Devil Moster กลรักนายปีศาจ 1
Devil monster กลรักนายปีศาจ
Pee x Puifai
“พี่พีคะ ไปทานข้าวกันนะคะ”
“ไม่! พี่ไม่ว่างปล่อยแขนพี่ด้วย” เสียงเข้มบอกฉันก่อนจะสะบัดจนแขนหลุดจากการเกาะกุม แต่ฉันคว้าแขนเขาเข้ามากอดไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนจากใช้เสียงตวาดมาเป็นใช้สายตาดุเข้มนั่นมองฉัน ฉันจำต้องลดมือลงจากแขนเขา
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาที่นี่ กลับไปได้แล้ว**ฝ้าย**” เราเรียกชื่อฉันเสียงเข้ม สายตาที่มองมานั่นบ่งบอกได้อย่างดีว่าเขากำลังหงุดหงิดมาแค่ไหน
“แต่ฝ้ายอยากทานข้าวกับพี่**พี**นี่คะ” ฉันบอกพี่พีอ้อนๆ แต่เขากลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“พี่คะ พักแล้วไปทานข้าวกันไหมคะ” พี่ใบเฟิร์น แฟนพี่พี ใช่แล้วล่ะผู้ชายคนนี้มีแฟนแล้วและเขาก็รักแฟนมาก แต่ฉันก็ยังชอบชวนเขาไปเที่ยวไปทานข้าวแต่อย่างว่าเขาไม่เคยไปด้วยเลย เขาน่ะมองฉันเป็นแค่น้องข้างบ้าน อาจจะเป็นเพราะเด็กๆเราเล่นด้วยกันเลยสนิทกันแต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อนนั่นแหละ เพราะหลังจากที่เขารู้ว่าฉันคิดกับเขามากเกินกว่าพี่ชายเขาก็ทำตัวห่างเหินกับฉัน เชื่อไหมช่องทางโซเชียลเขาก็บล็อกฉันทุกทางแม้แต่ไลน์เขาก็ยังบล็อก ฉันได้แต่นั่งสมเพชตัวเอง
“ได้สิ พีเพิ่งพักพอดี ไปกันเถอะ”
ฉันยืนมองพวกเขาสองคนเดินห่างออกไป หึ ฉันยิ้มให้ตัวเองอย่างน่าสมเพช มันถึงเวลาหรือยังนะที่ฉันจะหยุดเรื่องบ้าๆพวกนี้น่ะ ตลอดห้าปีที่ฉันมองเขาคนเดียวรู้สึกดีกับเขาคนเดียวมันพังทลายลงเพราะการกระทำพวกนั้น ฉันชอบเขาก็จริงแต่ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เขามองฉันเป็นกิ้งกือไส้เดือนมีเพียงฉันที่เข้าหาเขาคุยกับเขาแต่เขาก็คอยแต่จะปฏิเสธ
ฉันออกจากโรงพยาบาลที่พี่พีทำงานอยู่ก่อนจะขับรถไปยังร้านขนมหวานที่เพื่อนสนิทฉันชอบไปสิงสถิตที่นั่น ยัยนั่นชื่อ**ลูกอม**เป็นเพื่อนสนิทของฉันเองแหละเราคุยกับทุกเรื่องและมันก็รู้เรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ไม่คิดจะเปลี่ยนร้านหน่อยหรือไง” ฉันเอ่ยแซวเพื่อนที่นั่งอยู่หน้าจอโน็ตบุ๊คใบหน้าหวานยัยนี่ถูกบดบังด้วยแว่นสายตารวมถึงผมยาวๆที่ไม่รู้ว่าหวีบ้างหรือเปล่า ฉันวงกระเป๋าลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับลูกอมก่อนจะเดินไปสั่งเค้กและเครื่องดื่มแล้วเดินกลับมาหาเพื่อนตัวเอง
“ถามจริงลูกอมเจ้าของร้านไม่ไล่แกออกจากร้านบ้างเหรอมานั่งทุกวันแบบนี้น่ะ”
“ยังไม่มาไล่นะ ถ้าเจ้าของร้านมาไล่ฉันก็คงจะไม่กล้ามาที่นี่อีกนั่นแหละ” ยัยลูกอมเงยหน้ามองฉันก่อนจะหันไปสั่งเค้กกับพนักงานอีกตอนที่พนักงานเอาเค้กกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟฉัน
“แล้วแกเป็นอะไร ทำไมมาหาฉันที่นี่ได้” ลูกอมถอดแว่นก่อนจะกอดอกจ้องฉัน บอกแล้วว่ายัยนี่รู้ทุกอย่าง
“แกว่าฉันควรหยุดไหมอม ฉันเหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
“แกน่าจะหยุดตั้งแต่เขาปฏิเสธแล้วแล้วล่ะ” ลูกอมว่าก่อนจะหยิบมือถือออกมากดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นมือถือมาให้ฉันดู
***PP Perawat***
*1 hr*
*รำคาญว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกูสักที*
“นั่นสินะ”
ฉันพึมพำเบาๆก่อนยื่นมือถือคืนยัยลูกอม ตอนนี้ฉันไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาเพราะฉันร้องไห้ให้เขามามากพอแล้วไงล่ะ ฉันน่ะเอาแต่โง่แล้วคิดว่าเขาจะชอบฉันหันมามองฉันสักวัน เพราะเอาแต่ปิดหูปิดตาฉันเลยกลายเป็นตัวน่ารำคาญแบบนี้สินะ
“ฝ้าย หยุดได้ไหมฉันไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้”
“ฉันจะต้องทำให้ได้อม”
“วันนี้ไปเที่ยวด้วยไหมพอสมันชวน มันบอกโทรหาแกไม่ติด”
“เอาสิ ว่าแต่แกไม่คิดจะเปลี่ยนร้านเหรอเห็นมาทุกวันฉันล่ะกลัวเจ้าของร้านจะออกมาไล่แกสักวัน”
“ก็เค้กมันอร่อย รอเจ้าของร้านมาไล่ฉันก่อนแล้วกันฉันค่อยไปร้านอื่น”
“ลูกอม”
“หือ?”
ลูกอมเงยหน้าจากหน้าจอคอมแล้วมองฉันอย่างสงสัย ถ้าขืนปล่อยให้เพื่อนเป็นแบบนี้เพื่อนฉันคงขายไม่ออกแน่ ให้ฉันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ขายไม่ออกเถอะ
“แล้วนิยายเรื่องใหม่ที่จะเปิดตัวเดือนไหววะ” ฉันถามเพื่อนมือก็ตักเค้กเข้าปาก เค้กที่นี่ก็อร่อยอย่างที่ลูกอมบอกนั่นแหละ
“อีกหกเดือน ไปด้วยล่ะ ฉันขอดอกกุหลาบขาวดอกใหญ่ๆตุ๊กตาตัวขนาดเท่าฉันเลยนะแล้วก็...”
“ลูกอม! ฉันไม่ได้มีเงินขนาดนั้นนะ”
“อาชีพนางแบบเงินไม่เยอะเหรอ ”
“พอๆ เจอกันที่ผับเลยนะ”
“ได้ๆ ฉันไปชุดนี้นะขี้เกียจเปลี่ยน”
“เอาเลยลูกอมแกแคร์สื่อที่ไหน ไปนะ”
ฉันบอกเพื่อนก่อนจะออกจากร้านขนมนี่แล้วกลับบ้านทันที ระหว่างที่ขับรถผผ่านบ้านพี่พีที่อยู่ติดกับกับบ้านฉัน รถเขาจอดอยู่หน้าบ้าน ฉันตัดสินใจละสายตาจากรถเขาก่อนจะเลี้ยวรถเข้าบ้าน ฉันถอดเสื้อคลุมออกจากร่างจนตอนนี้มีเพียงเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนเอวสูงพอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพ่อกับแม่ฉันอยู่อยู่ห้องรับแขกนอกจากนั้นยังมีคุณลุงคุณป้าแล้วก็พี่พี
“มานี่สิลูก ป้ามีเรื่องสำคัญจะบอกหนูด้วยนะ” แม่พี่พีเรียกฉัน ฉันเลยเดินไปนั่งลงข้างๆแม่ตั้วเองก่อนจะมองพวกท่านอย่างสงสัย
“พ่อกับแม่มาคุยเรื่องงานแต่งของหนูกับตาพีลูก”
“คะ?”
**“สมใจเธอแล้วสิ ถึงฉันจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอบอกไว้เลยนะว่าฉันจะไม่เลิกกับแฟนฉัน****!!”**
“...”
**“ฉันไม่มีวันรักเธอ จำไว้****!!”**
เขาตะคอกออกมาเสียงดังแล้วเดินออกไป ฉันสะอึกนิ่ง น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางที่จะชอบฉันแต่ไม่จำเป็นต้องย้ำกันขนาดนี้ก็ได้นะ
“ฮึก! เรื่องงานแต่งอะไรนั่นฝ้ายขอปฏิเสธนะคะ เหตุผลอะไรก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ “
“ป้าขอโทษนะลูก” แม่พี่พีเอ่ยบอกฉันอย่างเสียใจ ฉันเลยยิ้มให้ท่านแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ฉันขอตัวจากผู้ใหญ่แล้วขึ้นห้องทันทีคืนนี้ฉันจะเที่ยวให้ลืมผู้ชายอย่างเขา พอกันทีกับรักลมๆแล้งๆ รักที่ไม่มีทางเป็นจริงถ้าจะมีรักแบบนี้ฉันเอาเวลาไปเพ้อฝันกับพระเอกนิยายยัยลูกอมไม่ดีกว่าเหรอ
“วาแม่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม” แม่เดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆฉัน ฉันพยักหน้ามือก็ยกเช็ดน้ำตาออก
“เรื่องงานแต่งไม่มีแล้วนะลูก แม่ขอโทษที่ทำอะไรไม่ถามหนูนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะหนูสัญญาว่าหนูจะตัดใจจากเขา”
“แม่เชื่อว่าหนูทำได้ ถ้าเขามองไม่เห็นรักที่เรามอบให้เราก็จงเก็บรักนั้นไว้ดูแลตัวเองนะลูก” แม่ดึงฉันเข้าไปกอดเบาๆก่อนจะผละออก มองฉันด้วยรอยยิ้มเป็นห่วง ฉันยิ้มให้ท่านเช่นเดียวกันเรานั่งคุยกันอยู่นาน จนบอกว่าคืนนี้ฉันจะไปเที่ยวอาจจะกลับดึกหรือไม่ก็ไม่กลับ พอบอกว่าไปกับยัยลูกอมกับพอสท่านเลยสบายใจลงบ้างและยอมให้ฉันไป
“พ่อคะแม่คะ ฝ้ายไปไปก่อนนะคะ”
“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก”
“ค่าพ่อ รักพ่อนะคะ”
ฉันเข้าไปกอดพ่อแล้วหอมแก้มท่านฟอดใหญ่ ท่านก็หัวเราะร่ากับความขี้เล่นของฉัน ระหว่างที่ขับรถผ่านบ้านพี่พีฉันก็อดที่จะมองไม่ได้เขายืนอยู่ข้างรถและกำลังคุยโทรศัพท์อยู่คงคุยกับแฟนเขานั่นแหละ เขาหันมามองรถฉันถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจอดรถแล้ววิ่งเข้าไปหาเขา ออดอ้อนเขาให้เขารำคาญเล่นแต่วันนี้ฉันขับผ่านไม่มีแม้แต่ห้วงความคิดที่จะลดกระจกลงแล้วตะโกนเรียกเขา ฉันต้องทำให้ได้ คนที่มองไม่เห็นค่าความรักที่ฉันแบบให้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา มันก็ชัดเจนมากแล้วล่ะว่าไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะหันกลับมาสนใจฉัน
ก่อนออกมาฉันบล็อกช่องทางโซเชียลเขาเหมือนกันเบอร์เขาฉันก็ลบทิ้ง ตอนนี้ฉันกับเขาเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน หวังว่าฉันจะตัดใจจากเขาได้นะ...
ฉันเดินเข้าผับแถบชานเมืองอย่างคุ้นเคยอาจจะเพราะมาที่นี่บ่อย ตอนนี้เพื่อนที่นัดมากำลังนั่งดื่มแล้วสอดส่องผู้ชายอยู่พอสมากับแฟนส่วนลูกอม อ่อ ไม่รู้เหมือนกันว่ามากับใครแต่มีผู้ชายตาหน้าลูกครึ่งๆยืนอยู่ข้างๆลูกอมหน้าบึ้งหน้าเหวี่ยงมาก
“รอนานไหม” ฉันเดินเข้าไปหาเพื่อนก่อนจะเอ่ยถามออกไป ลูกอมมองหน้าฉันนิ่งๆก่อนจะก่อนจะยื่นแก้วเหล้ามาให้ ตอบฉันบ้างก็ได้นะ
“มันเป็นอะไรพอส” ฉันเอียงหน้าไปถามพอส
“ไม่รู้ ตอนมันเดินเข้ามาก็หงุดหงิดมาแล้วนะ พอผู้ชายคนนี้เดินตามมามันยิ่งหงุดหงิดอ่ะ”
“เพื่อนเราขายออกแล้วใช่ไหมวะ”
“น่าจะใช่ว่ะ”
“คุยอะไรกัน!”
เสียงเข้มๆยัยลูกอมดังมาฉันกับพอสเลยผละห่างจากกันก่อนจะยิ้มแหยๆให้มันไป เราดื่นไปเรื่อยๆไม่มีใครเอ่ยถามลูกอมเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เหมือนโลกถล่มลงมาทับฉันเมื่อร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาทักผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆลูกอมแล้วข้างกายเขายังมีแฟนเขามาด้วย หึ อะไรจะตัวติดกันขนาดนั้น เขาปรายตามองฉันอย่างรำคาญแต่ฉันแค่ปรายตามองเขาก่อนจะเมินไปทางอื่น เห็นไหมล่ะแค่นั่งนิ่งๆฉันก็ทำให้เขารำคาญได้แล้วล่ะ พี่พีกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างลูกอมคุยกันอย่างสนิทอย่าบอกนะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันน่ะ
“จะรังเกียจไหมครับถ้าพี่จะขอร่วมโต๊ะด้วย” พี่พีถามก่อนจะยิ้มให้ทุกคนยกเว้นฉัน ลูกอมยิ้มอย่างชิงชังก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงชิชัง
“รังเกียจค่ะ เชิญคุณไปสถิตที่อื่นเถอะค่ะ” พอสหัวเราะในคอหึหึ ส่วนฉันก็แค่นยิ้มอย่างสะใจ เหมือนตอนนี้มีคนมองฉันด้วย ฉันเงยหน้าสบตากับคนที่จ้องมา แฟนพี่พีน่ะเขาเธอจ้องฉันก่อนจะแสะยิ้มให้
“แต่พี่อยากนั่งตรงนี้” พี่พีตอบกลับมาเสียงเย็น สายตาเลื่อนมาจ้องฉันอย่างน่าสมเพช
“งั้นก็เชิญนั่งตามสบายเลยนะคะ เปลี่ยนร้านเถอะอยู่นานกว่านี้กูว่ากูคงได้ฆ่าคนจริงๆ” ลูกอมลุกขึ้นพรางบอกเสียงหงุดหงิด คนข้างๆยัยลูกอมดึงมือมันไว้ก่อนจะมองด้วยสายตาดุๆ แต่มีเหรอเพื่อนฉันจะกลัว
“ปล่อย!”
“จะไปไหน”
“ยุ่งอะไรด้วยล่ะ”
“ถ้าจะไปที่ใหม่โทรมาจะไปรับตอนกลับ” ผู้ชายคนนั้นบอกเสียงเข้ม เอๆ สองคนนี้มันยังไงกันนะ
“ไม่!”
“เออ! เดี๋ยวโทรไปเองก็ได้”
“โทรเหรอ คงโทรไม่ติดหรอก” ลูกอมแสะยิ้มเบาๆก่อนจะหยิบมือถือออกมาแล้วจุ่มลงในถังน้ำแข็ง ก่อนที่มันจะแสร้งทำเสียงตกใจ ฉันได้แต่ส่ายหน้าให้กับเพื่อน
“อุ้ย โทรศัพท์ตกน้ำทำไงดี”
มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นจากถังน้ำแข็งแล้วแกว่งไปมาหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนที่มันจะลากมือฉันกับพอสออกมา
“แล้วเราจะไปไหนกันล่ะทีนี้” พอสถามอย่างงงๆ เออนั่นสิ ดื่มไปนิดเดียวเอง
“ซื้อไปต่อห้องฉันไหมล่ะ”
“เอางั้นก็ได้”
สรุปเราซื้อเครื่องดื่มแล้วไปดื่มต่อที่ห้องลูกอมจนเช้า เพราะวันนี้วันอาทิตย์ด้วยแหละเลยดื่มกันหนัก พอสก็หยุดงานส่วนลูกอมก็อินดี้นิยายมันอยากแต่งก็แต่งไม่อยากแต่งก็ไม่แต่งส่วนฉันน่ะเหรอ วันนี้วันอาทิตย์บริษัทฉันก็หงุดหงิดอยู่นะแต่ฉันมีอาชีพเสริมเป็นนางแบบน่ะ
“อม ใครมันมาพังห้องมึงวะเนี่ย ไปดูหน่อย” ฉันบอกเพื่อนเสียงงัวเงีย เพราะอาการเมาค้างกำลังเล่นงานฉัน ตอนนี้เราสี่คนเมาเกลือกกลิ้งอยู่ห้องยัยลูกอมนี่แหละไม่รู้ขาฉันพากคอใครระหว่างพอสกับแฟนมัน
“กูไม่มีแรงว่ะ ปล่อยไว้แบบนั้นแหละเดี๋ยวคงกลับไปเองนั่นแหละ”
“อือๆ”
ฉันหลับไปอีกรอบก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายๆฉันนี่แทบจะคลานเข้าห้องน้ำพอออกจากห้องน้ำพอสมันก็นั่งมึนๆงงๆอยู่กับแฟนมันส่วนฉันก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟา ลูกอมนั่งเอ๋ออยู่ข้างๆ เฮ้ยเขามาได้ไง ฉันมองผู้มาใหม่สองคนด้วยแววตาตกใจก่อนจะปรับให้เป็นราบเรียบตามเดิม ฉันแสร้งหันหน้าเข้าโซฟา เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน
“ดื่มเยอะไหม ทำไมอยู่ในสภาพนี้กัน”
“ยุ่งอะไรด้วยล่ะ” เสียงหงุดหงิดลูกอมดังขึ้น ทำไมเหมือนฉันจะหลับไปอีกแล้วล่ะเนี่ย
“Johnnie walker” เสียงหนึ่งดังขึ้นฟังก็รู้ว่าเสียงใคร ทำไมเขาไม่กลับไปล่ะเขามาอยู่ที่นี่ทำไมกัน
“ฝ้ายนอนดีๆชุดมันถลกขึ้น” พอสหันมาบอกเสียงเบาฉันเลยคว้าหมอนใบใหญ่ๆมาปิดต้นขาด้านหลังไว้ แต่ต่อมาก็เหมือนหมอนใบนั้นจะถูกใครสักคนดึงออกตามด้วยความอุ่นที่คลอบต้นขาไว้ ฉันฝืนมองก็เห็นว่ามันเป็นแจ็กเก็ตหนังสีดำที่คลุมขาฉันอยู่ ฉันลุกนั่งก่อนจะเอาเสื้อตัวนั้นออกจากขาฉันวางพากเสื้อไว้กับพนักพิงโซฟา อย่าให้ของๆเขามาใกล้สิ่งสกปกอย่างฉันเลย
“พอสไปส่งฉันหน่อยสิ” ฉันขยับไปนั่งซ้อนหลังพอสไว้กอดจะกอดคอมันอ้อนๆ แฟนพอสที่นั่งอยู่ข้างๆยื่นแก้วน้ำมาให้ฉัน เอ่อ พอสมีแฟนเป็นผู้ชายอ่ะนะเพราะแบบนี้ไงฉันเลยชอบอ้อนพอสแฟนพอสก็เข้าใจนะว่าเราเล่นกันแบบนี้
“กลับกับพี่ก็ได้” เสียงหนึ่งดังมาจากฝั่งตรงข้าม ถ้าเป็นเมื่อวานฉันคงดีใจที่เขาบอกว่าจะไปส่ง แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากเดินกลับไปในหลุมที่ฉันมองเห็นแค่เขาอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไปล้างหน้าเถอะ เดี๋ยวทำอะไรให้ทานแล้วค่อยกลับกัน”
“นี่! อย่าทำเหมือนห้องตัวเองได้ป่ะ กลับไปเลยนะ” ลูกอมบอกผู้ชายคนนั้นเสียงอ้อแอ้ ไม่ว่าใครตอนนี้ก็เมาค้างกันทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นมีเพียงฉันกับเพื่อนส่วนผู้ชายสองคนกลับไปชุลมุนอยู่ในห้องครัว
“แกกับผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกันอม” ฉันถามเพื่อนระหว่างที่กำลังเลื้อยตัวนอนบนโซฟาเหมือนเดิม
“ไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก แล้วที่ไอ้พี่พีคนนั้นเรื่องงานแต่งน่ะ”
“ไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันคุยกับผู้ใหญ่แล้วพวกท่านก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” ฉันบอกเพื่อนไปตามจริง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาถึงได้ไหลลงมาแบบนี้ ฉันเช็ดน้ำตาออกก่อนที่เพื่อนจะเห็น
“เหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดไปนะปุยฝ้าย เพราะผู้ใหญ่บอกฉันว่างานแต่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้าแล้วอาทิตย์หน้าพวกเขาจะให้เราจดทะเบียนสมรสกันก่อน” เสียงพี่พีดังมาจากด้านหลัง ฉันลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฉันพวกเขาเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอทำไมยังมีงานแต่งบ้าๆนั่นอีก
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับท่านเอง”
“เธอแน่ใจเหรอ ถ้าไม่แต่งบริษัทพ่อเธอก็จะโดนยึดนะ ไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอเป็นหนี้พ่อฉัน”