“พ่อจ๋า”
พสุธาขยับตัวเข้ามายืนมองด้วยความหงุดหงิดนิด ๆ ในหัวใจ มันอะไรกันนักหนากับพ่อวะ เรียกหาพ่ออยู่นั่น
เขาไม่เห็นอยากจะเพ้อหาพ่อแบบนี้บ้างเลย
แล้วยืนมองสำรวจอยู่เงียบ ๆ ปากเล็ก ๆ นั่นออกสีแดงขึ้นเรื่อยแล้ว จะชักไหมวะเนี่ย ไม่นานก็มีพยาบาลเข้ามาเคาะประตูเรียก ก่อนจะลากรถเข็นเข้ามา
“ตัวร้อน ไข้ไม่ลงเลยนะคุณ ตอนนี้ไข้สี่สิบแล้ว ผ้ามีมาไหม”
พสุธาส่ายหัว ตอบไปว่า “ไม่มี”
พยาบาลคนนั้นไม่พูดอะไร ลากรถออกจากห้องไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กส่งให้เขา
“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น” ชี้มือไปยังห้องเล็ก ๆ ที่ด้านใน “มีไข้ต้องหมั่นเช็ดตัวค่ะ ไข้ถึงจะลง”
บอกทิ้งไว้แค่นั้นก็จากไป
พสุธายืนเท้าเอวมองกะละมังพลาสติกสีชมพูเก่า ๆ กับผ้าขนหนูผืนเล็กแห้ง ๆ ที่ในนั้น สุดท้ายก็จำต้องเอาไปใส่น้ำ หยิบผ้าซักแล้วนำออกมาที่ด้านนอก
ดึงผ้าห่มออก ก่อนจะเช็ดตัวให้ร่างเล็กทีละส่วนอย่างทุลักทุเล แล้วภาพของแม่ที่เคยเช็ดตัวให้เขาในวัยเด็กก็ค่อย ๆ ผุดเข้ามาในหัวของพสุธา
‘เวลาพุธไปเจอคนป่วย พุธต้องเอาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดแบบที่แม่ทำให้นะลูก เช็ดย้อนจากมือเข้าไปหาลำตัวแบบนี้ แล้วชุบน้ำซักใหม่ เช็ดใหม่จนกว่าตัวจะเย็น ทำแบบที่แม่ทำให้พุธนี่ไง รู้ไหมครับ’
เขาเช็ดไปตามแขนเล็ก ๆ จนรู้สึกได้ว่าแขนเย็นลงแล้ว ก็ค่อยหันไปชุบน้ำเช็ดที่ขาทั้งสองข้างจนเย็นลง แล้วถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ยืนมองว่าส่วนรยางค์เรียบร้อยแล้ว และตรงกลางตัวล่ะจะทำอย่างไร
เอาวะ
ว่าแล้วก็เอาผ้าชุบน้ำบิดจนหมาด ยืนมองเดี๋ยวเดียว ก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปดึงชายเสื้อขึ้น ก่อนจะสอดอีกมือพร้อมผ้าชุบน้ำเข้าไปใต้เสื้อยืดย้วย ๆ นั่น แล้วลงมือลากผ้าเช็ดในนั้นเบา ๆ พลันเสียงงึมงำสะอื้นร้องครางก็ดังออกมาจากปากเล็ก ๆ สีแดงก่ำ
“เฮ้ย! จะครางทำไม แล้วจะเสร็จไหมเนี่ย”
พสุธาคำรามด้วยเสียงดุ ๆ แต่เสียงครางนั่นก็ไม่หยุดกลับกระเส่ามากขึ้น ยิ่งมือของเขาลากวนไปมา เจ้าหล่อนก็ยิ่งส่งเสียงคราง มือใหญ่กร้านเริ่มเกร็ง เหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย พร้อมกับใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
เวรเอ๊ย นอกจากมือของเขาจะเกร็งแล้ว ตรงนั้นก็เริ่มเกร็งตัวขึ้นมาแล้วด้วย
ระยำชัด ๆ
พสุธาพ่นลมออกปากแรง ๆ ติด ๆ กัน เขาต้องเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง ไม่อย่างนั้น เขานี่แหละจะไม่รอด
แล้วก็ให้นึกอะไรขึ้นมาได้ วางผ้ากลับลงไปในกะละมัง เช็ดมือกับกางเกงจนแห้งดีแล้ว หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาสไลด์จอไปมา วางลงตรงหมอนนั่นเอง เอาแบบให้เห็นหน้าเห็นปาก ได้ยินเสียงชัด ๆ แล้วลงมือเช็ดตัวให้ใหม่ แว่วเสียงครางออกมาจากปากเล็ก ๆ อีกครั้ง
พสุธายืนยิ้ม ลงมือเช็ดไปมาอยู่เป็นนาน จนพยาบาลคนเดิมเข้ามาอีกครั้ง “วัดไข้ค่ะ” เจ้าหล่อนบอกแล้วเอาปรอทออกมาสอดวัดไข้ ตามด้วยวัดความดันและวัดอะไรอีกจนหนำใจแล้วก็เก็บอุปกรณ์ ทำท่าจะลากรถเข็นจากไป
เขารีบส่งเสียงถาม “ไข้ลงหรือยังครับ”
“สามสิบเก้าค่ะ เดี๋ยวปลุกกินยานะคะ”
พยาบาลเดินออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมยา คราวนี้ลงมือจัดการคนไข้เอง สะกิดคนนอนป่วยแรง ๆ ทางนั้นก็ร้องอือเบา ๆ จึงส่งยาให้แล้วก็จากไป
เขายืนกอดอกมอง เสียงร้องดังออกมาจากคนบนเตียงอีกครั้ง
“พ่อ”
“พ่อที่ไหนเล่า” พสุธาบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ฟังดูดุอีกแล้ว
แล้วมือเล็ก ๆ นั่นก็ยื่นออกมาดึงแขนเขาไปกอด พสุธาร้อง “เฮ้ย ๆ” พร้อมออกแรงนิดเดียวดึงมือกลับ แต่เจ้าของมือเล็ก ๆ ก็ไม่ปล่อย เอาแต่เรียกหาพ่ออยู่นั่น
จะดึงมือออกก็ได้ แต่พสุธาทำอ่อนแรงไม่ยอมดึง เขายื่นขาไปลากเอาเก้าอี้ตัวเดียวในห้องมานั่ง พักเดียวเท่านั้นก็เริ่มง่วงนอนเช่นกัน
แม่นี่จะกอดแขนเขาไว้ทั้งคืนเลยใช่ไหมวะ
จนกลางดึก เขาสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะพยาบาลเข้ามาวัดไข้ ก็พบว่าแขนของเขาไม่มีแรงกอดรัดอีกแล้ว ปล่อยแขนเขาตอนไหนไม่รู้ มองไปยังแม่นั่น เห็นนอนชิดขอบเตียงนู่นแล้ว เหลือที่ว่างพอดี เลยปีนขึ้นไปนอนบนนั้นเสียเลย
“คุณคะ ลงมาค่ะ ต่อให้เป็นผัวเมียกันก็มาทำแบบนี้ในโรงพยาบาลไม่ได้นะคะ”
อภิยาตื่นขึ้นมาพอดี ได้ยินเสียงดุดังมาจากข้างเตียง มองไปยังต้นตอของเสียงก็เห็นว่าเป็นพยาบาล ก่อนจะมองไปยังร่างที่นอนเบียดอยู่ เห็นเขาขยับลงจากเตียงไปแล้ว พอเห็นว่าเป็นเจ้าของไร่เทียมพสุธาก็ร้องเสียงหลงขึ้นว่า
“เปล่านะคะ ไม่ใช่ค่ะ”
พสุธายืนเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ทำไมจะต้องรีบปฏิเสธขนาดนั้นด้วยว่าไม่ใช่เมียของเขา
คิดด้วยความหงุดหงิด กอดอกยืนมองพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดันโลหิต วัดอะไรทั้งหลายแหล่จนครบแล้ว ทางนั้นก็ค่อยบอกด้วยน้ำเสียงแบบเดิมว่า “ไข้สามสิบเจ็ดจุดเก้าค่ะ”
แล้วพยาบาลคนนั้นก็ลากรถที่ใส่สารพัดเครื่องมือออกจากห้องไปในนาทีต่อมา
อภิยาละสายตาจากประตูที่เพิ่งปิดลง มองไปทางพสุธา เห็นเขาเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปแล้ว ก็ค่อยนึกทบทวนว่าตัวเองมาที่นี่ได้อย่างไร
ไม่นานจากนั้นแพทย์หญิงคนเมื่อคืนก็ผลักประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่เธอนอนอยู่
“ไข้ลงบ้างหรือยังคะ” เสียงถามอย่างเอาใจใส่ดังมาจากแพทย์หญิงคนนั้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของคุณพยาบาลที่เข้ามาวัดไข้ให้เธอเมื่อครู่
“ลงแล้วค่ะหมอ”
แพทย์หญิงยิ้มให้เธอแล้วถาม “อยากกลับบ้านหรือยังคะ”
“อยากกลับแล้วค่ะ”