12.รู้แล้วแต่ไม่ขึ้นใจ

1023 Words
อีกด้าน ทางด้านแสงดาวหลังจากหนีคนบอกรักไม่มีวี่แวว เข้ามาในห้องนอนรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูกเพราะชีวิตที่ผ่านมาเธออยู่ในเซฟโซนของตัวเองและไม่เคยมีใครมาวอแวชีวิตสงบราบเรียบมาตลอด ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตู) "แสง นอนรึยังลูก ให้พ่อเข้าไปได้มั๊ย?" แอร๊ด..(เสียงเปิดประตู) "เชิญค่ะพ่อ" สรเดินเข้าไปโดยจงใจจะเปิดประตูอ้าทิ้งไว้เผื่อใครบางคนอยากแอบฟัง "เป็นยังไง ไอ้ตัวเล็กของพ่อ" สรพูดพร้อมกับลูบผมลูกสาว "พ่อ เมื่อไรภารกิจนี้จะเสร็จซักที แสงอยากกลับแล้ว เราไปอยู่กันสองคนพ่อลูกนะ พ่อลาออกได้มั๊ย แสงมีเงินเก็บพอที่จะดูแลพ่อได้นะ มีรายได้จากค่าเช่าบ้าน ร้านกาแฟ เราก็อยู่ได้แล้ว" แสงดาวพูดจากสำนึกข้างใน "แสงพ่อจะเล่านิทานให้ฟัง อยากฟังมั๊ย" สรพูดพลางพาลูกสาวและตัวเองไปนั่งที่เตียง เขาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหมอนมาวางบนตักแล้วให้คนตัวเล็กนอนลงไป ส่วนคนตัวเล็กก็พยักหน้าแล้วนอนลงไปอย่างว่าง่าย "เมื่อก่อนมีเด็กชายสรเป็นเด็กวัดอยู่กับหลวงตามาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ตายหมดญาติที่เหลือก็ไม่อยากดูแลจึงเอาไปฝากกับหลวงตา ต่อมามีคนรวยใจดีมาทำบุญที่วัดได้เห็นเด็กชายสรเกิดถูกชะตาจึงได้ส่งเสียให้เด็กชายสรได้เล่าเรียนและเติบโตเป็นคนเต็มคนและครอบครัวนี้มีลูกชายแต่โตกว่าเด็กชายสรสี่ถึงห้าปี เขาเติบโตมาด้วยกันผูกพันรักกันเหมือนพี่น้องต่างคนต่างช่วยสนับสนุนกันในทุก ๆ เรื่อง เด็กชายสรได้รับการดูแลจากเด็กชายคนนี้อย่างดี คอยกางปีกปกป้องตลอดเหมือนพี่ดูแลน้องก็ว่าได้ ในวันนึงเด็กชายสรเติบโตเป็นนายสรได้พบรักกับสาวออฟฟิศคนนึงซึ่งเป็นพนักงานการบัญชีที่เคร่งขรึมเคร่งเครียดก็ได้พี่ชายคนนี้ก็ช่วยขอให้พ่อแม่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ให้จนได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันจนมีนางฟ้าตัวน้อย ๆ ที่นอนหนุนตักพ่ออยู่นี่ไง หืม..." สรเล่าจบจึงก้มลงไปดูลูกสาว "อ้าว หลับไปแล่ว...นอนซ๊ะ พักผ่อนนอนหลับให้ดีนะลูก" สรพูดพร้อมกับบรรจงขยับหมอนที่มีคนตัวเล็กหนุนอยู่วางลงบนเตียงอย่างเบามือแล้วก้มลงจูบหน้าผากคนตัวเล็กแล้วเดินออกมาจากห้องแล้วล็อคปิดประตูอย่างแน่นหนาแล้วเดินจากไป เขารู้ว่าชายหนุ่มคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ นั่นคือเหตผลที่เขาเปิดประตูทิ้งไว้ซึ่งชายหนุ่มก็รู้สึกขอบคุณที่เขาไม่ปิดกั้นตัวเองเพราะคำว่าเจ้านายลูกน้องหรือบุญคุณจนรวยอะไรก็แล้วแต่ @เช้าวันใหม่ แสงดาวขมักเขม้นกับการทำอาหารเช้าหนึ่งในนั้นคือเมนูน้ำพริกตาแดงซึ่งมีคุณครูคอยประกบแน่นอนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้เป็นบิดาของเธอนั่นเอง "น้ำพริกต้องตำให้ละเอียดแบบนี้ลุก ตำถี่หนัก ๆ เข้าไว้ไม่ต้องยกมือสูงเดี๋ยวพริกกระเด็นเข้าตา" ว่ายังไม่ทันจบคนตัวเล็กก็ร้องขึ้นทันควัน "โอ๊ะ แสบค่ะพ่อ พริกเข้าตาหนูแล้ว ฮือ..แสบ.." "เอ๊า เพิ่งจะเตือนอยู่แหม็บ ๆ เหมือนสั่งเลย เฮ๊อ....ไปลืมตาในน้ำก่อน เดี๋ยวพ่อล้างมือก่อน เราก็มาล้างมือด้วย" สรออกคำสั่ง อีกด้านของผู้มาใหม่ "เดี๋ยวผมพาน้องไปล้างหน้าล้างตาข้างบนห้องเลยดีกว่าครับอา เผื่อน้องอยากใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวด้วย" เป็นแดนชลที่อาสา "เออ ดีเหมือนกัน/ฝากน้องด้วยนะครับคุณแดน/ไม่ต้องหัดทำมันล๊ะ ไอ้น้ำพริกนี่ถ้าพ่อไม่อยู่ก็ซื้อกินเอาเถอะ ตาจะบอดเอา..เฮ๊อ" สรพูดฝากฝังกับลูกของผู้เป็นนายแล้วบ่นกระปอดกระแปดด้วยความพ่อ ทำเอาหนึ่งหนุ่มถึงกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ ในความพ่อ ส่วนหนึ่งสาวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเพราะตอนนี้จากแสบเป็นเริ่มปวดจนน้ำตาไหลน้ำมูกก็มา ประเดประดังกันเต็มไปหมด @ห้องนอนแสงดาว แดนชลพาสาวเจ้าเดินเข้าไปในห้องนอนของสาวเจ้าและตรงไปยังห้องน้ำที่เพื่อที่จะไปล้างหน้า "เดี๋ยวเฮียเปิดก๊อกให้ แสบมากมั๊ย หาหมอมั๊ย?" คนพี่ถามอย่างอาทร "ไม่ต้องหรอกค่ะ คงไม่เป็นไรมั๊งคะอย่างมากก็กินยาแก้แพ้แล้วนอนสักพักตื่นมาก็น่าจะหาย" คนตัวเล็กพูดไปมือก็กวักน้ำล้างตาไป "ตอนนี้ทุเลามั่งยัง?" "เบากว่าตอนยังไม่ได้ล้างตาค่ะแต่ก็ยังมีเคือง ๆ อยู่" "ไหนเฮียขอดูซิ ถ้าไม่แดงมากก็ปิดตา กินยาแล้วนอน ตืนมายังไม่หายหรือแพ้มากต้องไปหาหมอน๊ะ" แดนชลยื่นข้อตกลง "ค่ะ" "งั้นรอเฮียแป๊บเดี๋ยวไปเอากระเป๋าพยาบาล จะได้ปิดตาแล้วลงไปทานข้าวจะได้กินยานอน" "ค่ะ ขอบคุณค่ะ" พูดจบคนตัวโตก็รีบออกจากห้องไปแล้วเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าพยาบาลแล้วปิดตาให้คนตัวเล็กจากนั้นเขาจับจูงมือคนตัวเล็กลงบันไดมาชั้นล่างเพื่อกินอาหารเช้าจะได้กินยา @โต๊ะอาหาร "อ่ะ กินเข้าไปไอ้น้ำพริกเนี่ย..ไหนอยากกิน อยากจนได้ดี" สรตักน้ำพริกให้ลูกสาวสุดที่รักพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดด้วยความพ่อส่วนอีกคนได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วตักข้าวที่มีน้ำพริกเจ้าปัญหาแกล้มกับผักสดเข้าปากอย่างว่าง่าย "หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอของผู้สังเกตการณ์ดังขึ้นเบา ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD