“อยากกลับแล้วค่ะ”
พสุธาท้วงขึ้นว่า “จะกลับได้ยังไง เมื่อกี้วัดไข้ยังสามสิบแปดอยู่เลย”
เธอมองเขาแล้วท้วงกลับไปเช่นกันว่า “สามสิบเจ็ดจุดเก้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมง่าย ๆ แย้งกลับอีกที “ศูนย์จุดหนึ่งองศาก็คือ ๆ กันนั่นแหละ”
แพทย์หญิงท่าทางใจดีมองเธอทีมองทางพสุธาทีแล้วว่า “ที่จริงก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ แค่มีไข้เท่านั้นเอง อาการนอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงมาก คนไข้จะกลับบ้านเลยก็ได้นะคะ กลับแล้วก็กินยาตามที่หมอให้ พักผ่อนมาก ๆ อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“ใครห่วง” พสุธาถามสวนขึ้น แล้วหันไปบอกหมอ “ก็ได้หมอ กลับเลยครับ”
“ค่ะ” แพทย์หญิงคนนั้นยิ้มหวาน แล้วออกจากห้องไป ราวบ่ายสามเห็นจะได้ เธอถึงได้ออกจากห้องพักผู้ป่วยห้องนั้น โดยมีพสุธาจัดแจงเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องเอกสาร และไปเอายามาให้อีกด้วย
นึกเกรงใจที่เขาจะต้องมาคอยเป็นธุระให้แบบนี้ ที่จริงเธอนอนพักที่ห้องก็ได้ ไม่เห็นจะต้องมาโรงพยาบาลเลย ปกติเวลาไม่สบายเธอก็กินยา นอนพักข้ามคืนก็หายแล้ว
พอขึ้นรถได้ ค่อยหันไปหาเขา “ขอบคุณนะคะที่พาหยินมาส่งโรงพยาบาล แล้วก็ยังเฝ้าหยินทั้งคืนอีก”
เขาเงียบไม่ตอบ ส่งเสียงถามกลับมาว่า
“ไม่น่าผิดหวังแล้วใช่ไหม”
กะพริบตาปริบ ๆ เพราะตามเขาไม่ทัน ถามเขากลับไปว่า “ไม่น่าผิดหวังเรื่องอะไรคะ”
คืนนั้นต่อว่าเขาหน้าตาจริงจังมากเลยนะ ทำไมทำหน้าจำไม่ได้แบบนี้
‘หยินเห็นคุณวันแรก ก็นึกชื่นชมคุณมาตลอดว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการที่น่าเกรงขามมาก แต่ทำไมถึงพูดจาไม่ดี แล้วยังทำตัวแบบนี้อีกก็ไม่รู้นะคะ น่าผิดหวังจริง ๆ เลยค่ะ’
เรื่องที่เขาเป็นเจ้าของกิจการที่น่าเกรงขามแล้วพูดจาไม่ดี ทำตัวไม่ดีจนเธอพูดว่าน่าผิดหวังนั่นไง ก็เนี่ย เขาพาคนในปกครองที่นอนป่วยนอนซมในห้องมาส่งถึงโรงพยาบาลด้วยตัวเอง คงไม่น่าผิดหวังแล้วใช่ไหม
พสุธาอ้าปากจะถาม แต่แล้วก็เงียบ หุบปาก เปลี่ยนใจไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเขาลำเลิกบุญคุณ บอกปัดไปว่า “ไม่มีอะไร” เลี่ยงถามเรื่องอาการป่วยแทน “สรุปว่าเธอหายดีแล้วใช่ไหม”
ยังหนักหัวนิดหน่อย ไม่ได้หายดีเป็นปกติหรอก แต่ก็ไม่อยากให้ใครต้องมาคอยเป็นห่วง จึงตอบไปว่า “ค่ะ”
เมื่อวานนี้ ตอนเลิกงานกลับมาถึงห้องพักก็เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวบ้างแล้ว เธอตั้งใจว่าจะออกไปขอยากิน แต่พอล้มตัวลงนอนก็กลายเป็นผล็อยหลับไปเลย
เมื่อคืนก็พอรู้อยู่บ้าง ตอนมีคนเข้ามาเรียก หัวของเธอหนักเหมือนมีอะไรมากดทับเอาไว้ ตาก็ด้วย หนักมาก ๆ จนลืมไม่ขึ้น สมองของเธอทำงานได้แต่ก็ไม่เต็มที่นัก มันคล้ายกึ่งฝันกึ่งจริง จนแยกไม่ออก
กระทั่งเมื่อเช้าตอนตื่นมาเจอตัวเองนอนบนเตียงคนไข้กับเขานั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าที่ได้ยินทั้งหมดเมื่อคืน ได้เห็นเลือน ๆ ราง ๆ นั่นเป็นเรื่องจริง เธอไม่ได้ฝันไป
เหม่อมองข้างทาง จนรถเลี้ยวเข้ามาในเขตของไร่เทียมพสุธาแล้ว เสียงเข้ม ๆ ของเขาก็เอ่ยขึ้น “พักงานไปก่อนสามวัน”
ได้ยินว่าเขาใหพักงานก็หันขวับมาหาเขา รีบบอกกลับไปว่า
“หยินทำงานได้ค่ะ ไม่ได้ป่วยอะไรมากเลยนะคะ”
พสุธาเหลือบตามอง แล้วพูดขึ้นว่า “คนเปิดเสื้อผ้าก็ยังไม่รู้ตัว แบบนั้นน่ะหรือไม่เป็นอะไรมาก”
ได้ยินเขาพูดตอบโต้มาแบบนั้นก็ห่อไหล่ เอียงตัวหันหนีเขา ถามเสียงอ่อยไปว่า “คุณพุธมาเปิดเสื้อผ้าหยินทำไมคะ”
พสุธาเห็นอาการแบบนั้นก็ไขว้นิ้วชี้ขึ้นบนนิ้วกลาง เอ่ยเสียงห้วนไปว่า “แค่พูดเปรียบเทียบให้ฟัง ใครจะบ้าไปเปิดเสื้อผ้าคนไร้สติแบบนั้นกันเล่า”
ค่อยโล่งอก “หยินนึกว่าคุณจะเป็นพวกโรคจิต วิปริต ใจสกปรก ที่ชอบอาศัยทีเผลอเอาเปรียบคนอื่นเสียอีก”
มาครบเลยนะทั้งโรคจิต วิปริต ใจสกปรก
พสุธาเจ็บจี๊ด เสียดแปลบขึ้นในโพรงอก
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จงใจพูดว่าเขาหรอกใช่ไหม
“แต่หยินยืนยันนะคะว่าทำงานได้ ไม่ต้องหยุดงานหรอกค่ะ”
“ป่วยแล้วไม่พักรักษาให้หาย จะหักเงินหนึ่งพัน”
ได้ยินเขาบอกแบบนั้น ก็เลยนั่งเงียบ
เขาจอดส่งที่หน้าบ้าน เธอเปิดประตูลงไปแล้ว พสุธาก็ขับรถไปยังทางเข้าสวนด้านใน ยืนมองตามจนรถของเขาลับหายไปจากสายตาก็ค่อยหันหลังเดินเข้าบ้าน
ที่จริงเธอไม่ได้ป่วยอะไรมาก ให้หยุดงานแบบนี้รู้สึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะช่วยงานในบ้านไปก่อนก็แล้วกัน คิดขณะเดินไปตามทางกลับห้องพักที่ด้านหลัง ก็เห็นคนในบ้านมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ
ปกติเธอก็ไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามาคุยด้วยอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากผูกมิตรกับเธอเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้นต่องที่รู้จักกันตั้งแต่วันแรกที่มา นอกนั้นก็ไม่มีใครที่พอจะพูดคุยด้วยกันได้เลย
มาวันนี้คนงานในบ้านนอกจากจะพูดคุยกับเธอไม่ดีแล้ว ยังมองแล้วหันไปคุยซุบซิบอะไรกันอีกด้วย
ต่องเดินสวนออกมาในครัวพอดี เจอเธอก็พยักหน้าทักด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วห่างเหิน ผิดจากที่เคยคุยกัน “กลับมาแล้วหรือ”
“จ้ะ” ตอบต่องแล้วก็เข้าไปจับแขน ดึงไปกระซิบถาม “มีเรื่องอะไรหรือพี่ต่อง ทำไมคนในบ้านมองหยินแปลก ๆ”
ต่องมองเธอด้วยสายตารำคาญไม่น้อย แล้วบอกออกไปว่า
“ไม่แปลกได้ไง ก็เมื่อคืน คุณพุธบุกเข้าไปในห้องเรา แล้วก็อุ้มเราขึ้นรถ พาขับออกจากบ้าน หายไปทั้งคืนแบบนั้น ก็คงคิดว่าเรากับคุณพุธพากันไปถึงไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ แล้วกลับบ้านมาบ่ายขนาดนี้ด้วยนะ มันยิ่งพากันพูดสนุกปากล่ะว่าคุณพุธเอาเราไปกกไปนอนด้วยจนข้ามวันข้ามคืนน่ะ”
ต่องพูดไปตามที่คนอื่นพากันนินทา แม้จะได้ยินพสุธาพูดว่าจะพาเธอโรงพยาบาลก็ตามที แต่หากอยากเชื่อว่าพาไปที่อื่น ความจริงจะเป็นอย่างไร ก็ไม่นึกอยากสนใจอยู่แล้ว