บทนำ
ภาพเด็กสาววัยเพียงสิบแปดปีในชุดเสื้อนักเรียนคอบัวแขนยาวสีขาว กระโปรงจีบรอบสีกรมท่า ผมสีน้ำตาลเข้มของเจ้าตัวถูกแบ่งออกถักเปียยาวสองข้างเว้นหางพอประมาณ ผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกับกระโปรง ดวงตาสีเดียวกับผม คงเฉกเช่นเดียวกับมารดาของเธอที่เป็นหญิงสาวชาวรัสเซีย ส่วนบิดานั้นมีเชื้อสายไทยจีนอย่างละครึ่ง จึงทำให้เธอเป็นผลผลิตที่ดูสวยหวานกว่าหญิงสาวที่เคยเห็นมา สาวน้อยกำลังวิ่งตรงมาที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นสนด้านหลังภายในโรงเรียนประจำที่บิดานำเธอมาฝากไว้กับซิสเตอร์ ตั้งแต่เธออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า จนถึงบัดนี้ใกล้จบออกไปเต็มทีแล้วก็ยังใช้ชีวิตเป็นนักเรียนประจำอยู่
เด็กสาวหยุดที่ม้านั่งหินอ่อนแล้วถามคนที่นั่งรออยู่ด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ
“พี่เด เอามาไหม ของที่ขวัญฝากน่ะค่ะ”
“นี่ไง” ชายหนุ่มผิวขาวสะอาด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายบอกพร้อมชูถุงกระดาษในมือขึ้น ตาเป็นประกายวาววามเมื่อได้คุยกันใกล้ชิดกับเด็กสาวแสนสวยที่ตนตามเฝ้าตามประกบ ไม่ให้แมลงมดตัวใดมาวอแวกับเธอได้แม้แต่ตัวเดียว
“โอย...ขอบคุณมากค่ะ นี่ขวัญแอบออกมานะคะ ถ้าซิสเตอร์เห็นต้องบ่นอีกแน่ ๆ เลย”
เจ้าตัวบอกเสียงใส ยื่นมือออกไปรับของที่ฝากให้เขาซื้อติดมาให้ เมื่อตอนที่เขาบากหน้ารบกวนบิดาของเขาเองให้ช่วยต่อสายหาเธอเมื่อคืนวานเพราะอยากได้ยินเสียง ไม่อย่างนั้นคงไม่ผ่านด่านของครูผู้คุมหอจนได้คุยกับเธอ หญิงสาวไม่ถามอะไรเขาเลย ได้แต่ฝากให้เขาซื้อมันมาให้หากวันใดจะแวะมาหา
“จะไปแล้วใช่ไหมครับ” เสียงถามของชายหนุ่มมีแววตัดพ้อเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวหันรีหันขวางท่าทางจะจากไปได้ทุกขณะ
“ค่ะ พี่เด มีอะไรอีกไหมคะ”
“ไม่มีครับ พี่แค่เอาของที่ขวัญสั่งไว้มาให้ แล้วก็อยากเห็นหน้าด้วย...พี่ คิดถึง” เสียงทุ้มของชายหนุ่มบอกอ่อย ๆ ในตอนท้าย
สาวน้อยเลยมุ่ยหน้าหน่อยหนึ่งใส่คนพูด ไม่ได้นึกเขินอายอีกฝ่ายสักนิด แม้เขาจะเกี้ยวพาราสีเธอตลอดก็ตาม แต่กลับไม่เคยทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น วันนี้เขาสุดกลั้นแล้ว อยากขยับเข้าไปใกล้เธอมากกว่านี้อีกนิด เลยทำทีเป็นชี้มือบอก
“นั่นน่ะ เสื้อไปเลอะอะไรมา ให้พี่เดดูหน่อยซิ”
เด็กสาวเอี้ยวมองตาม ถามไปพลาง “ไหนคะพี่เด”
“มานี่ พี่ดูให้”
พอหันหลังให้ชายหนุ่ม ก็ถูกอีกฝ่ายยกมือแตะเสื้อนักเรียนข้างหลังปัดเบา ๆ อยู่ครู่ แล้วโน้มกายลอบเข้าไปสูดดมพวงผมให้สมกับที่ใจนึก แม้จะไม่ได้ถึงเศษเสี้ยวที่อยากทำกับเธอก็ตาม
“ไหนคะพี่เด มีอะไรติด ให้ขวัญดูหน่อยสิ”
ชายหนุ่มรีบคืนสติบอกปัดอย่างหน้ามึน “ไม่มีแล้วครับ”
“งั้นขวัญไปนะ”
เขามีค่าแค่นี้สำหรับเธอเท่านั้นล่ะมั้ง แม้จะมีสาว ๆ สวย ๆ เวียนมาและเวียนไปหลายคนตลอดเวลา แต่เทวาก็เฝ้ามองเด็กสาวที่ชื่อจอมขวัญคนนี้เพียงคนเดียว
จอมขวัญเป็นบุตรสาวของนายไพฑูรย์ เพื่อนสนิทที่สุดกับบิดาของเขา ทั้งสองทำธุรกิจร่วมกันมานาน ทั้งยังตั้งใจให้บุตรธิดาของตนได้แต่งงานกันในอนาคต พูดง่าย ๆ ว่าตั้งใจจับคลุมถุงชนกันไว้นั่นเอง
เทวารู้เรื่องนี้มานานเพราะมารดาพูดติดตลกอยู่ตลอดว่าเขาคงไม่เล่นด้วยกับการคลุมถุงชนในครั้งนี้ เพราะจบการศึกษาจากเมืองนอกเมืองนา มีความคิดเป็นของตัวเอง ทั้งยังไม่ชอบนักกับการถูกบังคับแบบนี้ ไหนจะวัยที่ห่างกันเหลือเกินระหว่างเทวากับจอมขวัญ ท่านจึงไม่คิดว่าบุตรชายที่เป็นหนุ่มเพลย์บอยรักสนุกจะชอบพอสาวน้อยไร้เดียงสาได้ลงคอ แม้อีกฝ่ายจะรูปโฉมสวยงามมากก็ตาม
แต่พอเทวาได้เจอจอมขวัญที่งานศพของนายไพฑูรย์เมื่อสามปีก่อน หัวใจหนุ่มรักสนุกไม่ผูกพันก็สั่นระรัวแทบบ้าคลั่ง
เพราะหลงรักเด็กสาวจอมขวัญเข้าอย่างจัง
สามปีก่อนเธออายุเพียงสิบห้าปี แต่ด้วยความเป็นลูกเสี้ยว ไทย จีน รัสเซีย จึงทำให้เธอดูโตกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันนัก เขาหลงใหลใบหน้าซีดไร้สีที่มีดวงตาแดงก่ำ เพราะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาที่หน้าโลงศพของบิดาของเธอ เด็กสาวดูน่าสงสาร น่าทะนุถนอม และน่ารักน่าใคร่เหลือเกิน หลังจากวันนั้นเทวาจำได้มั่นว่าเขาเข้าไปบอกกับบิดาทันทีว่ายินยอมแต่งงานกับจอมขวัญ ตามที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันไว้ ตอนแรกที่ท่านได้ยินยังนึกขำว่าเขาอำเล่น แต่แล้วท่านก็ขำไม่ออกเมื่อเขาจริงจังจริง ๆ
‘ผมจะรอน้องจนกว่าจะเรียนจบครับ’
‘แต่เด็กนั่นไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ สมบัติก็หายไปหมดแล้ว เพราะไพฑูรย์ล้มละลายไม่เป็นท่า’
‘นั่นแหละครับ ผมจะอุ้มชู ถนอมให้เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของผมจนวันตาย’
‘แกแน่ใจนะเด’
‘แน่ใจอย่างที่สุดครับ’
‘เด็กมากเลยนะ’ ท่านยังย้ำอีกครั้ง
‘ผมจะตามเฝ้าตามดูแลน้องเองครับ’
‘เอาเถอะ แกว่ายังไงพ่อก็ว่าตามแก’
เขานึกถึงบทสนทนาวันนั้นแล้วอดยิ้มตามแผ่นหลังสาวน้อยไปไม่ได้ เธอยังเด็กอยู่มากอย่างที่พ่อเขาว่านั่นล่ะ แล้วนี่ที่แอบลงมาหาเขาคงเพราะสั่งให้เขาเอาอาหารหมามาให้เท่านั้น ดีที่เธอยังไม่รู้จักรักชอบพอใคร และเขาเองจะได้สอนเธอในเรื่องนั้น
จอมขวัญรักสัตว์ทุกชนิด เทวาเคยแอบตามเธอไปด้านหลังโรงเรียนประจำที่เธออยู่และเห็นสาวน้อยของเขาเอาอาหารไปให้พวกหมาแมวจรจัดอยู่บ่อย ๆ
นึกแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ ว่าที่ภรรยาของเขาช่างน่ารัก ใจดี มีเมตตาเสียนัก ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ ที่ผู้ใหญ่จับคู่เขาและเธอ อีกหน่อยเดียวเท่านั้น พอเธอเรียนจบมัธยมปลาย สอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนได้ เขาจะรีบหมั้นเธอเอาไว้ แล้วแต่งงานกับเธอทันทีเมื่อเธอเรียนจบ เทวายิ้มอย่างเป็นสุขขณะเดินกลับมาที่รถของตนเอง เมื่อมองเห็นภาพของจอมขวัญและลูก ๆ อีกครึ่งโหล เขาจะถนอมเธอ จะรักเธอจนวันตาย ไม่เคยมีสักครั้งที่เพลย์บอยอย่างเทวาจะรู้สึกรักใครได้ท่วมท้นขนาดนี้ บอกตัวเองว่ารออีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น เขาจะได้จอมขวัญมาครอบครองจนตราบสิ้นนิจนิรันดร์
‘จอมขวัญ ยอดรักของพี่’
ชายหนุ่มคิดอย่างเป็นสุขแล้วหักพวงมาลัยรถยนต์ขับออกไปจากโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง โดยไม่ทันสังเกตเห็นรถสีดำอีกคันที่จอดซุ่มรอดูอยู่ พอรถของเทวาขับพ้นขอบรั้วของโรงเรียนออกไป ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าเทวา ดูองอาจมีอำนาจน่าเกรงขาม ไหนจะใบหน้าคมคายหล่อเหลา แต่แววตาดูร้ายกาจเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เปิดประตูรถออกมายืนมองไปทางที่เด็กสาววิ่งหายลับกลับไป พูดไล่ตามด้วยน้ำเสียงติดเยาะหยัน
“เด็กปั้นของแม่หนิมคนดังเนี่ยนะ ที่มึงจริงจังด้วย” คนพูดเหยียดยิ้มก่อนส่งประกายตาวาววับ “ฝันมึงล่มแน่ ไอ้เด”
“พาน้องไหมกับน้องลูกพีชไปส่งที่รีสอร์ตด้วยนะ แล้วอีกสองชั่วโมงไปรอรับกลับ” นางนิพาพรบอกกับชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน ผิวสีน้ำตาลเข้มที่ส่งสายตาวิบวับให้แม่ม่ายอย่างนิพาพรแล้วยังแอบขยิบตาให้เด็กสาวที่ชื่อ น้องไหม อีกด้วย
“ครับพี่หนิม”
“รีบไปรีบมาล่ะ อย่าเถลไถล พี่ไม่ชอบ”
“ครับ ผมเป็นเด็กดี พี่หนิมก็รู้” ชายหนุ่มตอบพร้อมส่งสายตาให้กันอย่างมีนัย นิพาพรอดไม่ได้ หน้าแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงบทรักของชายหนุ่มคราวลูกอย่างอวยชัย
อวยชัยเป็นเด็กหนุ่มที่เธอดึงขึ้นมาจากปลักโคลนในสลัม เด็กหนุ่มหน่วยก้านดีแต่หลงกับยาเสพติดงอมแงม เธอเจอเด็กหนุ่มที่บาร์โฮสต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา แล้วจึงให้อวยชัยออกจากงานที่นั่น หันมาช่วยเธอดูแลกิจการค้าเนื้อสดแทน
เดิมทีเธอทำอาชีพนี้มาตั้งแต่เป็นสาวรุ่น ด้วยนิสัยรักสบาย การนอนกับชายแปลกหน้าแลกเงินจึงเป็นสิ่งที่ทำจนเป็นอาชีพหลัก เมื่อแก่ตัวลง เธอก็ตั้งตัวเป็นแม่หนิม จัดหาเด็กให้ลูกค้าหน้าเก่าหน้าใหม่ คละกันไป พอได้มีเงินจับจ่ายใช้สอยอยู่ทุกวันนี้
เธอมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อริสา บุตรสาวที่หาบิดาไม่ได้ แต่เธอก็เก็บเอาไว้เตือนใจตัวเอง และยังต้องดูแลบุตรสาวอีกคนของสามีคนปัจจุบันที่ชื่อไพฑูรย์อีกด้วย
บุตรสาวของไพฑูรย์ชื่อจอมขวัญ เด็กนั่นเรียบร้อย น่ารัก เธอไม่เคยแสดงบทแม่เลี้ยงใจร้ายกับจอมขวัญ เพราะไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์อะไร เพราะคิดไปไกลกว่านั้นว่าเนื้อสาว ๆ หวาน ๆ ต้องทำเงินให้เธอได้มากกว่าคนอื่น ๆ ในสังกัด รูปร่างหน้าตาราวกับดาราฮอลลีวูดนั่นดึงดูดใจเพศผู้ดีนักล่ะ เธอจะเก็บนังลูกเลี้ยงไว้ขายทอดตลาด เมื่อถึงวันที่เรียนจบออกมาจากรั้วโรงเรียนประจำ ที่มีนังชีเพื่อนของคุณไพฑูรย์คุ้มกะลาหัวมันอยู่ อีกไม่นานหรอก อดทนเอาหน่อย
นิพาพรบิดปากยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านที่เป็นของนายไพฑูรย์ในเวลาต่อมา
“ลงได้เลยจ้าสาว ๆ ใครเสร็จงานก่อนโทรตามพี่ได้เลยนะจ๊ะ”
น้องไหมและน้องลูกพีชยิ้มหวานก่อนลงจากรถแล้วเดินแยกย้ายกันเข้าห้องตามหมายเลขที่ได้รับแจ้งมา อวยชัยมองตามหญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะออกรถแล้วตรงไปยังอีกที่ ที่เป็นบ้านของลูกค้ารายใหม่
ชายหนุ่มยังไม่สามารถตัดขาดจากยาเสพติดได้ เมื่อมีโอกาสจะหาซื้อและจำหน่ายอยู่เสมอ เงินได้มาง่ายก็หมดไปง่ายเช่นกัน
แต่พอลงรถมาได้เพียงไม่นานก็ถูกเจ้าหน้าที่ล้อมจับไว้เสียอย่างนั้น อวยชัยไม่ยอมถูกจับอีกแล้ว ภาพในคุกยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชายหนุ่ม มันทรมาน มันหดหู่ เขาจะไม่ยอมกลับเข้าไปในนั้นโดยเด็ดขาด
อวยชัยยกปืนขึ้นยิงสู้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะสะดุ้งวาบเมื่อถูกกระสุนปืนของฝ่ายตำรวจเจาะเข้าที่ใต้หัวไหล่ข้างซ้าย ชายหนุ่มหาทางหนีด้วยการขับรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้เข้าไปในพงป่า ด้วยความเป็นคนที่รู้จักทางหนีทีไล่ดี เขากลับมาถึงที่บ้านของนางนิพาพรได้ในที่สุด และหลบพ้นจากการตามล่าได้อย่างฉิวเฉียด
“พี่หนิม พี่หนิมครับ” อวยชัยวิ่งถลาเข้าบ้าน ปากก็ร้องเรียกหานางนิพาพรไปพลาง แม่ม่ายอย่างนางนิพาพรกำลังนั่งจดรายรับรายจ่ายอยู่ก็ละมือแล้วลุกขึ้น มองอวยชัยด้วยสายตาเป็นห่วง ถามด้วยเสียงร้อนรน
“ตายแล้ว แกไปโดนอะไรมา ทำไมเลือดอาบขนาดนี้”
“ผม ผมถูกยิงครับพี่”
“ไปโรงพยาบาลเร็วเถอะ” นางว่าแล้วถลาไปคว้าแขนล่ำสันของคู่รักหนุ่ม
“ไม่ได้ครับพี่ ผมไปโรงพยาบาลไม่ได้”
“ไม่ไปแกต้องตายแน่ ๆ”
อวยชัยนิ่งไป ก่อนจะมองสบตานางนิพาพร บอกอย่างเพิ่งนึกได้ “ผมไม่ไป...แต่ แต่ผมรู้มาว่าที่ตรงร่องผามีโรง'บาลของ...”
“เดี๋ยว นี่แกไปทำอะไรมา ใครยิงแก” นางนิพาพรหน้าตื่นค้าน แล้วถามขัดขึ้น
อวยชัยหน้าซีดก่อนรับสารภาพ “ตำรวจครับ ผมหนีตำรวจมา ถ้าพาผมไปส่งโรง’บาล ผมต้องเข้าไปอยู่ในคุกอีกแน่ ๆ พี่หนิมช่วยผมด้วยนะครับ”
นางนิพาพรแทบทรุดตัวลงอย่างหมดแรง เมื่อพอเดาได้ว่าสามีหนุ่มยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ครางเสียงสิ้นหวัง “พี่ไม่รู้จักใครที่นั่น แล้วจะช่วยแกได้ยังไง”
“พี่หนิมต้องช่วยผมด้วยนะครับ ผมปวดมาก เลือดทั้งนั้นเลย ผมยังไม่อยากตาย...”
นางนิพาพรใบหน้าตระหนกไม่ต่างจากคนถูกยิง หากว่าพาสามีหนุ่มของตนไปโรงพยาบาลไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อช่วยเหลือ
ตรงรอยต่อระหว่างประเทศเป็นเทือกเขายาวสุดสายตา ที่นั่นคนนอกกฎหมายรู้กันดีว่าเป็นถิ่นของพวกกองกำลังติดอาวุธไม่ระบุชาติพันธุ์ บางคนว่าเป็นคนไทย บ้างก็ว่าก็เป็นพม่า หรือ พวกจีนอพยพ
คนวงในพูดกันปากต่อปากว่ามีคนไทยผู้มีเบื้องหลังดำมืดเป็นหนึ่งในคนสำคัญของพวกนั้น ชายหนุ่มเป็นหมอใหญ่ในโรงพยาบาลของชนกลุ่มนั้น รับเคสที่เป็นพวกนอกกฎหมายที่เงินถึง อุปกรณ์การรักษา วิธีการ และบุคลากรครบครันพอ ๆ กับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศ เพียงแต่ที่นี่ไม่ได้อยู่ในประเทศใด ๆ ทั้งสิ้น มันอยู่ในหุบเขาที่เป็นเขตของชนกลุ่มน้อยนอกกฎหมายนั่น
แววตานางนิพาพรปรากฏแวววิตกกังวลอย่างที่สุด นางกลัวแต่นางจะต้องหาวิธีช่วยอวยชัย สามีหนุ่มของนางคนนี้ให้จงได้
ร่างสูงใหญ่ราวชายต่างชาติที่นอนอาบแดดบนเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำส่วนตัวใต้ร่มไม้ใหญ่ที่บริเวณบ้านพักพยักหน้าให้คนสนิทหน่อยหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้ามารายงาน
“นายครับ”
เสียงทรงอำนาจถามเนือย ๆ ไม่ใส่ใจนัก “มีอะไร”
ลูกน้องเข้ามาป้องปากที่ข้างหูของภูเบศวร์อยู่ครู่ เจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มมุมปากออกมาได้หน่อยหนึ่ง
“พาเข้ามา”
นางนิพาพรเดินตามเข้ามาก่อนจะอ้าปากเกริ่นนำ แต่ชายที่นอนอาบแดดพูดโพล่งขัดขึ้นมาอย่างรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“จะผ่าตัดเอากระสุนออก พร้อมอยู่พักฟื้น คิดค่ารักษาหนึ่งล้าน...ยูเอสดอลลาร์”
“สามสิบล้าน...หรือคะ” ยูเอสดอลลาร์ ไม่ใช่เงินบาทอีกด้วย นางจะไปหามาจากไหน
“มีไหม ถ้าไม่มี ก็กลับไป อ้อ แต่เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าแม่หนิมมีลูกสาวสวย”
“ยัยริสาไม่สวยหรอกค่ะ นายไม่น่าจะชอบ” แม้จะค้าเนื้อสาว ๆ แต่ก้อนเลือดจากตนเอง นิพาพรไม่คิดค้าขายแม้แต่น้อย แต่หากเป็น...
“ที่ได้ยินมาไม่ใช่ชื่อริสานี่หว่า”
“...ยัยขวัญหรือคะ”
“เออ ชื่อนี้ค่อยคุ้นหน่อย”
“ค่ะ ดิฉันจะพาแกมาให้รู้จักกับนายเอง”
“ที่พูดนี่ไม่ได้แค่อยากคุยทำความรู้จักกันนะ...เข้าใจใช่ไหม” คนพูดบอกแล้วถอดแว่นกันแดดออก ประกายตาคมกล้าทำเอาคนจิตแข็งอย่างนิพาพรหวั่นเกรง นางพยักหน้าเบา ๆ ตอบรับอย่างกลัว ๆ
“ค่ะ ดิฉันทราบดี จะจัดการให้ค่ะ”
“ถึงบ้านแล้วโทรหาเราบ้างนะขวัญ”
“ได้สิ”
“แล้วเดี๋ยวเรานัดเจอกันนะ”
“จ้า ไปนะ แม่หนิมมารับแล้ว”
เด็กสาวร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดผูกเปียสองข้างยาวเคลียหลังบอกลาเพื่อนร่วมรุ่นแล้วรีบเดินแกมวิ่งไปที่รถเอสยูวีสีเทาคันที่จอดรอเธออยู่ ทันทีที่เปิดประตูขึ้นรถมา คนขับก็ถอดแว่นกรองแสงออกเพื่อสบตา แล้วถามด้วยใบหน้าราวกับผู้ใหญ่ใจดี
“ไปกันหรือยังลูกขวัญ”
“ค่ะแม่หนิม”
“แม่ซื้อขนมเบื้องไส้หวานที่หนูชอบมาฝาก กินสิลูก น้ำหยิบเอาเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวยิ้มหวานบอกผู้ที่ดูแลเธอต่อจากบิดาเป็นอย่างดี ไหนจะพี่สาวอย่างริสาอีกคน ทั้งคู่ไม่เหมือนแม่เลี้ยงและพี่สาวใจร้ายแบบในนิทานเลยสักนิด เจ้าตัวยิ้มหวานแล้วหยิบขนมในถุงพลาสติกมาแกะยางที่มัดเอาไว้ออกกินอย่างเอร็ดอร่อย ปากก็คุยเจื้อยแจ้วไปจนขนมหมดถุง ก่อนจะหยิบน้ำขึ้นเปิดออกดื่ม ไม่นานก็ผล็อยหลับลงบนเบาะข้าง ๆ คนขับ
นิพาพรยิ้มหน่อยหนึ่งเมื่อเห็นว่าเด็กสาวหลับลงด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับแล้วออกรถมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางทันที
โรงเรียนประจำที่จอมขวัญศึกษาอยู่เป็นโรงเรียนเอกชนไม่ใหญ่โตนักแต่ค่อนข้างเข้มงวด อยู่ติดกับจังหวัดชายแดนไทยพม่าทางเหนือสุดของประเทศ นางนิพาพรขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงพื้นที่รอยต่อไทยพม่าที่เป็นเทือกเขายาวสุดสายตา บริเวณด้านหลังจากตรงนี้ไปเจ้าหน้าที่ของไทยไม่เคยเข้าไปถึงเพราะเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่าแล้ว
พวกมีอิทธิพลรู้กันดีว่าส่วนนั้นเป็นของใคร ทั้งยังมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นตรงรอยต่อที่อยู่ในรัฐของประเทศเพื่อนบ้าน คนที่ใช้บริการในนั้นได้ส่วนใหญ่เป็นพวกนอกกฎหมายที่ต้องการการรักษาเร่งด่วนทันท่วงที ว่ากันว่าที่นั่นมีหมอมือดีอยู่ทุกแขนง ศัลยกรรมใบหน้าที่นั่นก็ยังมี แต่ไม่ใช่เพื่อความสวยความงาม มันถูกใช้ขึ้นเพื่อเหล่าโจรทั้งหลาย
ขนตางอนยาวกะพริบเบา ๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาออกแล้วหยีสู้แสงที่ด้านนอกของรถ เด็กสาวค่อย ๆ ดันตัวขึ้นจากเบาะรถ ก่อนจะตั้งสติว่าตัวเองเป็นอะไรไป
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
“แม่หนิม”
“ลงมาก่อนสิลูก”
เด็กสาวเปิดประตูรถของมารดาเลี้ยงลงมายืนบนพื้นดิน ก่อนจะปรับสายตาให้คุ้นกับแสง มองไปรอบ ๆ บริเวณด้วยสายตาใคร่รู้ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ แม่หนิมพาเธอมาที่ไหนกัน
“มาหาใครเหรอคะแม่หนิม”
นิพาพรเข้ามาจับมือนุ่มนิ่มเพราะไม่เคยทำงานหนักมาก่อน เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงน่าเห็นใจ “ขวัญ”
“ขาแม่หนิม”
“แม่ขอโทษนะลูกที่ดูแลหนูไม่ดีอย่างที่คุณไพฑูรย์ฝากฝังแม่ไว้”
“ทำไมแม่หนิมพูดแบบนั้นล่ะคะ แม่ดูแลหนูดีมาก ๆ หนูไม่เคยคิดว่าแม่ไม่ดี”
“ดียังไงกัน หนูรู้ไหมว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะโดนธนาคารยึดแล้ว แม่กับพี่ริสาต้องออกหางานทำแต่ก็หาเงินมาผ่อนไม่ไหว”
“บ้านเราจะถูกยึด...เหรอคะ”
“จ้ะ แม่ แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีอีกแล้วขวัญ แล้วนี่ริสาก็วิ่งวุ่นทำงานจนป่วย” นางนิพาพรเล่าไป น้ำตาก็ไหลแหมะลงราวกับสั่งได้ จอมขวัญมองแล้วให้สงสารมารดาเลี้ยงและพี่สาวคนละสายเลือดกันอย่างริสาอย่างหนัก ถามด้วยความเป็นกังวล
“ขวัญช่วยอะไรได้บ้างคะแม่”
นางรีบเก็บน้ำตาแล้วค่อย ๆ บอกด้วยท่าทีระแวดระวัง “ริสาไปรับงานดูแลคนป่วยเอาไว้ แถมยังเอาเงินเขามาแล้วด้วย”
ดวงตาใสราวตาเด็กมองคนพูดอย่างไร้แววกังขาใด ๆ รับคำเบา ๆ “ค่ะ”
“หนูไปทำแทนพี่ริสาได้ไหม”
พอได้ยินมารดาเลี้ยงบอกแบบนั้นก็รีบถามกลับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แต่เด็กสาวกลัวจะทำได้ไม่ดีเท่า “แต่...หนูไม่เคยดูแลคนป่วยนะคะ”
“จะมีคนสอนหนูเองจ้ะ ขอแค่หนูรับปากแม่”
“ค่ะแม่”
นางนิพาพรค่อยยิ้มออก นางคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าของลูกเลี้ยงมาถือไว้เองแล้วรวบข้อมือขาวเล็กของจอมขวัญให้เดินตามเข้าไปยังด้านในของบ้าน จอมขวัญยังมึน ๆ งง ๆ อยู่หน่อยเมื่อเข้ามาด้านในแล้ว
ห้องโถงขาวสะอาดติดเครื่องปรับอากาศและฆ่าเชื้ออย่างดีตลอดทั้งโถง ทั้งยังมีอุปกรณ์การแพทย์ที่ดูล้ำสมัยและมีราคาวางล้อมข้างเตียงที่มีชายหนุ่มหนวดเครารกครึ้มนอนไม่รู้สติบนนั้น
“คุณภูเบศวร์ถูกรถเบียดตกถนนตรงโค้งขึ้นเขามานี่แหละ สมองกระทบกระเทือนจนต้องผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออก ส่วนที่หลังกระดูกเคลื่อนออกมาจนหมอบอกว่าแกอาจพิการไปตลอดชีวิต เพราะกระดูกหลังที่เคลื่อนทำลายไขสันหลังที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของขาทั้งสองข้างครับ”
ร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ
ใบหน้าขณะหลับของคนป่วยที่เธอต้องมาคอยดูแลนั้นดูดุดันคมเข้ม คิ้วเข้มพาดรับกับดวงตาที่ปิดสนิทอยู่พอดิบพอดี แม้ขณะที่ยังหลับตาอยู่ยังดูดุดันน่าเกรงขามขนาดนี้ หากลืมตาตื่นขึ้นแล้วต้องสบตากันจะดูดุดันขนาดไหน จมูกคมสันดูเด่นชัดเฉียบแหลมรับกับริมฝีปากหยักได้รูปไม่บางและไม่หนาจนเกินไป ทุกอย่างบนใบหน้าของเขานั้นระบุได้ในทันทีว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายชนิดที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง แม้จะคลับคล้ายคลับคลาบางสิ่งบนใบหน้าว่าเคยพบเจอที่ใดมาก่อน แต่จอมขวัญก็นึกไม่ออกว่าคุ้นเคยมาจากใคร แล้วนึกไปถึงนิสัยใจคอของเขาว่าจะเป็นแบบหน้าตาหล่อเหลานั่นไหม