ตอนที่ 8

2044 Words
ฉันนั่งอยู่ในโรงน้ำชาที่ตระกูลของตัวเองเป็นเจ้าของตั้งแต่หัววัน และกำลังจิบเหล้าที่อยู่ในจอกโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรินเป็นจอกที่เท่าไรแล้ว มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาทักทาย ส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นหญิงหลากหลายเผ่าพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นเบต้าหรือโอเมก้า แต่จิตใจของฉันตอนนี้กลับไม่ได้สนใจผู้ใด และได้แต่รู้สึกผิดกับเธออยู่ภายในใจที่กล้ากระทำอะไรไร้ยางอายกับโอเมก้า...ที่ฉันเคยตั้งตนเอาไว้หนักหนาว่าจะไม่มีวันกระทำเช่นนั้นเป็นอันขาด สุดท้ายแล้วฉันก็จะต้องยอมปล่อยให้เหม่ยได้เดินจากออกไปจนกระทั่งลับสายตา พร้อมกับคำทิ้งท้ายที่ฉันช่างรู้สึกเจ็บปวดหัวใจคือเธอบอกว่าเกลียดอัลฟ่าอย่างฉันหนักหนา ความโกรธที่ฉันไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ทำฉันเสียเรื่องราวอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งแล้วทั้ง ๆ ที่ฉันตั้งใจเอาไว้ว่าจะดูแลเธอกับแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตของฉันคนนี้จะกระทำได้ มือหนาหยิบเช็คที่เคยเขียนให้กับเธอขึ้นมากำเอาไว้ทั้งยังสบมองดู มันเป็นสิ่งของที่เธอควรจะได้เป็นเจ้าของจากการทำงานของเธอ แต่ฉันกลับไปทวงเอาของ ๆ เธอคืนมาเพราะความโมโหและความทิฐิของฉันที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเธอเพราะกลัวจะเสียหน้า ถ้าหากฉันใจเย็นลงกว่านี้อีกสักหน่อย และลองพูดคุยกับเธอด้วยเหตุและผลว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะเดินจากไป ในตอนนี้ฉันอาจจะกำลังนั่งยิ้มหัวเราะกับเธออยู่ก็เป็นได้ใครจะไปรู้ สายใยแห่งความสัมพันธ์ของการเป็นโซลเมทมันทำให้อารมณ์ของฉันมักจะแปรปรวนอยู่เสมอ ยิ่งหากคู่โซลเมทของฉันทำให้ฉันหงุดหงิด อารมณ์ของฉันมันก็จะยิ่งพุ่งทยานราวกับเป็นบททดสอบชีวิตคู่ของเราสองคนก่อนที่จะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ก่อนหน้าที่ฉันจะได้มาเจอกับเธอฉันได้เจอคู่โซลเมทของฉันมาแล้วทั่วทุกมุมโลกก่อนที่ฉันจะกลับมาอยู่ที่นี่ แต่พวกคนเหล่านั้นก็มักจะแวะเวียนเข้ามาเป็นการชั่วคราวเพื่อมีเรื่องของเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น และหากวันหนึ่งช่วงเวลาของเราหมดลงเธอก็จะจากไปหรือไม่ก็เป็นฉันเองทีดีดตัวเองออกมาเพราะไม่อยากผูกพันธ์กับใคร คู่โซลเมทของเราจะมีการผันเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่โชคชะตาเป็นผู้กำหนด เราอาจจะมีสายใยต่อกันนานเป็นสิบปี หรือแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเพียงแค่หนึ่งเดือนก็จะมีเพียงแต่โชคชะตาเท่านั้นที่สามารถกำหนดมันได้ แต่ถ้าหากคนทั้งสองคนไม่มีใครคิดที่จะจริงจังกับใคร สายเลือดบริสุทธิ์อย่างฉันก็จะเริ่มมองหาคู่โซลเมทคนใหม่ในทันทีเพื่อหาคนมาสืบทอดสายพันธ์ุ แต่ถ้าหากว่าใครคนใดคนหนึ่งเกิดตกหลุมรักก่อนแล้วสายใยของสองเราก็จะยิ่งแน่นแฟ้นและแน่นอนว่ามันจะติดสายใยได้ง่ายกว่าคู่ที่ไม่ใช่โซลเมท ฉันไม่เคยมีความรัก ฉันมีเพียงแค่เรื่องความใคร่และเรื่องเซ็กซ์เท่านั้นที่ผ่านมาในชีวิต แต่ทุกอย่างย่อมเกิดจากความเต็มใจของเราทั้งสองคนทั้งสิ้น เพราะฉันถือว่าโอเมก้าเองก็เป็นคนและมีหัวใจเหมือน ๆ กับพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้ แต่สิ่งที่ฉันกำลังเป็นและกำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้มันกำลังทำให้ฉันรู้สึกสับสน เหม่ยเป็นผู้หญิงที่ฉันสนใจจนโชคชะตาผูกสายสัมพันธ์ของเราให้กลายมาเป็นคู่โซลเมทกัน และฉันกำลังรู้สึกร้อนรนกับการจากไปของเธอ และอยากที่จะทวงเธอคืนกลับมาหาฉันแม้ว่าเราจะพึ่งเจอกันได้ไม่นานและเธอก็ยังไม่ใช่ของฉันเสียทีเดียว ลียกจอกขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้งหลังจากที่กำลังตบตีกับตัวเองอยู่ภายในใจถึงความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเหม่ย หรือว่าอาการทั้งหมดที่ฉันเป็นอยู่มันจะเรียกว่าการตกหลุมรัก? แล้วมันจะง่ายดายปานนี้เชียวหรือฉันเองก็ยังไม่แน่ใจนัก... “นายน้อยครับ...” ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าตงที่เดินเข้ามาทักทายกัน เขาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างและสบมองใบหน้าของฉันเป็นเชิงตำหนิให้ฉันรู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นคนผิดกับเรื่องของเหม่ย และฉันก็เมินหน้าหนีสายตาของเขาเพราะเข้าใจดีว่าเขากำลังที่จะต่อว่าฉัน ถึงตงจะเป็นลูกน้องแต่เขาก็มีศักดิ์เป็น*เก๊อเกอของฉันคนหนึ่ง ฉันนับถือเขาในฐานะพี่ชายเสมอ ทำให้เขาได้มาเป็นมือขวาของฉันโดยที่ป๊าส่งเขาไปตามฉันทั่วมุกมุมโลกก่อนจะหลอกให้ฉันกลับมาเพื่อมารับตำแหน่งที่นี่ในวันที่ฉันไม่ได้อยากจะกลับมาแล้ว “รู้ใช่ไหมครับว่าเราเคยปฏิญาณตนกันไว้แล้วว่าจะไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า...” “…” “แล้วทำไมนายน้อยถึงกล้าทำอะไรแบบนั้นกับผู้หญิงของตัวเองกันครับ?” “*ปู้ เสี่ยง ถิง เลอ!” ฉันตะโกนกลับไปให้ตงได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอากับความดื้อรั้นของฉัน “ตัวเองทำผิดทีไรแล้วก็ชอบโมโหกลบเกลื่อนตลอดเลยนะครับ” “…” “รีบไปขอโทษเธอก่อนที่อะไร ๆ มันจะสายเกินไปเถอะครับนายน้อย” “ฉันบอกว่าไม่อยากฟังแล้วไง!” และฉันก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงในทันที พร้อมกับพาตัวเองเดินออกมาจากที่ตรงนั้น โดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้คนด้านหลังกำลังแสดงสีหน้าหรือท่าทางเช่นไรอยู่ และตอนนี้ฉันก็อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งโดยที่ฉันเองก็ยังไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง รู้เพียงแต่ว่ารำคาญเสียงบ่นของตงเต็มทนจนอยากที่จะหลีกเลี่ยงออกมาให้เร็วที่สุด สุดท้ายแล้วเป้าหมายของฉันก็คือบ้านของเหม่ย... ตอนนี้ฉันจอดรถอยู่ที่เยื้อง ๆ กับบ้านของเธอโดยที่ไม่เข้าไปใกล้ในรัศมีการมองเห็นเพราะในใจลึก ๆ กำลังหวั่น ๆ ว่าถ้าเธอเห็นกันแล้วจะพาลหนีหน้ากันไปอีก ฉันจึงได้แต่ยืนหลบอยู่ที่เสาที่สามารถมองเห็นบ้านของเธอได้ และกำลังรอโชคชะตาให้เธอเดินออกมาจากบ้านหรือจะเป็นพึ่งกลับมาจากข้างนอกให้ฉันได้เห็นสักหน่อยมันก็ยังดี แต่รอแล้วรอเล่าก็ไร้ซึ่งเรือนร่างของคนที่ฉันกำลังตามหา ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มบ่งบอกว่าพระอาทิตย์ใกล้แล้วที่จะลาลับขอบฟ้า และเหมือนว่าในบ้านเองก็ไร้ซึ่งคนอยู่เพราะมันไร้ซึ่งแสงไฟใด ๆ ที่เล็ดลอดออกมา ฉันตัดสินใจที่จะกลับไปตั้งหลักก่อนและค่อยหาโอกาสมาพบกับเธออีกทีในวันรุ่งขึ้น ฉันจะขอโทษเธอจากใจจริงกับเรื่องราวทั้งหมดที่ฉันกระทำลงไปเพราะความโมโห และจะคุยกับเธอด้วยเหตุและผลว่าทำไมเธอเลือกที่จะเก็บของและตั้งใจที่จะเดินจากฉันออกมาในวันนี้ หรือว่าเธอจะหึงฉันกับผู้หญิงคนนั้น? อยู่ ๆ หัวใจก็สั่นไหวขึ้นมาเป็นจังหวะแปลก ๆ เมื่อพยายามคิดไปถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะจากมา หรือเป็นเพราะฉันเสียงดังจนเธอนอนหลับพักผ่อนไม่พอจริง ๆ อย่างที่ได้บอกกล่าวตอนได้เจอหน้าฉันกันแน่ การเป็นคู่โซลเมทมันก็มีข้อเสียคือเราจะได้กลิ่นคู่ของเราอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าตัวจะไม่ได้อยู่ใกล้กันในระยะก็ตาม แต่กลิ่นที่จะได้กลิ่นนั้นมันไม่ใช่กลิ่นที่ดีนักหรอก มันเหมือน ๆ กับเครื่องจีพีเอสที่ดังเวลาอีกฝ่ายนอกลู่นอกทางและแจ้งเตือนนั่นแหละ เธอจะได้กลิ่นรัทของฉันและฉันก็จะได้กลิ่นฮีทของเธอ...และมันจะรุนแรงไปตามอารมณ์และความรู้สึกของบุคคลนั้น ๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเจอคู่โซลเมทแล้วฉันจะอยู่กับเธอก่อน ก่อนที่เวลาของฉันจะหมดลงจนไปเจอคู่โซลเมทคนใหม่ และเหม่ยก็คงจะได้กลิ่นฉันตลอดทั้งคืนจนตัวเองนอนไม่หลับแน่ ๆ “เลิกคิดไปเองแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาถามเธอมันจะดีกว่าไหม?” ฉันครุ่นคิดกับตัวเองสักพัก “มันดีกว่าแน่ ๆ ล่ะ” และฉันก็หันหลังเตรียมที่จะขึ้นรถเพื่อกลับไปที่บ้านของตัวเองในทันที “สาวน้อย...กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ?” แต่แล้วเสียงยานคางเหมือนคนเมาก็ดังขึ้นมาให้ฉันไม่ได้สนใจอะไรและกำลังที่จะขี่รถกลับบ้าน “นี่หนู...” “ปล่อยนะ!” แต่เสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงกลับทำให้มือของฉันที่กำลังจะสวมหมวกกันน็อคชะงักไปจนต้องหันกลับไปสบมอง “ยังเล่นตัวทำไมอยู่ มาเป็นเมียอัลฟ่าอย่างพี่ดีกว่านะหนูนะ” ก่อนที่ฉันจะได้เห็นว่าคนที่ลวนลามเธออยู่ คือชายอ้วนพุงพุ้ยที่ลุกขึ้นมาจากร้านเหล้าตองที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับบ้านของเธอ ให้ตายสิ! ทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ในที่ ๆ น่ากลัวแบบนี้แค่ตัวคนเดียวกันด้วยนะ! “หรืออยากจะมาเป็นเมียเบต้าอย่างพี่จ๊ะ?” อีกคนก็เริ่มหว่านล้อมออกมาในสภาพเมามายไม่ต่าง “เมียอัลฟ่าดีกว่าโว้ย!” “แต่ถ้าให้ดี...ก็ควบมันคู่ไปเลยดีกว่า” “อย่าเข้ามานะ!” “เว่ย!” ฉันโพล่งออกไปให้คนทั้งสามต้องหันกลับมาสนใจ แต่คนที่ดูจะตกใจที่ได้เจอฉันคงไม่พ้นเหม่ยที่กำลังเบิกตาโพล่งอย่างตื่นตระหนก “มาคุยกับ*เจี่ยวกูนี่มา*ชู่เสิ่ง!” “ไอหน้าอ่อน! นี่มึงด่าพวกกูเรอะ!” มันเริ่มหันไปมองหน้ากันและเปลี่ยนเป้าหมายเดินมาทางฉัน “คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงหรือยังไงวะ?” และพวกของมันที่เคยนั่งอยู่ที่ร้านเหล้าก็ลุกขึ้นมาและเดินตรงมาทางฉัน “คุณรีบหนีไป!” เหม่ยตะโกนออกมาเสียงดังและพยายามที่จะให้ฉันออกไปจากตรงนี้ด้วยแววตาที่สั่นไหว อยู่ ๆ ความรู้สึกของฉันมันก็รับความรู้สึกของเธอได้ ซึ่งมันจะมีเพียงแค่คู่โซลเมทที่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเท่านั้นที่จะสามารถกระทำสิ่งนี้ได้ และฉันสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของเธอนั้นกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง... ฉันสบมองเธอและกวักมือเรียกให้เธอเดินเข้ามาหา เหม่ยยอมวิ่งมาหาฉันแต่โดยดี ก่อนที่เธอจะเกาะแขนของฉันเอาไว้แน่นราวกับหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อเช้าเธอยังบอกว่าเกลียดกันอยู่เลย “หลบอยู่*เป้ยฉัน อย่าเดินออกมาเด็ดขาด!” และฉันก็กันเธอให้ออกไปห่าง ๆ จากพวกมันที่กำลังย่างกรายเข้ามาหา “ส่วนไอพวกสวะอย่างพวกมึงน่ะ...เรียงหัวกันเข้ามาเลย!” ***(เก๊อเกอ) = พี่ชาย *****(ปู้ เสี่ยง ทิง เลอ) = ไม่อยากฟังแล้ว **(เจี่ยว) = เท้า ***(ชู่เสิ่ง) = เป็นคำด่าที่แรงมาก ๆ ของคนจีน **(เป้ย) = หลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD