอยู่ในวงแขน จ้าวเสวี่ยซิน!
“นำเสื้อคลุมไว้ด้วยจะดีกว่าขอรับ”
คนด้านหลังเอ่ยบอกเสียงคล้ายเหนื่อยหน่าย หลานอี้หนานหน้าขึ้นสี เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดที่นางสวมอยู่ชายกระโปรงด้านหลังถูกฉีกขาดจนถึงสะโพก
“!!”
หลานอี้หนานทรุดตัวลงนั่ง ตื่นตระหนกรีบดึงเสื้อคลุมปิดส่วนที่ผ้าขาด ทางด้านชิงเหยาไม่ใคร่จะมองเขาเพียงยืนนิ่งๆ ทอดสายตาไปยังจ้าวเสวี่ยซินที่กำลังสำลักน้ำอยู่เช่นกัน
จ้าวเสวี่ยซินเริ่มกลับมาหายใจได้เป็นปกติ เคลื่อนสายตาผ่านความสลัวไปยังบุรุษข้างกายแม่บัวขาว มั่นใจเสียเต็มอกว่าต้องเป็นพ่อพระเอกที่ได้บทช่วยสาวงาม ทว่า..
“ชิงเหยา..!”
หาใช่คนที่นางคิดไม่ เบื้องหน้าปรากฏเป็นชายหนุ่มใบหน้านิ่งขรึม ดวงตายังคงเฉยชาแบบคงเส้นคงวา ไม่ผิดแน่นั่นชิงเหยาหาใช่เฉินเฟยหยางไม่!
ทำไมชิงเหยาไปอยู่กับแม่นางเอกล่ะ แล้วคนข้างๆนางตอนนี้ ..หรือว่าจะเป็น
“เรียกบุรุษอื่นต่อหน้าข้าทั้งที่ข้าเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าเช่นนี้ คิดดีแล้วหรือ”
“ทะ..ท่านแม่ทัพ ว้าย!”
สุรเสียงทุ้มนั้นคำรามในลำคอ เฉินเฟยหยางแสยะยิ้ม เปลี่ยนจากตรึงเอวของนางเป็นอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว จ้าวเสวี่ยซินตกใจรีบคว้าเอาคอหนอ แขนคล้องเกี่ยวไว้เป็นที่ยึด ดวงตากลมโตทอดมองชายหนุ่มที่กำลังยกยิ้มอยู่ด้วยความสับสน
ตอนนี้มันสลับบทกันแล้วรึไม่!
ใบหน้าคมคายโน้มเข้ามาหาคนตัวเล็กในอ้อมแขน เขาเพิ่งสังเกตว่าตัวของนางบอบบางมากเพียงใด กระแทกลงผิวน้ำแต่เล็กน้อยกลับทำเนื้อตัวของนางขึ้นสีแดงราวกับถูกฟาด
ตัวของเขาเปียกไม่ต่างไปจากนาง ฝ่ามืออุ่นด้านหลังสัมผัสลงแผ่นหลังของนางแผ่วเบา ความอุ่นผ่านผ้าที่แนบเนื้อให้ความรู้สึกวาบหวิว จ้าวเสวี่ยซินตัวแข็งทื่อ ขณะที่แขนแกร่งสอดใต้ร่างนางกระชับแน่นขึ้น
“เจ้าเล่นซนเกินไปแล้ว”
น้ำเสียงของเขาคล้ายดุคล้ายเป็นห่วงอยู่ในที สร้างความแปลกใจแก่นางเป็นอย่างมาก คนที่เขาควรเข้าไปดูเป็นแม่นางเอกมิใช่นาง
“!”
“หากจะทำให้แนบเนียน เจ้าต้องไม่ตกลงไปด้วย”
“ขะ..ข้าไม่ได้ผลักนางนะเจ้าคะ” นางแย้งขึ้นมาทันควัน ขณะขยับใบหน้าหนีความใกล้ชิดจนใจเต้นรัวตรงหน้า
นางแพ้คนหล่อ! เอ้ะ.. แต่ว่านางสะดุดประโยคหลังเสียมากกว่า พ่อพระเอกท่านต้องใจเย็นก่อน ถึงท่านจะกำลังเข้าใจผิดแต่ท่านจะเห็นดีเห็นงามกับนางร้ายไม่ได้!
“จริงหรือ” เขาถามไร้ซึ่งสีหน้าสงสัยใดๆ
“เฮ้อ! ถึงอย่างไรข้ามันก็ตัวร้าย กลายเป็นคนดีไปแล้วใครจะเชื่อกัน!”
แววตาของเฉินเฟยหยางอ่อนหยวบลงหลายส่วน คำพูดของนางดูถากถางและประชดประชันทว่าเขากลับจับความรู้สึกเศร้าแฝงเอาไว้ภายใต้ประโยคเหล่านั้น
“..เราทุกคนต่างเคยเป็นตัวร้ายในเรื่องราวของผู้อื่นเสมอ เป็นคนที่แย่ เป็นคนเห็นแก่ตัวในความคิดของผู้อื่นเสมอ เราไม่อาจห้ามพวกเขาได้หรอกเสี่ยวซิน สุดท้ายมีเพียงตัวเจ้าเท่านั้นที่รู้ตัวเองเป็นเช่นไร"
"..."
"หากเจ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้า เช่นนั้นแล้วยิ่งไม่มีสิ่งใดให้กังวล พูดออกมาเถิด ใช่ว่าจะไม่มีคนรับฟังเจ้าเลย”
ดวงตากลมโตเงยสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทคู่สวย เสียงนั้นช่างเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่นางเคยได้ยินจากคนตรงหน้า การเป็นไปของตัวเอกยามนี้ต่างจากนิยายที่นางรู้จัก พระเอกที่ควรย้ายตัวเองไปอุ้มนางเอกกลับสลับมาอุ้มนางร้ายเช่นนาง หรือเป็นเพราะนางไม่ทำตามเส้นเรื่องมันถึงกำลังเปลี่ยนแปลง
“..บอกความจริงแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่ท่าน ..เป็นนางที่สะดุดลมเองต่างหากเจ้าค่ะ”
“....”
คนตัวสูงเงียบไปจนนางแปลกใจ นางจึงค่อยๆ หันกลับไปมอง และพบว่าใบหน้าหล่อเหลายามนี้กำลังกลั้นขำเสียหน้ากระตุก!
“มะ..มีสิ่งใดน่าขำหรือเจ้าคะ”
“ที่แท้นางสะดุดอากาศหรอกหรือ หึ เจ้าช่างสรรหาคำพูดให้ข้าแปลกใจได้ตลอด ไม่เหมือนสตรีที่ข้าเคยพบเจอมาก่อน”
นี่เขาหาว่านางแปลกใช่หรือไม่..?!
"ข้าไม่ได้ผลักและนางไม่ได้ชนข้า คงเหลือเพียงอย่างเดียวแล้วนั่นแหละเจ้าคะ!"
“คนก็ถูกช่วยขึ้นมาแล้วสาเหตุค่อยไปถามเอาความทีหลัง แต่ว่า ข้ายังไม่ลืมเรื่องคิดบัญชีเจ้า อย่าได้วางใจข้าถึงเพียงนั้นสิเสวี่ยซิน”
“!!”
เสียงทุ้มนุ่มกล่าวกระซิบแหบพร่า ใจเต้นโครมครามยามเขาเรียกชื่อของนาง ด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหลราวกับตั้งใจหว่านเสน่ห์ มือเรียวยกขึ้นปิดหูตัวเองราวกับถูกไฟลน ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องริมฝีปากที่มีรอยแสยะยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา
คราบบุรุษอ่อนโยนที่ปลอบใจนางเมื่อสักครู่กลืนหายกลับเข้าสู่ความมโนของนาง ทิ้งไว้เพียงคนเจ้าเล่ห์ได้อย่างน่าหมั่นไส้เท่านั้น
“หนิงผิง”
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”
“จัดที่นอนในเรือน คืนนี้เสวี่ยซินจะพักที่เรือนของข้า”
“!!”
“!!”
“หะ!!” ไม่เอา!!
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ!” เสียงแรกหน่ะของนาง แต่เสียงด้านหลังเป็นของแม่นางเอก
จ้าวเสวี่ยซินเลี้ยวหน้ากลับไปยังเสียงหวานดังแสบหูด้านหลัง สตรีร่างเล็กเนื้อตัวเปียกโชก บนบ่าเล็กสวมเสื้อคลุมสั่นไหวราวกับลูกนกช่างน่าสงสาร
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างตื่นตระหนก เมื่อสักครู่นางเผลอแสดงกิริยาไม่สมควร ปล่อยให้ความรู้สึกน่ารังเกียจเข้าครอบงำ คำแนะนำทว่าตลบหลังด่า กล่าวหาว่านางเป็นสตรีชอบสอด ดั่งกับมีไฟสุมขึ้นกลางอก นางยังแอบตกใจที่ตัวเองคิดแผนร้ายขึ้นมาในหัวและกระทำลงไปอย่างสิ้นคิด อย่างการพาตัวเองตกน้ำ!
จะแปลกก็แต่ท่านแม่ทัพไม่คิดจะเรียกความยุติธรรมแก่นาง เลือกอุ้มสตรีร้ายกาจผู้นั้นเข้าเรือน นางใช้มารยาสตรีใดถึงทำเช่นนั้นได้
“ท่านแม่ทัพ หนานเอ๋อร์ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวตำหนิท่านแม่ทัพ เพียงแต่ว่าสตรีที่ยังไม่ออกเรือนอยู่ร่วมชายคาเดียวกับบุรุษเช่นนี้ จะไม่เป็นที่ครหาได้หรือเจ้าคะ”
หลานอี้หนานเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเขา ใบหน้ายังคงความงามแม้จะมีน้ำไหลลงจากเส้นผมสีดำเงาละบนใบหน้า
“ใช่ๆ ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง ข้าสวยข้าน่ารักข้าน่าทะนุถนอมก็จริงอยู่ แต่ท่านจะชุบมือเปิบพาข้าที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเข้าเรือนบุรุษไม่ได้!”
เป็นตัวจ้าวเสวี่ยซินที่ยกมือขึ้นประหนึ่งพวกเดียวกัน
ความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ หลานอี้หนานที่คิดว่าจ้าวเสวี่ยซินกำลังใช้มารยาดอกบัวขาวยิ่งไม่พอใจ กลใดที่นางใช้ ท่านแม่ทัพย่อมต้องมองออก ข่าวลือร้ายกาจของนางดังกระฉ่อนทั่วเมือง มีหรือที่เขาจะไม่ทราบ
“ปะ..ปล่อยข้าลงสิเจ้าคะ” แล้วกลับไปหาแม่นางเอกของท่านได้แล้ว ไปชิ้วๆ!
คนฟังเงียบไปพักใหญ่ ดวงตากลมโตตัวเล็กลีบอยู่บนแขนแกร่งรู้สึกถึงชะตาที่กำลังวุ่นวายข้างหน้า นางหันไปมองยังเฉินเฟยหยาง ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลายังคงไม่เผยความรู้สึกใด ทว่าเบื้องหลังใบหน้านิ่งเฉยนั้น จ้าวเสวี่ยซินไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งกล่าวห้ามไปก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งผลักไสก็ยิ่งดึงดูดให้เข้าหา
อีกทั้งเขายังไม่ได้คิดบัญชีนางเลย หึ!
“คุณหนูหลานอี้หนานพูดมาก็ถูกอยู่หลายส่วน สตรีที่ยังไม่มีเจ้าของย่อมต้องรักษาระยะห่างจากบุรุษที่ยังไม่ออกเรือน”
ยามที่คนตัวสูงเว้นประโยคไว้แล้วหันกลับมายิ้มมุมปากให้แก่นางนั้นพาให้นางเกือบอกแตกตาย กำหมัดไว้ที่หน้าอกของตัวเองแน่น เผลอส่ายหน้าไปมาราวกับล่วงรู้ว่าไอพ่อพระเอกเจ้ากรรมนี้ต้องการจะพูดสิ่งใด
ไม่นะ!! เฉินเฟยหยางท่านห้ามพูดมันออกมาเด็ดขาดเลยนะเว้ย!!!
“ห้ามพูดมันออกมานะเจ้าคะ!!”
นางเค้นเสียงกระซิบ ทว่ามันไม่ทันการณ์เสียแล้ว เมื่อคนขี้แกล้งได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังพอให้คนในบริเวณนี้ได้ยิน
“แย่หน่อยที่นางมีเจ้าของแล้ว”
“!!” กรีดร้องงงง!!
ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ แม้กระทั่งชิงเหยาและหนิงผิงก็ลืมหายใจ
“มะ..หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ!!” เสียงแหลมเล็กทำลายความเงียบลง หลานอี้หนานหลุดคราบดอกบัวบริสุทธิ์เอ่ยกระแทกเสียงอย่างร้อนใจ
“เจ้ายังไม่ได้บอกพวกเขาให้รู้เรื่องหรอกรึ ตัวเจ้าก็รอข้ากลับไปตบแต่งอยู่มิใช่หรือ”
แล้วต้องบอกให้ใครรู้ละย้ะ อีผีบ้าผีบอ!!
ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มกว้างยามเห็นใบหน้าซีดเป็นไก่ต้มของนาง นึกเอ็นดูสตรีตัวน้อยหลายส่วน แต่ก่อนอยากเข้าหาเขาแทบตาย แต่ในตอนนี้กลับผลักใสเขาให้หลานอี้หนานงั้นหรือ
..ยิ่งนางอยากหนีเขาก็ยิ่งสนุกที่ได้ตาม
เฉินเฟยหยางไม่ได้กล่าวตอบคำถามของหลานอี้หนาน ยิ่งทำให้เจ้าตัวร้อนใจ เผยสายตาแดงก่ำคล้ายร้องไห้ออกมา
“ทะ..ท่านแม่ทัพล้อข้าเล่นแรงเกินไปแล้วนะเจ้าคะ หลานอี้หนานเจ้าอย่าไปฟังคำเขามาก”
รีบๆมาเอาพ่อพระเอกของเจ้าออกไปสิ!!
จ้าวเสวี่ยซินขยับกลอกตาไปมาเป็นสัญญาณให้แม่นางเอกรีบเข้ามา แต่ว่าดูเหมือนนางจะไม่อยู่กับล่องกับลอย หลานอี้หนานยังคงมีแววตาโกรธเคืองเคล้าน้ำตามองมายังนาง
จ้าวเสวี่ยซินแทบอยากนำมือก่ายหน้าผาก มาน้ำตาคลอเบ้าเจ้าน้ำตาอะไรตอนนี้!
“ข้าเป็นถึงแม่ทัพ ไยจะกล้าล้อเล่น เจ้าเป็นของข้าข้าเป็นของเจ้า รังแกข้าแล้วรับผิดชอบข้าด้วย” เฉินเฟยหยางบรรจงปั้นหน้าเศร้าหมอง เผยรอยยิ้มบางเบาคล้ายอ้อนวอนได้อย่างน่าหมั่นไส้!
“!!” จ้าวเสวี่ยซินที่อึ้ง ทึ่ง วิญญาณใกล้หลุดจากร่าง
“!!” ตามมาด้วยชิงเหยาที่เกือบจะสำรอกเอาอาหารเย็นออกมา เพราะคำพูดแสลงหูของท่านแม่ทัพ!!
“!!” หนิงผิงที่อึ้งพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ มองเห็นเพียงบุรุษผู้อ่อนโยนอ้อนวอนขอความรักจากสตรี!
หยุด!!!
อี๋!! คนตอแหล!!! ขอด่าได้ไหมเจ้าคะ!! ดูสายตายิ้มเยาะนั่นสิ!! ต้องการทำให้นางดูแย่ในสายตาของหลานอี้หนานต่อไปใช่หรือไม่!!
ทว่านางจำต้องเก็บคำด่ากลืนลงคอเมื่อคนตัวสูงไม่ปล่อยให้นางได้กล่าวสิ่งใด ขยับตัวหันหลังเตรียมเดินเข้าเรือนตัวเองไปอย่างหน้าตาย คนตัวเล็กในอ้อมแขนเริ่มดิ้นไปมา
“ไม่อาววว!! ปล่อยข้านะไอคนเจ้าเล่ห์ คนตีสองหน้า!”
นางคว้าหมับเข้าลำต้นไม้ต้นหนึ่งที่เดินผ่าน ใช้นิ้วจิกมันไว้ไม่ยอมปล่อย อย่าปล่อยเด็ดขาด อย่าปล่อยเด็ดขาดเสวี่ยซิน!!
“มาเร็วเถิด ปล่อยไว้นานเจ้าจะป่วยเอานะ ‘ภรรยาข้า’"
กรี๊ดดด!! ใครภรรยาแก๊!!
“นะ..นะ หนิงผิง!”
นางตัวสั่นหงึกๆมองหาตัวช่วยเหลือ สายตาบรรจบเข้ากับหนิงผิง ทว่าดูเหมือนหนิงผิงจะกู่ไม่กลับ ยามนี้หนิงผิงทาบมือไว้บนอก ใบหน้าแดงก่ำราวกับสาวแรกแย้มถูกคนรักขอแต่งงาน นางที่จะคิดร้องให้ช่วยจำต้องหยุดความคิดลง
อย่าหลงกลเขาหนิงผิง!
“ชะ..ชิงเหยา..”
ในเมื่อตัวช่วยแรกต้องตัดผ่าน จึงเคลื่อนสายตาไปยังบุรุษเพียงคนเดียวในที่นี้ ทว่าเขากลับไม่ยอมสบสายตานาง หันข้างมองชมนกชมไม้รอบตัว ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มมีเหงื่อผุดและกล่าวขอโทษคุณหนูจ้าวเสวี่ยซินภายในใจ
เขาไม่อยากกลับไปยังการฝึกดั่งนรกนั่นอีกรอบ..
“ตัวช่วยเจ้าหมดแล้ว เราไปกันได้หรือยัง”
เฉินเฟยหยางเอ่ยขณะก้มมองคนตัวเล็กที่ยังเกาะต้นไม้ไม่ปล่อย เขามองเห็นเป็นภาพลูกแมวตัวเล็กๆ กำลังกางเล็บของมันไว้กับต้นไม้เท่านั้น
จ้าวเสวี่ยซินยังไม่ยอมแพ้เหลือบสายตาไปยังสตรีสวมชุดขาวข้างกายชิงเหยา หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าอยู่แม่นางเอกของเรื่องนั่นเอง
ใช่ นางยังเหลือแม่นางเอกอีกคนนี่!
“หลานอี้หนาน!”
นางคิดจะร้องเรียกแม่นางเอกอีกรอบ ทว่าเฉินเฟยหยางไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถดึงนางที่เกาะติดต้นไม้ออกอย่างง่ายดายราวกับเด็ดผลไม้ก็ไม่ปาน
“ไม่เอา!! ข้าไม่อยากเข้าเรือนของท่าน ข้าจะกลับเรือนของข้า!”
“เจ้าชอบห้องกว้างตกแต่งงดงามไม่ใช่หรือ ห้องของข้าเหมาะสมที่สุด"
"เคยบอกเมื่อไหร่กันเจ้าคะ!"
"..อีกอย่างเรือนของเจ้านั้นก็ไกล ค่ำมืดมีลมหนาว ประเดี๋ยวจะจับไข้ ข้าหวังดีแท้ๆ หึหึ”
หึหึ ทำไมมมม!!
เฉินเฟยหยางไม่ฟังความนางทำหูทวนลม ขายาวๆก้าวตรงไปยังเรือนของตัวเอง ปล่อยให้คนตัวเล็กบนบ่าดิ้นไปมาบ่นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา กระทั่งนางหมดแรงไปเอง
มือเล็กกวัดแกว่งไปมาในอากาศเพื่อหาที่ยึดเหนียว ก่อนจะปล่อยตัวเองไปกับแรงโน้มถ่วง เมื่อรู้ชะตาของตัวแล้วว่าอย่างไรก็คงไม่รอด ดวงตากลมโตวาวดุจแก้วใส ปากเล็กย่นลงจนบู้บี้ แก้มขาวๆอมลมจนแก้มป่องราวกับเด็กบนบ่าหนาของบุรุษรูปงาม
แงงง ใครก็ได้ช่วยนางด้วย!