Devil monster Pee x Puifai 08
“หนูง่วงไหมคะ” เป้ก้มลงถามอลินที่อุ้มอยู่แนบอก ใบหน้าเล็กของอลินซบลงที่ไหล่กว้างพรางยกแขนเล็กโอบรอบคอไว้ ร่างเล็กไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน น้าหนุ่มสุดหล่อสอดส่องสายตามองหาคนที่อาสาจะมารับแต่ก็ยังไม่เจอ ข้างๆกันนั้นมันยังป่านที่อุ้มอลันแทนพี่สาวที่กำลังต่อสายหาเพื่อน ครอบครัวแฝดนี้เป็นที่ดึงดูดต่อคนรอบข้างเสียใจ ร่างสูงของเป้สวมเสื้อยืดสีขาวก่อนจะสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับไว้อีกชั้นบนศีรษะมีหมวกแก๊ปหนังสือดำใบหน้าหล่อถูกปิดด้วยแว่นดำแบรนด์เนม ข้างๆกันนั้นคือร่างของน้องสาฝากแฝด ป่านสามเสื้อยืดสีขาวลายเดียวกับพี่ชาย แจ็คเก็ตหนังสีดำถูกสวมทับอีกชั้น ผมสีแดงเข้มปล่อยสยายริมฝีปากเล็กเคลือบด้วยลิปสีแดงสดมองโดยรวมร่างเป็นสองฝาแฝดที่มีดาเมจรุนแรงมาคู่หนึ่ง
“พอสอยู่หน้าประตูแล้ว”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นบอกน้องทั้งสอง เธอทั้งกลัวและกดดันในเวลาเดียวกันแต่เพราะยังมีน้องที่คอยให้กำลังใจทำให้เธอกล้าที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ร่างบางในเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนเอวสูง รัดสัดส่วนถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักหรือสนิทจริงๆไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอผ่านการคลอดมาแล้ว
“ป่านส่งลันมาให้พี่ก็ได้ เราจะได้พัก”
“ได้ค่ะ ถ้าพี่เหนื่อยบอกป่านนะเปลี่ยนกัน”
“ได้จ้า นั่นไงพอสมาแล้ว”
เรากลับบ้านกันโดยมีพอสอาสามารับ ส่วนว่าที่เจ้าสาวยังไม่รู้ว่าฉันกลับมางอนไปถึงไหนแล้วไม่รู้เมื่อวานยังโทรมาโอดครวญกับฉัน พรุ่งนี้ตอนเช้าเป็นงานหมั้นส่วนตอนเย็นจะเป็นงานเลี้ยงฉลองฉันกับพอสตกลงกันว่าจะไปตอนเย็นรอเซอร์ไพรส์ทีเดียว เอาให้มันจุกไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ จะเซอร์ไพรส์อะไรน่ะเหรอไม่บอกหรอกเดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์
“คิดถึงจังเลย”
พ่อกับแม่เดินมารับหลานก่อนจะแย่งสองพี่น้องฝากแฝดไปอุ้ม ท่านอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพวกเราได้แต่เดินตามกันอ่างงอนๆ ไม่คิดถึงพวกเราบ้างเลยคิดถึงแต่หลาน น้อยใจได้ไหมล่ะ
กระเป๋าที่โหลดมาก่อนแม่บอกว่าอยู่ในห้องพวกเรากันหมดแล้วจากนั้นก็ไม่คุยกับเราสามพี่น้องเลยเอาแต่คุยกับหาน มีหลอกล่อจะพาไปเที่ยวด้วย เอาเข้าไปพ่อกับแม่ฉันเห่าหลานกันตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
“เจ๊ เค้าไปนอนก่อนนะ”
“อือได้ๆ”
“เป้! เค้านอนด้วยเค้ากลัวผี”
สองแฝดเป้ป่านขึ้นห้องไปนอนส่วนฉันก็เดินตามพ่อกับแม่ที่อุ้มอลินกับอลันไปยังห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่เล่นกับหลานอยู่นานกระทั่งสองแสบเริ่มง่วงแล้วงอแงฉันเลยต้องพาขึ้นไปนอนข้างบน พอลูกทั้งสองหลับฉันก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วนอนเย็นๆค่อยลงไปทานข้าว ฉันตะแคงไปฝั่งระเบียงห้องก็ต้องแอบใจเต้นแรงเพราะมุมห้องนอนฉันอยู่ติดกับบ้านเขาคนนั้นเพราะแบบนี้ไงล่ะฉันถึงได้มองเห็นเขาตลอดเวลา
*ขอให้อย่าได้เจอเขาเลย*
คู่บ่าวสาวสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ยืนยิ้มต้อนรับแขกที่มาอยู่หน้างาน เจ้าบ่าวที่คอยดูแลเจ้าสาวอย่าดีมันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ ฉันเดินเข้าไปในจังหวะที่ลูกอมหันหลังมาทางฉัน พอสเดินจับมืออลินส่วนอลันเดินจับมือฉันอยู่เราเดินเข้าไปเงียบๆแล้วหยุดยืนอยู่ข้างๆหลังลูกอมเหมือนยัยลูกอมจะยังไม่รู้นะว่ามีพวกเรายืนอยู่ข้างหลัง กระทั่งลูกอมหันกลับมาด้วยใบหน้าแสนงอน ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ไอ้พวกบ้า ฮื่อ! ฉันนึกว่าแกจะไม่มา” ลูกอมโผเข้ามากอดฉันไว้แน่น
“ไม่มาได้ไงล่ะงานสำคัญขนาดนี้”ฉันยกมือข้างที่ว่างลบหลังลูกอมเบาๆ
“ใช้สิ ฝ้ายมันมาฉันก็ไม่สำคัญใช่ไหม” เสียงพอสเอ่ยขึ้นอย่างตัดพ้อน้อยใจ ลูกอมผละออกจากฉันก่อนจะรัวเราะทั้งน้ำตาแล้วเข้าไปกอดพอสไว้แน่น อลินเดินเข้ามากอดขาฉันไว้แน่น
“เป็นยังไงบ้างครับ” เซกะเดินเข้ามาถาม แววตาระยิบระยับอย่างมีความสุข เห็นแล้วก็อดที่จะอิจฉาลูกอมไม่ได้ ที่มีผู้ชายที่รักและมั่นคงกับมันมากขนาดนี้
“สบายดีค่ะ ฝากดูแลลูกอมด้วยนะคะ ยัยนั่นอาจจะติสไปบ้างแต่มันน่ารักมากเลยนะคะ” ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนที่ลูกอมกับพอสจะเข้ามาดึงเราสามแม่ลูกเข้าไปร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เราเดินเข้าไปนั่งโต๊ะแถวๆด้านหน้าเวทีข้างๆกันนั้นคือโต๊ะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ ฉันเข้าไปทักทายพ่อกับแม่ลูกอมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาดูลูกๆที่โต๊ะ
“ลันเค้าหิว” เสียงเล็กๆของอลินดังขึ้น ฉันชะลอเท้าให้เดินช้าลงอยากจะรู้ว่าคนเป็นพี่จะดูแลน้องยังไง
“เค้าก็แกะกุ้งไม่เป็น แต่เดี๋ยวจะลองให้นะ”
ฉันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น ฉันเดินเข้าไปนั่งระหว่างกลางของสองแฝดคนที่บ่นว่าหิวเข้ามาอ้อนทันที
“แม่คะ หนูหิว”
“เดี๋ยวแม่ทำให้นะคะ พี่ลันหิวเหมือนกันใช่ไหม”
“แม่ทำให้ลินเถอะครับ”
**“เดี๋ยวพ่อทำให้เอาไหมครับ”**
เสียงเข้มที่เคยได้ยินเอ่ยขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างจะแทรกกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างข้างๆอลัน ใบหน้าหล่อของเขาดูซูบผอมลงไป รอยยิ้มที่เคยทำให้ฉันหลงใหลเผยให้กับเด็กๆแล้วแผ่มายังฉันด้วย แววตาดีใจนั่นมันคืออะไรกัน ที่สำคัญฉันลืมได้ยังไงว่าเขาเป็นเพื่อนกับเซกะ ไม่น่าเลยฉัน
**“เขาคือใครครับแม่ เราไม่มีพ่อนี่”**
น้ำเสียงหงุดหงิดของอลันดังขึ้น ทำให้ใบหน้าของคนที่เพิ่งมาใหม่นั่นหม่นลงไปทันที แต่เขาจะมารู้สึกอะไรล่ะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือลูกเขา ไม่ๆเขาไม่มีทางรู้
“ฝ้าย...” เขาเอ่ยเรียกชื่อฉันเสียงแผ่ว
“คะ”
“ทำไมไม่บอกพี่ เรื่องลูก” แววตาตัดพ้อนั่นมันคืออะไร ฉันปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เขาไม่ใช่ลูกคุณนะคะ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“ฝ้าย...”
“ฝ้ายได้เวลาแล้ว”
พอสเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาคนนั้นจะได้พูดอะไรออกมา ฉันก้มกระซิบบอกลูกๆทั้งสองก่อนจะเดินออกไปสแตนบายรอที่โต๊ะมีแฟนของพอสอยู่ด้วยเลยวางใจให้เด็กๆอยู่ ทันทีที่แสงไฟในห้องดับลงฉันก็เดินไปยังเปียโนหลังหนึ่งอยู่มุมเวที ฉันจรดปลายนิ้วลงบนเปียโนพร้อมท่วงทำนองหวานๆของเพลง cannon rock ดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟในห้องโถงสว่างขึ้นทีละดวงๆ หลังจากจบเพลง cannon rock ฉันก็ขึ้นโน้ตตัวใหม่เพื่อเปลี่ยนมาเล่นเพลง *ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ* พอสเป็นคนร้องเสียงปรบมือถือกรี๊ดดังขึ้นหลังจากจบเพลง จากนั้นเราก็อวยพรคู่บ่าวสาวก่อนจะเดินลงจากเวลาพอสประคองฉันลงจากเวที เรากลับมานั่งโต๊ะลูกสาวกับลูกชายนั่งปรบมือตีขาไปมาอยู่บนโต๊ะ ฉันยิ้มก่อนจะนั่งระหว่างลูกทั้งสองเหมือนเดิม
ฉันเหลือมองจานอาหารตรงหน้าอลันก็เห็นว่ามีกุ้งที่ถูกแกะอย่างสวยงามรวมถึงเนื้อปูวางอยู่เต็มไปหมด ฉันเลือกที่จะแกะกุ้งให้เด็กๆรวมถึงพูดคุยโดยๆไม่สนใจใครอีกคนที่พยายามชวนอลันคุยด้วย แต่อลันก็ไม่ได้คุยหรือสนใจเขาเลยกระทั่งอาหารที่เขาตักให้อลันก็ไม่ยอมแตะ
“พอส เอาทิชชูให้หน่อย”
“ฝั่งนี้หมดอ่ะ ฝั่งคุณหมอมีหรือเปล่า”
“มีครับ อ่ะนี่”
เขายื่นทิชชูมาตรงหน้าฉันรับมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ เขาเอื้อมมือเหมือนจะแตะลงบนใบหน้าฉันแต่อลันจับมือเขาไว้ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว
“เราย้ายโต๊ะได้ไหมครับ ผมไม่ชอบผู้ชายคนนี้”
“พ่อเป็นพ่อเรานะ”
“เราไม่มีพ่อหรอกครับ” อลันพูดแล้วยิ้มให้คนตรงหน้า มันเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่ฉันก็เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก ฉันอยู่กับเด็กๆยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่เคยกำกิริยาแบบนี้ให้เด็กๆเห็นแต่ทำไมเด็กๆถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้ กลับไปต้องไปเคลียกันหน่อยแล้วล่ะ
“ฝ้าย เสร็จจากงานพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” เขาเงยหน้ามองฉัน แววตาน้อยใจ หึ จะมองแบบนั้นทำไมกันมันไม่มีประโยชน์หรอกนะที่เขาจะมองแบบนั้นน่ะ
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยค่ะ”
“แต่เราเป็นเมียพี่นะเว้ย นี่ก็ลูกพี่ท้องแล้วพาลูกหนีไปแบบนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน”
“ฉันไม่ใช่เมียคุณนะคะ อีกอย่างนี่ไม่ใช่ลูกคุณ”
“งั้นพรุ่งนี้ไปตรวจ DNA กันเลยจะได้รู้กันไป” เขามองอย่างผู้ชนะ แต่ฉันแค่แสะยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะฉันรู้ดีว่าใครเป็นพ่อของเด็ก”
“ฝ้าย”
“พอเถอะ อย่างยุ่งกับพวกเราเลยค่ะต่างคนต่างอยู่ให้เราเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับคุณ”
“จะเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไงกัน พี่ยังไม่ได้เซ็นใบหย่าด้วยซ้ำไป”
ฉันเบิกตากว้างมองเขาอย่างตกใจ ไม่จริงเขาแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นคุณทนายบอกว่าจัดการเรียบร้อยเขาเซ็นแล้วนี่ ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจปนสับสนไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันทั้งที่ก่อนน้านี้เขาต้องการให้ฉันหายไปจากชีวิตเขาไม่ใช่เหรอทำไมตอนนี้ถึงยังทำเหมือนรู้สึกดีๆกับฉัน เขาเห็นฉันเป็นยัยโง่ที่เขาจะปั่นหัวหลอกได้อย่างนั้นเหรอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเซ็นให้ด้วยนะคะ”
“พี่ไม่หย่า จะมองยังไงก็ช่างแต่พี่ไม่หย่า”
“ฝ้าย! หนูหายไปไหนมาลูก”
คุณป้าเดินเข้ามาจับมือฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไว้ ท่านมองอย่างดีอกดีใจขอบตาท่านคลอไปด้วยน้ำตา มือที่กุมมือฉันบีบแน่น
“หนูไปไหนมาลูก ป้าติดต่อหนูไม่ได้เลย”
“หนูไปทำงานมาค่ะ”
“แล้วนี่...”
ท่านเว้นเสียงก่อนจะกวาดสายตามองเด็กๆที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน ท่านเอื้อมมือไปหมายจะแตะลงใบหน้าเล็กของอลันแต่อลันเบี่ยงหลบทันที เด็กสองคนนี้ถือตัวมากกับคนที่เพิ่งเจอกัน
“นิสัยเหมือนตาพีตอนเด็กๆเลย”
“ก็ลูกผมนี่แม่”
“อาจจะแค่เหมือนค่ะ แต่ฉันขอย้ำอีกทีว่าเด็กๆไม่ใช่ลูกคุณ”
“เกิดอะไรขึ้นลูก”
เสียงแม่ฉันดังอยู่ใกล้ๆ พออลันเห็นแม่ฉันก็ลงจากเก้าอี้วิ่งเข้าไปกอดขาท่านไว้อลินก็วิ่งลงไปกอดแม่ฉันไว้เหมือนกัน
“กลับไปค่อยคุยกันนะคะคุณหญิง”
“ค่ะๆ พรุ่งนี้แม่จะไปหานะลูก”
คุณป้ากอดฉันทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินกลับไปยังโต๊ะที่ท่านนั่งอยู่
“แม่พาหลานกลับก่อนนะลูก ยังไงหนูก็อยู่ดื่มต่อก็ได้เดี๋ยวพ่อกับแม่ดูหลานให้”
“ขอบคุณค่ะแม่”
แม่พาหลานกลับแล้วล่ะ เป้ป่านก็กลับไปด้วยเห็นบอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปสมัครงาน ส่วนลูกอมก็นั่งดื่มอยู่ข้างๆฉันนี่ไง เจ้าบ่าวอย่างเซกะนั่งเฝ้านั่งดูแลลูกอมไม่ไปไหน ส่วนพอสก็มีแฟนอยู่ข้างๆ ฉันก็เลยต้องนั่งเงียบๆคนเดียว จะว่าเงียบก็ไม่เงียบหรอกเพราะลูกอมกับพอสชวนคุยพอเงียบหน่อยพวกมันก็หาเรื่องมาชวนฉันคุย
“ฝ้าย ชุดที่ลองเมื่อวานไม่ใช่ชุดนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อือ ลันไม่ยอมให้ใส่เลยเปลี่ยนเป็นชุดนี้แทน”
“ว่าแต่แกกลับมาตอนไหนทำไมไม่บอกฉันเลย” ลูกอมวกกลับมาถามเรื่องเดิม
“นี่เลย พอสมันวางแผนกูใสๆค่ะเพื่อน” เริ่มเมาคำหยาบก็มาสิคะ แก้ไม่หายจริงๆนิสัยนี้แต่ก็นะหยาบเฉพาะกับเพื่อนสนิทนี่แหละค่ะ
“งานพี่เกือบล่มแล้วรู้ไหม อมไม่ยอมทำอะไรเลยเพราะงอนที่เราไม่มางาน”
“จริงเหรอเนี่ย! ลูกอม”
“ไม่ต้องมาดุเลย เพื่อนจะแต่งงานแต่ยังไม่ยอมกลับชิ ไม่คุยด้วยแล้วเว้ย!!”
“กูไม่ง้อนะอม”
“เออ! กูหายเองก็ได้”
“โอ๊ย พี่ปวดหัวกับพวกเราพรุ่งนี้ตอนบ่ายพาเด็กๆไปร้านหน่อยนะจะเลี้ยงเค้กเด็กๆ”
“ได้ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปรับ” คนที่นั่งตรงข้ามฉันบอกเสียงตั้งใจ ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่ดีใจเลยสักนิดที่เขาอาสาจะไปรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฝ้าย!! ออกมาคุยกันหน่อย”
“ไม่!! ปล่อยฉันนะ นี่!”
คนเอาแต่ใจดึงมือฉันแล้วเดินลิ่วออกจากงานทั้งที่ฉันขืนตัวไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ พอเข้ามาอยู่ในลิฟต์เขาก็ผลักร่างฉันชิดกับผนังลิฟต์แรงๆจนเจ็บร้าวไปทั่วหลัง ฉันรวบแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกก่อนจะตวัดฝ่ามือใส่หน้าเขาเต็มแรง ใบหน้าหล่อสะบัดไปตามแรง เขาหันกลับมามองฉันช้าๆ
“ขอโทษ”
“...”
“ขอโทษให้โอกาสพี่ได้ไหม”
“ขอทำไมมันสายไปแล้วล่ะทำอย่างที่คุณพูดก่อนหน้านี้เถอะ”
“...”
“เป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน อย่ารู้จักกันเลยนะ”
ฉันผลักเขาออกห่างอีกครั้งก่อนจะกดเร่งลิฟต์ให้เปิดเร็วขึ้นแต่ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะกระชากฉันเข้าไปกอดไว้แน่น ยิ่งดิ้นแขนแกร่งนั่นยิ่งกอดรัดฉันแน่นขึ้น
“เห็นฉันเป็นตัวอะไร!! ฮะ!!”
“พี่ขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”
“จะขอโทษให้ฉันดูน่าสมเพชหรือไง!! เลิกยุ่งกับฉันสัก...”
เสียงฉันขาดหายไปเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองโดยคนตรงหน้า เขามันบ้าที่สุดเลยด้วยความกลัวฉันทั้งดิ้นและทุบตามร่างกายเขา แต่เขายิ่งเบียดฉันเข้ากับมุมลิฟต์ พอลิฟต์เปิดออกเขาก็อุ้มฉันพากไหล่เดินไปยังห้องที่เรียงรายในชั้นนี้ ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความมือมือก็ยังไม่หยุดทุบตีเขา
“ปล่อยฉัน!! อ๊ะ”
ร่างฉันลอยลงไปอยู่บนเตียงนอนนุ่มนี้ด้วยแรงที่ถูกเหวี่ยงลงมาทำให้ฉันเจ็บและจุกอยู่บ้าง แต่พอเป็นอิสระฉันก็ปีนลงจากเตียงอย่างทุลักทุเลแต่ยังไม่ทันจะได้วิ่งไปไหนร่างก็ลอยเข้าไปปะทะอกแกร่งของผู้ชายนิสัยเสียคนนั้น วงแขนแกร่งโอบเอวฉันไว้แน่น ลมหายใจร้อนๆของเขาเป่ารดซอกคออย่างหยาบคาย
“พี่รู้ พี่มันเลวนิสัยไม่ตีแต่เราอย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกได้ไหม”
“...”
“พี่เพิ่งรู้ว่ารู้สึกยังไงกับเรา ขอร้องฝ้ายให้โอกาสพี่ได้ไหม”
“ความรู้สึกฉันมันไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ พอเถอะอย่ายุ่งกับฉันเลย”
“ไม่!! ไม่ว่ายังไงพี่จะไม่ยอมให้ใครมาซ้ำรอยพี่”
*เพี๊ยะ*
ฉันผลักเขาออกก่อนจะตวัดฝ่ามือใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ ฉันจ้องเขาไม่ละสายตาไปไหน
“อย่ามาหาว่าพี่ใจร้ายไม่ได้นะฝ้าย”
“นายมันใจร้ายตั้งแต่แรกอยู่แล้วไง!! ฉันเกลียดนาย เกลียดนาย!”
“เออ เกลียดให้มากๆเลยละกัน เพราะให้ตายยังไงพี่ก็จะไม่ปล่อยเราไป”
สิ้นคำเห็นแก่ตัวริมฝีปากร้อนก็โน้มเข้ามาจูบฉันไว้อย่าดุดัน มันทั้งหยาบคายและไร้ความเห็นใจ ใช่สินะเพราะเขาไม่เคยเห็นใจฉันเลยสักครั้งคอยแต่จะทำร้ายจิตใจฉันอยู่ร่ำไป มือใหญ่ของเขาเลื้อยขึ้นมาปลดชุดที่ฉันสวมอยู่ ฉันยึดมือเข้าไว้ด้วยความหวาดกลัว น้ำตาก็หลั่งไหลลงมาอย่างน่าสมเพช เขาผละออกจากริมฝีปากฉันอย่างขัดใจก่อนจะดึงมือฉันขึ้นไปรวบไว้เหนือศีรษะทั้งสองข้าง
“ขอร้องล่ะ หยุดเถอะอย่าทำแบบนี้เลย”
“ทำไมล่ะ พี่ชอบนะเวลาได้ยินเสียงเรา” เขาก้มลงมาจูบฉันไว้เบาๆก่อนจะผละออกห่าง ฝ่ามือร้อนลูบตามร่างฉันอย่างถือสิทธิ์ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวนั่นสะกิดนี่เพียงไม่นานร่างฉันก็เปลือยเปล่าใต้ร่างเขา ริมฝีปากร้อนแนบลงซอกคอก่อนจะขบเม้มแรงๆ ฉันได้แต่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความกลัว
เขาลากริมฝีปากร้อนไปตามร่องอกก่อนจะจูบเม้มตามหน้าอก ปลายลิ้นร้อนแตะลงยอดอกเบาๆฉันได้แต่สั่นสะท้านด้วยความกลัว บ้าที่สุดเลยทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ขึ้นอีกแต่ทำไมทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“อื้ม”
เสียงในคออย่างพอใจของเขาดังขึ้นยิ่งเร่งให้น้ำตาฉันไหลลงมา เขาหวังเรื่องแค่นี้จากฉันและยังคงเป็นตอนเมาสินะ
“อ๊ะ!”
ฉันสะท้านอีกครั้งเมื่อเขากำลังใช้ริมฝีปากขบเม้มที่ยอดอกเรียวลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดยอดอกอย่างร้อนแรงบวกกับมือที่นวดเฟ้นหน้าอกฉันอยู่อย่ากระหาย เขาปล่อยมือฉันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ฉันได้แต่กำผ้าปูที่นอนนี้ไว้เพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังพลุกพล่าน หน้าท้องแบนเกร็งขึ้นเมื่อริมฝีปากร้อนลากผ่านพร้อมกับใช้ปลายลิ้นกวาดชิมความหอมหวานจากร่างบาง
มือใหญ่จับเรียวขาเล็กชันขึ้นทั้งสองข้างก่อนจะผละออกถอดสิ่งที่ห่อหุ้มร่างสูงออกจนหมด ร่างสูงโน้มเข้าหาร่างบางอีกครั้งพร้อมกับมอบจูบที่เขาคิดว่าอ่อนหวานและนุ่มนวลที่สุดให้เธอไปแต่ในความคิดคนที่ถูกดึงตัวมากลับคิดว่ามันเป็นจูบที่หยาบคายและน่าสะอิดสะเอียน
ริมฝีปากร้อนแตะแนบลงต้นขาก่อนจะเลื่อยลงไปใกล้ระหว่างขาของหญิงสาวมากขึ้น
“เจ็บไหม ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่เจ็บ”
ชายหนุ่มผละหน้าออกห่างก่อนจะบอกหญิงสาวอย่างจริงจัง เขาโน้มหน้าเข้าหาระหว่างขาหญิงสาวอีกครั้งก่อนจะจูบลงบนดอกไม้งามอย่างขอโทษและหวงแหน เรียวขาเล็กสันกระตุกยามที่ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดบนยอดเกสรสีหวานเสียงครางหวานดังขึ้นเป็นห้วงๆ
“อื้ม!! อ่า หยุด ขอร้องหยุดมัน” เสียงหวานดังขึ้นกระท่อนกระแท่น
“เชื่อสิ ว่าเราไม่อยากให้พี่หยุดหรอก”
ชายหนุ่มยืดตัวสูงขึ้นก่อนจะใช้มือจับแกนกายตัวเองแล้วรูดสองสามที มือใหญ่ส่งแกนกายพอใหญ่เข้าไปในร่างหญิงสาวช้าๆร่างเล็กจิกมือเท้า สะโพกใหญ่ขยับเข้าหาร่างบางเบาๆก่อนจะเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น ใบหน้าหวานแดงซ่านเสียงเล็กหลุดครางอยู่บ่อยครั้งยิ่งเรียกให้ร่างสูงแกล้งกระแทกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วง
“กอดพี่ไว้สิ พี่เป็นของเรา”
ร่างสูงโน้มเข้าไปกอดหญิงสาวเอาไว้ก่อนแต่อีกฝ้ายกลับนิ่งไม่ยกแขนขึ้นโอบกอดเขาแต่อย่างใดจนร่างสู.ใจเสีย แต่จะให้หยุดตอนนี้ไม่ได้นอกจากเขาจะอึดอัดแล้วเชื่อสิฝ้ายก็คงจะหงุดหงิดเพราะไม่ถึงแน่นอน ภายในห้องอบอวลไปด้วยไอร้อนจากคนสองคนที่อยู่บนเตียง แสงไฟสลัวสาดส่องเข้ามาประทะร่างบางยิ่งขับให้เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ร่างเล็กหลับไปอย่างอ่อนเพลียเลยไม่ได้รู้ว่าใครอีกคนกระซิบถ้อยคำหวานกับเธอ
*“พี่รักเรา และพี่จะไม่ยอมให้ใครพรากเราจากกัน”*