หลังจากเกิดเหตุการณ์ระทึกอกระทึกใจเด็กสาวได้เพียงวันเดียว เจ้าตัวเร่งหาทางติดต่อกลับไปหานางนิพาพร มารดาเลี้ยงทันที ด้วยการแอบใช้โทรศัพท์ในบ้านของเขา เพราะโทรศัพท์มือถือของเธอไม่เคยมี แต่แล้วกลับติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ จึงได้แต่ฝากข้อความไว้ว่าให้ท่านมารับเธอกลับโดยด่วน
ไม่เกินบ่ายของอีกวันท่านก็มา ทำเอาเด็กสาวดีใจจนอยากร้องไห้ เธอเตรียมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้หมดแล้ว พร้อมจะยกขึ้นรถได้ตลอดเวลาที่มารดาเลี้ยงมารับกลับ
“แม่หนิมมารับหนูใช่ไหมคะ”
จอมขวัญถามอย่างยินดีเมื่อรอให้ท่านลงรถมาแล้ว แต่ใบหน้าซีดเผือดของนิพาพรก็ทำเอาลูกเลี้ยงอย่างเธอใจเสีย ออกปากถามท่านด้วยน้ำเสียงกังวลปนเป็นห่วงอย่างที่สุด
“แม่หนิมเป็นอะไรคะ”
นิพาพรฝืนยิ้มให้ลูกเลี้ยงอย่างเนือย ๆ ส่งกระดาษให้ดู “แม่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะลูก”
“แม่หนิมเป็นอะไร บอกหนูสิคะ”
“โรคเก่านั่นแหละลูก” ว่าจบ นางนิพาพรไอแค่ก ๆ อีกสามสี่ที แล้วบอกเสียงแหบแห้ง “หมอเจอเนื้องอกในปอดของแม่”
“ว่ายังไงนะคะ”
เสียงใสถามอย่างตกใจสุดขีด
“ไม่ต้องห่วงแม่ ว่าแต่หนูเถอะ ให้แม่มารับกลับบ้านหรือลูก”
“แม่หนิม...” เด็กสาวครางเรียกอีกฝ่ายเสียงอ่อย “หนูไม่อยากทำงานดูแลคุณภูเบศวร์แล้วค่ะ”
“ไหนมาให้แม่กอดหน่อยซิ” นางว่าแล้วดึงตัวเด็กสาวเข้าไปกอดเบา ๆ ยกมือลูบหลังไล่ไปมาอย่างแม่ที่แสนใจดีควรทำ ถามด้วยใบหน้ามีกังวล “ทำไมล่ะลูก”
“เขา...เขาทำไม่ดีกับหนูค่ะ”
“ไม่เป็นไร แม่จะไม่ถามก็แล้วกัน ถ้าหนูไม่สบายใจจะดูแลคุณภูเบศวร์ งั้นแม่คงต้องค*****นเขา” นางนิพาพรว่าพร้อมกับโอบหลังลูกเลี้ยงแล้วลูบไปมาราวกับปลอบโยน วาจาก็เอื้อนเอ่ยชักจูงอย่างที่รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี
“ตั้งแต่คุณไพฑูรย์เสียไป บ้านเราก็แย่ลงไปมาก แม่ไม่เห็นหนทางไหนจะช่วยหนูได้เลย แม่เลวนักที่เป็นแม่ที่ดูแลหนูได้ไม่ดีอย่างที่รับปากพ่อหนูไว้”
“แม่หนิม...” จอมขวัญผละจากอกมารดาเลี้ยง มองหน้าท่านแล้วครางชื่ออีกฝ่ายอย่างเห็นใจ
“หนูฟังแม่นะ” นางนิพาพรตัดสินใจพูดตรง ๆ ทั้งยังแสร้งหลบตาเด็กสาววูบราวกับกระดากที่จะเอ่ยวาจาออกมา ใบหน้าเศร้าลงคล้ายดารานักแสดงเจนเวที “ความจริง...คุณภูเบศวร์ เขาอยากได้หนู”
“แม่หนิมหมายความว่ายังไงคะ” สาวน้อยทวนคำเบาหวิว ใจหลุดลอยไปไกลลิบ ตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเรื่องเช่นนี้
“แม่เอาเงินของเขามา แลกกับตัวหนูอยู่ดูแลเขาหนึ่งเดือน” นิพาพรโน้มศีรษะลูกเลี้ยงมาซบอกอีกครั้ง ลูบปลอบ บอกเสียงอาทร แต่แววตามาดร้ายยิ่งนัก
“แต่เขาลวนลามหนูนะคะ” จอมขวัญฟ้องเสียงสั่น
นางนิพาพรฝืนยิ้มอย่างจนใจ “นั่นก็เพราะเขาต้องการให้หนูนอนกับเขาน่ะสิ”
“แต่แม่หนิมคะ”
“เห็นแก่แม่ เห็นแก่พี่ริสานะลูก เราไม่มีหนทางอีกแล้ว หนูเป็นตัวช่วยเดียวของพวกเรา ไม่อย่างนั้น บ้านของเราก็คงถูกธนาคารยึดไป” นางนิพาพรว่าจบ น้ำตาไหลลงราวกับสั่งได้ จอมขวัญมองแล้วสะท้อนใจยิ่งนัก
จอมขวัญเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เธอครุ่นคิดอย่างหนัก นึกไปนึกมานอกจากจะสงสารตัวเองแล้ว ยังหวนนึกสงสารมารดาเลี้ยงที่รับภาระดูแลเธอต่อจากบิดา
นิพาพรไม่เคยทำอะไรเลวร้ายกับเธอเลยสักอย่างเดียว ท่านดูแลเธอได้ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ริสาอีกคน แม้จะไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่ก็ไม่เคยรังแกให้เจ็บช้ำน้ำใจใด ๆ ทั้งสิ้น ช่วงที่บิดาของเธอเสียชีวิตไปแล้วนั้นมารดาเลี้ยงบอกว่าพี่ริสานั้นออกจากโรงเรียนเพราะต้องมาช่วยท่านหาเงิน ส่งให้เธอ ธุรกิจของบิดาขาดทุนมานาน สะสมกันจนท่านเสียชีวิต เงินประกันก็ยังไม่พอใช้หนี้สินที่ท่านก่อเอาไว้ เธอเห็นแก่ตัวมานานแล้ว คงถึงคราวที่จะทำเพื่อมารดาเลี้ยงและพี่ริสาเสียที
“คุณขวัญคะ คุณภูเบศวร์เรียกให้พบค่ะ”
จอมขวัญสะดุ้งตกใจหน่อยหนึ่ง ยิ้มตอบคนรับใช้ในบ้านที่มาเคาะประตูบอกที่หน้าห้อง เรียกให้ไปพบเขา แล้วสงบนิ่งทำใจอยู่ครู่ ค่อยเดินไปที่ห้องพักของคนที่เรียกหาเธอ เปิดประตูเข้าไปก็เห็นเขาย้ายตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ยาวข้างระเบียงของห้องพัก ภูเบศวร์ผินใบหน้ามาถามเมื่อเห็นว่ามาแล้ว
“แม่เธอมาหาหรือ”
“ค่ะ คุณเรียกหาหนู มีอะไรหรือคะ”
“แม่เธอว่ายังไงบ้าง”
ภูเบศวร์ไม่ตอบว่าเรียกหาเธอทำไมแต่กลับถามต่อ สายตาคมมองจ้องราวกับจะเปลื้องผ้าเธอออกได้ทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น จอมขวัญเม้มปากตนเองแน่น ชั่งใจอยู่ครู่แล้วกลั้นใจบอกเขา เธอคงไม่มีทางหนีพ้นจากสถานะนี้ได้ คงต้องทนไปก่อน แค่เพียงเดือนเดียวเท่านั้น
“หนูขอโทษที่ว่าคุณวันนั้น ถ้าคุณอยากให้หนูทำอะไร หนู...จะไม่ดื้อกับคุณอีกค่ะ”
เสียงทุ้มถามต่ออย่างนึกสนุก ราวกับจะไล่ต้อนเธอให้จนมุม ทั้ง ๆ ที่เขายังนั่งอยู่กับที่ แต่น้ำเสียงและแววตาของเขานั่นต่างหากที่ทำให้เธออึดอัดเหลือทน
“แม่หนิมบอกว่ายังไงอีก”
“แม่บอกให้คอยปรนนิบัติคุณค่ะ”
“ปรนนิบัติ? ทำอะไรบ้างล่ะ” ยังถามต่อไม่เลิก เหมือนเขาเป็นเจ้าหนูร้อยคำถาม
“ทุกอย่างค่ะ”
“แล้วเธอก็ยอม”
“หนูยอมเพราะแม่จะได้เอาเงินไปไถ่บ้านจากธนาคาร หนูไม่อยากให้บ้านถูกยึด”
“โถ...เด็กกตัญญู” ประโยคเหมือนกล่าวชมแต่น้ำเสียงหยันเต็มที “รู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำอะไร” ภูเบศวร์ถามเจาะ สายตาจ้องจาบจ้วงจนคนถูกมองต้องหลบกระแสนั้น บอกเสียงสั่น ๆ
“หนู...ไม่แน่ใจค่ะ”
“แม่เธอเขาเอาเธอใส่พานยกให้มาเป็นคู่นอนของฉัน”
จอมขวัญผงะไปหน่อยหนึ่ง แม้จะรู้มาก่อนหน้าแล้ว แต่พอได้ยินจากปากเขาตรง ๆ ก็ถึงกับสะอึกไปเหมือนกัน รับคำเบา ๆ อย่างยอมจำนน “ค่ะ”
“เธอยอมเหรอ” ภูเบศวร์เลิกคิ้วสูง ถามล้อ ๆ แล้วว่าต่อ “ไม่ใช่เมียนะ แค่เอามาระบายอารมณ์ใคร่น่ะ”
เด็กสาวก้มหน้ารับคำ “ค่ะ”
เขาเบ้ปากน้อย ๆ ดันตัวออกจากพนักพิงแล้วว่ายิ้ม ๆ
“งั้นก็ถอดเสื้อ”
จอมขวัญเงยหน้าสบตาเขา ถามอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่ามันจะไวแบบนี้ “คะ?”
“ถอดเสื้อไง”
เด็กสาวยืนอึ้งอยู่ครู่ แล้วแตะกระดุมเสื้อของตนเองด้วยมือสั่น ๆ จนคนมองยังเห็น แต่แล้วก็หยุดไว้แค่นั้น เธอไม่กล้าทำ แต่เมื่อนึกถึงคำที่มารดาเลี้ยงบอกจึงเม้มปากตนเองแน่น บอกตัวเองว่าทำไปเถอะ จะได้จบปัญหานั้นเสียที ค่อย ๆ ปลดมันออกทีละเม็ดจนสุดแถว รั้งเสื้อออกทีละแขนแล้วถอดออกมา มือน้อย ๆ อีกข้างยกขึ้นปิดปทุมงามที่ผลิพุ่งดันออกโชว์สายตาของเขา เรือนกายขาวนวลบัดนี้แดงซ่านเพราะความกระดากอายอย่างที่สุดในชีวิต
ภูเบศวร์มองด้วยประกายตาวาววับถูกใจที่ไม่ต้องบังคับยัยเด็กนี่ แล้วสั่งต่อ
“กางเกงด้วย”
คราวนี้เสียงสะอื้นไห้ดังฮึด ๆ ออกมาจากปากจิ้มลิ้มสีชมพูในที่สุด เด็กสาวยกมือปิดทรวงอกและร้องไห้จนตัวโยน คนมองนึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ถามเสียงกระด้าง
“ร้องไห้ทำไม”
“หนูกลัว”
“ไม่มีอะไรน่ากลัว เธอคิดไปเองทั้งนั้นยัยเด็กอมมือ เร็วเข้า ถอดออกให้หมดทุกชิ้น”
เขาสั่งอีกแล้วนั่งมองเธอทุกอิริยาบถ เด็กสาวสะอื้นไห้เป็นพัก ๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าเธอต้องยินยอม เพื่อแม่หนิมและพี่ริสาที่รักเธอเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
จอมขวัญหยุดสะอื้น กัดปากตนเองแน่นแล้วกลั้นใจปลดผ้าที่เหลือติดตัวออกอีก ด้วยการรั้งขอบกางเกงลงอย่างกระดากอายจนหมดทุกชิ้น ร่างงดงามยกมือตนเองขึ้นปิดทั้งส่วนบนและเบื้องล่างวุ่นวายไปหมด
“ไปนอนรอบนเตียง”
เสียงสั่งทรงอำนาจของเขาบอกขึ้นคล้ายพอใจ เด็กสาวจึงค่อย ๆ เดินหนีบ ๆ เหนียม ๆ ขึ้นไปนอนรอบนเตียงตามที่เขาบอก
ภูเบศวร์ลุกออกจากที่นั่งแล้วเยื้องย่างกายราวราชสีห์จ้องจับเหยื่อ เขาก้าวตามขึ้นมา ตามองปลายเท้าเรียวขาวสะอาด แล้วจับข้อเท้าสองข้างของเธอแยกออก พอเจ้าของขาขืนก็ดึงดันจนจับอ้าออกเปิดเปลือยจนเห็นสิ่งที่ต้องการมอง ต้องการสัมผัสในที่สุด
สายตาคมเป็นประกายยามมองไปที่เนินเนื้อนูนโหนกซึ่งปกคลุมไปด้วยกลุ่มไหมมันเงาวาวงามดูนุ่มละมุนไม่ต่างจากผิวกายขาวผ่อง เนินอวบอูมเป่งออกแทบปริดูใสและขาวเนียนราวกับไม่เคยผ่านศึกรักมาก่อนแม้เพียงครั้ง
‘จะเป็นไปได้อย่างไรกัน’
ร่องแนบสนิทเป็นเส้นตรงไม่มีส่วนใดเล็ดลอดออกมาสู่สายตาคมเลยสักนิดเดียว ภูเบศวร์เคลื่อนตัวขึ้นมาจนใกล้ ใช้นิ้วดันแหวกส่วนกลางกายสาวออกอย่างเบามือ ร่างงามถึงกับสะดุ้งเฮือกทันที ร้องเสียงสั่น ๆ
“อุ๊...หนูกลัว”
เนื้อนิ่มในร่องเรียบใสเป็นมันวาวออกสีชมพูระเรื่อ เอ่อขึ้นมาเกือบเต็มร่อง ไม่ยุบลึกลงไปเหมือนคนมีประสบการณ์ หรือแม่สาวนี่จะมีวิธีดูแลตัวเองอย่างดี เขาก็เป็นเฉกเช่นมนุษย์เพศชายทั่วไป พอได้เห็นส่วนสงวนของเด็กสาววัยเจริญพันธุ์ก็บังเกิดอารมณ์ปรารถนาขึ้นมาทันที มันมากล้นไม่เหมือนกับที่เคยผ่านมา หรือว่าเขาจะขาดเรื่องเซ็กซ์มานาน แล้วเหลือบตาขึ้นไปมองใบหน้าสวย พลันเห็นว่าเด็กสาวนอนหลับตาปี๋ เม้มปากแน่นราวกับถูกบังคับมาให้ทำเรื่องพื้นฐานของชีวิตมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น เห็นแล้วเข็มอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งพรวดแทบดิ่งลงเหวทันที บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบบังคับใคร จึงสั่งเสียงดุดัน
“ลืมตาขึ้นมา”
“ไม่ค่ะ หนูกลัว” เสียงจากร่างงามบอกสั่น ๆ เบือนหน้าหนีไม่สบตาคมของเขา
ภูเบศวร์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตนเองอย่างใช้ความคิดหน่อยหนึ่งก่อนใช้นิ้วแหวก ๆ เขี่ย ๆ ให้ชิ้นเนื้อด้านในเผยอออกมาจนสุดแล้วก้มลงไปหา จรดปลายลิ้นลงแตะบดระรัวละเลงอย่างรวดเร็วและแนบแน่นทันที
“อะ อร้าย...”
ทันทีที่โดนสัมผัสอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สาวน้อยถึงกับเกร็งหน้าท้อง บิดสะโพก ครวญครางออกมาด้วยความเสียดเสียว หายใจหอบกระชั้นราวกับออกแรงว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรกว้างใหญ่ คนที่กระทำการให้เธอทุรนทุรายถึงกับยิ้มกริ่ม รีบรัวลิ้นติดต่อกันไม่กี่ครั้ง เสียงหวานนิ่มก็ละล่ำละลักบอก
“เพาะ พอแล้วค่ะ หนูกลัว”
มีหรือที่คนทำจะหยุดตามคำขอ ภูเบศวร์รัวลิ้นต่อจนเสียงหวาน ๆ ของเด็กสาวเริ่มครางติด ๆ กัน “อือ อือ อือ” พร้อมกับขยับโยกสะโพกขึ้นลงไม่หยุด สองมือน้อย ๆ ตะโบมจิกจับที่กลุ่มผมของเขาไว้เสียแนบแน่น ทั้งอยากผลักไสเขาและดึงเข้าหาตัว เหมือนกับว่าร่างกายงดงามของเธอต้องการให้เขาทำมากกว่าที่เป็นอยู่
ภูเบศวร์ดึงดันไม่ยอมหยุดได้เพียงครู่เดียว หน้าท้องแบนราบของเด็กสาวก็เคลื่อนขึ้นลงเป็นลอนคลื่นด้วยความสยิวเสียว กระแสเร่าร้อนรุนแรงนั่นแผ่ซ่านมวนป่วนไปทั่วช่องท้องและแกนกลางกายสาว จนเจ้าตัวส่ายหน้าบอกเสียงสะอื้น
“หนูกลัว...ฮึก...ฮือ”
ร่างงามสะพรั่งนอนเกร็ง กำมือแน่น ตัวสั่นระริก ร้องอึ้ก ๆ ออกมายาว ๆ หน้าสวยแดงก่ำจนเห็นเส้นเลือดฝอยเด่นชัดทั่วเรือนกาย น่ากลัวว่ามันจะแตกซ่านไปพร้อมกับอารมณ์ที่เตลิดกระเจิดกระเจิงเพราะถูกเขากระทำ ก่อนจะนอนอ่อนระทวยนิ่งไป ภูเบศวร์มองด้วยสายตากึ่งพอใจกึ่งหยัน นี่คงถึงจุดสุดยอดจากการเลียไล้ไปแล้วล่ะมั้ง
จากนั้นเขาถึงลุกขึ้น ค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองออกบ้างจนเรียบร้อย แล้วลงไปคลุกเคล้าสูดดมที่เนื้อนุ่มสองก้อนขาวเนียนสะอาดตา ปลายยอดระเรื่อเล็กจิ้มลิ้มทั้งยังสีชมพูสดใสดูน่ารักนักหนา สาวน้อยบิดตัวหนีทั้งยังผลักใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราออกให้พ้นทรวงงามของเธอ แต่ชายหนุ่มขืนตัวไว้แล้วจัดแจงละเลงดูดกลืนปลายยอดอกของเธอทันที
“อ๊า...อื้อ...อื้อ”
เสียงหวานคราง รู้สึกสับสนอลหม่านในกายด้วยความร้อนเร่าที่แผ่กระจายวุ่นวายทั่วเรือนร่างจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เสียวซ่านรัญจวนใจหวิว ๆ ซ่านสั่นทั่วทรวง ปากร้อนจัดของเขาครอบลงยังยอดอกอีกข้าง แล้วยังลงลิ้นระรัวอย่างปลุกเร้าหนักหน่วงกว่าเดิม
ไม่นานจากการปลุกเร้า เขาขยับขึ้นไปประกบปากอิ่มของเธออีกหน คราวนี้เด็กสาวยอมให้ความร่วมมือ รับจุมพิตปลุกเร้าของเขาที่เนิ่นนานอยู่หลายนาที นิ้วมือของเขาเคลื่อนลงไปบดคลึงที่เบื้องล่างตรงช่องทางประสานกันและกัน ขยับตัวเข้าไปตรงหว่างขาเรียวเล็ก จับจ่อตัวตนที่แข็งขึงแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อแอ่นแทรกเข้าไปข้างในกายเล็ก แต่ไปไม่ได้แม้แต่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ฮือ หนูเจ็บ” เสียงเล็ก ๆ ครางประท้วง
“ทำไมถึงเจ็บ ไอ้เดมันไม่เคยสอนเลยหรือไง”
ภูเบศวร์ถามด้วยใบหน้าเหยเก ไม่นึกสงสารหญิงสาวแม้เพียงนิด ซ้ำยังย่ามใจที่ได้เป็นคนแรกของเธอ แค่เพียงมองยังไม่แน่ใจว่าสดไม่เคยผ่านมือชาย แต่พอได้ชิดใกล้แทรกตัวเข้าหาเขาถึงได้รู้ในทันทีว่ายัยเด็กนี่ยังไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน หากคู่อริของเขามันรู้เข้า คงชักดิ้นจนตายแน่ ๆ มุมปากหยักยกยิ้มกระหยิ่มใจกับความชนะจอมปลอม แล้วคิดอย่างเร็วรี่กับกระบวนการที่จะเข้าไปในตัวหญิงสาวอ่อนเดียงสาใต้ร่างเขานี่ให้ได้แบบไม่ทรมาน
เขาสอดมือสองข้างลอดใต้ข้อพับไปที่บริเวณหน้าขาอ่อนของเธอ เพื่อตรึงตอกให้มั่น แล้วดึงรั้งเลื่อนเข้าพร้อมกับสวนเข้าไปภายในกายสาวเบา ๆ อย่างเนิบช้า
ใบหน้างดงามชื้นไปด้วยเหงื่อ เสียดตึงราวกับร่างถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เม้มริมฝีปากจนแทบไม่เห็นสีเลือด เกร็งขาทั้งสองข้างทั้งยังยกมือยันแถวท้องของเขาไว้มั่น อีกมือบีบท่อนแขนบึกบึนเสียแน่น แต่ไม่ร้องสักคำ เธอเจ็บเขารู้ แต่จะให้หยุดตอนนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน ภูเบศวร์กดสะโพกแนบแน่นแล้วดึงดันเข้าออกช้า ๆ เนิบเบาอีกครั้ง
“ฮือ หนูเจ็บ หยุดนะ พอแล้ว”
ในที่สุดเด็กสาวก็พ่ายให้กับประสบการณ์ครั้งแรก เธอร้องขอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
เขาเข้าไปได้ครึ่งทางเท่านั้นเสียงหวานก็สะดุ้งร้องครางออกมาเนื้อตัวสั่นเทา จิกปลายเล็บที่ตัดมนสั้นสะอาดสะอ้านลงบนต้นแขนชื้นเหงื่อของเขาเพื่อระบายความเจ็บปวดที่มี
“ได้แล้วนี่ไง นิ่ง ๆ สิ”
เสียงเข้มว่าอย่างลิงโลดเมื่อพาตัวตนเข้าไปภายในจนได้ในที่สุด แล้วปล่อยแช่ไว้อย่างนั้นอยู่อึดใจพอให้หายเจ็บค่อยกดแรงลงไปอีกจนความอ่อนนุ่มอุ่นชื้นโอบรอบตัวตนของเขาเสียแนบแน่น ภูเบศวร์กัดกรามไว้ให้ทานทนไปจนตลอดรอดฝั่ง เมือกสีชมพูซึมชโลมรอบจนลื่นไถล ชายหนุ่มกดย้ำ ๆ ขึ้นลงค่อย ๆ ตอนนี้อาการเจ็บตึงหายไปหมดแล้ว ที่รู้สึกอยู่ตอนนี้เป็นอาการเสียวซ่านเพียงเท่านั้น
เขาแนบตัวลงไปบนร่างงามแล้วประกบริมฝีปากบดจูบดูดดื่ม สอดลิ้นเข้าหา กดย้ำหนักหน่วงเกือบนาที ในที่สุดเขาก็ดันลำตัวขึ้น แยกขาเรียวของเธอกางออก มองดูความแน่นกระชับไปตลอดช่องทางเล็กแคบนุ่มอุ่นนั่นบีบรัดเขาเสียแน่นอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เวลาที่ดึงออกจนสุดและกดดันเข้าไปจึงได้เสียวซ่านจนอยากระเบิดปลดปล่อยออกในนั้นเสียเลยให้มันจบสิ้นความกำหนัดกันไป แต่เขาไม่ทำ ภูเบศวร์ก้มหน้าลงดูดกลืนปลายยอดสีแดงก่ำที่หดตัวรอรับสัมผัสอย่างหิวกระหาย สาวน้อยแอ่นอกขึ้นตอบสนองทันท่วงทีตามสัญชาตญาณที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาพร้อมกับมนุษย์ ภูเบศวร์ได้จังหวะเขาดันตัวดึงรั้งแก่นกายออกแล้วสวนพรวดเข้าไปอีกครั้ง
“ซี้ด”
เสียงซูดปากจากทั้งของเขาและเธอดังขึ้นพร้อม ๆ กัน
ชายหนุ่มดึงดันออกมาแค่ส่วนปลายแล้วเร่งจังหวะเข้าออกย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ถี่ยิบ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะชวนสยิวยิ่งนัก ร่างเล็กงดงามยวนตาที่นอนรองรับการกระแทกกระทั้นถึงกับบิดส่ายพร้อมเสียงหวานครางกระเส่าเร่งเร้าให้เพิ่มจังหวะไวขึ้นกระชั้นขึ้น เมื่อเห็นสัญญาณของความแตกพ่าย สองกายจึงเริ่มสั่นไหวเพราะแรงเสียดสีแนบสนิทนานหลายจังหวะทั้งยังดึงดันเข้าออกอย่างรวดเร็ว เสียวซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เด็กสาวเองคงรู้สึกไม่ต่างกันกับเขา เพราะบิดตัวแอ่นหาทั้งยังร่อนสะโพกผายส่ายวนตอบรับเขาเป็นจังหวะเร่าร้อนแบบเดียวกันก่อนลากเสียงครวญยาวลั่นห้อง
“อื้อ...อ๊า” ตลอดระยะที่ภูเบศวร์เร่งจังหวะเข้าหาชายหนุ่มเสียวแปลบปลาบที่ส่วนปลายกายแกร่งของเขามากขึ้น ๆ ไม่วายถามเสียงกระเส่า
“เสร็จแล้วสิยัยเด็กอมมือ”
เด็กอมมือที่เขาเพรียกถามไม่ยอมตอบ ภูเบศวร์เลยก้มลงจูบแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว สอดลิ้นเข้าไปทำโทษจนเจ้าตัวร้องครางอือตอบรับออกมา เขาถึงบดเคลื่อนตัวเพื่ออัดคลึงเพิ่มความซ่านเสียวเข้าไปอีกครั้ง ร่างงามถึงกับขยับส่ายสะโพกตามรับการบดอัดที่แรงขึ้นเร็วขึ้นทันที
คนมากประสบการณ์รู้ว่าเด็กสาวใต้เรือนกายของเขากำลังเสียวจวนเสร็จสมอีกครั้งในนาทีข้างหน้านี้ จึงถอนแก่นกายออกก่อนกระแทกเข้าไปจนสุด ย้ำติด ๆ กันอยู่อย่างนั้นด้วยเรี่ยวแรงของการเป็นฝ่ายรุกเร้า ทั้งยังรวดเร็วติดต่อกันไม่หยุดราวกับไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย ได้ยินเสียงกระทบกันของเนื้อภายนอกและภายในช่องผสานดังเป็นจังหวะประสานสอดรัดเปียกชื้นซ้ำ ๆ ซ้ำ ๆ
เมื่อสุดจะทานทนทั้งสองต่างส่ายรับซึ่งกันและกัน ทันใดนั้นเองที่หญิงสาวเกร็งตัวแอ่นขึ้นจนสุด กลั้นหายใจพร้อมกับกอดรัดลำตัวของเขาที่บดเข้าหาไม่ยั้งเสียแนบแน่น ทั้งยังส่ายสะโพกรับยุกยิกเมื่อต่างคนต่างไม่หยุด เสียงเข้มบอกกระท่อนกระแท่นขึ้น
“เรียก...เรียกคุณภู...เร็ว!”
เพราะรู้ว่าใกล้เสร็จสมเต็มที เขาจึงเร่งให้หญิงสาวครางชื่อของเขา ทั้งที่ไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อเล่นของตน แต่เขาอยากได้ยินเสียงหวานของคนใต้ร่างในตอนนี้ครางชื่อ ‘คุณภู คุณภูขา’ มันคงสุขสมไม่น้อยเชียวล่ะ
“ค่ะ คุณภู คุณภู ขา...อ๊า”
ความรู้สึกบีบรัดเป็นจังหวะยิ่งทำให้ภูเบศวร์สุดกลั้น ฉับพลันที่สองร่างกระตุกปล่อยธาราข้นขุ่นพุ่งเข้าหากันอยู่ในโพรงเนื้อคับแน่นอ่อนนุ่ม เขาปลดปล่อยแตกพ่ายออกมาในที่สุด แต่ยังคงขยับเข้าออกเบา ๆ เป็นจังหวะช้าลง ๆ จนหยุดนิ่ง เรี่ยวแรงร่อยหรอลงเพียงนิด ชายหนุ่มปล่อยตัวลงทาบทับร่างหอมชื้นเหงื่อที่เหนื่อยหอบจากการถึงจุดสุดยอดไม่แพ้กัน หัวใจเต้นโลดแรงตึกตักออกมาจนรู้สึกว่าจะทะลุผนังทรวงออกมา หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อยค่อยเบาจังหวะลงเมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว
“ต้องเรียกคุณภูทุกครั้งที่เสร็จ เข้าใจไหม”
เสียงเขาย้ำที่ขมับของเธอ จอมขวัญปิดตาลงแล้วในตอนนี้ เธอไม่เคยเหนื่อยจากกิจกรรมใดเท่านี้มาก่อนในชีวิต ภูเบศวร์ดันตัวออกจากร่างของคู่กามกิจ เขามองใบหน้าและเรือนร่างของเธอด้วยสายตาสงสัยแต่ไม่สงสาร
นึกแปลกใจที่ยังสดยังซิง แต่ช่างมัน นั่นไม่ใช่ประเด็น ก่อนจะยิ้มกริ่ม ถ้าไอ้เทวามันรู้ว่านางฟ้านางสวรรค์ของมันให้ความสุขกับเขาได้ขนาดนี้ มันต้องดิ้นตายแน่ ๆ
ก่อนจะนิ่วหน้าเอนตัวไปนอนหงายยังที่ว่างบนเตียงข้างเรือนกายขาวเนียนลออตา ควานมือตนเองเอี้ยวไปที่บั้นเอวหนา เขาหักโหมไปหรืออย่างไร หลังมันถึงแปลบขึ้นมาทันทีทันใดเลยแบบนี้ ให้ตายเถอะ เขาจะสอนให้ยัยเด็กอมมือนี่ให้ทำให้เขาบ้าง ก่อนจะนึกถึงตำราการมีเพศสัมพันธ์สำหรับคนมีปัญหาที่หลัง (Sex for Back pain) สมัยที่เป็นนักศึกษาแพทย์ตอนยังไม่กลับเมืองไทย เขาเก็บมันไว้อยู่ในลังไหนกัน คงต้องไปควานหาออกมาเปิดดูว่าท่าไหนที่ทำได้บ้าง