EP.8 หนีเสือปะซาตาน

1218 Words
EP.8 หนีเสือปะซาตาน “ผมรับปากคุณแม่ไว้แล้ว ยังไงผมก็ต้องมาครับ ผมบอกแล้วไงครับ อะไรที่เป็นความต้องการของคุณแม่ ผมยินดีทำให้ทุกอย่าง” “ถ้าอย่างนั้นก็หาสะใภ้ให้แม่เสียทีสิภีม” “ยกเว้นเรื่องนี้ครับคุณแม่” ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน “แต่มันเป็นความต้องการของแม่ แม่อยากอุ้มหลาน ทำเพื่อแม่ไม่ได้เหรอภีม ที่ผ่านมาแม่ก็ไม่เคยขออะไรเลย ปีนี้ลูกก็อายุสามสิบหกแล้ว แต่งงานมีหลานให้แม่อุ้มเสียทีเถอะนะ ก่อนที่แม่จะแก่ไปมากกว่านี้จนอุ้มไม่ไหว” พรรณีไม่ระย่อ เธอยังคงเกลี้ยกล่อมบุตรชายเรื่องนี้ทุกครั้งเมื่อสบโอกาส “เราไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่านะครับคุณแม่ ผมไปทำงานก่อนนะครับ” ปี๊น! ปี๊น! ปี๊น! ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะหอมแก้มมารดา เสียงบีบแตรก็ดังลั่นขึ้นเสียก่อน ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองรถสีทองน่าเกลียดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ขณะที่พรรณีสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ เสียงบีบแตรก็ดังลั่น รีบยกมือขึ้นทาบอก เรียกขวัญกลับมาอยู่กับตัว “หัวใจแม่จะวายเข้าสักวัน คนบ้านนี้ขับรถเร็วไม่พอยังใจร้อนอีก” บ่นพึมพำแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ไปตักเตือนใครทั้งนั้น “ผมละสังเวชใจจริงๆ ไอ้รถสีทองติดทองคำเปลวเนี่ย ขับไปที่ไหนก็เป็นมลพิษทางสายตา รสนิยมเห่ยบรม ไม่อายบ้างหรือไงก็ไม่รู้” “ทำไมไปว่ากบแบบนั้นล่ะลูก” พรรณีตำหนิบุตรชายอย่างไม่จริงจัง เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยชอบเกียรติก้องเท่าใดนัก นั่นก็เพราะท่าทางกร่างวางมาดราวกับคุณชายทำให้เกียรติก้องดูไม่น่ารักมาตั้งแต่เด็กๆ “คุณแม่ยังไม่เคยเห็นโทรศัพท์ของไอ้กบ วันก่อนผมเห็นมันหยิบขึ้นมาตอนประชุมใหญ่ที่บริษัท โทรศัพท์ติดเพชรระยิบระยับ ผมกำลังดื่มกาแฟอยู่แทบสำลัก” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “ลิเกยังอายมันเลยครับคุณแม่” พรรณีส่ายหน้าน้อยๆ แต่อมยิ้มอย่างเห็นขัน ปี๊น! เกียรติก้องบีบแตรดังลั่นอีกครั้ง เมื่อภีมวัจน์และพรรณีไม่มีทีท่าว่าจะถอย ซ้ำยังยืนคุยหัวเราะขบขันกันจนน่าหมั่นไส้ “รีบเก็บของเถอะสายใจ เดี๋ยวกบจะโวยวายจนคุณท่านตื่นเสียก่อน” พรรณีช่วยแม่บ้านเก็บโต๊ะ เมื่อหลบออกจากหน้ารั้วรถสีทองบาดตาก็ขับปราดเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว “ทุเรศนัยน์ตาจริงๆ” ภีมวัจน์ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน วันนี้เขาต้องนั่งเครื่องบินไปภูเก็ต เพื่อไปพบมิสเตอร์วิลสันที่โรงแรมปัทมนันท์สาขาภูเก็ต จากนั้นต้องรีบกลับมาประชุมย่อยกับผู้จัดการสาขาต่างๆ ตอนบ่ายสองโมง สองทุ่มมีนัดรับประทานอาหารมื้อค่ำกับมิสเตอร์ยามาดะลูกค้าวีไอพี ดังนั้นเขาจะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของมนุษย์ไม่เอาถ่านอย่างเกียรติก้องไม่ได้! “ช่วงนี้ไม่มีงานเดินแบบเลยเหรอคะเจ๊ไก่ ตะวันต้องใช้เงินค่ะ เดือนนี้มีงานเดินแบบแค่สองงานเอง ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปตะวันต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ” เสียงเครือคล้ายจะร้องไห้กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือรุ่นปุ่มกดอาม่า โทรศัพท์หน้าจอทัชสกรีนแบบสมาร์ตโฟน อย่างสมัยนิยมนั้นอย่าหวัง ลำพังเครื่องที่ใช้อยู่ก็แทบไม่มีเงินในโทรศัพท์ให้โทร.ออกอยู่แล้ว “ไม่มีเลยจ้ะหนูตะวัน ทางสปอนเซอร์เขาก็จ้างคนที่พอมีชื่อเสียง แล้วหนูโนเนมแบบนี้งานก็น้อยตามไปด้วย” เจ๊ไก่สาวประเภทสองกรอกน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจกลับไป ทั้งที่ตอนนี้กำลังทาเล็บเท้าด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ไม่ได้สนใจนางแบบโนเนมในสังกัดเลยสักนิด “แต่ตะวันต้องใช้เงินจริงๆ นะคะเจ๊ไก่ พอจะหางานให้ตะวันอีกสักงานได้มั้ยคะ ตะวันขอร้อง” หญิงสาวอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ เธอมองมารดาที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่างเนื่องจากโดนรถชนขณะกำลังไปขายข้าวแกงที่ตลาดสด เธอกับน้องสาวจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะหาเงินมารักษามารดา แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ทำให้เธอต้องไปกู้หนี้ยืมสินจนหนี้สินล้นพ้นตัว ตอนนี้เธอต้องหาเงินสักก้อนเพื่อมาส่งดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้นอกระบบ ไม่อย่างนั้นพวกมันเล่นงานเธอตายแน่ “คิดเสียว่ากรุณาตะวันเถอะนะคะเจ๊ไก่” “ก็พี่บอกให้ถ่ายชุดว่ายน้ำก็ไม่เอา อันนั้นก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่เอา เรื่องมากทั้งที่ยังไม่ดังแบบนี้ใครจะไปทนไหว แล้วนี่ตะวันจะเอายังไง อยากดังมันก็ต้องสร้างกระแส สร้างข่าวฉาวๆ ให้มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ก็อย่ามาเป็นนางแบบเลย” “แต่นั่นมันถ่ายปกหนังสือพวกปลุกใจเสือป่านะคะ ตะวันทำไม่ได้หรอกค่ะเจ๊ไก่ ถ้าเป็นงานอื่นตะวันไหวค่ะ ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนตะวันก็พร้อมสู้ไม่เคยเกี่ยง” หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เธอไม่ใช่คนเลือกงาน หนักเอาเบาสู้ เหน็ดเหนื่อยแค่ไหนเธอไม่เคยย่อท้อ แต่ให้นุ่งน้อยห่มน้อยถ่ายแบบเย้ยฟ้า เธอทำไม่ได้จริงๆ “ถ้าเดือดร้อนจริงๆ ฉันก็พอช่วยได้” “จริงหรือคะเจ๊ไก่ งานอะไรหรือคะ ตะวันทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ” “ให้มันแน่เถอะ เห็นพูดแบบนี้แต่เสนออะไรไปก็ปฏิเสธท่าเดียว ฉันละระอากับหล่อนสุดๆ ไปเลยนะตะวัน” เจ๊ไก่เบ้ปาก ก่อนจะค่อยๆ เป่าลมลงไปบนนิ้วเท้าเพื่อให้สีที่ทาไว้แห้งเร็วๆ “ว่าแต่งานอะไรหรือคะเจ๊ไก่” “ไปนั่งกินข้าวกับเสี่ยวิบูรณ์ไม่กี่ชั่วโมงได้เงินห้าหมื่น สนใจมั้ยตะวัน” ผู้จัดการสาวประเภทสองเสนอออกไป ด้วยรู้ว่าวาดตะวันไม่มีทางเลือกมากนัก “กินข้าวอย่างเดียวแน่หรือคะ” หญิงสาวถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทว่าจำนวนเงินก็ทำให้เธอลังเล หากได้มาห้าหมื่นจริงๆ นอกจากเอาไปส่งดอกเบี้ยให้เจ๊บัวแล้ว เธอจะมีเงินเอาไว้ใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย “ก็แน่สิ ดาราดังๆ เขาทำกันเยอะแยะ แต่พวกนั้นค่าตัวเป็นแสนๆ ของเธอโนเนมได้ห้าหมื่นนี่ก็ถือว่ามากแล้วนะ จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาฉันจะได้ให้งานคนอื่นไป” “เอาสิคะเจ๊ไก่ ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวรีบตอบรับทันที เพราะหากเธอลังเลอาจจะชวดทั้งงานชวดทั้งเงิน “ถ้าอย่างนั้นก็มาที่ออฟฟิศเลย จะได้แต่งหน้าทำผมให้สวยๆ เผื่อว่าเสี่ยวิบูรณ์ถูกใจจะได้ให้เงินค่าขนมเพิ่ม” วาดตะวันลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ค่ะเจ๊ไก่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD