กลับเข้าห้องพัก อาบน้ำเช็ดผมจนแห้ง ว่าจะไปขอยาลดไข้กินหน่อย แต่ง่วงมากจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว จึงตั้งใจว่าจะนอนสักงีบก่อน แล้วค่อยออกไปขอยากินแล้วก็ช่วยงานที่ด้านนอก
แต่พอล้มตัวลงนอนแล้วก็หลับเป็นตายหลังจากนั้น ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกในทันที
วันนี้ทั้งวัน พสุธาไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นอีกเลย
หน็อย คิดว่าอ่อยจนเขาหลงถามหาในใจได้แล้ว ก็จะมาทำเล่นซ่อนแอบกับเขาแบบนี้หรือ
คิดได้อย่างนั้น ก็พาตัวเองขึ้นรถ เมื่อคุยกับหัวหน้าคนงานที่สวนเกษตรอินทรีย์สุดหวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตรงกลับเข้าบ้าน ลงรถได้เรียกหาคนอยู่เป็นนานกว่าจะมีคนออกมารับหน้าเขาได้
ทำทีเป็นเดินไปนั่งที่โซฟาตรงกลางบ้าน แล้วค่อยถาม
“ยัยนั่นไปไหน”
สาวใช้มองเขาแล้วทำคอหด เพราะไม่รู้ว่าเขาถามหาใคร
พสุธาเห็นท่าทีแบบนั้นก็ให้หงุดหงิด บอกต่ออีกนิดว่า “คนที่มาใหม่น่ะ หายไปไหนแล้ว”
“เข้าห้องนอนแล้วค่ะ งานการเคยช่วยทำ พอเห็นคุณพุธไม่อยู่บ้าน ก็ไม่จับไม่ทำอะไรหรอก เอาหน้าเก่งออกจะตายแม่นั่นน่ะ” เป็นคุณน้อมเองที่ฟ้อง เดินออกมาพร้อมน้ำเย็น วางลงที่โต๊ะตรงหน้าเขา
“ใช่ค่ะใช่ แม่นั่นทำงานเอาหน้าอย่างที่คุณน้อมว่าจริง ๆ ค่ะ”
พสุธาเบื่อและเกลียดคำพูดขี้ฟ้องพวกนี้ชะมัดยาดเลย ถามสวนไปว่า “สรุปว่าอยู่ในห้อง?”
“ค่ะ” เสียงตอบของคนในบ้านดังตามหลังคุณน้อมแทบพร้อมเพรียงกัน พสุธาขยับลุกยืน แล้วตรงไปยังทางเข้าห้องพักคนงาน เขาเคยมาแถวนี้ได้ไม่ถึงสามครั้งดีด้วยซ้ำมั้ง ถ้าจำไม่ผิด
ไปถึง เห็นห้องคนงานเรียงยาวเป็นสิบ ก็ไม่รู้ว่าห้องไหน หันไปถามคุณน้อมว่า “อยู่ห้องไหน”
คุณน้อมที่ลอบเบ้ปาก ทำหน้าสะใจอยู่ เปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน ตรงไปยังหน้าห้องของคนที่กลับมาถึงก็อาบน้ำนอน ไม่ยอมออกมาช่วยงานข้างนอกแบบทุกที หยุดหน้าประตูห้องนั้น แล้วบอกว่า “ห้องนี้ค่ะคุณพุธ”
พสุธาย่างสามขุมเข้าไปยืนหน้าบานประตู งอข้อนิ้วเคาะหนัก ๆ เรียกเสียงเข้ม “นี่ เธอ ออกไปทำงานช่วยคนอื่นบ้าง อย่าเอาแต่นอนอู้”
แต่ด้านในไร้ซึ่งเสียงตอบรับ หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากันนิดเดียว ก่อนจะจับลูกบิดประตู แล้วเปิดพรวดเข้าไปดู ก็เห็นว่าร่างเล็ก ๆ นอนนิ่งบนที่นอน
“เธอ!”
พสุธาส่งเสียงเรียกดังลั่นห้อง จนคนงานที่ด้านหลังพากันหลบออกจากตรงนั้น หนีหายกันไปเป็นแถบ ๆ แต่แล้วร่างเล็ก ๆ กลับนอนนิ่ง ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ท้าทายมาก
พสุธาคิดอย่างขุ่นเคือง
ผิดหวังในตัวเขามากใช่ไหม ผิดหวังจนถึงกับไม่สนใจเสียงเรียกของเขาเลย ทั้งยังนอนเฉยไม่สะดุ้งสะเทือนอีกต่างหาก ยื่นมือเข้าไปจับไหล่เขย่าแรง ๆ เสียงพึมพำก็หลุดออกมาจากปากของเจ้าหล่อนเบา ๆ
“พ่อ หยินคิดถึงพ่อ ให้หยินไปอยู่ด้วยได้ไหม”
พสุธาที่มือยังแตะถูกตัวหญิงสาวอยู่ก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่สบาย เขาดึงผ้าห่มที่คลุมร่างออก แล้วเข้าไปช้อนตัวอุ้มขึ้นแนบอก
แม่นี่ไม่สบาย ยังจะเรียกไปทำงานอีก มันน่านัก
คุณน้อมเห็นเข้าก็ขมวดคิ้วมุ่น เข้ามาขวางหน้า พร้อมกับถาม “จะไปไหนคะคุณพุธ”
“คนไม่สบายเขาไปไหนกัน ไปโรงเรียนหรือไง” ตอบเสียงห้วนแล้วเดินไว ๆ ไปที่รถของเขา สั่งเสียงดัง “ไปเอากุญแจมาเปิดประตูรถ เร็วเข้า!”
ต่องที่ยืนตรงนั้น สบตากับนายเข้าพอดี จำต้องวิ่งไปที่ห้องของนาย หยิบกุญแจแล้วกลับลงมาเปิดประตูให้หลังจากนั้น
พสุธาขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยรถแล้ว กำลังจะขับรถออก ก็เปิดกระจกสั่งให้คนไปหยิบกระเป๋าของคนที่นอนป่วยมาให้เขา แล้วตรงไปยังโรงพยาบาลในทันที
แต่แล้วก็เห็นร่างเล็ก ๆ เพ้อตลอดทาง เลยตัดสินใจหักหัวรถ พาเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลที่กำลังจะถึงไปเสียเลย ที่นั่นเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็คงมีหมอแหละ พสุธาคิดแล้วก็จอดรถตรงหน้าห้องฉุกเฉินนั่น ไม่มีใครออกมาดูคนไข้เลยสักคน
เขาลงรถได้ เปิดประตูอุ้มร่างเล็กที่ตัวร้อนกว่าเมื่อตอนขามาจนหัวใจของเขากระแทกผนังซี่โครงเป็นจังหวะหนัก ๆ ตามไปด้วย
ในที่สุดก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาถาม “คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
“ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ตัวร้อนมาก คงจะมีไข้”
พยาบาลฟังจบหยิบที่วัดไข้มาวัด พร้อมกับแจ้งเขาด้วยสีหน้าซังกะตาย “ไข้สามสิบเก้าจุดห้าค่ะ กินยาลดไข้มาหรือยังคะ กินมากี่โมง”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ไปถึงห้องก็เห็นหลับสนิทแล้ว ให้นอนดูอาการที่นี่ได้ไหม”
พยาบาลคนนั้นถอนใจแล้วเมินไปมองเตียงที่ว่างอยู่เตียงเดียวริมห้องฉุกเฉิน บอกด้วยน้ำเสียงแบบเดิม “นอนดูอาการได้ค่ะ เตียงนั้นเลย”
“ไม่มีห้องแยกให้นอนหรือครับ” พสุธาถามเสียงดัง จนหมอที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ต้องเข้ามาคุยเอง
“อ้าว คุณพุธ”
“หมอ คนของผมป่วย ขอห้องให้นอนดูอาการได้ไหม ที่ไม่ใช่ห้องนี้น่ะ”
“สักครู่นะคะ เดี๋ยวหมอถามที่วอร์ดก่อนค่ะ”
รอไม่นานแพทย์หญิงท่านนั้นก็เข้ามาบอกว่ามีห้องเดี่ยวว่างอยู่ ในที่สุดก็ได้ห้องพักแยก ห้องเดี่ยวที่ว่าสภาพเก่า แลดูสกปรกไม่น้อย แต่ก็ยังดีกว่านอนเตียงในห้องนั่นก็แล้วกัน พอย้ายเข้าห้องได้ เจ้าหน้าที่ก็พากันออกไปจนหมด เสียงดังออกมาจากปากเล็ก ๆ ที่แดงจัดนั่นอีกครั้ง
“พ่อจ๋า”