หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแดนชลพาคนตัวเล็กขึ้นไปบนห้องพร้อมกับหายาแก้แพ้ให้กินแล้วบังคับให้สาวเจ้านอนพักสายตารอจนสาวเจ้าหลับแล้วจึงลงมาชั้นล่าง
"เป็นไงบ้างล่ะคนป่วย บ่นปวดมั๊ย" สรเอ่ยถามว่าที่ลูกเขย (ความจริงก็ห่วงแหละ)
"ไม่บ่นอะไรเลยครับ ปิดปากเงียบกริ๊บเลยครับอา" แดนชลเล่าไปหัวเราะไป
"อืม ยัยคนนี้เค้าปากหนักเหมือนแม่ ป่วยหนักก็ไม่ปริปากสักคำ ไอ้ตอนนั้นอาก็กำลังไปได้สวยกับงาน จนลืมเอาใจใส่คนในครอบครัวไป เอาจนตายจากกัน" สรเตือนสติว่าที่ลูกเขยกลาย ๆ
"ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะดูแลเอาใจใส่น้องแสงอย่างดีเลยครับ ถ้าน้องไม่บอกไม่พูดผมก็จะสังเกตเอาเองครับ" แดนชลบอกอย่างหนักแน่น
"ครับ ขอบคุณแทนยัยแสงเค้าด้วย แค่ได้ยินคุณแดนพูดแบบนี้ผมก็ตายตาหลับแล้วหละครับ
"อาสรเองก็ต้องอยู่เป็นกำลังใจให้น้องแสงเหมือนกันนะครับ เพราะน้องเหลืออาสรเพียงคนเดียว"
"อืม เข้าใจแล้ว"
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
คนป่วยที่ปวดตาหลังจากถูกบังคับให้กินยานอนไปหนึ่งชั่วโมงเศษรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเพราะไม่รู้สึกปวดแสบแล้วจึงเข้าไปล้างหน้าล้างตาส่องกระจกดูว่าหายแดงหรือยังพบว่าตาหายแดงลงไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงลงไปข้างล่างด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"พ่อคะ...พ่อ...แสงหายดีแล้วค่ะ..ไม่ต้องไปโรง'บาลแล้ว.." แสงดาวร้องเรียกบิดาด้วยน้ำเสียงร่าเริงกว่าปกติขณะเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างของเซฟเฮาส์แต่ไม่ได้ยินเสียงบิดาตอบกลับมา
"อ้าว...พ่อไม่อยู่หรอกเหรอ"
"อาสรออกไปได้สักพักแล้วหละ เดี๋ยวคงเข้ามาน่ะ เป็นห่วงเราอยู่เห็นถามไถ่อาการ" เป็นแดนชลที่ตอบข้อสงสัย
"เหรอคะ..." แสงดาวเดินผ่านคนตัวโตไปที่โซนครัวเพื่อหยิบน้ำขึ้นมาดื่มและกำลังจะเข้าห้องปฏิบัติการ...แต่!
"หยุดเลยนะ พักสายตาก่อน ตาเธอยังแดงอยู่นิด ๆ นะ วันนี้อย่าเพิ่งตรวจบัญชีเลย" คนพี่รีบห้าม ทำให้คนที่กำลังจะเดินเข้าห้องทำงานถึงกับชะงัก
"นั่นซิ หายดีแล้วเหรอเรา?" เสียงที่โหยหาปรากฎในโสตประสาททำให้ผู้เป็นลูกยิ้มแป้นออกมา
"พ่อ....พ่อไปไหนมา รู้มั๊ยหนูตื่นมาไม่เห็นพ่อแล้วใจไม่ดีเลย" แสงดาวหันหลังกลับมาพบว่าเป็นบิดาถึงกับบ่นเสียยกใหญ่พร้อมกับเดินมาหาซบศีรษะทุยกับอกอุ่นถูไปมาเหมือนลูกแมว
"..พ่อได้ยินพี่เค้าบอกว่าเราหลับแล้วก็เลยไปทำธุระ ขากลับแวะซื้อนี่มาฝากด้วย..ของชอบไม่ใช่เหรอ" สรชูมะกอกน้ำกับพริกเกลือให้อยู่ในระดับสายตาลูกสาวส่วนคนได้ของฝากยิ้มปุ้ยพร้อมกับยกมือไหว้อย่างน่ารัก
"ขอบคุณค่ะพ่อ..พรึ่บ..ไปกินก่อนนะ"
"หึหึ โตแล้วยังทำตัวเหมือนเด็ก นั่นผมเผ้ายุ่งเหยิงหมด ไม่รู้จักหากิ๊ฟมาติด ผมทิ่มตาหมดละนั่น...หู๊ว....." สร บ่นลูกสาวกระปอดกระแปดพลางเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปหยิบอะไรบางอย่างสักพักก็ลงมาแล้วตรงไปหาลูกสาวที่กำลังนั่งแทะลูกมะกอกน้ำอย่างเอร็ดอร่อย
สรใช้ยางรัดผมเส้นเล็กมัดรวบผมด้านหน้าที่มันยาวลงมาทิ่มตาลูกสาวอย่างเบามือ
"ขอบคุณค่ะพ่อ...กินมั๊ย..อร่อย..ไม่เปรี้ยวหรอก"
"ไม่หรอก เข็ดฟัน พ่อลองชิมแล้ว.."
"แต่หนูว่าไม่เปรี้ยวนะ พริกเกลือนี่ก็อร่อย..เข้ากันเลย"
สองพ่อลูกคุยกันกระหนุงกระหนิงทำเอาผู้สังเกตการณ์อดยิ้มไม่ได้แอบคิดถึงมารดาที่จากไป
《ถ้าคุณแม่ยังอยู่คงจะมีฟีลแบบนี้บ้างละนะ》
"อ้าวคุณแดนมากินมะกอกน้ำกับยัยแสงซิครับ ผมซื้อมาเยอะเลย กินไม่หมดหรอก เจ้านี้กรอบอร่อยครับเปรี้ยวไม่มาก" อีกคนที่ได้รับคำเชิญเดินตรงมาที่โต๊ะอาหารแล้วหยิบมะกอกน้ำใส่ปากไปหนึ่งชิ้นถึงกับตาลุกวาวแล้วหลับตาปี๋ตามมาติด ๆ
"อื้ม...ไม่เปรี้ยวใช่มั๊ยครับ…โอ๊ะ" แดนชลถึงกับบ่นเพียงกัดไปหนึ่งชิ้น
"คิ๊ก คิ๊ก คิ๊ก เค้าว่ากันว่าคนแก่จะกินของเปรี้ยวไม่ได้" แสงดาวแกล้งเย้าคนพี่อย่างเผลอตัวทำเอาคนพี่มองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"อะแอ้ม...พ่อว่าพ่อไปหากาแฟทานดีกว่า คุณแดนจะรับด้วยมั๊ยครับ?"
"อ้อ ไม่ละครับ อาสรตามสบายเลย" พูดจบก็เดินไปที่ตู้เย็นหาวัตถุดิบเพื่อทำอาหารกลางวัน
"นั่นเฮียจะทำมื้อเที่ยงเหรอคะ มะแสงช่วย" คนตัวเล็กอาสา
"ไม่ต้องหรอกครับ เชิญคุณผู้หญิงไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารแหละดีแล้ว กินเสร็จก็ล้างมือให้สะอาด เดี๋ยวเผลอไปขยี้ตาก็แสบอีก" แดนชลปากก็บ่นไปมือก็หั่นวัตถุดิบไปความพี่มาเต็ม
ส่วนคนถูกบ่นก็ได้ยิ้มเจื่อน ๆ รีบกินแล้วรีบไปล้างมือทันทีที่กินเสร็จ
"อีกสักพักก็เสร็จล๊ะ ไปตามอาสรมากินมื้อเที่ยงด้วยหละ เฮียทำเผื่อทุกคนเลย เผื่อการ์ดด้วย"
"โอ้โห กลิ่นหอมจัง เฮียทำกับข้าวเก่งน่ะ อยากทำเป็นบ้างจัง"
"หึหึ แลกกันซิ แสงสอนเฮียทำคุ๊กกี้ส่วนเฮียสอนแสงทำกับข้าว โอเคมั๊ย?"
"อืม.....ก็ได้..งั้นเริ่มที่มื้อเย็นนี้เลยเป็นไง" แสงดาวใจร้อน
"ยังก่อนครับคุณผู้หญิง ตาเรายังแดงอยู่นิด ๆ เอาไว้พรุ่งนี้ละกัน"
"ว๊า.....อีกล๊ะ" คนตัวเล็กบ่นไม่จริงจังพร้อมกับเดินไปตามผู้เป็นบิดามากินมื้อเที่ยงด้วยกัน