“ใช่ที่ไหนกันคะ”
เขาเคี้ยวจนหมดแล้วก็ย้ำออกมาอีกคำว่า “งู ลูกชิ้นงู”
“ลูกชิ้นปลาค่ะ คนขายเขาก็บอกอยู่ว่าลูกชิ้นปลา”
พสุธาแย้งกลับคำเดิมว่า “งู”
“งูที่ไหนคะจะมีเยอะแยะจนเอามาทำลูกชิ้นขายได้ขนาดนี้กันคะ”
“ใครเขาจะบอกเธอว่าลูกชิ้นงู ถ้าบอกว่าลูกชิ้นงู เธอจะกล้าซื้อหรือไง ไม่ใช่ของบ้านเราสิ นี่รับมาจาก...” เขาพูดชื่อประเทศเพื่อนบ้านประกอบคำอธิบายที่ดูจริงจังของเขา
เธอฟังแต่ก็ยังจิ้มเข้าปากไม่หยุด
พอเห็นเขาเลี้ยวเข้าทางเข้าไร่แล้วก็บอกออกไปว่า
“คุณพุธจอดตรงนั้นได้ไหมคะ”
“ตรงไหน” เสียงถามของพสุธาออกจะหงุดหงิดนิด ๆ เพราะถูกสั่งให้จอดรถ ทำราวกับเขาเป็นคนขับสาธารณะอย่างนั้นแหละ
“ข้างออฟฟิศนี่ก็ได้ค่ะ”
“จะลงไปเอาอะไร วันนี้หยุดไม่ใช่หรือ”
“ขามา หยินปั่นจักรยานมาจอดทิ้งไว้ค่ะ ว่าจะเอากลับด้วย”
พสุธากระตุกยิ้มหมิ่น ๆ นี่ไงเล่ห์กลของแม่นี่ กำลังทำท่าว่าเจียมตัว ไม่ไปไหนมาไหนกับเขาให้คนอื่นเห็นล่ะสิท่า
พสุธาคิดแต่แล้วก็ไม่พูดว่าอะไร ยอมจอดให้ลง แม่ตัวดีเตรียมเอาถุงของที่ซื้อลงรถไปด้วย เขาเลยรีบดึงมือไว้แล้วสั่งว่า
“เอาไว้บนรถนี่แหละ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หยินเอาไปด้วยดีกว่า”
เขามองท่าทีต่อต้านเงียบ ๆ ของเธอแล้วบอกต่อจากนั้น “ไม่ขโมยใช้หรอกน่า ผ้าอนามัยแบบซึมซับดีเยี่ยมห่อใหญ่นั่นน่ะ”
เธอเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรที่จะเป็นการต่อล้อต่อเถียงกับเขา แต่รู้สึกไม่พอใจที่เขาจับมือถือแขนเธอแบบนี้ ออกแรงดึงมือออกจากเขาเบา ๆ หอบเอาถุงของลงรถไปด้วย
ตรงไปเอาจักรยาน เขามองตามแล้วก็จอดรถนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขับออกไปเสียที อภิยามองแล้วก็ถอนใจเบา ๆ เธอไม่อยากนั่งรถกลับบ้านพร้อมเขา ไม่อยากให้คนอื่นมองเธอแย่ไปมากกว่านี้
ดึงเอาจักรยานของใครสักคนในนั้นออกมาปัดฝุ่นออก แล้วถีบกลับไปยังบ้านพัก โดยมีเขาชะลอรถ ขับตามจนถึงจุดหมายไล่ ๆ กัน จอดรถแล้วก็ว่าจะเอาของไปเก็บในห้องให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะออกไปช่วยทำงานบ้านต่อ แต่พสุธาตรงมายืนขวางหน้าเธอเสียนี่
ยิ่งไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าด้วยว่าอยู่ใกล้ชิดกับเขา มาทำแบบนี้ทำไมกัน ตาเหลือบไปเห็นคนในบ้านมองมาพอดี ก็ขยับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ส่งเสียงดัง ๆ ถามเขาไปว่า
“มื้อเย็นคุณพุธจะรับอะไรดีคะ”
พสุธาเดินก้าวไปหาเธอ พร้อมยื่นหน้าลง ส่งเสียงถามยั่ว ๆ ไปว่า
“มีงูอีกไหม”
อภิยารู้สึกไม่สบอารมณ์ เพราะเห็นมีคนในบ้านยืนมองอยู่ แล้วเขายังมาทำใกล้ชิดกับเธอแบบนี้อีก เลยขยับปากกระซิบตอบกลับไปว่า
“หยิบเอาบนหัวคุณสิคะ”
บอกจบแล้วก็รีบเดินหนีเขาไปทางห้องพักทันที
อภิยาเอาของเข้ามาเก็บในห้องก็อดถอนใจอีกครั้งไม่ได้
เธอไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าใกล้ชิดกับเขา ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าไปไหนมาไหนกับเขา เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี เธอมาที่นี่ มาเพื่อทำงาน มาเพราะอยากได้ความรู้เรื่องที่ตนเองสนใจจริง ๆ ไม่ได้มาเพื่อหวังรวยทางลัด หรือจับเขาทำสามีแบบที่คนอื่นพากันพูดไปต่าง ๆ นานาแบบนั้น
เก็บของแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว เจอต่องที่ในนั้นพอดี
“อ้าว กลับมายังไง” ต่องถามขณะรินน้ำดื่ม เธอตอบต่องไปว่า
“นั่งรถมากับคนในสวนนี่แหละ พี่ต่องหายไปไหน หยินไปตามตรงที่จอดรถก็ไม่เจอ”
ต่องมีสีหน้าอึกอักแล้วหันไปยังอีกทางแล้วบอกขึ้นว่า “พี่ก็เดินอยู่แถวนั้นแหละ หันมาอีกที เราก็หายไปแล้วเหมือนกัน หายไปไหนมา”
อภิยาอ้าปากจะต่อว่าที่ไม่รอเธอเลย แต่แล้วก็บอกปัด
“ช่างเถอะพี่”
เธอไม่อยากให้ต่องรวมถึงคนอื่น ๆ รู้ว่าตนเองกลับมาพร้อมพสุธา แค่นี้คนพวกนั้นก็มองเธอด้วยสายตาย่ำแย่มากพออยู่แล้ว ต่อไปเธอจะพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาไว้
ต่องมองเธอแล้วก็ทำหน้าแหยง ๆ มีท่าทีที่ไม่อยากจะพูดถึงเช่นกัน แล้วทั้งสองคนก็ต่างพากันแยกย้ายไปช่วยงานในบ้านหลังจากนั้น
ราวสิบนาทีได้ คุณน้อมก็เดินเข้ามาเรียกที่ประตูเข้าห้องครัว
“เธอ! เธอนั่นแหละ”
อภิยาเหลียวไปมอง เห็นว่าตนเองอยู่เพียงลำพังก็รู้ได้ทันทีว่าคุณน้อมเรียก จึงตอบไปว่า “ค่ะคุณน้อม”
“เดี๋ยวออกไปช่วยถากหญ้าตรงหลังบ้านหน่อย”
ได้ยินคุณน้อมสั่งก็อดมองดูเวลาไม่ได้ เพราะได้เวลามื้อเย็นของพสุธาแล้ว ปกติเธอจะเป็นคนทำ คุณน้อมให้ไปทำอย่างอื่นแทน แสดงว่าจะมาทำเองใช่ไหม
คิดเงียบ ๆ ในหัว คุณน้อมก็ส่งเสียงสั่งดังขึ้นว่า
“รีบไปสิ ยืนนิ่งทำอะไรอยู่อีกล่ะ”
อ้าปากจะถามว่าแล้วมื้อเย็นของพสุธาเล่าใครจะทำ แต่แล้วคุณน้อมก็เข้ามาดันหลังให้เธอออกจากห้องครัวไป พร้อมส่งเสียงไล่อีกครั้งว่า “ไปได้แล้ว พอถางหญ้าเสร็จก็จะได้มาเตรียมมื้อเย็นให้คุณพุธต่อ”
“ได้ค่ะ” อภิยาตอบรับแล้ววางงานในครัว เดินออกไปช่วยงานหลังบ้านตามที่คุณน้อมสั่งในทันที คงจะดีหากมีคนทำหน้าที่ตั้งโต๊ะอาหารและคอยบริการพสุธาแทนเธอ จะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกับเขาจนคนอื่น ๆ พากันมองไม่ดีอีก
“เดี๋ยว!”
พสุธาส่งเสียงเรียกออกมาคำเดียว แต่ดังลั่นบ้าน หญิงสาวที่คุณน้อมสั่งให้ยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะตัวสั่นเล็กน้อย จนเกือบทำ