บนเตียงติดฝั่งหน้าต่างปรากฏร่างชายใบหน้างดงามนั่งอยู่ ผมยาวถูกปล่อยละบ่า บนตัวถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวเต็มตัว บ้างยังมีเลือดไหลซิบออกมาให้เห็นเป็นบางจุด เฉียนยี่หยัดกายขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ดวงตาเรียวดั่งหงส์ทอดมองยังสตรีที่เข้ามาอย่างรีบร้อน นางกำลังหอบหายใจพลางเกาะกำแพงด้านหลังไว้แน่น สายตาหวาดกลัวมองลอดผ่านหน้าต่างไปมา
“แฮ่ก..ก”
“ท่านพี่เหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนั้นขอรับ” เฉียนยี่สนใจก้อนเนื้อที่ปูดนูนออกมาของนาง เพียงแต่ว่าชั่งใจอยู่หลายส่วนจึงไม่คิดจะถามออกไป
“มะ..ไม่มีอะไรหรอก”
สตรีที่มักคงกิริยาไว้เสมอยามอยู่หน้าท่านแม่ทัพวิ่งก้าวยาวๆสับเท้าแตกเข้ามายังเรือน ภาพในหัวของนางก่อนหน้านั้น เห็นเป็นเฉินเฟยหยางที่กำลังตัวขยายขึ้นเหมือนยักษ์ ดวงตาเรียวหรี่เล็กแดงก่ำ และริมฝีปากที่ฉีกยิ้มกว้างจนถึงใบหูนั่นยังติดอยู่ในความทรงจำของนางอยู่เลย
แง น่ากลัว!!
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วท่านช่วยออกไปได้หรือไม่ขอรับ ข้าต้องการพักผ่อน”
เฉียนยี่ตอบปัด สายตาชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างไม่ใคร่จะมองหน้านาง ได้ยินเสียงตั้งแต่หน้าประตูเรือน จากนิสัยปกติของนาง คิดทำใจไปแล้วส่วนหนึ่งคงตามมาถากถางซ้ำเติมสิ่งใดอีกเป็นแน่ แต่เขาคงไม่คิดจะตอบโต้เช่นเคย
หลังจากการหายตัวไปของนางหนึ่งวัน ในจวนยังคงเป็นปกติราวกับไม่ได้รู้สึกถึงว่านางหายไป ท่านแม่ยังคงนั่งทำบัญชีดูแลเรือนตามหน้าที่ ท่านพ่อก็ยังคงอยู่ข้างกายฝ่าบาททำหน้าที่ในวังหลวง กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อบุตรสาวราชครูได้หายตัวไปเช่นกัน สืบสาวความมาจึงพบว่าเป็นคนเถื่อนที่จับตัวทั้งคู่ไป และก็เป็นท่านพ่อที่ขอร้องถังหลัวหวงตี้ส่งกองกำลังทหารตามมาสมทบ
ส่วนตัวเขาที่มา.. จะว่าอย่างไรดี คงสงสารนางส่วนหนึ่งและเป็นห่วงหลานอี้หนานส่วนหนึ่งกระมัง
“ท่านพี่ต้องการจะพูดอะไรกันแน่ขอรับ มีสิ่งใดก็รีบๆ พูดมาเถิด”
นางโวยวายจบแล้วเขาจะได้พักผ่อนเสียที แต่ว่า..น้ำเสียงอ่อนคล้ายร้องไห้กับประโยคน้อยใจเรียกให้เขาหันหน้ากลับไปมองยังคนเบื้องหลัง
“..ข้ารบกวนเจ้าหรือ”
จ้าวเสวี่ยซินเกือบสะอื้นในลำคอ สองมือเล็กถูกันไปมาด้วยความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย รู้แก่ใจว่าเขาเกลียดนาง ความเย็นชาต่อหน้ายามนี้มันเป็นดั่งเข็มแทงใจติ่งตัวน้อย ๆ ผู้นี้เหลือเกิน แง!
“ทะ..ท่านเป็นอะไรไปกันแน่”
“ข้า ข้าพูดได้หรือ”
จ้าวเสวี่ยซินหลับตาแน่นปากมือสั่นขณะพูดเสียงเบา อยากบอกว่าเป็นห่วงเขาแต่ก็กลัวเจ้าตัวจะยิ่งรังเกียจและสำรอกออกมาแทน
เฉียนยี่กุมขมับ ยามนี้เขาเห็นเพียงนกน้อยที่กำลังสั่นกลัว อีกทั้งยังเลือกยืนอยู่หน้าประตูห่างกับเขาเสียไกลราวกับว่าต้องการเว้นระยะห่างกับเขาเอาไว้
“ท่านพี่พูดว่าอย่างไร”
“คะ..คือว่า..”
“ข้าจะคุยกับท่านรู้เรื่องได้อย่างไรหากท่านอยู่ไกลเพียงนั้น”
อาจเพราะท่าทางของนางทำให้เขาลดกำแพงลงไปเศษเสี้ยวหนึ่ง ทันทีที่คำพูดเขาจบลง ร่างของสตรีตรงประตูมาปรากฏตรงหน้าในเพียงเสี้ยววินาที เฉียนยี่ตกอกตกใจผงะหลังชิดผนัง
“!!” นางวิ่งมาเลยหรือ!
“อาการเจ็บบรรเทาลงบ้างหรือไม่ ท่านหมอว่าอย่างไรบ้างเรื่องบาดแผลของเจ้า”
ใบหน้าของนางเรียบนิ่งไม่แสดงอาการ ดวงตามีความอ่อนโยนหลายส่วน ทว่าภายในใจเฉียนยี่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงภูเขาที่กำลังระเบิดเป็นสีชมพูฟุ้งกระจาย จ้าวเสวี่ยซินอีกคนหนึ่งกำลังแดดิ้นตายทั้งน้ำตาเพราะความงดงาม น่ารักน่าชังของใบหน้าเขา
‘จีซัส ขอบพระคุณที่ให้ข้าเห็นหน้าเขาหลังจากโดนคานทับตาย!’
“ท่านหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วขอรับ พักอีกไม่นานคงหาย”
หายกับผีหน่ะสิ ที่นี่มันเป็นเหมือนนรกดี ๆ นี่เอง สมุนไพรไม่ได้หากยากทว่ามันดันอยู่ในพื้นที่ที่คนนอกด่านยึดเอาไว้ การจะไปเก็บสมุนไพรแต่ละครั้งต้องเสียทหารไปไม่ต่ำกว่าสามนาย กว่าจะยึดคืนมาได้ก็ตอนที่พ่อพระเอกนำทัพไปปราบนั่นแหละ ตามเนื้อเรื่องเดิมคงต้องรอไปอีกเป็นอาทิตย์ ตอนนั้นบาดแผลของเฉียนยี่ก็หนักหนาสาหัสเอาการ จนแม่นางเอกนำเอาสมุนไพรตามมาดูแลให้ภายหลังถึงดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ช้ามากนางจะทนรอได้อย่างไร!!
นางมองแผลของเขาอย่างพิจารณาก่อนจะกล่าวบอกกับเฉียนยี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าขอดูแผลหน่อยได้หรือไม่”
“ทะ..ท่านจะขอดูแผลข้าได้อย่างไรขอรับ!” เฉียนยี่ชะงัก มองคนตัวเล็กด้วยแววตาสับสน
ดวงตากลมโตสีดำไม่มีแววล้อเล่น ท่าทางจริงจังยิ่งกว่าครั้งใด แต่ก่อนเพียงเห็นแค่ลำคอนางก็มีท่าทีรังเกียจแล้ว ทว่าครั้งนี้นางจะดูเรือนร่างเขาทั้งหมดเลยหรือ!
“ท่านพี่ ท่านไม่กลัวเลือดหรือขอรับ”
คนถูกถามเงยหน้าจากบาดแผลเบ้ปากอย่างน่าสงสาร “กลัวสิ”
ยิ่งแผลถูกฟันจนเห็นเนื้อด้านในนางยิ่งกลัว ครั้นจะปล่อยให้เฉียนยี่บาดเจ็บหนักนางก็ทนไม่ได้
พี่บ่าวทนไม่ได้น้อง..
“ไม่จำเป็นต้องเปิดหมดหรอก ให้ข้าเห็นพอว่าเลือดเจ้ายังออกมามากหรือไม่”
“..ขอรับ”
เขาตอบรับนางทั้งที่ยังสับสน ยอมปลดผ้าที่รัดอยู่ออกเล็กน้อย จ้าวเสวี่ยซินทำหน้าตาคล้ายจะร้องไห้ ปลดผ้าพันออกเพียงสองทบก็เห็นเลือดชุ่มมากขึ้นได้อย่างชัดเจน
“เจ้าโกหก” น้ำเสียงและสายตาดุถูกส่งไปหายังชายหนุ่ม ทำเอาเขาถึงกับต้องเบนหน้าหนีไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด
“...”
“แผลเปิดเช่นนี้จะหายดีในเร็ววันได้อย่างไร ไยจึงไม่เรียกท่านหมอให้มาดูอาการอีกรอบ”
“ท่านหมอมีผู้ต้องรักษาอยู่มาก เขาจะมาพบข้าในอีกสองวัน”
“ช้าเกินไป เขาจัดสมุนไพรสำหรับอาการปวดและห้ามเลือดไว้หรือไม่”
นางไม่ได้มีความรู้เรื่องแพทย์มากนัก แต่นางรู้ว่าเบื้องต้นควรทำให้แผลแห้งและไม่ติดเชื้อ การพันแผลทับทิ้งไว้เช่นนี้โดยไม่เปลี่ยนเลยถึงสองวันแผลจะไม่ติดเชื้อแย่กว่าเดิมงั้นหรือ!
เฉียนยี่พยักหน้าเป็นคำตอบแทนการพูด ภายในใจสับสน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิงขณะมองนางหันซ้ายหันขวาด้วยความกังวล เมื่อซองยาสีน้ำตาลตั้งอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงใบหน้าของนางจึงคลายกังวล ทว่ายิ่งเห็นนางเป็นห่วงเขาจากใจจริงเขายิ่งเกิดความไม่เข้าใจ ไม่กี่วันที่ผ่านมานางยังกล่าววาจาว่าร้าย รังเกียจเขา ทำลายของขวัญที่เขาให้กับแม่นางหลานอยู่เลย ความโกรธและความไม่เข้าใจผสมปนเป
จ้าวเสวี่ยซินระบายยิ้มอ่อนโยน ท่าทางของเฉียนยี่ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนึกเอ็นดูยกมือขึ้นสัมผัสลงบนศีรษะเขาแผ่วเบา
“เจ้าเก่งมากที่อดทนได้ดี จวนแม่ทัพมีบ่าวใช้น้อยนัก ระหว่างนี้ข้าจะช่วยดูแลเจ้..”
เพี๊ยะ
ทว่ามือของนางกลับถูกปัดออกไปอย่างแรง ดวงตากลมโตสีดำวูบไหวรีบชักมือกลับมา แรงปัดนั้นแรงพอให้นางรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือ ทว่านางไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เฉียนยี่ได้เห็น
เฉียนยี่อยู่ในอาการตกใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอปัดมือของนางออก เขาลอบมองสตรีที่ยืนนิ่งก้มหน้าไม่ขยับ นางจะทำร้ายเขากลับหรือไม่..
ผ่านไปหลายวินาทีนางยังคงไม่เคลื่อนไหว
“ทะ..ท่านพี่..” คนตัวสูงยกมือขึ้นตั้งใจจะเรียกนางด้วยความรู้สึกผิดลึกๆในใจ
ร่างเล็กหันหลังให้ มือที่กำลังจะแตะตัวนางชะงัก ใบหน้างดงามของชายหนุ่มปรากฏความเศร้าหมองเล็กน้อย เพียงแต่เท่านั้นก็กลับเป็นปกติดั่งเดิม นางคงไม่รู้สึกอะไรหรอก คนใจดำเช่นนางหน่ะ
ลับหลังเฉียนยี่ คนที่ถูกปัดมือกลั้นสะอื้นจนแก้มอมลม ปากเม้มเข้าหากันและสั่นเป็นลูกคลื่น ใจของมัมหมีเจ็บปวด!
ถึงจะเจ็บปวดทั้งกายและใจแต่นางจะไม่ล้างมือเด็ดขาด ฮึก!!
“เมื่อสักครู่ข้า..”
เสียงเฉียนยี่ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้นางต้องละความสนใจจากมือตัวเองก่อน จะปรับสีหน้ากลับไปฉีกยิ้มกว้างก็ทำไม่ได้ สภาพที่เห็นเป็นเพียงสตรีที่กำลังเศร้าหงอยเท่านั้น
เจ้าของใบหน้างดงามทว่ามีเค้าโครงคมเข้มลอบตกใจชั่วขณะ มือที่ยืนออกไปชะงัก เมื่อคนที่หันกลับมาดูห่อเหี่ยวคล้ายกับไม่มีแรง เสี้ยวหนึ่งที่เขาเห็นว่านางมีหูและหางกำลังลู่ลง พร้อมใบหน้าตอบมีควันลอยออกจากปากคล้ายวิญญาณหลุดจากร่างดูน่าสงสาร
“เจ้านอนพักต่ออีกหน่อยเถิด ไว้ข้าจะไปต้มยามาให้” คนช้ำใจฝืนพูด แง! ขอน้ำใบบัวบกหนึ่งที่!
“!”
เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดเป็นห่วงออกจากปากนาง นี่ท่านพี่ของเขาจริงๆใช่หรือไม่ หรือนางจะโดนทำร้ายจนเสียสติไปเสียแล้ว
“ต้องกินอาหารที่บำรุงร่างกายเจ้าด้วย.. ข้าจะไปทำมาให้”
จ้าวเสวี่ยซินกล่าวทั้งน้ำตากำลังซึม ทั้งเจ็บข้อมือและปวดใจ ฮึกกก เขาเกลียดนางมากเลยสินะ แงงง!
“อ..อืม”
เฉียนยี่กะพริบตาถี่ ค่อยๆดึงมือที่ค้างอยู่บนอากาศกลับมา ยิ่งเห็นนางเช่นนี้ความรู้สึกผิดที่ไม่ควรเกิดขึ้นยิ่งก่อตัวจนเขากระวนกระวาย
“นอนพักระหว่างรอข้านะ”
“ขอรับ..”
มือเล็กคว้าเอาซองยาหันหลังรีบเดินออกไปจากห้อง ดวงตาเรียวมองตามแผ่นหลังของนางจนกระทั่งนางหยุดยืนอยู่หน้าประตู บานประตูถูกเลื่อนออกเพียงเล็กน้อยและชะงักลง เห็นดังนั้น เฉียนยี่จึงนิ่งเงียบรอว่านางจะพูดสิ่งใด
“..ข้าขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบหน้าข้า และตัวข้าทำร้ายเจ้ามามากเพียงใด แต่ว่านะเฉียนยี่ ตัวข้าไม่ได้เกลียดเจ้า หวังให้เจ้ามีความสุข ฉะนั้นได้โปรดถนอมร่างกายของเจ้าด้วย หากบาดเจ็บก็ขอให้บอกว่าเจ็บ หากไม่ชอบก็ขอให้พูดออกมา ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้เหมือนทุกครั้ง”
“!!”
“หมายถึง เจ้าสามารถพึ่งพาข้าได้ เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ”
“!!”
“เจ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอกเฉียนเฉียนของข้า เดี๋ยวข้ารีบกลับมา!”
เสียงฝีเท้าวิ่งออกไปไกลจนไร้เสียง ทว่าคนภายในห้องนั้นยังคงนั่งเหม่อมองไปยังทางที่นางเพิ่งจากไป ภายในใจของเขากำลังบีบรัด หยดน้ำใสคลอบริเวณที่หางตา เขาเคยคิดเช่นกันว่าเขาเกลียดนาง แต่เพียงแค่คำขอโทษเดียวกลับทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นจางลงทีละน้อย
..ที่ตัวเขาเป็นเช่นนี้คงเพราะเขายังคงจำภาพน่าสงสารของสตรีตัวเล็กที่มักจะโดดเดียวเสมอคนนั้น ถึงนางจะทำตัวร้ายกาจทว่าส่วนลึกเขากลับรู้สึกผิดที่เป็นส่วนทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ ตัวเขาเองไม่ได้มีความสุขมากนักกับการเป็นที่คาดหวังและโดนบังคับอยู่เสมอ เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความรักจากท่านแม่และท่านพ่อเช่นเดียวกัน
และนางคงไม่รู้เลยว่าคำพูดสุดท้ายที่นางได้กล่าวออกมา เป็นคำพูดเดียวกันกับที่เขาอยากจะบอกกับนางมาตลอด หากไม่ติดว่านางร้ายกาจจนเกินจะกล่าวคำเหล่านั้นออกมา นางย่อมเป็นสตรีที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคนหนึ่ง
ผ่านไปนานถึงสองชั่วยาม
เฉียนยี่ยังไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ไม่รู้ด้วยความกังวลหรือหวังคนที่บอกให้รอจะมา เขาพยายามเงี่ยหูฟังอยู่ตลอดเฝ้ารอให้ได้ยินเสียงฝีเท้า ไม่นานนักเขาก็ได้ยินคนกำลังเดินผ่านเข้ามายังเรือนและหยุดภายหน้าประตู เฉียนยี่รีบหลับตาลง กลัวว่าคนนั้นจะเป็นจ้าวเสวี่ยซินและคิดว่าเขากำลังรอ
“คุณชายเฉียนยี่ บ่าวนำน้ำแกงมาให้เจ้าค่ะ”
ขณะหนึ่งที่ใบหน้างดงามเผยความผิดหวัง เขากำลังหวังอะไรอยู่กันแน่..
“อืม เอาเข้ามาได้” น้ำเสียงปนเหนื่อยล้าเอ่ยอนุญาต
“เจ้าค่ะ” ประตูเลื่อนเปิดออกเล็กน้อย ในขณะที่เฉียนยี่กำลังรู้สึกผิดหวังอย่างไม่ทราบสาเหตุ พลันหูได้ยินเสียงคุ้นเคยหนึ่งดังลอดเข้ามา น้ำเสียงหวานปนกรุ่นโกรธเล็กน้อย โวยวายยกใหญ่
“นั่นเจ้าเอาอะไรให้เขากิน น้ำแกงไม่มีเนื้อสัตว์เนี่ยหรือ!”
“คะ คะ คุณหนู!!”
“ยกตามข้ามา ซุปนั่นเดี๋ยวข้ากินเอง”
“ตะ แต่ว่า”
“เอาเถิดหน่า!!”
เสียงทะเลาะหน้าประตูหยุดลงพร้อมกับประตูถูกเปิดออกจนกว้าง กลิ่นหอมของเครื่องเทศโชยแตะจมูก เฉียนยี่น้ำลายส่อ อดไม่ได้ที่จะชันตัวขึ้นเล็กน้อยมองยังร่างอรชรงดงามที่เดินเข้ามา กลิ่นหอมลอยมาจากถาดอาหารที่ถือเข้ามาด้วยหนิงผิงทางด้านหลัง บนนั้นมีน้ำแกงใสโรยหน้าด้วยผักชีส่งกลิ่นหอมสดชื่น ข้างกันเป็นข้าวต้มถ้วยใหญ่ และถัดไปเป็นเนื้อปลาที่ถูกย่างราดด้วยซอสสีน้ำตาลเข้ม
ของที่นำมาล้วนมีประโยชน์และให้พลังงานทั้งสิ้น
ยิ่งเข้ามาใกล้ เฉียนยี่ผู้ไม่มีอะไรตกถึงท้องหนึ่งวันเต็มๆ เพราะกินแต่น้ำแกง ท้องร้องโครกครากออกมาเสียงดัง
“เจ้าเด็กหิวโซ มาข้าช่วย ลุกขึ้นมากินอาหารฝีมือพี่สาวเจ้าเร็วเข้า”
จ้าวเสวี่ยซินยืนข้างเตียงค่อยๆ ประคองให้เฉียนยี่ลุกขึ้น ดวงตาคู่งามของเจ้าตัวยังคงไม่ละไปจากอาหารน่าทานตรงหน้า คนทำอาหารมาให้ถึงกับยิ้มกว้างกรีดร้องแดดิ้นภายในใจเป็นล้านรอบ
ดูสายตาน่าเอ็นดูนั่นสิ!!
หนิงผิงยกอาหารมาวางตรงหน้า สีหน้าของนางมีความกังวลอยู่หลายส่วน สาเหตุก็เพราะเมื่อสองชั่วยามก่อน แม่นางเสวี่ยซินเข้ามายังห้องครัวพร้อมกับขอให้ทำตะขอเกี่ยวเส้นหนึ่งและเศษเนื้อ นางที่ไม่ทันได้รู้ความจึงทำให้ ก่อนจะมารู้เอาทีหลังหลังจากนางกลับมาในครัวพร้อมกับปลาสองตัว!!
และมันจะมาจากไหนได้นอกเสียจากสระบัวหน้าจวนท่านแม่ทัพ!
“หนิงผิงไม่ต้องกังวลหรอก ปลามีอยู่เต็มสระ แบ่งให้ข้าสักตัวสองตัวท่านแม่ทัพคงไม่ใจจืดใจดำถึงขั้นลงโทษข้าหรอกกระมัง”
“เจ้าค่ะ..”
สิ่งที่หนิงผิงกังวลมิใช่ท่านแม่ทัพ คนเช่นท่านแม่ทัพคงไม่ถือสาหาความ กลับกันมันไม่ใช่กับมามาเลี่ยงจี ทุกอย่างในจวนล้วนเป็นนางที่จัดการ ท่านแม่ทัพเฉินเพียงเข้าออกค่ายทหาร ค่ำมืดถึงกลับจะมีเวลาใดมาใส่ใจ
จ้าวเสวี่ยซินพูดขึ้นเมื่อเห็นความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงผิง ทุกคนคงตกใจที่เห็นนางเหวี่ยงเบ็ดไปมาพร้อมกับตกปลาได้ถึงสองตัว
จะขี้งกไปไย ฮึ่ย!
“อร่อยหรือไม่” ใบหน้าหวานอมยิ้มหันกลับมาถามคนที่กินอยู่ไม่พูดไม่จา ภายในใจได้ยกมือขึ้นทาบอกน้ำตาไหลนองหน้าไปแล้วที่ได้เห็นเมนกำลังคีบอาหารของตนเองเข้าปาก
กรี๊ด!! เฉียนยี่กำลังทานอาหารที่นางทำ นางอยากได้กล้องมาถ่ายภาพตอนนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกเหลือเกิน!!
“อื้ม”
คนตอบคีบตะเกียบไว้ในปากพลางหันหน้าหนี หลบดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขาเป็นประกาย เหมือนมีคำว่า ชมข้าสิ ชมข้าสิ แสดงอยู่บนหน้าของนาง
“อร่อย..” ใบหน้าขาวผ่องขึ้นสีแดงระเรื่อที่พวงแก้มอย่างน่ามองหลังจากพูดจบประโยค
“อึก!!”
เสียงสะอึกในลำคอเรียกให้เขาหันไปมอง จึงเห็นว่ายามนี้จ้าวเสวี่ยซินกำลังทุบหน้าอกตัวเองไปมาอย่างบ้าคลั่ง ตากลมปิดแน่นสนิท ริมฝีปากก็ถูกเม้มจนบู้บี้เข้าหากัน เฉียนยี่ตกใจรีบถามนาง
“ทะ..ท่านพี่เป็นอะไร!”
“ขะ..ข้า ข้าสบายดี!!” นางทุบอกตัวเองอีกที จะให้กล้าบอกอย่างไรว่า น้องชายของนางน่ารัก! เฉียนยี่ของนางน่ารัก! เฉียนยี่ของนางดีที่หนึ่ง!