“ท่านทายาทมีอะไรจะกล่าวต่ออีกหรือไม่? หากไม่มีฉันจะฟังความเห็นของท่านอื่นแทน”
“ผมยังพูดไม่จบครับท่าน” เสียงทุ้มเอ็ดในฐานะหลานทำให้ผู้เป็นลุงลอบยิ้มมุมปากเพราะไม่เห็นหลานชายทำตัวสนิทสนมกับตนมานาน จนเผลอเอ่ยคำติดปากที่ใช้เรียกหลานตามปกติออกไป “เช่นนั้นเชิญนายน้อยต่อ”
“ท่านคูชินอิเข้าใจถูกต้องแล้วครับ ..หากแต่น่าเสียดายที่ท่านกลับไม่สามารถเข้าใจเจตนาทั้งหมดของท่านสุซาคุได้ ฉะนั้นได้โปรดนั่งเงียบๆ ไปเสียจะดีกว่าครับ เพราะหากท่านทำความเข้าใจให้ดีกว่านี้สักหน่อยจะเข้าใจว่าประโยคหลังของสัญญา ท่านสุซาคุละอำนาจผู้มีสิทธิเลื่อนพิธีหมั้นได้เพียงคนเดียวนั่นคือผู้นำอิวามุโระคนปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้เข้าใจผิด หากแต่..” เอย์จิเว้นช่องไฟให้ผู้นำและผู้อาวุโสทั้งหลายค่อยๆ ทำความเข้าใจไปในแต่ละขั้นตอนก่อนจะกล่าวต่อ
“หากแต่วันนั้นท่านคูชินอิเข้าร่วมประชุมก็คงจะเห็นเต็มสองตาได้ยินเต็มสองหูว่า การเลื่อนฤกษ์หมั้นหมายครั้งนี้เป็นไปโดยการตัดสินใจของท่านผู้เฒ่า ในขณะเดียวกัน ท่านอิทสึกิออกเสียงเป็นกลางไม่เอนเอียงไปฝั่งใด นั่นก็เท่ากับว่าท่านผู้นำไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะทำตามเสียงข้างมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดกับกฎที่ท่านสุซาคุระบุไว้อย่างชัดเจน ผมพูดอะไรผิดไปหรือไม่ครับ?”
กล่าวจบ ชายหนุ่มก็เงียบเสียงเพียงจับจ้องสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่นด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกันของหลายฝ่ายอย่างพึงพอใจ เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าบุคลากรผู้สำคัญในตระกูลเริ่มจับเข่าคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ว่าถึงการตีความจากคำมั่นที่สลักในตำราศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำรุ่นที่ 10 ที่ท่านทายาทเรียบเรียงจากความคิดและถ่ายทอดออกมานั้น มีความเป็นไปได้และมีน้ำหนักน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย ซ้ำยังมีหลักฐานการอ้างอิงที่ชัดเจน
สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้ไดเซ็นและพรรคพวกพลิกกลับได้สักนิด ยิ่งประโยคที่ยูเซ็งเอ่ยแย้งก่อนหน้าโดนนำมาเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ต่างๆ นานา ยิ่งทำให้ระดับความเชื่อมั่นของเหล่าผู้นำในโถงประชุมที่มีต่อฝ่ายตนลดฮวบดั่งทรายโดนน้ำกัดเซาะ
‘เริ่มยิ้มไม่ออกซะแล้ว’ ดวงตาเฉี่ยวคมชายมองไดเซ็นที่กำลังนั่งก้มหน้าครุ่นคิดอย่างร้อนรนเพราะสถานการณ์ไม่เป็นไปดั่งที่คิดแล้วลอบยิ้มในใจ เมื่อครู่ยังแสดงสีหน้าอวดดีเป็นต่ออยู่แท้ๆ แล้วเหตุใดตอนนี้กลับตาลปัตรมานั่งทำหน้าซีดเผือดขบเล็บมือเสียได้
ไม่ใช่กลัวพ่ายแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนที่เคยดูถูกหรอกนะ?
เอย์จิไหวไหล่อย่างสมเพช ก่อนสลับสายตามองลูกสมุนที่ยกมือโต้แย้งอย่างแน่วแน่ในตอนแรก พอมาถึงตอนนี้กลับมีสีหน้าไม่ต่างจากเจ้านาย คิดสะอกสะใจแล้วส่งเสียงเฮอะ! ในลำคอก่อนที่สมองจะมีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมา
ร่างสูงใหญ่ดั่งยักษ์มารย่ำมาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้นำยูชินอิที่นั่งออกไปไม่ไกล แล้วหลุบตาต่ำดั่งพญายักษ์เหลือบมองสัตว์เดรัจฉานตัวจ้อยอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะถามด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเดิมทว่าน้ำเสียงกลับปะปนไปด้วยความกระแหนะกระแหน
“ว่าอย่างไรครับท่านยูเซ็ง”
แววตาครั่นคร้ามกลอกไปมาหานายผู้เป็นที่พึ่งแต่กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะทางนั้นเอาแต่นั่งก้มหน้าคิดหาวิธีเอาคืน และเขาก็ใช่ว่าจะเงียบปากไม่หืออือนานได้ เพราะสายตาคมดุปานเสือที่สะท้อนเข้าม่านตาสั่นให้ความรู้สึกราวกับกำลังโดนกรงเล็บแหลมตะปบคอคาดคั้นเอาคำตอบอยู่
“ผมคิดว่า...นะ น่าจะเป็น..อย่างที่ท่านกล่าว...ครับ..”
“อะไรนะครับ? น่าจะเป็น..งั้นหรือครับ? ได้โปรดพูดให้ผมฟังรู้เรื่องทีเถอะครับท่านผู้นำ”
ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่ายเอย์จิจึงยิ้มหยันเข้าไปใหญ่ “แต่ก็เอาเถอะ ผมพูดมีเหตุผลเสียขนาดนี้ถึงยังไงท่านยูเซ็งก็คงต้องเห็นด้วยกับผมอยู่แล้วใช่ไหมครับ?”
อัลฟ่าวัยกลางคนนั่งนิ่งสั่นเทาไม่ปริปาก ใจขาดอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมจำนนต่อฝ่ายตรงข้าม จนท่านทายาทเลิกคิ้วพร้อมยกมุมปากใส่แล้วเดินออกมายืนประจำจุดเดิมอย่างเบื่อหน่าย เวทนาสุนัขผู้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายแต่กลับมีนิสัยขี้ขลาด
“แล้วท่านผู้นำคิดเห็นยังไงบ้างครับ” เอย์จิส่งเสียงดังถามอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ผู้คนทั้งโถงประชุมที่พากันนั่งขมวดคิ้วพูดคุยกันหันกลับมาสนใจท่านทายาท ในขณะเอ่ยถามความคิดเห็นท่านผู้นำตระกูลใหญ่ที่นั่งจิบน้ำชาสบายใจราวกับคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว
อิทสึกิได้ยินดังนั้นก็วางถ้วยน้ำชาลงพลันเลิกคิ้วครุ่นคิดอย่างเสแสร้งแกล้งทำ
“สิ่งที่ทายาทกล่าวเป็นจริงทุกประการ เพียงแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างตกลงปลงรายนามในสัญญาแล้ว หากฝ่ายเราเป็นผู้ผิดคำมั่นแล้วฉีกสัญญาที่มีลายมือผู้นำตระกูลพันธมิตรทิ้ง คงจะไม่ส่งผลดีต่อตระกูลมากนัก” สายตาดุดันสมกับฐานะผู้นำกวาดมองสบตาทั่วทุกผู้ในขณะที่เปล่งวาจาอย่างเฉลียวฉลาด
“และที่สำคัญหากเรื่องราวนี้แพร่งพรายออกไปข้างนอก พวกเขาจะไม่ตีตราหน้าว่าอิวามุโระอย่างเสียๆ หายๆ ทำให้ปีกสีขาวหม่นหมองลงหรอกหรือ ..หวังว่าท่านทายาทจะเข้าใจข้อนี้”
“ท่านผู้นำทำอะไรของท่านน่ะครับ” มารดาผู้นั่งอยู่ข้างกายกระซิบเบาปรามบุตรที่กำลังทำให้หลานชายจนมุมแล้วพ่ายแพ้ไปโดยไม่สมเหตุสมผลจึงรีบเอ่ยท้วง และเนื่องจากด้วยอยู่ใกล้กันมากพอ เสียงแผ่วลอยจึงลอยเข้าโสตประสาทอิทสึกิได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูให้คนที่นั่งอยู่เบื้องล่างสงสัย
“โปรดเงียบแล้วดูก่อนคุณแม่.. สีหน้าหลานชายของเราดูเป็นคนโง่เขลาไม่มีแผนการขนาดนั้นเลยหรือครับ” อิทสึกิจำต้องโต้มารดา เพราะเขารู้จักบุตรของน้องชายตนดีว่า หากไม่มั่นใจสิ่งใดย่อมไม่มีทางลงมือทำ ในตอนนี้เอย์จิมุ่งมั่นมาถึงขั้นนี้ได้ย่อมต้องมีแผนการรับมือ หากสุดท้ายแผนการที่วางมาล้มเหลวไม่เป็นท่า เอย์จิก็คงไม่หวั่นที่จะร่วงหล่นสู่พื้นเพราะมั่นใจในฟูกนุ่มของตัวเองอย่างดีแล้วเสาะหาวิธีกลับมาใหม่อีกหน นั่นแหละคือเอย์จิบุตรชายของดวงดาวและอันจิผู้เป็นน้องชายของเขา
“หลานย่า..” นายหญิงกอบัวทอดมองหลานชายอย่างเป็นห่วง แต่เมื่อได้สบเข้ากับดวงตามุ่งมั่นอันแฝงด้วยร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมนั่นมันกลับทำให้นายหญิงตกใจอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าหลานชายจะเป็นคนร้ายลึกเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยพยุงใจทำให้เขารู้สึกห่วงใยหลานชายน้อยลง
“ว่ายังไงท่านทายาท” เมื่ออิทสึกิเห็นท่านทายาทยืนหน้านิ่งไปนานจึงเอ่ยท้วง
“ขออภัยท่านผู้นำ ผมเพียงคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะครับ”
‘เพลินเหรอะ!’ คุรุคากิว่าในใจอย่างไม่สบอารมณ์ สถานการณ์กรุ่นไฟขนาดนี้แล้วยังจะมีอารมณ์พรรณนาเพลิดเพลินอยู่อีกหรือ!
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านพูดทุกอย่างครับ หากทางเราเป็นคนผิดสัญญาเสียเองคงทำให้ความสัมพันธ์อันยาวนานของอิวามุโระกับชิราซากิร้าวฉานลงได้ แต่ทว่า.. หากท่านผู้นำฝั่งนั้นเห็นด้วยล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้น?”
“แน่นอนครับว่า สัญญาฉบับเก่าจะถูกเก็บไว้ในบันทึก และจารึกเรื่องราวการตัดสินใจพลาดร่วมกันของผู้นำทั้งสองตระกูลที่เผลอไผลมอบอำนาจอันสำคัญเช่นนี้ให้ตกอยู่ในมือผู้อื่น ให้บ่าวตัดสินความเป็นอยู่ของนายโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา” ชายหนุ่มเว้นช่องไฟเพื่อพักหายใจก่อนเหลือบมองเหล่าผู้เฒ่าที่นั่งหัวหดเข้ากระดองหน้าซีดอยู่ด้านหน้า ไม่แม้แต่จะกล้าชูคอชะเง้อหน้าดั่งกิ้งก่าเช่นตอนแรก แล้วจึงเอ่ยต่อ
“แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีผลดี ผมขอให้ท่านผู้นำและทุกท่านที่อยู่ ณ แห่งนี้ลองตระหนักคิดนิดหนึ่งว่า มิตรสหายที่ร่วมมือกันแก้ปัญหาในจุดผิดพลาด เพื่อไม่ให้ศัตรูโจมตีช่องโหว่ จะยิ่งไม่กระชับสัมพันธไมตรีมากยิ่งขึ้นหรือครับ? ตรงกันข้ามหากเรายังปล่อยให้มีช่องโหว่ทั้งที่เห็นคาตาไว้เช่นเดิมยิ่งจะไม่สร้างผลเสียอันใหญ่หลวงตามมาภายหลังหรือ ผมหวังว่าพวกท่านคงจะคิดได้”
ภายในห้องเงียบสนิทเมื่อเสียงทุ้มเริ่มแหบเงียบลง เหล่าผู้นำและผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่างครุ่นคิดอย่างจริงจัง
น่าชื่นชมนักที่มีสมาชิกคิดตระหนักได้ว่า ตนกำลังโลภจนเกินเหตุและกำลังรนหาที่ตายโดยไม่รู้ตัว จึงรีบกลับตัวสำนึกผิด แต่ก็ช่างน่าเศร้าใจนักเพราะมันกลับเป็นเพียงสิบในร้อยเท่านั้น
นี่แหละหนาการเป็นคนชั่วหากไม่เจอกับตัวคงไม่สำนึกผิดเจียดจนวันตายมาถึง
“ฮึก หลานย่า..โตขึ้นขนาดนี้แล้วรึนี่”
“คุณแม่ครับ เจ้านั้นมันจะสามสิบแล้วนะครับ” อิทสึกิว่าพลางส่ายหัว
มีเพียงเสียงพึมพำพร้อมเช็ดน้ำตารื้นขอบร้อนของคุณหญิงกอบัวเท่านั้นที่ดังกลบความเงียบสงัด แม้จะกลบได้เพียงบริเวณๆ หนึ่งซึ่งไม่ต่างจากคุณลุงอย่างท่านผู้นำ แม้ไม่ได้น้ำตาซึมบ่อแต่ก็ภูมิใจในตัวหลานชายไม่แพ้มารดา
“..เป็นแนวทางและการชี้แนะที่ดียิ่ง ต้องขอบคุณท่านทายาทที่ติเตือนการกระทำอันไม่เหมาะสมของผู้นำโดยไม่เกรงกลัว ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านผู้นำของชิราซากิอีกครั้ง และหวังว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี” อิทสึกิหยุดเงียบแล้วทอดสายตาไปยังคนทุกผู้ที่นั่งอยู่เบื้องล่างพร้อมกับรอยยิ้มลุ่มลึก
“ฉันขอบคุณทุกท่านที่ตั้งมั่นเข้าร่วมกันแก้ไขปัญหาและหาทางออกให้ตระกูลของเราในครั้งนี้ หวังว่าต่อจากนี้ทุกท่านจะยังคงยึดมั่นในกฎและดำรงภายใต้อิวามุโระด้วยความขาวสะอาด แข็งแกร่งด้วยความยุติธรรมยิ่งขึ้นกว่าเดิม และสุดท้ายนี้ในนามผู้นำตระกูลอิวามุโระรุ่นที่ 11 อิวามุโระ อิทสึกิขอจบการประชุมของตระกูลในครั้งนี้”
ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างต่างน้อมศีรษะเคารพท่านผู้นำของตระกูลอย่างพร้อมเพรียง ก่อนเสียงกระหึ่มดังจากกลองศึกจะดังขึ้นเป็นอันจบพิธีการประชุม ณ โถงศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลหลัก ‘อิวามุโระ’ ผู้เกรียงไกรในปีนี้
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...
“นายครับ” โทรศัพท์รุ่นแพงที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสูทสั่นขึ้น ทำให้ริวกะผู้กำลังเดินตามหลังเจ้านายหยุดชะงักและรีบคว้าเอาโทรศัพท์ที่นายเหนือหัวฝากไว้ในตอนเข้าห้องประชุมขึ้นมา แล้วรีบยื่นให้ทันที
เอย์จิรับเอาโทรศัพท์สั่นครืดจากมือขวา ก่อนทอดสายตาดูชื่อของเจ้าของสายบนหน้าจอแล้วรีบกดรับ
[ฉันเอง เป็นยังไงบ้าง]
“ไม่ต้องห่วงทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด คุณเป็นยังไงบ้าง?”
[ฉันสบายดี ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเหมือนกัน]
เอย์จิยิ้มมุมปากขำขันเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเล่นมุกห้าบาทสิบบาท และประโยคต่อจากนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า การเจรจาของฝ่ายเพื่อนสนิทหรือฝ่ายของคุณชายตระกูลชิราซากิเสร็จลุล่วงไปด้วยดีเช่นกัน ต่อจากนี้คงมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้นำทั้งสองตระกูลให้จัดการกันเอาเอง
[หวังว่าต่อจากนี้จะไม่มีอะไรมาขัดขวางอีกนะ]
“ใครจะกล้าขัดคำสั่งท่านผู้นำกัน”
[หึ ใครจะรู้ล่ะ]
“นายน้อยครับ!! นายน้อย!”
“คุณชายอย่าวิ่งสิครับ!”
ในขณะเดียวกัน คุณชายตระกูลยามาดะวิ่งหน้าตั้งมุ่งมาหาเอย์จิที่กำลังคุยโทรศัพท์พร้อมเดินไปยังห้องพัก พร้อมกับข้ารับใช้สองคนที่รีบวิ่งหน้าตั้งตามหลังคุณชายผู้ซุกซนของตัวเองมา พลางตะโกนห้ามปรามลั่นโถงทางเดินกลัวว่าคุณชายจะหกล้มหน้าจ้ำพื้นเอา
“ฮือออ นายน้อย!!” จุนตะทั้งวิ่งทั้งอ้าแขนเตรียมโผล่เข้ากอดนายน้อยของตนอย่างเต็มอ้อมแขน หวังจะให้เอย์จิลูบผมเกาคางเป็นรางวัลที่ตนควรได้รับจากการช่วยเหลือในวันนี้
แต่มีหรือที่ริวกะผู้ยืนเป็นโล่เนื้อจะยอมให้ใครมารบกวนนายเหนือหัวในขณะที่กำลังคุยธุระ ชายหนุ่มจึงรีบแทรกตัวมาบังแผ่นหลังนายท่านไว้ และทันทีที่คุณชายวิ่งเข้าใกล้เกือบประชิดตัว บอดี้การ์ดตัวโตก็รีบยกมือดันหน้าผากของเจ้าหนูแฮมสเตอร์เอาไว้ ทำให้จุนตะเข้าใกล้เอย์จิไม่ได้
“นายท่านคุยธุระอยู่ครับ รบกวนคุณชายรอตรงนี้สักครู่” เสียงเย็นเอ่ยในขณะที่ยังใช้ฝ่ามือดันหน้าผากของร่างที่เตี้ยกว่าอยู่
จุนตะไม่ฟังและไม่ยอมแพ้ด้วย เขาจึงใช้แรงทั้งหมดส่งผ่านไปที่หน้าผาก พยายามออกแรงดันฝ่ามือแกร่งจนผิวขาวบริเวณนั้นยู่ยี่และขึ้นสีแดง เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนมาเป็นทั้งแกะทั้งตีทำทุกวิถีทางก็ไม่ส่งผลใดๆ กับอีกฝ่ายเลยสักนิดจนจุนตะเริ่มโมโห
“เฮ้อ.. คุณชาย หยุดสักทีนะคะ” สาวรับใช้เบต้ายกมือปาดเหงื่อพลางหอบหายใจถี่เพราะเมื่อครู่วิ่งตามคุณชายมา
“นี่! อย่ามัวแต่พักเหนื่อยสิรีบมาช่วยฉันได้แล้ว ฮืออ..โทยะรีบล็อกคุณริวกะเอาไว้เร็วเข้า!”
“ใครจะทำอะไรคุณริวกะได้ละคะคุณชาย ที่สำคัญคุณชายอยู่นิ่งๆ สักนาทีสองนาทีเถอะค่ะ เดี๋ยวบาดเจ็บเอา”
“ฮืออ คุณริวกะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!!”
บอดี้การ์ดอัลฟ่าข้างกายนามว่าโทยะพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดของชิเอะสาวใช้เบต้า พวกเขาทั้งสองเป็นคนรับใช้ข้างกายของคุณชายตระกูลยามาดะมาเป็นเวลาสิบกว่าปี จึงรู้นิสัยของเจ้านายดีว่าเป็นเด็กดื้อรั้นที่น่าเอ็นดูมากแค่ไหน
หากแต่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในสถานที่อื่นและมีผู้อื่นกระทำกับคุณชายของตนแล้วล่ะก็ โทยะคงวิ่งกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ลังเล หากแต่ผู้ที่กำลังดันศีรษะของคุณชายตอนนี้คือริวกะ รุ่นพี่ผู้เป็นดั่งครูฝึกสอนวิชาต่อสู้ให้ในสมัยที่เพิ่งเข้าโรงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ประจำตระกูลหลักแรกๆ และฝีมือในการต่อสู้ก็ยังเป็นรองเพียงหัวหน้าสมาคมเท่านั้น แม้เขาจะทุ่มสุดแรงก็ไม่อาจชนะศิษย์รุ่นพี่ได้
และที่สำคัญคือโทยะและชิเอะเห็นพ้องต้องกันว่า ขอให้คุณชายได้อยู่นิ่งๆ สักหนึ่งนาทีบ้างเถอะ!
[เหมือนว่าฝั่งนั้นคงกำลังวุ่นวาย เอาเป็นว่าไว้เจอกันที่ไทยแล้วกันนะ]
“ได้ครับ”
สิ้นเสียงสายจึงถูกตัดไป
“พอได้แล้ว” เสียงเรียบสั่งมือขวาหลังจากคุยธุระเสร็จ ริวกะได้รับคำสั่งจึงถดมือกลับและถอยเท้าไปยืนข้างกายเจ้านาย ทำให้บัดนี้ไม่มีสิ่งใดคอยกีดขวางจุนตะอีกต่อไปแล้ว คุณชายตัวน้อยจึงรีบวิ่งเตาะแตะโผล่เข้ากอดลำแขนแกร่งของเอย์จิทันที ก่อนจะทำหน้าทะเล้นแลบลิ้นปริ้นตาใส่ริวกะอย่างไม่เกรงกลัว
“ว่ายังไงคุณชาย ทำไมถึงรีบวิ่งมาขนาดนั้น” เอย์จิก้มมองเจ้าก้อนแป้งที่กำลังทำแก้มพองบุ้ยปากใส่มือขวาของตนอยู่
คุณชายจุนตะตระกูลยามาดะเป็นเบต้าตัวน้อย ชอบมาตีสนิทเพื่อกินข้าวกล่องที่คุณย่าเตรียมให้เมื่อ 15 ปีก่อนพอมาถึงตอนนี้โตเป็นหนุ่มอายุ 20 ปีแล้ว ช่างเป็นวัยที่กำลังน่ารักน่าชังยิ่งนักโดยเฉพาะคนที่อยากมีน้องเช่นเอย์จิ
จุนตะเงยหน้าสบตากับคนที่ตัวสูงกว่าอย่างดีใจออกนอกหน้าก่อนจะยิ้มแป้นตอบ
“ผมคิดถึงนายน้อยครับ เลยวิ่งมากอด”
“ฉันบอกแล้วไงให้เรียกว่าท่านเอย์จิไม่ใช่นายน้อย ฉันแก่กว่าเธอเก้าปีเชียวนะ” ชายหนุ่มว่าพลางยกมือยืดแก้มอันน่าชังราวกับโมจิ
“อืออ ผมเจ็บนะ” เด็กน้อยลูบแก้มไวๆ พร้อมกับหน้ายู่ก่อนพูดต่อ
“ก็ผมชินนี่หน่า”
ร่างสูงกว่าส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความไร้เดียงสา ก่อนจะเหลือบมองหน้าคนรับใช้ของผู้ที่เปรียบเสมือนน้องชายหมายจะสื่อว่า ให้พาตัวคุณชายของพวกเธอกลับไปได้แล้ว
“คุณชายฉันมีธุระต้องไปทำต่อ” เสียงทุ้มนุ่มว่าอย่างอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง
“ไม่เอา ผมเจอนายน้อยแค่แป๊บเดียวเอง” จุนตะทำหน้างอใส่ทันทีที่ได้ยิน
“มาเถอะค่ะคุณชาย ท่านทายาทจะไปทำธุระแล้วนะคะ” ชิเอะเอ่ยเรียกเจ้านายอีกแรง
“ไว้คราวหน้าฉันจะเลี้ยงขนมนะ”
“ฮึ.. ก็ได้ครับ” แม้ยังไม่อยากจะจากกันกับนายน้อยที่ตนเคารพรักดั่งพี่ชาย แต่เพราะอีกฝ่ายเองก็มีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการ ดังนั้นจึงไม่อยากทำตัวเป็นเด็กงอแงแม้ใบหน้าจะแง่งอนไปก่อนแล้ว ไม่นานจากนั้นจึงยอมปล่อยแขนแกร่งให้เป็นอิสระ
เอย์จิยิ้มหวานให้อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้ให้เจ้าก้อนจุ้มปุ้กเบะปากเศร้าจนแก้มขาวย้วยลงไปกองอยู่ที่เดียว ปล่อยให้สาวใช้รีบใช้มือกอบโกยแก้มอันน่ามันเขี้ยวกลับมาไว้ที่เดิม แล้วจึงถอนหายใจเดินตาห้อยกลับคฤหาสน์ยามาดะไปในที่สุด
TBC.
คูชินอิโดนตอกกลับแทบหน้าหัก ไม่รู้ซะแล้วว่าทายาทที่หงิมๆ มานานจะร้ายกาจเพียงขนาดนี้ ด้านคุณลุงอย่างอิทสึกิเห็นหลานชายเตรียมแผนนี้มานานก็ปล่อยให้หลานชาได้โชว์พราวหน่อยสิ
พิธีกรรมการเปิดและปิดในงานประชุมอิวามุโระ เป็นเพียงจินตนาการบวกกับงานดูหนังมาหลายเรื่องของไรท์เท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงมาจากเรื่องจริง คุณนักอ่านผู้น่ารักโปรดอย่าเข้าใจผิดน้าา