1

2951 Words
เสียงสวบสาบจากการเสียดสีของกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อดีสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่ครูดไล้ไปกับยอดหญ้าสูงถึงหัวเข่าดังเป็นระยะ ๆ จากบริเวณลำรางน้ำไหลที่เด็กสาวหน้าตาละม้ายสาวต่างชาติเดินลัดเลาะจากมา ผมยาวปลายม้วนเป็นลอนขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มไหวลู่ไปตามแรงเคลื่อนของเจ้าตัวขณะเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างต้องการทำเวลาให้เร็วที่สุด แต่ไปไม่ได้ดั่งใจเพราะพื้นดินไม่เรียบ มันทั้งขรุขระและแฉะชื้นจากฝนที่กระหน่ำตกลงมาหลายวันติด ๆ กัน จนทำให้เธอต้องเดินอย่างระมัดระวังไปยังจุดหมายเบื้องหน้า เพราะมัวแต่คลุกข้าวเพื่อนำไปให้สุนัขจรจัดแถวลำรางน้ำไหล แถมยังมาเสียเวลาตะโกนเรียกหาพวกมันอยู่อีกนาน นึกแปลกใจที่พวกมันพากันหายไปจากจุดที่เคยนัดกันเกือบหมดแก๊ง หวั่นใจอยู่ว่าจะมีคนคิดร้ายมาทำอะไรพวกมัน กว่าจะตามเจอก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง เลยทำให้เธอต้องล่าช้ากับการกลับมาเตรียมอาหารให้คนป่วยเสียอีก จอมขวัญเป็นเด็กสาวอายุย่างเข้าสิบเก้าปี เธอเพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกได้เพียงเดือนเดียว และต้องมาดูแลคนป่วยตามคำขอของนางนิพาพร ผู้เป็นภรรยาใหม่ของพ่อ ความฝันที่จะเรียนต่อของเธอหายวับไปกับตา คนป่วยที่เธอต้องดูแลประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกระดูกสันหลังหัก อนาคตไม่แน่ว่าคงพิการจนเดินไม่ได้อีกเลยไปตลอดชีวิตของเขา สมองยังถูกกระทบกระเทือนจนมีเลือดคั่งต้องผ่าตัดเอาออก มารดาเลี้ยงของเธอเล่าว่าเดิมทีเขาเป็นคนฉุนเฉียวอยู่แล้ว พอประสบอุบัติเหตุครั้งนี้เลยอาการหนักกว่าเก่า อาจทำให้เจ้าอารมณ์มากขึ้นอีก ท่านบอกให้เธออดทน อะไรที่ยอม ๆ เขาได้ก็ให้ยอม นึกเสียว่าทำทานไปเพื่อแลกกับเงินที่จะนำไปไถ่เอาบ้านออกมาจากธนาคารก่อนที่จะถูกยึด คิดมาถึงตรงนี้เด็กสาวก็มาหยุดยืนหอบหายใจเล็กน้อยที่หน้าบ้านหลังใหญ่พอดี ไม่รีรอให้ช้าไปกว่านี้อีกแล้ว จอมขวัญผลักประตูเข้าไปเพื่อจัดเตรียมอาหารให้อีกฝ่ายอย่างที่ทำมาแล้วเกือบเดือน เธอดูแลเขาทุกเรื่องตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายอาการพ้นวิกฤติ แพทย์จึงอนุญาตให้กลับมารักษาตัวต่อยังที่บ้าน และฟื้นคืนสติในที่สุด “หายไปไหนมา หิวจะตายอยู่แล้ว” เสียงทุ้มดุดันถามทันทีที่เห็นหน้าของเธอ จอมขวัญบอกเสียงอ่อย “หนูเอาข้าวไปให้พวกไอ้ด่างมาค่ะ” “คนยังไม่ได้กิน กระแดะเอาไปให้หมา เร็วเข้า หิว” “ค่ะคุณภู” “ไม่เคยอนุญาตให้เรียกชื่อเล่น” เสียงดุบอกอย่างถือตัว “ค่ะคุณภูเบศวร์” สาวน้อยวัยแรกผลิหยิบปิ่นโตออกจากเถาทีละชั้น เทใส่ชามอย่างระมัดระวังเพราะมันยังร้อนอยู่มาก เตรียมจานชามช้อนแก้วเรียบร้อย จึงไปนั่งข้างเตียง เขาอยู่บนเตียงไฟฟ้าแบบปรับระดับได้ทั้งหัวและปลายเตียงด้วยรีโมต เธอจึงปรับจัดท่าให้เขาพร้อมสำหรับการกินอาหารจนเรียบร้อยดีค่อยตั้งท่าป้อนข้าวให้ “ล้างมือหรือยัง” คนป่วยตวัดเสียงถาม เมื่อนึกขึ้นมาได้ที่อีกฝ่ายบอกว่าเอาข้าวไปให้ไอ้ด่างมา แล้วมือนั่นล้างหรือยัง “ล้างแล้วค่ะ” จอมขวัญบอกเสียงนุ่มนิ่ม “ล้างแล้วก็รีบป้อน” สาวน้อยยกช้อนในชามขึ้นเป่าเบา ๆ ครู่หนึ่ง แตะริมฝีปากกับอาหารจนแน่ใจว่าอุ่นดีจึงส่งมันไปที่ปากของเขา พร้อมบอกขึ้น “อ้าปากค่ะ” ชายหนุ่มขยับปากที่มีหนวดเคราขึ้นรกเต็มไปถึงคางอ้าอย่างหงุดหงิดแล้วรับเอาช้อนที่มีอาหารเข้าไปเคี้ยว ๆ ก่อนกลืนลงคอในเวลาอันรวดเร็ว “ป้อนไว ๆ หิว!” “หนูบอกคุณแล้วว่าให้กินเยอะ ๆ เมื่อตอนเที่ยง คุณก็ไม่เชื่อ” “มีสิทธิ์อะไรมาบอก ยัยเด็กอมมือ” เขาว่าเธออย่างหงุดหงิด บ่นไปตามเรื่องของเขา จอมขวัญจึงทำหูทวนลม บ่อยครั้งเมื่อตอนอยู่หอ เวลาถูกซิสเตอร์อบรมเด็กสาวจะทำแบบนี้อยู่บ่อย ๆ เธอกับเพื่อนจะพากันนั่งก้มหน้ายิ้ม ๆ ให้ท่านบ่นจนจบเรื่อง ตอนนี้ก็เช่นกัน เขาอยากพูดอยากบ่นอะไรก็ปล่อยเขาไป จนป้อนข้าวหมดชาม จัดแจงเตรียมผลไม้และยาหลังอาหารไว้รอท่า เตรียมป้อนคนป่วยอีกครั้งจนเรียบร้อยแล้วถึงบอกเขา “คุณจะทำกายภาพบำบัดก่อนไหมคะ แล้วค่อยอาบน้ำ จะได้นอนเลย” “ไม่ ฉันจะอาบน้ำก่อน เพิ่งกินข้าว อาหารยังไม่ทันย่อยเลย จุกตายพอดีสิ” “แต่ว่า...ทำเสร็จจะเหม็นเหงื่ออีกนะคะ” “ก็อาบอีก” เขาว่าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น จอมขวัญถอนหายใจพรืดอย่างนึกหมั่นไส้คนเรื่องเยอะแล้วเตรียมผ้ามารอเขา อาบน้ำที่ว่าคือแค่นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดตัวบนเตียงโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย สภาพคนตัวใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นแบบนี้ เธอคงพาเขาไปอาบน้ำไม่ไหว จอมขวัญจะเช็ดเฉพาะใบหน้าที่ครึ้มไปด้วยหนวดเครา คอ ลำตัว และแขนขาเขาเท่านั้น ส่วนบริเวณอื่น หนุ่ม ลูกน้องคนสนิทของเขาจะเข้ามาทำแทน เด็กสาวมองร่างกายใหญ่โตของเขาแล้วนึกเห็นใจ นักกายภาพบำบัดที่เคยมาสอนเธอบอกว่าถ้ากินมากจนอ้วนกว่าเดิมคนไข้จะฟื้นช้า ‘ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น’ เธอได้ยินนักกายภาพบำบัดว่าไว้แบบนั้น จะเป็นไปได้หรือที่อาการหนักขั้นพิการจะดีขึ้นได้ “จริง ๆ เธอควรเช็ดให้มันทั่วทั้งตัวนะ ยัยเด็กอมมือ” จู่ ๆ เสียงของเขาก็ว่าขึ้นขัดความคิดของเด็กสาว “ทุกทีหนูก็เช็ดให้หมดทั้งตัวนี่คะ” “หมดที่ไหน” เสียงเข้มว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ไปพลาง เป็นยิ้มเยาะที่จอมขวัญไม่เข้าใจว่าเขาเยาะเธอด้วยเรื่องอะไร มือเขาไม่ได้พิการเหมือนขาและสมองของเขา สายตาก็ด้วยที่เหลือบลงไปมองยังตำแหน่งที่เธอไม่เคยเช็ดให้ เขาถามแบบหมิ่น ๆ “นี่ไม่เห็นเช็ด” “ทำไมคุณภูเบศวร์ถึงลามกแบบนี้คะ” เสียงหวานไม่ได้ตวาด เธอถามเนิบ ๆ ช้า ๆ อย่างระมัดระวัง และนั่นยิ่งทำให้ภูเบศวร์นึกหมั่นไส้อีกเป็นกำลัง ชายหนุ่มหนวดครึ้มชะงักรอยยิ้มว่ากลับ “ลามกอะไรยัยเด็กแก่แดด เดี๋ยวเถอะ หมายถึงแถวต้นขานี่ต่างหาก” “หนูจะไปเช็ดได้ยังไงล่ะคะตรงนั้น น่าเกลียด...” จอมขวัญบอกเสียงอ่อย งึมงำที่ท้ายประโยคไม่กล้าให้เขาได้ยิน บางทีสมองของเขาที่ถูกผ่าตัดมาอาจกำเริบเกิดอาการวิปริตวิปลาสขึ้นมาก็เป็นได้ หากได้ยินคำที่เธอต่อว่าออกไป เด็กสาวคิดแบบเด็ก ๆ “โถ...น่าเกลียด” ภูเบศวร์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเด็กสาว ก่อนว่าต่อ “อ่อนเดียงสาเสียจริง ได้ข่าวว่ามากกว่านี้ เธอก็เคยทำมาแล้วนี่” “หนูไม่เคยทำแบบที่คุณภูเบศวร์บอกค่ะ หนูไม่คุยแล้วนะคะ จะรีบเช็ดตัว รีบทำกายภาพบำบัดให้คุณ” “อิโธ่...” ส่งเสียงในคออย่างนึกหยันแม่เด็กใจแตกที่ปรนนิบัติเขาอยู่นี่ ทำเป็นไม่อยากเถียงด้วย ที่เขาสืบมานี่สารพัดเรื่องแรง ๆ ทั้งนั้น จอมขวัญเป็นเด็กใจแตก พ่อของเธอส่งให้ไปอยู่ในโรงเรียนประจำตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ห้าจนจบมัธยมศึกษาปีที่หก เด็กสาวไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวยอะไรนักหนา แม่ของเธอเป็นคนรัสเซียที่ได้ยินคนเขาร่ำลือกันนักหนาว่าสวยมาก ส่วนบิดานั้นมีเชื้อสายไทยจีนมาจากแผ่นดินใหญ่ จอมขวัญจึงเป็นลูกเสี้ยวที่มีหน้าตาเป็นอาวุธอันร้ายกาจ นี่ยังไม่นับรูปร่างทรวดทรงที่ดูโตเกินเด็กสาวทั่วไป ผิวพรรณขาวผ่องนวลลออจนแทบมองทะลุเห็นเส้นเลือด เขาตามสืบเรื่องของเธอมานาน ตั้งแต่รู้ข่าวว่าเทวา มันไปตามเกี้ยวตามเฝ้ายัยเด็กใจแตกนี่ถึงโรงเรียนไม่เกรงใจสายตาใครเลยสักคน แว่วมาว่ามันตามเลี้ยงต้อยเอาไว้ คงกะว่าจบออกมาจะจับทำเมียออกหน้าออกตาเสียเลยล่ะมั้ง แต่เขาก็คว้ายัยนี่ตัดหน้ามันมาเสียก่อน นึกแล้วสะใจชะมัด นิพาพรแม่เลี้ยงของยัยเด็กนี่ค้าเนื้อสด เขารู้กันทั้งจังหวัด แค่เอ่ยปากไม่กี่คำยัยแม่เลี้ยงนั่นก็รีบเสนอตัวพามาให้เชือดถึงที่ เขาแค่อยากได้มานอนด้วยสักระยะเท่านั้น อยากเห็นหน้าไอ้เทวาตอนที่รู้ว่ายัยเด็กนี่โดนเขาฟาดเรียบแล้ว มันจะกระอักเลือดถึงตายไหม ประจวบเหมาะจริง ๆ เขายังไม่ทันได้กินสาวลูกเสี้ยว ก็ดันมาถูกรถขนของปริศนาเบียดตกถนนหวิดสิ้นชื่อไปเสียก่อน เลยสั่งให้คนไปเอายัยเด็กใจแตกนี่มาคอยพยาบาลจนกว่าจะหายดี นึกเคืองนักที่เสียทีเจ็บตัวเสียได้ นี่จะเป็นฝีมือใครถ้าไม่ใช่มัน ไอ้เทวา เขาไม่ได้เป็นคนพิการไร้สมรรถภาพสักหน่อย ก็แค่กระดูกหลังมันเคลื่อนออกมา ยังสรุปไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาจากอุบัติเหตุหรือจากการใช้งาน ‘มันแค่ listhesis โว้ย’ เขายังเถียงกับไอ้หมอกฤษณ์อยู่เลยตอนเห็นฟิล์มเอกซเรย์กับเอ็มอาร์ไอวางซ้อนกันให้ดูเมื่อตอนฟื้นมาใหม่ ๆ ส่วนสมองน่ะเขาไม่ได้ผ่า ไอ้หนุ่มนี่มันปล่อยข่าวจนน่ากระทืบเป็นของรางวัลให้จมดินสักสองสามที “คุณยกขาไหวบ้างไหมคะ” เสียงหงุงหงิงอย่างกับเสียงลูกแมวถามขึ้น เมื่อเช็ดตัวให้เขาจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ภูเบศวร์ตวัดเสียงตอบอย่างยวน ๆ “ไม่ไหว” “งั้นเกร็งตรงหน้าขาสักสิบทีนะคะ ทำเร็วค่ะ” เร่งเอาอีกเมื่อเห็นคนนอนป่วยยังนิ่งไม่ยอมขยับตามที่เธอบอก “เธอเป็นใครมาสั่ง ยัยเด็กอมมือ” “หนูไม่เด็กแล้วค่ะ” “ไม่เด็กแล้ว...อย่างนั้นเหรอ” เขาแกล้งยั่ว วาดแขนไปมาจนเฉี่ยวโดนหน้าอกหน้าใจของเธอหน่อยหนึ่ง เด็กสาวถดตัวหนีอย่างไว ใบหน้าขาวลออออกสีแดงจัด ก่อนงึมงำในลำคอ “คุณ!” “อะไร เสียงดังจนหูฉันจะแตก ทำไม ฉันทำอะไร” ภูเบศวร์แกล้งถามแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เด็กสาววัยกำดัดที่ยืนห่างเขาออกไปเป็นเมตร นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ยอมตอบคำเขา ‘หน้าแดง ๆ นี่มันแกล้งทำได้ไหมวะ’ ภูเบศวร์คิดอยู่ในใจคนเดียว ถ้าอย่างนั้นยัยนี่ก็แสดงได้เก่งทีเดียวล่ะ แล้วกวาดตามองท่าทางเหมือนลูกแมวหลงทางด้วยสายตาหยัน ๆ เอ่ยสั่งเสียงดุ “ไหนมาช่วยพยุงนั่งข้างเตียงหน่อยซิ” จอมขวัญนิ่งอยู่หน่อยหนึ่ง ตั้งแต่มาอยู่ดูแลเขาที่นี่ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ภูเบศวร์จะทำพฤติกรรมเช่นนี้ แล้วบอกตัวเองว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด บางทีมือของเขาอาจกระตุกก็เป็นได้ ก็เขาป่วยอยู่นี่ ไม่ได้ปกติแบบคนทั่วไปสักหน่อย คิดได้อย่างนั้นพอให้ตัวเองมีแรงฮึด หญิงสาวก็เข้าไปปรับเตียงให้ราบลงจนเสมอกันดีแล้วบอกเขาเสียงนิ่ม “คุณภูเบศวร์ขยับตัวไปชิดริมเตียงฝั่งนั้นเองนะคะ” คราวนี้คนป่วยทำตามไม่อิดออด เพราะมีบางอย่างที่เขานึกจะทำต่อเสียหน่อย น่าจะแก้เซ็งได้เหมือนกันล่ะคราวนี้ “ตะแคงตัวมาค่ะ” เสียงนิ่มบอกอย่างระวังแล้วจับร่างใหญ่โตของเขาให้ทำตามด้วย นึกตามที่พี่นักกายภาพบำบัดได้เคยสอนเอาไว้ ว่าจะจับคนป่วยขึ้นจากท่านอนมานั่งควรทำอย่างไร จับตั้งเข่าข้างหนึ่งที่อยู่คนละฝั่งกับข้างที่จะพลิกตะแคงตัวไป จับแขนข้างที่ชันเข่าชูขึ้น ออกแรงดึงที่แขนและเข่าพร้อมกัน เท่านี้คนป่วยก็จะได้นอนตะแคงตัวแล้ว “คุณภูเบศวร์เอามือดันเตียงไว้นะคะ หนูจะช่วยดึงตัวขึ้น ช่วยกันค่ะ หนึ่ง สอง ซั่ม...” “อื๊อ...” แต่พอออกแรงทำตามขั้นตอนที่เคยได้รับการสอนไว้กลับไม่เป็นผล พาเขานั่งไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ จึงแอบบ่นเบา ๆ “คุณไม่ช่วยหนูเลย” ภูเบศวร์หรี่ตามองก่อนจะบอก “มามา มาลองใหม่สิ” คราวนี้เด็กสาวทุ่มสุดตัว เธอเอาลำตัวเข้าไปจนใกล้เขา ลืมไปเสียสิ้น ว่าเมื่อครู่นี้ภูเบศวร์ทำอะไรไว้ “คะ...คุณจะทำอะไร” เขาไม่ตอบ แล้วซุกใบหน้าที่มีหนวดรกซบที่ซอกคอของเธอ เด็กสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในนาทีนั้นเอง เธอกระเสือกกระสนดิ้นรนหนี แต่ถูกคนป่วยคว้าแขนเอาไว้ทัน เขาแลบลิ้นเลียตามเส้นเลือดที่เต้นตุบ ๆ ตรงลำคอขาวผ่อง ยิ่งลงน้ำหนักมันก็ยิ่งพองตัวราวกับตอบสนองลิ้นสากของเขา “ปล่อยนะ” เขาเคลื่อนใบหน้าไปที่ซอกหูของเธอแทน แล้วขบเม้มแผ่วเบา แต่ยิ่งน้อยก็ยิ่งรู้สึกมาก ราวกับเลือดในกายงามจะหนืดจนหยุดไหลเวียน หัวสมองของหญิงสาวตื้อมึนไปหมดกับการถูกจู่โจมแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวจากคนที่เธอคิดว่าเขาพิการมาตลอด “ปล่อยหนูนะ” ภูเบศวร์โถมตัวลงกดเบียดหน้าอกแกร่งเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ดันให้เธอนอนหงาย มือข้างหนึ่งของเขารวบสองแขนของเธอขึ้นด้านบน มืออีกข้างปลดรั้งเสื้อยืดให้พ้นจากร่างของเธอด้วยความทุลักทุเล “ไหนแม่เธอบอกว่าเธอบริการดี นี่อะไร ต้องให้ลงมือทำเอง ห่วยชะมัด” คนที่ถูกขอร้องก้มลงปิดปากเธออีกครั้ง มือที่รวบแขนด้านบนเลื่อนลงมาดึงรั้งเสื้อช่วยมืออีกข้าง เขาผละออกจากปากเธอเพื่อดึงเสื้อให้พ้นศีรษะ ก่อนจะก้มลงจ้องยอดอกสาวแรกผลิไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน นาทีนี้จอมขวัญออกแรงดิ้นรนสุดชีวิต ด้วยหวังจะให้ตัวเองหลุดพ้นจากการคุกคามจากเขา “คุณเข้าใจผิด หนูไม่...” เสียงหวานนิ่มพยายามบอกอธิบายให้เขาฟัง หยาดน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกทางหางตาอย่างอดสู เบี่ยงหน้าสะอื้นไห้ จนภูเบศวร์ต้องหยุดการกระทำของตน นึกหมิ่นว่ายัยนี่ทำไมลูกไม้เยอะนัก หรือนี่จะเป็นหนทางสำหรับเพศผู้กระตุ้นให้เลือดร้อนซ่านที่ได้รุกรานหญิงสาวที่แสดงตัวว่าไม่เคยแบบเธอ แล้วเชยใบหน้าหวานที่เบี่ยงหนีให้หันมาสบตา จอมขวัญปิดตาลงอย่างที่ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขาอีก “ไม่...อะไร พูดมาสิ” “คุณอย่าทำหนูเลย ฮึก หนูกลัว...ฮือ ๆ ๆ ๆ” “แล้วทีไปทำกับคนอื่นมาแล้ว ไม่กลัวหรือไง” “หนูไม่เคยทำ...กับใคร” “จริงน่ะ” เสียงเข้มถามแฝงแววหมิ่นแคลนอย่างเดิมไม่เสื่อมคลาย “รับรองว่าไม่น่ากลัว” เขาก้มลงเบียดกลีบปากของเธอด้วยริมฝีปากของเขาเบา ๆ ก่อนจะลงน้ำหนักนวดคลึง มืออุ่นจนร้อนจัดไล้ไปทั่วเรือนกายอย่างปลุกเร้าให้เธอเสียวซ่านแล้วเผยตัวตนออกมา ด้วยความตกใจจอมขวัญจึงไม่ทันได้ต่อต้านการรุกเร้าของเขา และด้วยความอ่อนด้อยของหญิงสาวจึงตอบรับการรุกเร้าโดยไม่รู้ตัว ลิ้นน้อย ๆ หลบหลีกหนีไม่ให้แตะโดนอีกฝ่าย แต่นั่นเท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟได้เป็นอย่างดี ภูเบศวร์ครางในลำคออย่างถูกใจ ไหนว่าไม่เคย ทำไมทำให้เขาร้อนขึ้นมาได้ขนาดนี้ ยัยเด็กแสบ เขาดูดดุนควานหาความหวานในโพรงปากจนสาวน้อยด้อยประสบการณ์ถึงกับนอนระทดระทวย ตะขอบราถูกเขาสะกิดตอนไหนไม่รู้ได้ เพียงแผ่วเบาเท่านั้นก็หลุดออกจากกันอย่างง่ายดาย ปากของเขาจึงย้ายลงมาครอบครองตรงยอดทรวงของเธอ เด็กสาวเผลอครวญครางเสียงแผ่วเบา หวิวไหวรัญจวนใจคล้ายจะปลิดปลิวอยู่รอมร่อ แล้วจู่ ๆ ภูเบศวร์ก็หยุดการรุกราน เขาซบใบหน้าลงตรงซอกคอนุ่มกรุ่นกลิ่นเหงื่อบนกายสาวแล้วบอกเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย “ฉันจะคุยกับแม่ของเธออีกที ว่ามันยังไงกันแน่ ฉันช่วยเรื่องที่ขอไปแล้ว แต่เนื้อเน่ากินไม่ได้ได้ยังไงกัน” จอมขวัญรีบพาตัวเองออกจากกรงเล็บโง้งยาวคมน่ากลัวของภูเบศวร์ หัวใจเต้นระรัว กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงมาเจอคนน่ากลัวเช่นนี้ เธอต้องหาโอกาสโทรหามารดาเลี้ยง บอกให้ท่านทราบว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD