ตอนที่ 3

1685 Words
คนถูกถามรีบกุมมือเพื่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ดา ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าแกจะไปด้วย” “อะไรนะ!”ดาริการ้องลั่น จนลูกค้าในร้านหันมองเป็นตาเดียว นัทพลแตะแขนน้องสาวยกนิ้วชู้แตะริมฝีปากตนเองเพื่อเตือนไม่ให้ส่งเสียง ดาริกาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแผ่วเบา “แกกำลังคิดอะไรอะนิล แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน ที่นั้นมีดีตรงไหนมีแต่ทราย” “สวยจะตายดา ไปด้วยกันเถอะนะ” “โนเวย์ ไม่มีทางฉันไม่ไปเด็ดขาด มีแต่ดินแต่ทรายแถมเพิ่งเปิดประเทศจะมีพวกโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”คนพูดเบ้ปาก ลูบแขนตนเองขนลุกเกรียว “จะบ้าเหรอไงยัยดา ประเทศนั้นเขาเจริญแล้วนะ แกนี่เอาข่าวมาจากไหน” “ก็ฉันเห็นข่าวในหนังสืออะ เห็นว่ายังมีพวกโจรปล้นสะดมอยู่เลย” นัทพลคันปาก นี่อาจเป็นโอกาสทำให้ตนเองทำความรู้จักกับเพื่อนน้องสาวก็เป็นได้ “ทำไมดาไม่ไปล่ะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”นัทพลยื่นข้อเสนอ นิลลนาหันมองพี่ชายเพื่อน รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร และเธอไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น หากต้องเดินทางด้วยกันขอปลีกไปคนเดียวดีกว่า เธอไม่คิดชอบพอกับเขาเลย “พี่นัทจะไปเหรอ?”ดาริกาถามพี่ชาย “ใช่ ก็จะได้ไปเป็นเพื่อนนิลไง” “แน่ใจแล้วเหรอคะพี่นัท งานพี่เยอะไม่ใช่หรือไงจะลาได้เหรอ” ฟังบทสนทนาแล้ว นิลลนาอึดอัดหากไม่ไปแค่แสดงละครก็ได้ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เห็นว่าเพื่อนสาวยังว่างไม่ได้หางานทำเลยชวน แต่ดูท่าจะเหลว “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนนิลหรอก” นิลลนารีบบอก “เอาแบบนี้แกแกล้งทำเป็นว่าไปกับฉันหน่อยได้ไหมยัยดา” “อะไรนะ แกจะบ้าเหรอนิล จะให้หลอกพ่อแม่แกด้วยเหรอ!” มือสองข้างยกพนมเพื่อขอร้อง ดาริกาเมินมองทางอื่นเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ตำหนิ หากร่วมมือแล้วพ่อแม่เพื่อนรู้ความจริงมีหวังโดนถล่มจนเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่ “ช่วยฉันหน่อยนะดา ฉันอยากไปจริงๆ พ่ออนุญาตแล้วด้วยขอแค่มีแกไปเป็นเพื่อนเท่านั้น” “แกอย่ามาโยนขี้ให้ฉันสินิล ถ้าพ่อแม่แกรู้ว่าฉันโกหกมีหวังโดนยำเละแน่” “ถ้างั้นแกก็ไปกับฉันสิ”นิลลนายื่นข้อเสนออีกครั้ง “ไม่เอาหรอก มันร้อนแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน” “ร้อนตรงไหน กลางคืนออกจะหนาว อีกอย่างเราพักกันที่โรงแรมในตัวเมืองนะไม่ได้นอนกลางดินกินกลางทรายเสียหน่อย” “เดี๋ยวพอถึงเวลาแกก็พาฉันตะลอนๆ เที่ยวนอนกลางทะเลทรายอีกน่ะสิ ตอนเข้าค่ายอาสาก็ทีหนึ่งแล้วหลอกฉันได้ว่ามีห้องพักอย่างดี ที่ไหนได้กางเต็นท์นอน ยุ่งก็กัด แถมแมลงเต็มไปหมด อากาศก็ร้อนอีกจนฉันแทบจะกลับบ้านเสียตอนนั้นเลย!” คนถูกคอนแคะหน้าเจือน ก็ตอนนั้นคนไม่มีเลยต้องลากเพื่อนไปด้วย ถ้าไม่ครบทางมหาวิทยาลัยไม่ให้ออกค่าย ความจริงก็รู้อยู่ว่าผิด แต่เรื่องตอนนี้มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย “ไปเป็นเพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอดา...”เธอเริ่มส่งเสียงออดอ้อน “ไม่ไปหรอก ฉันกำลังจะสมัครงานแล้วนิล แกก็ควรทำเหมือนกันนะ” นิลลนาหน้างอมองเพื่อนแววตาตัดพ้อ “แค่ช่วยก็ไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้!” “ก็ได้ จำไว้เลยดา”นิลลนาลุกยืนสะพายกระเป๋าสาวเท้าหนีไป นัทพลมองตามสีหน้าตื่นตระหนกแล้วหันมาทางน้องสาวส่ายหน้าด้วยความงุนงง ตกลงมันยังไงกันแน่ แต่เห็นน้องนั่งเม้มริมฝีปากท่าทางคิดหนัก “ดาจะเอายังไง นิลโกรธแล้วนะ” “รู้แล้วน่าพี่ ขอคิดก่อน”ดาริกาตอบเสียงห้วน สุดท้ายอดรนทนไม่ได้ดาริการีบวิ่งออกนอกร้านติดตามจนกระทั่งจับข้อมือเพื่อนไว้ แล้วระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน “ก็ได้นิล ฉันจะช่วยแก” นิลลนาตาโตรีบโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความยินดี ในที่สุดสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานกำลังจะเป็นจริงแล้ว “ขอบใจมากนะดา”   สนามบินสุวรรณภูมิ ร่างบางก้าวยาวนำบิดามารดามาถึงด้านในสนามบินพร้อมกระเป๋าใบใหญ่สองใบ ลุงแช่มคนขับเป็นผู้ดูแลอำนวยความสะดวกในการเข็นสัมภาระตามเจ้านายทั้งสามมา เสียงฝีเท้าดังแว่วนิลลนาหันมองเห็นเพื่อนกำลังเดินมาพร้อมพี่ชายที่เข็นกระเป๋าใบใหญ่มา ดาริกายกมือไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วแสร้งยิ้ม หันมองพี่ชายแล้วส่งสายตาให้ นัทพลรีบกระพุ่มไหว้เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่สองคนรับไหว้แล้วหันมาทางบุตรสาว “เครื่องใกล้ออกแล้วเดินทางดีๆ นะลูก”วิชยุทธบอก “ค่ะพ่อ” “ยังไงพ่อฝากดูแลนิลด้วยนะดา ไปกันสองคนต้องช่วยดูแลกันและกัน” “ค่ะพ่อ ดาจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ”ดาริการับปากแม้ในใจจะรู้สึกผิดมากก็ตาม “แล้วพี่ชายของดาไม่ไปด้วยเหรอจ๊ะ”นิราพรชำเลืองมองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางภูมิฐาน ดูเหมาะสมกับลูกสาวพอควร “ไม่ไปค่ะ พี่ชายติดงานค่ะคุณแม่”  “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ” ดาริกายืนข้างเพื่อนแล้วกระซิบกระซาบ ใจเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก ตนเองทำผิดมหันต์พอเห็นหน้าพ่อและแม่เพื่อนจิตสำนึกมันด้านดีดันทำงาน รู้สึกคันปากอยากบอกความจริง แต่ทว่ามือของนิลลนากลับสะกิดขมวดคิ้วยุ่งเพื่อห้าม “อย่าเชียวนะยัยดา ฉันไม่ยอมด้วย!” “แกไม่เห็นเหรอพ่อแม่แกเป็นห่วงแค่ไหน” “เถอะน่าเดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว แกก็เที่ยวที่แคลิฟอร์เนียให้สนุกไปสิ นัดกับหนุ่มที่นั้นไว้ไม่ใช่เหรอ” “เออ ก็ได้ๆ” สองร่างเดินทางเข้าช่องทางผู้โดยสารขึ้นสู่ตัวเครื่อง นิลลนาทอดสายตามองปุ๋ยเมฆแล้วยิ้มสดใส อีกไม่นานคงได้พบกันแล้วเมืองแห่งทะเลทรายไฮดริก ที่นั้นคงมีเรื่องสนุกๆ รอเธออยู่อีกมาก เครื่องบินลงจอด ณ ลอสแอนเจลิสสนามบินนานาชาติ สองสาวสายเลือดชาวไทยออกจากช่องผู้โดยสาร  นิลลนาหยุดยืนรอกระเป๋าเดินทางพร้อมเพื่อน ราวยี่สิบนาทีสัมภาระถูกลำเลียงออกมา “ฉันต้องเดินทางต่อนะดา แล้วแฟนแกจะมารับหรือยังล่ะ”นิลลนาถามเพื่อน แล้วกวาดตามองหาหนุ่มตาน้ำข้าวที่ดาริกานัด “มาแล้วแหละ ว่าแต่แกไปคนเดียวได้แน่นะ แล้วรู้เหรอว่าขึ้นรถตรงไหน” มือบางยกโบก เธอศึกษามาดีพอไม่มาหลงทางอยู่ที่นี่หรอก “ไม่ต้องห่วงหรอกยัยดา ฉันศึกษามาแล้ว แถมเมืองไฮดริกยังใช้ภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ นอกจากชนพื้นเมืองที่ยังคงภาษาท้องถิ่น ฉันไม่ได้ออกไปไหนไกลหรอกแก อยู่ในตัวเมืองแล้วก็เดินทางกับทัวร์ของเมืองเท่านั้นแหละ” ดาริกายังคงกังวล เกรงเพื่อนจะเกิดอันตรายแต่ดูท่าทางนิลลนาไม่ได้รู้สึกหวั่นใจอะไรเลย “ถ้างั้นฉันไปส่งแกก่อนแล้วกันนิล ยังไงก็เป็นห่วง” “ไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวแฟนแกมาไม่ใช่เหรอ” ครู่หนึ่งนิลลนาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมชายรูปร่างสูงใหญ่โบกมือยิ้มระรื่น ชายคนนั้นมีดวงตาสีฟ้า ผิวขาวจัด ผมสีทอง สวมเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ท่าทางดูสุภาพ เขาเดินตรงมายังเธอและเพื่อน นิลลนาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีเพราะเคยดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อนมาก่อน โดยปกติดาริกามีคนพูดคุยต่างเพศมากมาย ในมหาวิทยาลัยยังเคยรถไฟชนกันจนเกิดเรื่องวุ่นวายหลายครั้ง แต่เพราะเธอจะคอยไกล่เกลี่ยตลอด มองดูแล้วคงไม่ต้องกังวลอะไรเพราะรถที่มารับเพื่อนค่อนข้างหรูทีเดียว อีกอย่างสองคนนี้คบหากันมาหลายปีแล้วเคยเดินทางมาหากันไม่น้อยกว่าห้าครั้ง “ไฮอิริค”ดาริกาเอ่ยทัก เจ้าของร่างสูงโปร่งจุมพิตแก้มสองข้างเพื่อทักทายก่อนหันไปทางหญิงสาวอีกคน “เพื่อนยูหรือลิลลี่” “ใช่แล้วจ้ะ” อิริคโน้มกายเข้าหาเพื่อทักทาย แต่ร่างบางถอยห่างยกมือปราบ ขนบธรรมเนียมของเขากับเราไม่เหมือนกัน ไม่ได้สนิทชิดเชื้อถึงขนาดโอบกอดจุมพิตกันได้ “โนๆ”นิลลนายกมือจับแทน หนุ่มตาน้ำข้าวมองด้วยความมึนงงแล้วยกมือจับตามความต้องการของอีกฝ่าย “โทษทีนะอิริค เพื่อนไอเป็นสาวหัวโบราณ”ดาริกาแซว “ไม่เป็นไรหรอก”ชายหนุ่มตอบ “เพื่อนลิลลี่ไม่ไปกับเราใช่ไหม” “ใช่จ้ะ” “คุณอยากเดินทางไปประเทศซากวัยใช่ไหม ผมให้คนพาไปส่งที่เมืองไฮดริกเอาไหม” คนถูกถามหูผึ่งหันมาให้ความสนใจทันที “แน่ใจเหรอคะ” “ครับ ผมเตรียมรถมาให้แล้วด้วย พอดีลิลลี่บอกผมผมเลยเตรียมการมาพร้อม” เธอหันมองเพื่อนแววตาทอประกาย แล้วโผเข้ากอดด้วยความซึ้งใจ “ขอบใจแกมากนะ” “ไม่เป็นไรเดินทางดีๆ ล่ะยัยนิล” รถจิ๊บคันใหญ่ถูกจอดเทียบคนขับลงมาขนสัมภาระขึ้นรถ นิลลนาโบกมือลาเพื่อนสาวและแฟนหนุ่มแล้วเปิดประตูขึ้นรถ มันเคลื่อนออกจากสนามบินมุ่งหน้าไปยังประเทศซากวัย แหล่งอารยธรรมอันงดงาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD