พสุธาไม่พูดอะไร ถามตัวเองว่าเขาไม่ได้คิดอะไรอย่างที่อีกฝ่ายกำลังเหมารวมจริง ๆ น่ะหรือ แต่แล้วก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย
‘คิดล่ะสิท่า’ เสียงหนึ่งร้องขึ้นมาจนเขาสบถออกมาเบา ๆ ก่อนจะพึมพำถามออกไปว่า
“ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอย่างงั้นหรือ”
“ใช่ค่ะ”
“อย่าดีแต่พูดก็แล้วกัน เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คอยตั้งโต๊ะทุกมื้อน่ะ ต่อจากนี้ไปก็อย่าบกพร่องในหน้าที่ของตัวเอง ต้องออกมาคอยดูแลให้พร้อมทุกมื้อ เข้าใจไหม”
ได้ยินเขาสั่งมาแบบนั้น รีบตอบรับอย่างแข็งขันว่า “เข้าใจค่ะ”
“แล้วถ้าวันไหนไปดื่มมา เธอก็ต้องคอยเอาน้ำแก้เมามารอให้ด้วยนะ”
อภิยายิ้มแล้วหันไปมองเขา รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เขาอยากให้เตรียมของที่เคยทำให้เพียงครั้งเดียวแบบคราวนั้น
“ยิ้มอะไร” เสียงถามของพสุธาเอ่ยขึ้น ฟังดูแล้วก็ไม่ได้ห้วนแบบทุกที ไม่พูดว่าอะไร ตอบรับเขากลับไปว่า
“ค่ะ หยินจะเตรียมทุกอย่างที่คุณพุธสั่งไว้รอคุณพุธค่ะ”
“ดีมาก”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงครึ้มใจ ขณะขับรถมุ่งหน้ากลับไร่เทียมพสุธาหลังจากนั้น แม้ในรถจะเงียบ แต่กลับไม่อึดอัด เสียงถาม เสียงตอบ เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางขากลับ
จนเห็นเส้นทางที่เริ่มจะคุ้น ก็รู้ว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้ว มองเห็นทางเข้าไร่อยู่ลิบ ๆ จึงหันไปหาเขาแล้วบอกขึ้นว่า
“คุณพุธจอดตรงข้างออฟฟิศให้หยินทีนะคะ”
“จะลงไปทำอะไรอีก นี่มันดึกแล้วนะ”
“จอดเถอะค่ะ กลับมาพร้อมคุณพุธดึก ๆ แบบนี้ คนอื่นเห็นเข้า...” ยังพูดไม่จบดีเลย พสุธาแย้งเสียงห้วนกลับมาว่า
“อ้าว ก็ไหนเมื่อตอนก่อนหน้ายังบอกไม่แคร์อยู่เลย”
“ไม่ใช่ว่าไม่แคร์ค่ะ แต่ก็ต้องลดภาพไปไหนมาไหนด้วยกันด้วยไงคะ นะคะ จอดส่งหยินที”
“ได้” เขาจอดรถที่ก่อนถึงทางเข้า
เห็นหยิบโทรศัพท์ต่อสายสั่งให้ลูกน้องของเขาที่ชื่อศักดิ์มาดักคอยที่ออฟฟิศ ก่อนจะไปส่งเธอตรงนั้น ส่วนเขาขับเลยไปที่บ้าน
เธอเดินไปเอาจักรยานที่ฝากจอดไว้ โดยมีชายร่างสูงใหญ่ปานกันกับพสุธาขับมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาห่าง ๆ จนถึงบ้านในเวลาต่อมา
พสุธาขับรถเลยเข้าไปจอดที่ด้านในแล้วก็ยังคงฮัมเพลงเบา ๆ ศักดิ์ชะโงกหน้ามามอง ก่อนจะส่งเสียงแซวถามไปว่า
“อารมณ์ดีเรื่องอะไรมาหรือครับคุณพุธ”
“กูก็อารมณ์ดีทุกวัน” ตอบลูกน้องแล้วเดินเลยจะเข้าบ้านไป ศักดิ์ยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิก “เอ...วันนี้ไปไหนมาน้อ หน้าตาดูมีความซู้ก มีความสุข”
“ไป...” พสุธาพูดออกมาคำหนึ่งแล้วก็ตะโกนขึ้นว่า “ไปไหนแล้วกูต้องบอกมึงด้วยหรือไง”
ลูกน้องตัวแสบวิ่งหลบไปยังอีกทาง แล้วตอนนั้นเองที่เขาได้นั่งทบทวนตัวเองเงียบ ๆ นี่เขาดูอารมณ์ดีจริงหรือ ก็แค่ไปส่งผู้หญิงคนนั้นที่มหาวิทยาลัยของเจ้าหล่อน รอแค่ไม่สี่ห้าชั่วโมงแค่นั้นเอง แล้วก็พากลับมาที่ไร่ เขาต้องอารมณ์ดีไปทำไมกัน
“มีอะไรด่วนหรืออาโย”
พสุธาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าทางนั้นมานั่งรอเขาที่ในห้อง
“คุณพุธดูสนิทสนมกับเด็กที่มาใหม่มากไปนะครับ” นเรนทร์ตักเตือนแฝงแววกดดัน ข่มขู่ในน้ำเสียงอย่างไม่คิดปิดบัง “หากคุณท่านรู้เข้า อาว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ”
พสุธาหันไปถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“มาเพื่อจะขู่ผมนี่น่ะหรือ”
“คุณพุธก็ทราบนี่ครับว่าอาไม่นิยมขู่ใคร” นเรนทร์ตอบอย่างคนคิดว่าตนเองเหนือกว่า ก่อนจะขยับตัวลุกยืน บอกต่อไปว่า “อาจะขอลางานสามวันนะครับ มีธุระต้องจัดการที่บ้านนิดหน่อย”
นเรนทร์บอกจบไม่ต้องรอให้เจ้าของไร่อนุญาต เพราะตนไม่ได้ขึ้นตรงกับที่นี่ มาเพียงเพื่อบอกกล่าวเท่านั้น แล้วก็ค่อยพาตัวเองออกจากห้องทำงานของพสุธาไป
พสุธามองตามจนอีกฝ่ายคล้อยหลังไปก็ค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาศักดิ์เพื่อสั่งงานกับทางนั้น ไม่นานก็กดวางสาย
นเรนทร์กลับไปเอาของที่ห้องพักแล้วก็ค่อยเคลื่อนรถยนต์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง หากไม่มีเรื่องร้อนใจตนไม่ลางานแบบนี้เป็นอันขาด
อพาร์ตเมนต์ขนาดไม่ใหญ่มากคือจุดหมายของนเรนทร์ ถึงแล้ว เปิดประตูลงจากรถไป ตรงไปยังลิฟต์ถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย ก็ตรงไปทาบการ์ดผลักประตูเข้าห้องไปในทันที
“พี่โย” เสียงทุ้มของคนในห้องดังขึ้น
นเรนทร์มองไปทางนั้นก็วางข้าวของ ก่อนจะเอาหน้าผากตนเองแนบกับหน้าผากของทางนั้นพร้อมเอ่ยถาม “ไม่สบายเป็นอะไร ไหนให้พี่ดูซิ”
เด็กหนุ่มผละออกจากนเรนทร์ ก่อนจับมือของนเรนทร์ไปกุมยังส่วนที่อยู่กลางกายพร้อมส่งเสียงอ้อนไปว่า
“ผมปวดหัว”
“ปวดหัวก็ไปหาหมอ แล้วอย่าทำตัวงอแงแบบนี้อีก รู้ไหมว่าพี่ไม่สบายใจเลยที่หนุ่ยตัดสายพี่ไปน่ะ”
“หนุ่ยคิดถึงพี่โยนี่ครับ”
เด็กหนุ่มอ้อน ก่อนจะก้มลงจูบนเรนทร์อย่างแสนคิดถึง ชายร่างสูงใหญ่ทัดเทียมกันกกกอดพลอดรักที่ในห้องก่อนจะพากันออกไปที่ด้านนอกหลังจากนั้น
นเรนทร์พบกับคู่รักวัยเด็กที่แอปพลิเคชันหาคู่
เพียงแรกพบก็ตกหลุมรักอีกฝ่ายในทันที ร่างล่ำ สูง กล้ามสวยเป็นมัดนั่นรัดหัวใจของชายเปลี่ยวรุ่นใหญ่ได้อยู่หมัด แต่เรื่องแบบนี้จะต้องไม่มีคนรู้ เพราะมันจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย
แต่แล้วภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของนเรนทร์ก็ถูกบันทึกเอาไว้แทบทั้งหมด ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังคนสั่งการในเวลาต่อมา