Devil monster Pee x Puifai 07
การใช้ชีวิตในต่างแดนทั้งที่ยังตั้งครรภ์มันก็รำบากมากอยู่เหมือนกันนะแต่ฉันยังมีน้องชายและน้องสาวคอยดูแล ส่วนฉันก็รับงานแปลทั้งจากไทยและรับงานของที่นี่เลยมีเงินอยู่พอตัวต้องเก็บไว้ให้เจ้าแฝดด้วย ท้องฉันโตเร็วมากเลยล่ะฉันย้ายมาฝากครรภ์ที่นี่และกะจะคลอดที่นี่ด้วยเหมือนกัน ฉันมาอยู่ที่นี่สามเดือนเห็นจะได้ พ่อแม่และเพื่อนโทรมาทุกคนเดือนก่อนพอสกับลูกอมก็บินมาหา พวกมันนั่งเมาส์จนฉันหลับไปเลยล่ะ
“เจ๊ หลานดิ้นยังอยากจับแล้วนะ” ป่าน น้องสาวฉันถามอย่างตื่นเต้น มักจะเป็นเช่นนี้ตลอดหลังจากที่ทั้งสองเรียนเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้าน
“ป่าน อย่ามัวแต่เล่นทำให้อาหารเร็วหิวแล้ว”
เป้ น้องชายอีกคนตะโกนบอกป่าน สองคนนี้เป็นแฝดกันล่ะหน้าเหมือนกันมากเลยล่ะฉันนั่งมองน้องสองคนทะเลาะกันอย่างกับเด็กๆ ฉันนั่งลูบท้องตัวเองเบาๆแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“อีกหน่อยเราก็จะได้เจอกันแล้วนะ”
“บอกเพศหลานได้ยังคะ ไม่อยากลุ้นแล้ว” เป้เดินมานั่งตรงข้ามมือก็ยื่นจานผลไม้มาให้ ฉันรับมาก่อนจะนั่งทาน
“พี่รอลุ้นน่ะ หิวแล้วสิจะมีใครใจดีทำอะไรให้กินไหมน๊า”
“เดี๋ยวเค้าทำให้ๆ รอแปบนะ”
“อะไรวะพี่หิวแกยังเฉย พอเจ๊หิววิ่งเร็วเลยนะ”
“อ้าวก็นั่นเจ๊กับหลานเค้านี่”
“ให้ตายสิน้องคนนี้นี่”
เป้นั่งบ่นอุบอิบ ก่อนจะมองฉันอย่างกังวล ใบหน้าหล่อๆของน้องชายฉันมองเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมถามออกมา
“มีอะไรจะถามเจ๊เหรอ”
“เจ๊จะกลับไทยตอนไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน เจ๊ยังไม่อยากเจอเขา”
“ถ้าเค้าถามหาพ่อล่ะ” เป้ถามต่อสีหน้าเครียดกังวล
“เจ๊จะบอกว่าพ่อเขาไม่อยู่ คนเป็นพ่อยังไม่รู้เลยว่าพี่ท้องอีกอย่างป่านนี้เขาคงแต่งงานกับแฟนเขาไปแล้วล่ะ” ก่อนบินมาที่นี่ฉันเซ็นใบหย่าให้เขาแล้วเหลือแค่เขามาเซ็นที่เหลือทนายเขาจะมาจัดการให้ ฉันบินมาที่นี่คืนที่พี่ท็อปแต่งงานฉันแวะไปพอผู้ชายคนนั้นเดินหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิดแฟนพี่ท็อปก็จับได้ว่าฉันท้องยังดีที่เธอรับปากว่าจะไม่บอกเขาแลกเปลี่ยนกับการที่ฉันต้องติดต่อพี่ท็อปหรือไม่ก็พี่วาววาแทน ทุกครั้งที่พ่อกับแม่โทรมาท่านจะไม่เอ่ยถึงผู้ชายคนนั้น ซึ่งมันก็นับว่าดีเพราะฉันก็ยังไม่อยากจะรับรู้ว่าเขามีความสุขกับแฟนมากแค่ไหน
“แปลกนะที่เจ๊ไม่มีอาการแพ้ท้องอะไรเลย”
“ใช่ เจ๊ไม่แพ้ท้องเลยราวกับว่ามีใครแพ้แทนอย่างนั้นแหละ” ป่านพูดสมทบสิ่งที่เป้พูด ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็สงสัยนะว่าทำไมฉันไม่มีอาการแพ้ท้องทั้งที่ท้องลูกแฝดและอาการมันคงจะหนักมากทีเดียว
“มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่เจ๊ไม่แพ้อ่ะ”
“มันก็ดี สงสัยเด็กจะไม่ดื้อเจ๊เลยไม่แพ้” เป้พูดขำๆก่อนจะเข้ามาพยุงฉันให้เดินไปที่โต๊ะทานข้าวที่นี่เป็นบ้านแบบทาวเฮาส์น่ะมีแม่บ้านคนหนึ่งคอยเข้ามาทำความสะอาดบ้านแถมเป้ยังจ้างเธอเพิ่มหลังจากฉันคลอดเพื่อที่จะให้เธอช่วยเลี้ยงลูกช่วยฉัน
“พรุ่งนี้เราไปซื้อของกันไหม เค้าหยุด”
“ไปๆ เค้าอยากได้รองเท้าใหม่”
“ตลอดเลย”
เราสามพี่น้องนั่งทานข้าวกันสลับกับพูดคุยกัน ที่นี่อากาศกำลังดีไม่หนาวมากเท่าไหร่แต่ฉันก็ต้องทำตัวให้อุ่นตลอดเวลาอีกอย่างถ้าเด็กๆคลอดฉันก็ต้องใส่ใจและดูแลเขาไม่ให้รู้สึกขาด
“พี่ลูกอมโทรมาครับเจ๊”
ฉันรับมือถือมาจากเป้ก่อนจะรับสายลูกอมที่โทรวีดีโอคอลเข้ามา พอกดรับก็เห็นใบหน้ายุ่งๆของลูกอมทันที ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่ามันงอนอะไรฉัน
“หน้าบึ้งอะไรขนาดนั้น”
(แกไม่มา)
“แกจะให้ผู้หญิงท้องโย้นั่งเครื่องไกลๆเหรอ ใจร้ายจังเลยนะ”
(ก็ฉันอยากให้แกมา)
“ขอโทษนะ ไปไม่ได้จริง”
(เอาเถอะๆ หลานฉันเป็นยังไงบ้าง)
“แข็งแรงดี แล้วนี่อยู่ไหน”
(ห้อง...//ห้องพี่เอง) เซกะโผล่หน้าเข้ามาในหน้าจอมือถือก่อนจะฉีกยิ้มให้ฉัน
“หวัดดีค่ะ”
(หวัดดีครับ เป็นไงบ้าง)
“สบายดีค่ะ”
ฉันคุยกับลูกอมเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะวางสาย วันในแต่ละวันมันช่างเชื่องช้าในความรู้สึก แต่ละคืนที่ฉันคอยแต่จะฝันถึงเขา แต่ฉันเลือกที่จะเดินทางนี้แล้วและฉันจะไม่หันหลังกลับไปยืนจุดเดิมเด็ดขาด ฉันจะทำให้เขาได้รู้ว่าฉันลืมเขาได้แล้วจริงๆ
“เดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันแล้วนะ แม่รักพวกหนูนะ”
ฉันยกมือลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆด้วยความรัก อีกหน่อยเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะรอแม่หน่อยนะแม่คิดถึงหนูนะ วันเวลาที่ผ่านไปมันทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้นก็จริงแต่ในใจฉันเอาแต่คิดถึงเขา เขาอาจจะไม่รู้เรื่องของฉันหรือรู้แต่ไม่สนใจฉันว่าจะจะเป็นอย่างหลังมกกว่านะ เพราะเขาไม่เคยสนใจอะไรฉันตั้งแต่แรก ฉันย้ายเข้ามาพักที่โรงพยาบาลตอนอายุครรภ์ได้แปดเดือนพอถึงกำหนดคลอดพ่อกับแม่ก็บินมาหาถึงที่นี่ หลังจากนั้นสองสัปดาห์พอสกับลูกอมก็บินตามมาแต่เพื่อนฉันมากันแค่สองคนไม่ได้พาองค์รักษ์มาด้วย
“หลานฉันล่ะๆ” พอสส่งเสียงตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน พ่อกับแม่ที่ยังไม่กลับก็นั่งหัวเราะอย่างมีความสุข เราเข้าไปดูลูกที่หลับอยู่บนเตียงนอน แฝดชายหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังมากเลยล่ะ
“ชื่ออะไรบ้างวะฝ้าย”
“ผู้หญิงชื่อ***อลิน*** ผู้ชายชื่อ***อลัน***”
“ฉันรับขวัญหลาน”
ลูกอมยื่นซองสีน้ำเงินมาให้ฉันตรงหน้าตามด้วยพอสรายนั้นยื่นกล่องสีเงินมาให้ฉันรับมาก่อนจะเดินไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียง
“อลินกับอลัน มาเซลฟี่กับน้ามา” ลูกอมพูดแล้วก็ถ่ายรูปกับเด็กๆอยู่นาน พอสก็ถ่ายด้วย จากนั้นเราก็ออกมานั่งทานอาหารกันข้างนอกไม่สิทุกคนออกไปทานอาหารยกเว้นฉันเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยเลยขอนอนพัก เด็กๆตื่นแล้วล่ะพ่อกับแม่ก็อุ้มออกไปข้างนอกเพื่อให้ฉันได้นอนพัก
เสียงพูดคุยหัวเราะดังมาจากด้านนอกทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจก่อนจะหลับไปด้วยความสุขที่อิ่มเอมในใจ...
“ฝ้าย มีคนถามหาแก” ลูกอมเดินมานั่งข้างๆเตียง
“หือ?” ฉันยันตัวนั่งพิงเตียง เมื่อพอสกับลูกอมเดินเมานั่งขนาบข้างบนเตียง
“พี่พีถามหาแก” คราวนี้พอสพูดบ้าง แต่สิ่งที่พวกมันพูดมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากจะเชื่อ เขาจะมาถามหาฉันทำไมกันมันก็ออกจะดีที่ฉันหายมาแบบนี้
“ไม่หรอกแก เขาจะถามหาฉันทำไม”
“ตอนแกมาแรกๆฉันกับเขาทะเลาะกันด้วยนะ เขามาถามฉันว่าแกอยู่ไหนพอไม่บอกก็เสียงดังใส่กันลั่นร้านเซกะเลยล่ะ” ลูกอมเล่าก่อนจะเอียงคอมาซบไหล่ฉัน
“พี่เซกะบอกว่าพี่พีแพ้ท้องแทนแกด้วย อันนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าแค่เขาเปิดประตูร้านเข้ามาฉันก็เก็บของออกจากร้านเลยล่ะ มันน่าโมโหอ่ะ” ลูกอมเริ่มบ่นอะไรของมันสักอย่างพอสยื่นมือถือมันมาให้ฉันดู ฉันมือมาก่อนจะเลื่อนดูสิ่งที่มันให้ดู มันเป็นโพสของพี่พีในโซเชียลต่างๆเขาโพสตัดพ้อเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หายไปจากชีวิตเขาแล้วยังมีรูปฉันอยู่ด้วย นี่เขากำลังเล่นตลกอะไร
“ช่างเขาสิ มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกนี่ฉันก็เหนื่อยที่จะตามเขาแล้วล่ะให้ฉันได้อยู่เงียบๆแบบนี้น่ะดีแล้ว”
“เขาเลิกกับแฟนแล้วนะ”
“มันเรื่องของเขาพอส ฉันอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วฉันไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว”
“โอเค เราเข้าใจแล้วออกไปหาเด็กๆกันเถอะ เห็นแบบนี้แล้วอยากมีสักโหล” ลูกอมพูดพลางทำหน้าเพ้อฝัน
“ฉันล่ะสงสารแฟนแกจริงๆไม่รู้โดนแกจับปล้ำหรือเปล่า”
“เขาเหอะปล้ำฉัน เฮ้ย เอ่อ พอเถอะไปข้างกันกันๆ”
ลูกอมหน้าแดงๆเนออกไปข้างนอกฉันลงจากเตียงโดยมีพอสคอยประคอง เกือบสัปดาห์กว่าที่พอสกับลูกอมจะบินกลับไปรายหนึ่งมีงานต้องทำส่วนอีกรายแฟนโทรตามมีขู่ด้วยนะถ้าไม่กลับจะบินมาหาเอง อะไรจะติดกันขนาดนั้น อาทิตย์ถัดมาพ่อกับแม่ก็บินกลับไทยตอนนี้เลยเหลือแค่ฉันกับลูกสองคนและน้องฉันสองคน บ้านดูเงียบเหงาถนัดตาเลยล่ะเมื่อทุกคนกลับไปแบบนี้
“ลันอย่าแกล้งน้องลูก” ฉันแอบดุลูกเสียงนุ่มเมื่อคนเป็นพี่เอื้อมมือไปดึงผมน้องไม่นานคนน้องก็ร้องไห้ทำให้เป้กับป่านวิ่งลงมาดูอย่างตกใจ ป่านน่าจะกำลังทำผมเพราะโรลม้วนผมยังติดอยู่เต็มหัว ส่วนเป้กอดผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างวิ่งลงมาดู เอาเข้าไปบ้านฉันจะมีใครสติเต็มบ้างหรือเปล่าเพี้ยนได้อีก
“รีบไปทำธุระตัวเองเลย หลานแค่ร้องไห้เองนะ”
“มันตกใจนี่ เหมือนมีลูกเองเลย”
“จริง สะดุ้งตื่นกลางดึกมโนว่าต้องให้นมลูก”
“ฮ่าๆๆ หนักขนาดนั้นแล้วเหรอ”
“แน่ดิเจ๊ ไปเที่ยวกับสาวต้องรีบกลับกลัวลูกเหงา เฮ้ยไม่ใช่กลัวหลานเหงา”
เป้เดินกลับขึ้นไปข้างบนก่อนที่ป่านจะเดินตามขึ้นไป ฉันหัวเราะเบาๆกับความน่ารักของน้องทั้งสองคน
“หนูหิวไหมคะลูก” ฉันถามลูกท้องสองอย่างหยอกล้อ ตอนนี้ฉันไม่ค่อยรับงานแล้วล่ะอาศัยเงินเก็ฐตัวเองและเกาะน้องกิน ฮ่าๆๆๆ จะบ้าเหรอ ฉันรับงานแล้วก็ทำตอนที่ลูกหลับนั่นแหละแต่งานที่รับราคาก็สูงอยู่เหมือนกันเงยพอจะมีเงินเลี้ยงลูกอยู่บ้า
“แอ้ แอ้”
“ว่าไงคะ หิวอีกแล้วเหรอ”
“เจ๊ เลี้ยงหลานเองไปอาบน้ำเถอะป่านมันจะลงมาทำอาหารให้”
“ฝากด้วยนะ”
“เดี๋ยวแม่มานะ”
ฉันก้มลงจูบลูกชายลูกสาวก่อนจะรีบกลับขึ้นไปอาบน้ำในห้องนอน หลังคลอดน้ำหนักฉันลงเร็วมากจนบางทียังแปลกใจว่าฉันป่วยหรือเปล่าแต่หมอก็ยืนยันแล้วว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ ฉันเก็บผมจนหมดเพราะกลัวลูกน้อยท้องสองจะกระชากเอาโดนวันก่อนที่ยังไม่หายเจ็บเลยจะว่าซนก็ซนอยู่นะ ทั้งอลินและอลันเลย
(แกจะไม่มาจริงๆเหรอ) เสียงสั่นๆของลูกอมดังมาเมื่อฉันยืนยันว่ายังไงก็จะไม่กลับไทยเด็ดขาด เพราะอีกสองเดือนข้างหน้าลูกอมจะหมั้นและแต่งงานกับเซกะ จะว่าไปคู่นี้ก็เร็วนะ แต่ฉันมั่นใจว่าเซกะจะไม่ทำให้เพื่อนฉันเสียใจจะห่วงก็แต่ยัยลูกอมจะไปทำให้เซกะเสียใจเองนี่แหละ
(ได้ไม่มาก็ได้ ฮึก! ฉันจะไม่แต่งงาน!!//เฮ้ย ได้ไง ตัวเองไม่แต่งแล้วพี่จะแต่งกับใคร)
เสียงเซกะกับลูกอมเริ่มทะเลาะกันดังมาจะบอกได้ยังไงล่ะว่าแพลนกลับไทยฉันอีกสองเดือนเหมือนกัน น้องฉันทั้งสองคนจะย้ายกลับไปอยู่ที่ไทยเพราะเรียนจบแล้วและเราก็ตกลงกันว่าจะซื้อบ้านใหม่แถบชานเมืองเพราะถ้าไม่ย้ายบ้านฉันก็จะไม่กลับ อย่าลืมนะว่าฉันฉันติดอยู่กับบ้านใคร ฉันไม่อยากเจอเขาไม่อยากรู้รู้อะไรแล้ว แม้มันจะผ่านมาเกือบสามปีแล้วแต่ฉันก็ไม่มั่นใจตัวเองว่าถ้าเจอเขาแล้วจะเป็นยังไง
ส่วนเรื่องแผนเซอร์ไพรส์ลูกอมอันนี้อีพอสมันเป็นคนคิด ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยนะ
“แม่คะ ลันแกล้ง”
“เปล่าสักหน่อย”
อลินเดินหน้าบึ้งมายังฉันก่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก ส่วนอลันรายนั้นปีขึ้นโซฟามานั่งข้างๆแล้วกอดแขนฉันไว้ สองคนนี้ไม่ค่อยซนหรอกแต่อาจจะมีบ้างที่งอแงเวลาอยากกินขนมหรือไอศกรีม ส่วนของเล่นถ้าคนอื่นซื้อให้จะไม่แตะเลยแม้จะเป็นของเล่นที่เคยร้องไห้อยากจะได้ มีเพียงฉันน้องสองคนพ่อแม่แล้วก็เพื่อนฉันอีกสองคนที่เด็กสองคนนี้ยอมรับของและขนมด้วย อาจจะเพราะสนิทกันเลยยอมรับของด้วย กระทั่งเพื่อนของเป้หรือป่านเด็กสองคนนี้ก็ไม่ยอมรับของด้วย
“หิวกันหรือยังคะ แม่ทำอาหารไว้ให้แล้วนะ”
“ฮือๆ”
อลันส่ายหน้าไปมากับแขนฉันเบาๆพรางส่งเสียงในคอ อลินไม่ตอบแต่นิ่งเงียบไปแล้ว สงสัยจะหลับต่อจริงๆเลยเด็กสองคนนี้ แต่ก็เหมือนจะคิดผิดเมื่ออลินผละออกจากไหล่ฉันแล้วถามเสียงอยากรู้แต่กลับเป็นฉันที่สะอึกนิ่งกับคำถามนั้น
“พ่อล่ะคะ”
“เอ่อ...”
“พ่อละคะแม่”
“เขาไม่ได้อยู่กับเราหรอกค่ะ หนูกับแม่นะคะแม่รักพวกหนูนะ” ฉันกดจูบที่หน้าลูกทั้งสองหนักๆ ไม่รู้ว่าน้ำตาไหลลงมาตอนไหน แต่มันเป็นคำถามที่ฉันทำใจมาตลอดว่าสักวันลูกคงถามออกมาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้
“พ่อใจร้ายจังเลยนะคะแม่ พ่อไม่อยากอยู่กับเราใช่ไหมคะ” อลินถามอย่างน้อยใจ ก่อนจะซบหน้าเล็กๆลงกับซอกคอฉันแล้วหลับไป
“เรามีแม่ก็พอแล้วครับ” อลันลุกขึ้นมาจูบฉันที่ริมฝีปากเบาๆก่อนจะล้มตัวนอนหนุนตัก ฉันนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่นานไม่รู้ว่าเป้กับป่านกลับมาตอนไหนพอสองคนนั้นเห็นสภาพฉันนั่งร้องไห้ตาแดงก่ำแล้วมีลูกนอนหนักตักอยู่มันคงดูน่าสมเพชมากเลยสินะ เป้อุ้มอลินไปแนบอกส่วนป่านก็ประคองอลันให้นอนบนโซฟาดีๆ
“เจ๊ยังมีพวกเรานะ พวกเราจะอยู่ข้างๆเจ๊ไม่ไปไหน...”