EP.9 หนีเสือปะซาตาน
หญิงสาววางโทรศัพท์แล้วเดินไปหามารดา เมื่อเห็นท่านหลับอยู่จึงไม่คิดปลุก ฝากคนข้างบ้านให้ช่วยเข้ามาดูแลมารดายามเธอไม่อยู่ โดยจ้างครั้งละสองร้อยบาท แม้ดูเหมือนจำนวนเงินจะไม่มาก แต่สำหรับวาดตะวันแล้วการจะหยิบเงินออกจากกระเป๋ามันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
กว่าวาดจันทร์จะกลับมาถึงบ้านก็คงสองทุ่ม น้องสาวของเธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ที่โรงแรมปัทมนันท์ เงินเดือนและสวัสดิการอื่นๆ นับว่าดีมากทีเดียว แต่ก็เพิ่งทำงานเดือนแรกเท่านั้น จึงยังไม่สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้านได้
เธอในฐานะพี่สาวคนโตจึงต้องแบกภาระทุกอย่างไว้เต็มสองบ่า
ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางกรุงเทพฯ ภัตตาคารอาหารหรูหราประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสี บริกรชายหญิงโค้งตัวต้อนรับหญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีเขียวน้ำทะเล แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะดูสวยสง่าราวกับสาวสังคมชั้นสูง แต่วาดตะวันอย่างไรก็ยังเป็นวาดตะวันอยู่วันยังค่ำ เธอประหม่าเมื่อต้องมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เรียกตัวเองว่าไฮโซ
“เข้าไปได้แล้วตะวัน เจ๊ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวให้บริกรพาเข้าไป” ผู้จัดการใจสาวกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“อ้าว...เจ๊ไก่ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ” หญิงสาวรั้งแขนผู้จัดการเอาไว้
“ฉันเข้าไปเสี่ยวิบูรณ์คงกินอาหารไม่ลงแน่ๆ เธอเข้าไปคนเดียวแหละดีแล้ว เอ้านี่...ค่าตัวครึ่งหนึ่งของเธอ ถ้าเสร็จเรียบร้อยค่อยมารับอีกครึ่งพรุ่งนี้” เจ๊ไก่ยัดซองสีขาวใส่มือวาดตะวันแล้วเดินกลับออกไป ทิ้งให้หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านเพียงลำพัง
“จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับคุณผู้หญิง” บริกรโค้งตัวอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยถาม
“เอ่อ...มาพบเสี่ยวิบูรณ์ค่ะ”
“เชิญทางนี้ครับ”
วาดตะวันไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ เพราะทันทีที่บริกรได้ยินชื่อเสี่ยวิบูรณ์ แววตาที่มองเธอก็กระด้างขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเธอไม่ได้คิดมากจนเกินไป เธอมั่นใจว่าท่าทางของบริกรเปลี่ยนไป แม้จะยังดูสุภาพแต่ก็ไม่อ่อนน้อมดังเช่นตอนแรก
“เสี่ยวิบูรณ์อยู่ในห้องนี้ครับ”
วาดตะวันเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ผสานมือเข้าหากันแน่น เธอคิดว่าเสี่ยวิบูรณ์คงนั่งอยู่โต๊ะใดโต๊ะหนึ่งที่มีอยู่มากมาย แต่กลายเป็นว่าเสี่ยวิบูรณ์แยกห้องส่วนตัวต่างหาก หากเป็นเช่นนี้เธอชัก ใจคอไม่ดีเสียแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อรับเงินมาแล้วเธอก็ต้องทำหน้าที่ให้เสร็จสมบูรณ์ นั่งรับประทานอาหารและเป็นเพื่อนคุยแค่ไม่กี่ชั่วโมงได้เงินตั้งห้าหมื่น หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองว่าจะพยายามอดทน เธอสูดลมหายใจลึกแล้วผลักประตูเข้าไป
เสี่ยไม่ได้อ้วนลงพุงอุ้ยอ้ายอย่างที่หญิงสาวคิด แต่เป็นเสี่ยหนุ่มวัยห้าสิบที่ดูภูมิฐานและแข็งแรงจนน่าเกรงขาม ทว่าสายตาของเสี่ยที่มองเธออย่างลามเลียเนื้อตัวโดยไม่ปิดบัง ทำให้วาดตะวันประหม่าจนแทบก้าวขาไม่ออก
“สะ...สวัสดีค่ะเสี่ยวิบูรณ์” หญิงสาวยกมือไหว้ ก่อนจะมองชายสวมชุดสูทสีดำสองคนที่ยืนอยู่ในห้องด้วยท่าทางหวาดหวั่น เสี่ยวิบูรณ์แค่เพียงพยักหน้า ชายทั้งสองคนก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“นั่งสิหนูวาดตะวัน ตัวจริงสวยกว่าในรูปมากทีเดียว ผิวสวย หน้าใส น่ามองไปหมดทุกส่วน” หนุ่มใหญ่มองวาดตะวันอย่างประเมิน ท่าทางหวาดกลัวราวกับแม่กวางสาวทำให้เขากระชุ่มกระชวย รู้สึกมีกำลังวังชาอีกครั้ง ถ้าหากทดลองสินค้าดูแล้วพบว่าสดใหม่บริสุทธิ์อย่างที่ผู้จัดการไก่บอกไว้จริงละก็ เขาอาจจะยื่นข้อเสนอขอเลี้ยงดูแม่หนูคนนี้ไว้เป็นเมียเก็บเสียเลย
“ขอบคุณค่ะ” วาดตะวันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเสี่ย แต่เสี่ยกลับส่ายหน้าแล้วตบลงบนเก้าอี้ข้างเขา
“เอ่อ...ดิฉันนั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก รังเกียจสายตาแทะโลมของเสี่ยวิบูรณ์จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา
“ตามใจหนูแล้วกัน ว่าแต่หิวหรือยัง ดูสิว่าหนูชอบกินอะไรบ้าง ถ้าบนโต๊ะไม่ถูกปากจะสั่งใหม่ก็ได้นะ ฉันเลี้ยงหนูไม่อั้น” เสี่ยวิบูรณ์ไม่ได้ไล่ต้อนรวบรัดหญิงสาวจนเกินไปนัก เมื่อเธอยังประหม่าเขาก็ควรทำให้เธอผ่อนคลายเสียก่อน ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยต่างพ่ายแพ้เสน่ห์และเงินในกระเป๋าของเขาทั้งนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ดิฉันก็กินไม่หมดแล้วค่ะ” หญิงสาวมองอาหารบนโต๊ะอย่างไม่คิดอยากรับประทานสักนิด
“ลองชิมนี่หน่อยสิหนูวาดตะวัน หูฉลามน้ำแดงของโปรดฉันเอง” เสี่ยวิบูรณ์ตักอาหารใส่จานหญิงสาวแล้วยื่นมือไปวางบนหลังมือของเธอ บีบเล็กน้อยอย่างสื่อความนัยว่าเขาต้องการอะไร
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ น่ากินมากเลยค่ะ” หญิงสาวชักมือกลับแล้วรีบคว้าช้อนส้อมขึ้นมาถือเอาไว้ คิดในใจว่าถ้าหากเสี่ยวิบูรณ์คิดล่วงเกินเธอไปมากกว่านี้ละก็ เธอจะสู้จนถึงที่สุด ถึงแม้เธอจะทำงานขายรูปร่างหน้าตา แต่เธอก็ไม่คิดขายศักดิ์ศรีโดยเอาร่างกายเข้าแลกเด็ดขาด
“กินเยอะๆ นะหนู จะได้มีแรง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นวาดตะวันก็ชะงัก มองหน้าเสี่ยวิบูรณ์อย่างหวาดระแวง จากที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากก็เปลี่ยนเป็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาจิบแทน ก่อนจิบไม่วายมองแก้วน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าในนั้นจะไม่มี สิ่งแปลกปลอมปนอยู่
“อ้าว...ไม่กินเหรอหนู หรือว่าไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไปลองชิมดูสิ” เสี่ยวิบูรณ์ตักเป็ดปักกิ่งใส่จานหญิงสาวแล้วยื่นมือไปหมายจะจับมือเธออีก แต่วาดตะวันเลื่อนมือลงวางบนหน้าตักของตัวเองอย่างรวดเร็ว อยากให้การรับประทานอาหารในคืนนี้จบๆ ไปเสียที เธออึดอัดจะแย่แล้ว
“ขอบคุณค่ะ เสี่ยกินเถอะค่ะ”
“แค่เห็นหน้าหนูฉันก็อิ่มแล้วละ ไม่ค่อยอยากกินอาหารคาวเท่าไหร่ ตอนนี้อยากกินอาหารหวานมากกว่า” คำพูดกำกวมสองแง่สองง่ามส่อเจตนา กระนั้นวาดตะวันก็ยังคงยิ้มแห้งๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ว่าแต่หนูยังไม่ยอมกินอะไรเลย หรือว่าอาหารจีนไม่ถูกปาก เปลี่ยนเป็นอาหารไทยหรืออาหารฝรั่งเศสดีมั้ย อยากกินอะไรหนูบอกฉันได้เลย ฉันใจดีพร้อมให้หนูได้ทุกอย่าง” หนุ่มใหญ่เอ่ยอย่างใจป้ำ ยอมเป็นพ่อบุญทุ่มพร้อมจ่ายไม่อั้นหากได้สาวสวยตรงหน้ามาครอบครอง