ทุกคนลุกขึ้นมายืนอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อหัวหน้าคนใหม่ของตระกูลเนตรมังกรอย่างฉันเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกในโซนส่วนตัวซึ่งมันเป็นโรงน้ำชาของทางตระกูลฉัน ฉันเดินไปยังเก้าอี้ซึ่งมันถูกเว้นว่างเอาไว้สำหรับฉันอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ฉันจะนั่งลงไปพร้อม ๆ กับที่คนอื่น ๆ เองก็นั่งลงตามด้วย
“อาลี นี่อาเฟย ลูกสาวที่จะมารับตำแหน่งต่อจากอั๊วในภายภาคหน้า” ฉันยกยิ้มให้กับ*เหยเห่ยของตระกูลเขี้ยวมังกรและมองเลยไปยังคนที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง
ใบหน้าคมสวยแต่แฝงไปด้วยความเท่จดจ้องมองฉันและยกมือขึ้นมาทำความเคารพอย่างนับถือกัน ฉันโค้งหัวรับให้กับเฟยก่อนที่ภาพความหลังจะย้อนกลับมาเพราะเราเคยได้เจอและได้เล่นด้วยกันแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ๆ
“อั๊วจำได้ *ถงเหยียนนั้น...เรายังได้เล่นด้วยกันอยู่บ่อย ๆ” ฉันยกยิ้มน้อย ๆ ออกมาซึ่งเฟยเองก็ยกยิ้มตอบรับอย่างมีไมตรี
“อั๋วดีใจที่*เจี่ยเจียยังจำได้” และบทสนทนาก็เริ่มขึ้นมาอีกครั้งซึ่งมันเต็มไปด้วยความสุข
เราจะพบปะพูดคุยกันในฐานะของคนที่อยู่แก๊งเดียวกันเป็นประจำอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่ป๋าของฉันยังคงอยู่ แต่ก่อนหน้านี้ฉันต้องไปอยู่ต่างประเทศหลายปีเลยยังไม่มีโอกาสที่จะได้กระทำเช่นนั้น
แต่ในเมื่อตอนนี้ป๊าของฉันไม่อยู่แล้ว...หน้าที่และทุกอย่างของป๊าฉันก็จะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากว่าฉันเป็นลูกสาวแต่เพียงคนเดียวของตระกูลเนตรมังกร
ได้ข่าวคราวมาอีกด้วยว่าตอนนี้ลูกสาวของทางฝั่งหนวดมังกรเองก็ยังไปศึกษาต่ออยู่ที่ต่างประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับ ส่วนทางฝั่งของตระกูลหัวใจมังกรเองก็ไม่มีใครสืบทอดต่อแล้วและหัวหน้าของแก๊งก็สิ้นใจตายไปนานสักพักใหญ่ ๆ
ฉันเป็นพี่ใหญ่สุดในบรรดาเหล่าทายาททั้งหมด และตระกูลของฉันเองก็ยังเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในบรรดาแก๊งมังกรทั้งหมดด้วยอีกต่างหาก ไม่แปลกที่พวกเขาเองจะฝากความหวังเอาไว้ที่ฉันมากอยู่พอสมควร
“ลื้อพอได้ข่าวคราวแล้วใช่ไหมว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของป๊าลื้อ” เหยเห่ยของทางฝั่งหนวดมังกรเอ่ยถามซึ่งฉันเองก็พยักหน้ารับเพราะมีข้อมูลมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“อืม...อั๊วได้เบาะแสมาแล้ว แต่ยังไม่ชัวร์นัก อั๊วจะต้องไขให้กระจ่างก่อนจะลงทัณฑ์พิพากษาไอ้คนพวกนั้น” ฉันกำมืออย่างแค้นใจ และค่อนข้างที่จะมั่นใจเลยทีเดียวว่าต้องเป็นพวกมันแน่ที่ส่งคนมาฆ่าป๊าของฉันถึงถิ่นของเนตรมังกร
แล้วไอพวกลูกน้องที่สัพเพร่าพวกนั้นอีก พวกมันไม่มีโอกาสได้เดินออกจากโรงฝึกสักคนเพราะไม่มีใครที่เอาชนะฉันได้เลยแม้แต่คนเดียว มันพอระบายความโกรธให้ฉันไปได้บ้างเปราะหนึ่ง แต่อีกใจของฉันก็ยังคงเสียใจอยู่ดีแม้ว่าจะระบายออกมาแล้วก็ตาม
“ถ้าลื้อมีอะไรให้พวกอั๊วช่วยก็บอกได้เลยนะอาลี อย่าได้เกรงใจกัน และอย่าลืมว่าพวกเราเป็น*เจียถิงเดียวกัน”
“อั๊วไม่มีวันลืม...*เซี่ยเซี่ยเหยเห่ยกับ*เหม่ยเมยทุกคนมาก อั๊วซาบซึ้งใจยิ่งนักกับความเมตตาของเหยเห่ย” ฉันยกมือขึ้นมาทำความเคารพผู้ใหญ่ก่อนจะหันไปยกยิ้มให้กับเฟยที่ส่งยิ้มตอบกลับมาเฉกเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตน ส่วนฉันคนนี้ตั้งใจแล้วว่าจะอยู่ที่โรงน้ำชาต่ออีกสักหน่อย เพราะมันใกล้ได้เวลาที่โรงน้ำชาจะเปิดแล้วเหมือนกัน
ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายหานางแมวขโมยที่จำใจจะต้องตอบรับมาทำงานกับฉันเพื่อชดใช้ที่เธอขโมยกระเป๋าสตางค์ฉัน ในความเป็นจริงแล้วฉันไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะเงินนั่นก็เป็นเงินเพียงเล็กน้อยสำหรับฉันเท่านั้น
แต่เพราะรู้สึกถูกชะตาด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้า ฉันจึงอยากที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อช่วยเธออีกสักหน่อย ถ้าหากว่าเธอทำงานนี้จนสำเร็จ...แน่นอนว่าสิ่งที่เธอจะได้รับเป็นรางวัลตอบแทนมันต้องสาสมกับงานที่เธอได้ทำอย่างแน่แท้
และเพราะฉันเสนอว่าจะออกค่ารักษาพยาบาลให้กับแม่ของเธอที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งหมดด้วย...เหม่ยก็ตบปากรับงานของฉันในทันที และแววตาที่ดูมุ่งมั่นตั้งใจของเธอนั่นแหละ...ที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะรู้จักกับเธอคนนี้ให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย
“*เว่ย...”
“ฉันให้เวลาสิบนาที...มาเจอฉันที่โรงน้ำชา”
ก๊อก! ก๊อก!
“คุณเหม่ยมาแล้วครับนายน้อย”
“เข้ามา...” ฉันเงยหน้าสบมองนาฬิกาบนผนังก่อนจะยกยิ้มออกมาเมื่อเธอมาตรงตามเวลานัดพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน
ร่างบอบบางของโอเมก้าสาวเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมสำหรับการลุยงานในครั้งนี้ และฉันก็ยกยิ้มออกมาอย่างประทับใจเพราะเธอยังเป็นคนที่ดูน่าสนใจอยู่เสมอแม้ว่าเราจะเจอกันเป็นครั้งที่สามแล้ว
“วันนี้ตอนประมาณสองทุ่มจะมีคนมาที่นี่ เธอจะต้องไปขโมยโทรศัพท์ของมันมาให้กับฉัน” เธอมองหน้าของฉันอย่างตั้งใจฟังและมันทำให้ฉันรู้สึกอยากกลั่นแกล้งเธอขึ้นมาในทันที “แล้วพอจบงานนี้ก็ค่อยมาต่อที่เรื่องของเรา...”
“คุณ!”
“ฮ่า ๆ ฉันล้อเล่นน่ะ” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดรูปของคนที่เป็นเป้าหมายให้กับเธอได้ดู “ดูหน้าของมันไว้ดี ๆ แล้วก็ระวังตัวด้วย มันเป็นทายาทของแก๊งสิงโตขาว มันจะมีการ์ดยืนตัวติดกับมันตลอดเวลาและอาจจะทำให้เธอประชิดตัวได้ยากหน่อย”
“ไม่เป็นปัญหา” ฉันยกยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเธอสบมองที่รูปเป้าหมายด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและตั้งใจ
ฉันลุกขึ้นยืนและขยับไปประชิดตัวของเธอ เหม่ยดูตกใจและเผลอร่นถอยหนีกับการกระทำของฉัน และมันทำให้ฉันยิ่งอยากจะกลั่นแกล้งเธอไปกันใหญ่ ซึ่งฉันก็ขยับเข้าไปชิดใกล้กับเธอและกดจูบลงไปเบา ๆ ที่ลำคอระหงส์
ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะมันไม่ได้มีกลิ่นฮีทให้ฉันได้กลิ่นเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เราได้เจอกัน ไม่แน่ใจว่าเธออาจจะทานยาดักเอาไว้หรือเปล่าวันนี้ถึงได้ดูสงบมากกว่าครั้งไหน ๆ ไหนจะกลิ่นครีมจาง ๆ ที่เธอทามาเพื่อปกปิดกลิ่นของตัวเองอีกด้วยต่างหาก
“ถึงกับต้องทาครีมกลบกลิ่นเลยเหรอ?” ฉันผละออกมาและสบมองใบหน้าของเธออย่างยั่วยวน แต่เจ้าหล่อนกลับตวัดสายตาแห่งความไม่พอใจขึ้นมาสบมองกันและขยับถอยออกห่างอย่างเว้นระยะ
“เพราะอยู่กับคุณทีไรฉันชอบมีอาการแปลก ๆ ทุกที!” และยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้ แต่ฉันแอบเห็นนะว่าใบหน้าของเธอกำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารักอยู่ “คุณน่ะ...ชอบแกล้งคนไม่มีทางสู้ คิดว่าฉันเป็นโอเมก้าแล้วจะง่ายหรือไง?”
“อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น?” ฉันขมวดคิ้วสบมองเธออย่างสงสัยในทันทีกับรูปประโยคคำถามของเธอ
ฉันไม่เคยมองว่าพวกโอเมก้าอย่างเธอด้อยไปกว่าใครเลย กลับกันฉันนับถือพวกเธอต่างหากที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางโลกที่เลวร้ายและป่าเถื่อนอย่างพวกอัลฟ่าบ้ากามทั้งหลาย
แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติที่พวกเขาเหล่านั้นจะเกิดอาการรัทและมีอารมณ์ความต้องการทางเพศ แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่เอาพวกโอเมก้าเป็นตัวอย่างที่กินยาต้านเอาไว้ แต่ดันป่าเถื่อนออกไปไล่ข่มขืนพวกโอเมก้าที่ไร้ซึ่งหนทางต่อสู้
“พวกอัลฟ่าส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น” เธอพูดออกมาและสบมองใบหน้าของฉันราวกับเจ็บปวดนักหนา และมันทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจเธอขึ้นมาในทันทีเพราะไม่รู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไรมาบ้างตลอดทั้งชีวิตนี้
“เธออายุเท่าไร?” เธอสบมองใบหน้าของฉันอย่างสงสัยในทันทีกับคำถามที่ไม่น่าจะออกมาจากปากของฉัน
“ทำไม...”
“ชีวิตของเธอคงลำบากมากเลยสินะเหม่ย” แววตาของเธอดูวูบไหวในทันทีที่ฉันถามคำถามแบบนั้นออกไป “อยากจะมีชีวิตดี ๆ ต่อจากนี้ไหม?”
“ทำไม?”
“มาเป็นเมียฉันสิ...ชีวิตของเธอกับแม่ต่อจากนี้ไปจะต้องสุขสบายแน่ ๆ ฉันสัญญาเลย” ฉันพูดมันออกมาจากใจจริง
และคำว่าสัญญาถ้ามันออกมาจากปากของฉันแล้วมันถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อให้หากตัวฉันต้องตาย...ฉันก็จะลุกออกมาจากหลุมศพเพื่อรักษาสัญญานั้นให้จงได้
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดแบบนั้น...
“อัลฟ่ามันก็เหมือนกันหมดจริง ๆ นั่นแหละ” และเธอก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง
“แล้วนั่นเธอจะไปไหน?”
“ฉันจะไปเตรียมตัวทำงาน” เหม่ยหันหน้ามาตอบคำถามกัน “และงานนี้ฉันขอ...” ก่อนที่เธอจะชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วซึ่งมันทำให้ฉันยกยิ้มขึ้นมาในทันทีเพราะเธอคนนี้ยังคงเป็นคนที่น่าสนใจอยู่เสมอ
“ได้สิ ตามแต่ที่เธอต้องการเลย”
“ฉันหมายถึงแสนนะ” และเธอก็ยกยิ้มออกมาตามฉบับนางแมวขี้ขโมยให้ฉันต้องพลอยยกยิ้มตามหลัง
“สามล้านฉันยังให้เธอได้เลย*ไกวไกว” ฉันยกยิ้มให้กับเธออีกครั้งอย่างยั่วยวน ซึ่งเธอก็รีบหันหน้าหนีกันและเดินมุ่งหน้าออกไปในทันทีแต่ฉันก็ยังพูดประโยคตามหลังเธอออกไป “ถ้าฉันถูกใจอะไรแล้ว...จะกี่แสนกี่ล้านฉันก็ยอมจ่ายให้เธอได้ทั้งนั้น”
***(เหยเห่ย,เหยียเยีย) = คุณปู่,อากง
***(ถงเหยียน) = สมัยเด็ก
***(เจี่ยเจีย) = พี่สาว
***(เจี่ยถิง) = ครอบครัว
***(เซี่ย เซี่ย) = ขอบคุณ
***(เหม่ยเมย) = น้องสาว
**(เว่ย) = เป็นคำอุทานของคนจีน
***(ไกว ไกว) = เด็กดี (ใช้เรียกคนรักเหมือนเป็นคำหยอกล้อ)