ภูเบศวร์ไม่ได้นอนพักแต่บนเตียงอีกต่อไปแล้วหลังจากค่ำคืนนั้น ในเมื่อเขาไม่ได้พิการอย่างที่เธอเข้าใจ ทั้งยังให้เธอทำท่าประหลาดอยู่หลายต่อหลายท่าขณะทำกิจกรรมบนเตียงอีกด้วย ชายหนุ่มออกไปข้างนอกได้แล้วและนำงานเอกสารกลับมาดูที่ห้องทำงานของเขาโดยต้องมีเด็กสาวคอยตามอยู่ตลอดไม่ห่างกาย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เธอดีใจทุกครั้งที่ได้เข้ามาในห้องทำงานของภูเบศวร์เพราะมีหนังสืออยู่แน่นตู้ไม้ห้าหลังที่ทำแบบบิลต์อินกับผนังจากพื้นห้องยาวไปสุดที่ฝ้าเพดานนั่นเลย คนชอบอ่านตาวาววับทันทีที่ได้เห็นตู้ไม้อัดแน่นไปด้วยหนังสือหลายประเภท พอเข้ามาในห้องทำงานแล้วเด็กสาวจัดแจงเดินไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศ จัดแจงโต๊ะนั่งให้เขาเรียบร้อยแล้วถึงได้เรียกเขาเสียงอ่อย
“คุณภูคะ”
“ว่าไง” ภูเบศวร์ครางรับ ขณะนั่งลงบนโต๊ะ สายตาอ่านเอกสารบางอย่างในมือ หูก็คอยรับฟังคำของเธอ
“หนูขอยืมหนังสือไปอ่านบ้างได้ไหมคะ” เธอขอเสียงเบาหวิวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนหวงหนังสือ ภูเบศวร์เงยหน้าจากกระดาษมาสบสายตาเข้ากับเธอ แล้วถามกลับ
“ชอบอ่านหนังสือหรือเราน่ะ”
“ค่ะ หนูอยากเรียนต่อ ถ้ามีโอกาสจะลองไปสอบดูสักที”
“แล้วทำไมไม่เรียนแต่แรก” เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ เด็กสาวเองก็นิ่งไป ก่อนบอกปัด
“ช่างมันเถอะค่ะ คุณรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“กาแฟดำเหมือนเดิม”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
รับคำอย่างกระฉับกระเฉง ครู่เดียวเด็กสาวก็กลับมาพร้อมถาดเครื่องดื่มในมือวางลงให้เขาบนโต๊ะ หยิบแก้วออกมาวางตรงตำแหน่งที่เขาจับได้ถนัดแล้วออกมายืนมองชั้นหนังสือตาปรอยอีกครั้ง
เขายังคงก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ แล้วก็ถามเธอต่อ เหมือนอยากรู้เรื่องราวความคิดความอ่านของเด็กสาวบ้าง
“อยากเรียนต่อหรือไงหืม...ยัยเด็กอมมือ”
“ค่ะ” รับคำเขาหน้ามุ่ยเล็กน้อย ไม่ชอบใจเลยที่เขามักเรียกเธอว่ายัยเด็กอมมือ
“เดินมานี่ซิ”
เขาสั่งเสียงเรียบ ตาคม ๆ นั่นก็วาววับ ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ เด็กสาวที่เริ่มรู้จักตัวตนของภูเบศวร์มาบ้าง เลยยืนนิ่งเหมือนจะต่อต้านเขาหน่อย ๆ
“มานี่”
จนเขาขึ้นเสียงสั่งอีกครั้งนั่น เธอถึงได้กลั้นใจเดินเข้าไปหา
ทุกย่างก้าวที่สาวเท้าไป ใจแกว่งไกวแปลกประหลาด พอไปจนถึงก็ถูกเขาดึงแขนจับนั่งลงบนตักทันที แล้วซุกใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราลงมาซบตรงซอกคอนุ่มหอมละมุน มือไม้ของเขาหนุบหนับแตะตรงนั้นนวดเฟ้นตรงนี้ไปทั่วเรือนกาย จนคนอ่อนประสบการณ์ปัดป้องไม่ทัน ขนอ่อนลุกเกรียวตามสัมผัสของเขาอีกแล้ว
“อยากเรียนอะไร ไหนบอกให้คุณภูฟังหน่อย” นี่ก็เป็นอีกอย่าง ภูเบศวร์แทนตัวเองว่า ‘คุณภู’ ทุกครั้งที่คุยกับเธอ ทั้งยังให้เธอเรียกเขาว่า ‘คุณภู’ ‘คุณภู’ อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตอนอยู่บนเตียงอีกแล้ว
“หนูอยากเรียนหมอค่ะ” เด็กสาวว่าเสียงสั่น ๆ มือยังปัดเขาอยู่ไม่หยุด
“อยากเรียนหมอ จะสอนพื้นฐานให้ก่อน” เขาว่าแล้วขบเม้มใบหูนุ่มนิ่มอย่างมันเขี้ยว จอมขวัญผงะ ขนลุกเกรียวไปทั่วตัว แต่เพราะความอยากรู้จึงถามเขา
“พื้นฐานหรือคะ?”
ภูเบศวร์หยุดแล้วบอกด้วยท่าทีจริงจัง “กายวิภาคศาสตร์ พื้นฐานของหมอ”
“ทำไมคุณภูรู้คะ”
“ฉันจบหมอมา ไม่รู้หรือไง”
“แล้วทำไม”
เสียงใสกำลังจะถาม แต่กลับเป็นครางแผ่ว ๆ เมื่อถูกมือเขาเร้าจะเข้าไปที่ขอบกางเกงเบื้องหน้าของเธอ สองมือร้ายกาจนั่นไต่เอื้อมไปเกาะกุมยังเบื้องล่างกลางกาย อีกมือดันขาอ่อนเรียวงามให้เปิดอ้าออก
“นี่ไง ตรงนี้เขาเรียกว่า pelvic area”
“ฮื้อ ยะ อย่าค่ะ...เฮือก”
เด็กสาวคราง มือยังสู้กับเขาไม่ให้ทำอะไรกับเธอในห้องนี้ ภูเบศวร์ไม่ยี่หระเขาเลิกสนใจตรงที่เธอพยายามยื้อมือห้าม แล้วไต่ขึ้นไปที่ปทุมถันคู่งามแทน เมื่อควานไปจนถึงเขาบีบคลึงเบา ๆ อย่างยั่วเย้า ใช้นิ้วหัวแม่มือสะกิดเขี่ยยอดอกจนแข็งชูชันรับสัมผัส
“อย่าทำแบบนี้กับหนูค่ะ” เด็กสาวร้องห้ามเสียงสั่น ๆ
“ใหญ่ขึ้นนะเนี่ย แสดงว่ากระตุ้นถูกวิธีแล้ว”
เขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบ สูดดมพวงแก้มหอมนุ่มไปพลางอย่างย่ามใจ ก่อนจะปล่อยมือที่ดันขาของเธอมาประคองใบหน้าสวยหวานเอาไว้แทน เพื่อประกบริมฝีปากจูบอย่างที่อยากทำตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้แต่แรกนั่น
ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวดูดดุนริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างเบา ๆ สองมือคลึงเคล้นเนื้ออ่อนหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผ่อนคลายลูบเบา ๆ สลับไปมา จนยอดอกดันบราขึ้นมาเป็นเม็ดนูนเด่นชัดสู้สายตาคนปลุกเร้า ภูเบศวร์สอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากแสนหอมของคนบนตัก ตวัดดุนดันทั่วกระพุ้งแก้มอย่างเร่าร้อน แม้จะผ่านกิจกามมามากกว่าจูบดูดดื่ม แต่เมื่อเปลี่ยนสถานที่และเวลากลับทำให้รู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกที เนื่องจากเป็นการกอดจูบลูบไล้กันภายในห้องทำงานของผู้เป็นใหญ่ในไร่ภู
ชายหนุ่มดึงชายเสื้อยืดของเด็กสาวขึ้นจนพ้นทางแล้วเลื่อนใบหน้าลงไปที่กลางร่องอกสูดความหอมจากอกอวบอิ่ม จมูกไซ้ไปมาสลับทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งบีบเคล้นบนทรวง อีกมือเลื่อนลงลูบคลึงสะโพกอวบเต็มมือและท่อนขาเรียวงาม
สาวน้อยถูกปลุกอารมณ์ด้วยมือแข็งแรงและร้ายกาจ บราของเธอถูกดันขึ้นไปไว้เหนือทรวง ไม่ถึงอึดใจที่ปลายยอดอกสีสดที่ทั้งหอมและหวานก็ถูกดูดดึงลิ้มรสจากปากร้อน ๆ ของเขา
“อือ...”
ภูเบศวร์พุ่งความสนใจไปที่สองก้อนเนื้ออวบอิ่มล้นมือโดยใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บี้คลึงปลายยอดที่ข้างหนึ่งและใช้ริมฝีปากดูดดุนเนื้อนิ่มที่ชูชันจนแข็งเป็นไตที่อีกข้างจนสาวน้อยด้อยเดียงสาปลดปล่อยความชุ่มชื้นซึมออกมาเป็นวงกลางผ้าชิ้นน้อยของเธอ หนุ่มใหญ่เชี่ยวชาญเชิงกามาเคลื่อนมือลงหาที่ใจกลางกายงามที่หอมหวานจนเขาอยากกินลงไปทั้งตัว บดสันนิ้วเสียดกลางร่องถูไถไปมาเป็นจังหวะยิ่งทำให้ความฉ่ำชื้นแผ่ออกมามากขึ้นแสดงถึงความกระสัน
“เสียวมากไหม” ถามไปพลางก็ยังไม่หยุดการปลุกเร้าอารมณ์สาว
“อะ...อือ ค่ะ” ชายหนุ่มใช้นิ้วกลางแซะลงไปในร่องภายนอกผ้าแล้วงอนิ้วสะกิดชิ้นเนื้อที่ซุกซ่อนอย่างลึกล้ำไม่กี่อึดใจร่างน้อยบนตักก็สะดุ้งเฮือกปลดปล่อยเมือกใสออกมาจนชุ่มผ้าชิ้นน้อยของตนเอง
“เอาไว้คืนนี้ทำคืนให้คุณภูบ้างนะ”
ว่าจบก็หอมแก้มนวลฟอดแล้วอุ้มไปนั่งที่โซฟาข้าง ๆ แทน นึกแปลกใจตัวเองว่าเป็นคนมักมากขนาดนี้เชียวหรือ อยู่ใกล้ยัยเด็กนี่ทีไรเขาอยากทำแต่เรื่องใต้สะดือด้วย ปกติกับสาวอื่นเต็มที่ไม่เกินวัน แต่กับแม่นี่ทำไมเขาถึงไม่อิ่มเสียที หรือเพราะยังสาว ยังสด ยังซิง ถึงได้หิวโหยกระหายอยากอย่างนี้ เอาเถอะ อีกไม่นานหรอก คนอย่างภูเบศวร์ก็จะเบื่อไปเอง
ด้านนอกของบ้านในช่วงสายของวันถัดมา ร่างโปร่งระหงลงมาจากรถสปอร์ตหรูก่อนจะดึงแว่นสายตาออกจากใบหน้างามที่ตกแต่งเป็นอย่างดี
“คุณภูพักที่ไหน”
“มาพบคุณภูหรือคะ รอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ หนูจะไปเรียนท่านให้ทราบค่ะ” จอมขวัญบอกอย่างสุภาพ ก่อนชะงักนิดหนึ่งแล้วถามต่อ
“เอ่อ...คุณชื่ออะไรคะ”
“บอกเขาว่าไลลามา”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
จอมขวัญรับรองแขกสาวแล้วจึงเข้าไปรายงานภูเบศวร์ที่ง่วนกับเอกสารบนโต๊ะของเขาในห้องทำงาน
“คุณภูคะ คุณไลลามาขอพบค่ะ”
ภูเบศวร์ไม่ได้เงยหน้า เขาตอบรับทั้งที่ยังก้มอยู่กับเอกสารตรงหน้า “อือ พามาในนี้เลย”
หลังพาแขกสาวเข้าไปพบเขาในห้องแล้ว จอมขวัญจึงเดินเข้าไปช่วยงานที่ด้านในครัว หนึ่งในสาว ๆ ห้องครัวถามเมื่อเห็นรถจอดตรงหน้าบ้าน
“ใครมาเหรอคะ”
“คุณไลลาค่ะ”
คนถามอุทานอย่างตกใจ “ตายล่ะ คุณไลลามา”
จอมขวัญถามอย่างอยากรู้ “ทำไมหรือคะ”
“รอดูเอาเถอะค่ะว่าทำไม น้องขวัญต้องการอะไรในนี้หรือเปล่าคะ”
“ว่าจะมาเอาน้ำไปให้คุณไลลาค่ะ”
สาว ๆ ที่เหลือกุลีกุจอมาหยิบถาดและน้ำส่งให้จอมขวัญ โดยไม่พูดอะไรกันอีก แล้วมองตามหลังเด็กสาวด้วยสีหน้าหวาดเสียวแทน
จอมขวัญยกถาดน้ำที่มีถึงสามแก้ว ใบแรกคือน้ำส้มคั้นสด อีกหนึ่งเป็นน้ำแร่ และใบสุดท้ายคือน้ำอุ่น ไปที่ห้องทำงานของภูเบศวร์ ด้วยน้ำหนักที่ต้องประคองไว้สองมือเธอจึงยกมือขึ้นเคาะเบา ๆ เป็นการขออนุญาตเพื่อเข้าไป หูว่าแว่วเสียงอนุญาตแล้วจึงเปิดเข้าไปทันที แต่พอดันประตูจนอ้าออกก็รู้ว่าตนเองนั้นมาผิดจังหวะไปถนัด
ร่างงามของคนมาใหม่นั่งซ้อนบนตักเจ้าของบ้าน โดยการหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม มือทั้งสองคว้าจับที่ศีรษะของเขา ไม่ต้องถามว่าใบหน้าของทั้งสองคนนั้นอยู่กันอย่างไร ทั้งคู่กำลังประกบริมฝีปากกันแนบแน่น จนคนที่เข้ามาขัดถึงกับหน้าร้อนฉ่าอับอายแทน
“ว้าย! เข้ามาทำไม”
ไลลาชะงักแล้วตวาดอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษค่ะ หนูเอาน้ำมา...” ยังไม่ทันได้บอกจนจบ หญิงสาวแสนสวยคนนั้นก็เหวี่ยงตัวออกจากตักชายหนุ่ม ปรี่เข้ามายกแก้วน้ำส้มสาดใส่ใบหน้าของเธอทันที
แล้วตวาดไล่เสียงแหลม “ออกไป!”
ภูเบศวร์ไม่ออกปากห้ามใครสักคำ
จอมขวัญได้แต่ยืนงงอยู่ครู่ จึงพาตนเองออกมาข้างนอกในที่สุดแล้วรีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาเพราะน้ำส้มในแก้วทำให้แสบจนทนไม่ไหว
ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยนะ ไม่เห็นเข้าใจเลย
เธอบ่นงึมงำเบา ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาทางด้านหลัง พอล้างจนเรียบร้อยจึงหาผ้าเช็ดใบหน้าเบา ๆ หันมาถึงเห็นว่าเป็นภูเบศวร์ที่ยืนกอดอกมองนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยสั่งขึ้น
“ไปแต่งตัวสวย ๆ จะพาออกงาน”
“ออกงานที่ไหนคะ” จอมขวัญถามด้วยความสงสัย เพราะนี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาจะพาเธอออกไปข้างนอก
“ไปเถอะน่า อย่าถามมาก คุณไลลาจะแต่งตัวให้เธอเอง”
คุณคนเมื่อครู่นี้หรือจะแต่งตัวให้เธอ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งสาดน้ำส้มใส่หน้าเธอน่ะนะ แต่เด็กสาวไม่มีเวลาได้คิดอะไรต่อไปอีก เขาจึงเร่งเอาอีกครั้ง
“มาสิเร็ว”
เท่านั้นเองถึงได้ออกเดินตามหลังของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไปที่ห้องรับรอง โดยมีสาวงามนามว่าไลลานั่งพร้อมเครื่องสำอางวางเกลื่อนบนโต๊ะรออยู่แล้ว
“นั่งลง!”
ไลลาบอกเสียงสะบัด เด็กสาวทำได้เพียงทำตามสั่งเท่านั้น จึงนั่งลงให้อีกฝ่ายจัดแจงแต่งหน้าให้ตามที่ภูเบศวร์สั่งการ ส่วนเขาหายไปจากห้องนั้นแล้ว
แม้ไลลาจะจัดแจงแต่งหน้าให้อย่างไม่ตั้งใจทำนักเพราะลงมือละเลงบนใบหน้าของเด็กสาวอย่างให้รู้ว่าไม่ถนอมผิวเลย แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีก็เห็นว่าตัวเธอเองในกระจกนั้น...
“สวย...ใช้ได้เลยไลลา”
เสียงชมของภูเบศวร์ลอยเข้ามาในห้อง จนเด็กสาวกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตนเองว่าเขาจะออกปากชมตน
“ระดับไหนแล้วคะ”
เสียงไลลาตอบอย่างไม่ถ่อมตัวนัก ภูเบศวร์เข้ามายืนเมียงมองใบหน้าของเด็กสาวที่แต่งเรียบร้อยแล้วด้วยสายตาเป็นประกายถูกอกถูกใจ ทำให้สาวน้อยกระดากอายขึ้นมาไม่น้อยจนต้องหลบตาเขา จากนั้นชายหนุ่มค่อยเดินไปเลือกชุดส่งมาให้
“ใส่ชุดนี้นะ”
ชุดที่เขาเลือกให้เธอใส่เป็นเดรสสีดำยาวครึ่งหน้าขาเท่านั้น เด็กสาวที่ไม่เคยแต่งหน้าแต่งตัวออกงานพอเห็นตนเองในชุดรวมทั้งหน้าผมเหล่านั้นก็ประหม่าในทันที
“พร้อมหรือยัง”
เสียงถามจากเขาที่อยู่ในชุดที่ดูหล่อเหลาผิดไปจากทุกทีแม้จะยังมีหนวดเครารกครึ้มอยู่ก็ตาม ไลลาอยู่ในชุดเดิมก่อนจะพากันขึ้นรถคันใหม่ที่ลูกน้องของเขาถอยออกมารอรับ แล้วมุ่งหน้าไปยังถนนอยู่ราวครึ่งชั่วโมงก็ถึงงานตามที่เขาบอกว่าพามา
งานเลี้ยงที่มาเป็นงานเปิดตัวรีสอร์ตหรูที่สร้างขึ้นใจกลางธรรมชาติด้วยเงินลงทุนมหาศาล ระบุเพียงคนถือหุ้นหลักเพียงเท่านั้น
ที่นี่คลาคล่ำไปด้วยนักธุรกิจมากหน้าหลายตาจนเด็กสาวที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่นไม่นานประหม่าจนทำตัวไม่ถูก มือของเธอถูกรวบจับไปคล้องเข้าที่แขนล่ำของภูเบศวร์ พอเธอเงยหน้ามองเขาก็ส่งเสียงที่ฟังดูอบอุ่นน่าวางใจ
“กลัวไหม”
“ไม่ค่ะ แค่...เอ่อ ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ”
“เก่งมาก” เสียงชมที่แฝงความสนุกอยู่ในนั้นบอกอย่างไม่ได้นึกชื่นชมจริงจัง ก่อนพาเดินเข้างานสู้แสงแฟลชวูบวาบทำเอาลายตาไปหมดแล้วหยุดลงที่โต๊ะตัวหนึ่งแถวมุมห้องจัดเลี้ยง เด็กสาวถูกเชิญให้นั่งลงพร้อมภูเบศวร์ที่โต๊ะนั้น
“นอกจากเปิดตัวรีสอร์ตแล้วยังเปิดประมูลเครื่องประดับจากพลอยด้วย...อยากได้ไหม” เสียงกระซิบข้างหูจากเขาทำให้จอมขวัญต้องหันมามอง
“ไม่ค่ะ หนูไม่ชอบ”
“ทำไมไม่ชอบ สวยนะ”
เด็กสาวทำเพียงยิ้มแล้วกวาดสายตามองผู้คนและบรรยากาศในงานไปพลาง ในตอนนี้เธอไม่เห็นไลลาแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแยกตัวไปไหน ตอนแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จนั่นมัวแต่งงงวยอยู่ เธอยังไม่ได้ขอบคุณไลลาเลย ก่อนจะได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยกว่านี้ ก็ต้องหดคอหนีเมื่อรู้สึกขนลุกเกรียวพอหันไปดูก็เห็นเขาใช้มือนวดคลึงเบา ๆ ตรงต้นคอว่างเปล่าของเธอ แล้วจึงหันไปสบตาคมของภูเบศวร์ ถึงได้เห็นเขามองมาอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“อะไร” เขาถามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ราวกับกำลังสนุกสนานอยู่กับเกมอะไรสักอย่าง
“คุณภูนั่นแหละทำอะไรคะ”
“คุณภูยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่าจะทำอยู่เหมือนกัน”
ภูเบศวร์ตาพราวระยับ เขาว่าจบมือข้างที่นวดต้นคอของเธอคลึงวนบนหัวไหล่กลมมนขาวนวลเนียนแล้วโน้มตัวเข้ามาเบียดจนจอมขวัญต้องเบี่ยงตัวหนีแล้วก็เห็นว่าเขากำลังรับเครื่องดื่มจากพนักงาน จนต้องมาเบียดเธอ แต่เขาจะมาเบียดเธอทำไมกัน จนเรียบร้อยแล้ว ภูเบศวร์ใช้มือข้างที่ชิดกับกายของเธอแตะลงบนหน้าตักของเด็กสาวอย่างหวาดเสียว จอมขวัญแหวใส่อย่างที่โกรธขึ้นมาบ้างแล้ว
“อุ๊ เอามือออกไปนะคะ”
“อะไรกัน อยู่บ้านมากกว่านี้ยังทำได้เลย”
“แต่นี่มัน...” ปัดเขาด้วยวาจาและมือไม้
แต่ว่ายังไม่ทันจบประโยคดี เขาดันมือแทรกเข้าไปที่โคนขาด้านใน ออกแรงแยกเนื้อที่หนีบเข้าหากันเพื่อสู้แรงกับเขาไว้ คนเจ้าเล่ห์เลือกจุดนั่งได้ดีนัก บริเวณนี้ปลอดสายตาคนทั้งยังมองเห็นบรรยากาศของงานได้ถ้วนทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยงอีกต่างหาก ขณะที่รุกรานเธอก็แว่วเสียงหัวเราะชอบใจในลำคอของเขาไปพลาง จนเด็กสาวชักทนไม่ไหว ปัดมือของเขาออกโดยแรง ทั้งตวาดเสียงดังขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่ดังพอให้คนหน้ามึนหยุดรุกราน
“ปล่อยหนูนะ คุณภูจะมาทำกับหนูแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้” เสียงเขาว่าอย่างดื้อดึง
ฉับพลันไฟในห้องจัดเลี้ยงเริ่มหรี่ลงเมื่อมีโชว์พิเศษก่อนเปิดรายการประมูลเครื่องประดับล้ำค่าหลายรายการ ทุกคนเริ่มมองไปยังบริเวณแท่นเวทีจัดงานกันแล้ว และมือของเขาก็ยิ่งรุกหนัก จะดิ้นรนหนีก็ถูกเขาล็อกลำตัวเอาไว้ด้วยกายหนาหนักบึกบึนของเขา
เค้นเสียงบอกเขา “ปล่อยหนู!”
“เดี๋ยวซี้ ยังไม่ทันได้เอาเข้าไปเลย จะให้ปล่อยได้ยังไง”
เขาว่ากลั้วหัวเราะและโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จอมขวัญสุดทนกับพฤติกรรมของเขา เธอฮึดสู้ด้วยการอาศัยทีเผลอเบี่ยงตัวแล้วผลักเขาไปอีกทาง เด็กสาวรีบลุกออกจากโต๊ะแล้ววิ่งเตลิดไปที่ประตูทางออก พ้นจากตรงนั้นได้ก็หาที่ยืนหลบมุมพักหนึ่ง พยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อให้ตนเองสงบลง ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อถูกสัมผัสแปลก ๆ ที่แผ่นหลัง เธอกระชับกระเป๋าถือในมือตั้งใจจะฟาดลงที่คนหน้าไม่อาย แต่พอหันกลับมาก็เห็นว่าเป็น...
“พี่เด”
เทวาในชุดสูทสุภาพสีดำกวาดสายตามองใบหน้าเด็กสาวด้วยกระแสแห่งความห่วงใยอย่างที่สุด เพราะพอรู้มาบ้างว่าเธอถูกมารดาเลี้ยงพาไปอยู่ที่บ้านของภูเบศวร์เสียแล้ว “น้องขวัญ เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไม”
“ฮึก...ฮือ” จอมขวัญสะอื้นฮัก ๆ แล้วปิดตาลงก้มหน้าร้องไห้โฮอย่างที่อัดอั้นตันใจเหลือจะพรรณนาออกมา เทวาที่เอื้อมมือออกไปจะคว้าร่างบอบบางให้มาซบลงกับอกของตน ก็ถูกตัดหน้าด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลและร้ายกาจยิ่งกว่า ตวัดเด็กสาวให้เข้าไปกระแทกกับลำตัวบึกบึนของอีกคนแทน
“ไง...เทวา” เสียงทักทายอย่างเป็นต่อไม่เท่าแววตาแสดงความเป็นเจ้าของของคนทัก
เทวากำหมัดแน่น สั่งเสียงลอดไรฟัน “ปล่อยน้องขวัญ”
“นี่เหรอ” ภูเบศวร์ทิ้งสายตาลงมายังคนในอ้อมกอด แล้วว่ายิ้มๆ “ปล่อยไปได้ไง จอมขวัญเป็นคนของคุณภู...ใช่ไหมคะ”
จอมขวัญมองผ่านม่านน้ำตาไปยังเทวา ได้แต่เม้มปากแน่นไม่ตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น
ภูเบศวร์ไล้มือกับเนื้อสาวขาวละมุนอย่างต้องการให้รู้ว่าเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในตัวเธอ “ต้องเป็นผมสิครับ ที่บอกคุณว่าอย่ามายุ่งกับจอมขวัญ”
เทวาแทบกระอักเลือดออกมาเมื่อเห็นกิริยาท่าทางที่ภูเบศวร์ทำกับนางในดวงใจ เอ่ยถามเสียงเครียด “ทำไมน้องขวัญ...”
“ไปถามแม่หนิมดูสิ...ว่าทำไม” ไม่ตอบดี ๆ แถมยังโบ้ยไปทางนางนิพาพรเสียอีก เทวากำมือแน่นอย่างโกรธแค้น สายตาที่มองภูเบศวร์ก็เหมือนกับจะให้อีกฝ่ายมอดไหม้ลงตรงหน้าเสียให้พ้น ๆ เค้นเสียงลอดไรฟัน
“แก ไอ้ภู”
“อย่ามาชกต่อยกันเลยนะเทวา ผมไม่ต่อยกับคุณเพราะแย่งผู้หญิงแบบนี้หรอก เอาไว้นอนจนเบื่อแล้วจะส่งต่อให้ก็แล้วกันนะ”
จอมขวัญนิ่งเงียบมาตลอดทางเพราะเธอทั้งโกรธและอายที่ถูกภูเบศวร์พูดถึงแบบนั้น แม้เธอจะยังเด็กแต่เข้าใจคำพูดและอารมณ์ของคนพูดดี เขาดูถูกเธอ ทันทีที่รถจอดเด็กสาวเปิดประตูลงแล้วเดินดุ่ม ๆ ตรงไปที่ห้องพักทันที แต่ไปไม่ถึงไหนก็ถูกดึงข้อมือให้หันกลับมาด้านหลัง
ภูเบศวร์ไม่พูดพร่ำเขาดึงจนร่างงดงามในชุดสวยปะทะกระแทกกัน แล้วตั้งใจจะประทับจูบเพราะความปรารถนาที่มีตีตื้นตั้งแต่ตอนเห็นเด็กสาวก่อนพาไปออกงานนั่นแล้ว แต่จอมขวัญผละหนีไม่ยินยอมง่าย ๆ ทั้งยังว่าเขาเสียงสั่น ๆ
“คุณมันคนทุเรศ บ้าเซ็กซ์”
คนถูกว่าบ้าเซ็กซ์ชะงัก ก่อนย้อนคืน
“ไม่เอาก็ได้ นี่แค่อารมณ์ค้าง เลยอยากจะจิ้ม ๆ ให้มันหายคัน คนอย่างคุณภูไม่เคยต้องง้อใคร ไม่เคยบังคับขู่ใคร ไม่ให้เอาก็ไม่เอาโว้ย”
ว่าจบคนไม่เคยง้อใครระบายอารมณ์ด้วยการเตะข้าวของในห้องทั้ง ๆ ที่มันวางในที่ของมัน แต่เขาก็เตะจนมันกลิ้งออกมาจนได้ กลับเข้าห้องมาได้ก็กระวนกระวายใจอยู่คนเดียว
นี่เขาติดยัยเด็กอมมือจริง ๆ ใช่ไหม
ขนาดว่าวันก่อนออกไปกับคู่ขาคนเก่า เขายังหมดอารมณ์ไม่อยากนอนด้วยเลย เพราะกลิ่นสาบสาวละอ่อนนั่นติดจมูกจนเขาจนหมดอารมณ์ที่จะนอนกับคนอื่น
ไม่!
ไม่มีทางที่ยัยเด็กนั่นจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา คิดว่าง้อหรือไง ไม่ให้เอาไปชักว่าวก็ได้วะ