ตอนที่ 2

1901 Words
จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พักของตนเอง นิลลนายกมือกระพุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อนหาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน “กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพรเอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อนเข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ามีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวางอย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวาเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหกห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่างประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้วยกยิ้ม “พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย” “ไปสิลูก” คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ” “ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรอีกมาก” ฟังคำแม่แล้วทำเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อคงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซากวัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมืองไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หากคู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้ว และที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีอำพัน คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากันว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่างมอบใจให้ แต่สำหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระองค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวในชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร   เกือบเก้าโมงเช้าคนขี้เซาขยับลุกจากเตียงกว้างอ้าปากหาวบิดกายขับไล่ความเมื่อย เอี้ยวตัวหันมองนาฬิกาหัวเตียง มือบางยกปิดปากสีหน้าตกใจไม่คิดว่าตนเองจะหลับยาวถึงขนาดนี้ สะบัดผ้าห่มรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว คนตัวเล็กวิ่งลงบันไดจนถึงห้องอาหาร มารดามองมาสีหน้าตำหนิเพราะเห็นบุตรสาวกระโตกกระตากไม่เรียบร้อย “ตื่นแล้วเหรอนิล แล้วทำไมไม่เดินลงมาดีๆ วิ่งทำไม โตแล้วนะลูก”คนเป็นแม่สอนทันที “ขอโทษค่ะแม่ พอดีนิลรีบคิดว่าพ่อกับแม่รอ”เธอยิ้มเก้อแล้วเลื่อนเก้าอี้ไม้สักมานั่งเคียงบิดา คนเป็นพ่อหันมองบุตรสาวแล้วยิ้ม “ทานข้าวก่อนสิลูก พ่อจะได้คุยกับนิลเรื่องอนาคตด้วย” นิลลนาหน้าเหี่ยวลงทันใด อนาคตอีกแล้วเหรอ ถ้าหากมีน้องสักคน หรือพี่ก็คงดีไม่น้อย พ่อแม่จะได้ไม่พากันคาดหวังในตัวเธอขนาดนี้ ข้าวต้มทะเลถูกตัดใส่จาน คนจิตตกตักใส่ปากอย่างฝืดคอ ครุ่นคิดจนลูกตากรอกไปมาเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาทำให้บิดามารดายินยอม ควรทำอย่างไรดี พ่อเป็นคนมีเหตุผลแต่แม่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ แต่ถ้าพ่อยินยอมแม่จะไม่กล้าขัด ริมฝีปากบางเม้มสนิทคิ้วขมวดย่นจนวิชยุทธสังเกตเห็น “เป็นอะไรเหรอลูก ดูขมวดคิ้วเสียยุ่งเชียว” เมื่อเห็นพ่อเปิดทาง คนตัวเล็กวางช้อนตีหน้าเศร้าซึม เอี้ยวกายโอบกอดบิดาไว้ “พ่อคะ นิลเรียนมาตลอดชีวิตแล้วนะคะ ตอนนี้นิลอยากพัก ขอเวลาสักสองเดือนแล้วนิลค่อยหางานทำได้ไหมคะ”เธออ้อนบิดาเสียงหวาน คนเป็นแม่มองลูกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จะพักอะไรตั้งสองเดือนกันนิล มันนานเกินไป อาทิตย์สองอาทิตย์ก็พอแล้ว ถ้าไม่หางานทำเดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาว่าเราน่ะ เกาะพ่อแม่กินรู้ไหม”คนเป็นแม่รีบสกัดเสียก่อน ไม่อยากให้ลูกเสียเวลาโดยใช้เหตุ ลูกคนอื่นจบมาต่างทำงานกันทั้งนั้น แถมหน้าที่การงานค่อนข้างดีเสียด้วย ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้า “จะเป็นไรไปคุณ ให้ลูกพักบ้างเถอะ เรียนจบเกียรตินิยมมานับว่าดีแล้ว”เขายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ “จริงเหรอคะพ่อ!” “จริงสิ นิลอยากพักก็พักเถอะพ่อไม่ว่า” เธอหยัดกายออกจากอ้อมแขนบิดาแววตาทอประกาย “ถ้าอย่างนั้นนิลอยากขออีกเรื่องได้ไหมคะพ่อ” “เรื่องอะไรเหรอลูก?”เขามองบุตรสาวสีหน้าสงสัยเต็มที่ ปกติลูกคนนี้ไม่ค่อยขออะไร เป็นเรื่องการเรียนเสียส่วนมาก นิลลนาเม้มริมฝีปากมองแม่เห็นส่งสายตามาราวกับต้องการจับผิด จึงหันมาสบตาบิดาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความกล้า ก่อนผ่อนออกมาเพื่อคลายอารมณ์ “พ่อคะ นิลอยากไปเที่ยวที่ประเทศซากวัยค่ะ”เธอโพลงออกมาในที่สุด “ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม!”นิราพรสวนกลับทันควัน “พ่อคะ นิลเรียนจบแล้ว นิลแค่อยากพักผ่อน ต้องการอิสระสักครั้ง นะคะพ่อนิลสัญญาว่านิลจะกลับมาทำงานตามที่พ่อกับแม่ต้องการ”เธอพยายามอ้อนวอน คนเป็นพ่อนิ่งเงียบครุ่นคิดสีหน้าค่อนข้างหนักใจ “ทำไมลูกถึงอยากไปที่นั้นล่ะนิล ประเทศอื่นมีเยอะแยะ” “เพราะที่นั้นสวยมากค่ะ แถมนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไหร่ มันเหมือนเราได้ไปเปิดหูเปิดตาประเทศเขาเป็นคนแรก”คนเป็นลูกตอบพร้อมรอยยิ้มระบายในหน้า “นิลจะไปกับใครเหรอ” นิลลนาชะงักความจริงอยากท่องเที่ยวคนเดียว ยัยเพื่อนตัวดีอย่างดาริกาไม่ชอบแพ็คกระเป๋า ติดหรูเสียอย่างนั้นคงไม่ยอมไปตกระกำลำบากมองผืนทรายใต้แสงดาวกับเธอแน่ แล้วควรทำยังไงดี “นิลว่าจะไปกับดาค่ะพ่อ”นิลลนาโกหกคำโต วิชยุทธคิดอีกครั้ง ด้านภรรยาเองรอคำตอบใจจดใจจ่อ เธอไม่อยากให้ลูกไปไหนไกลใจมันอดห่วงไม่ได้ “ก็ได้ลูก พ่ออนุญาต แต่พ่อให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นนะ” “ขอบคุณมากค่ะพ่อ”หญิงสาวบอกแล้วโอบกอดบิดาอีกครั้ง “จะดีเหรอคะคุณ”นิราพรขัดขึ้น “ปล่อยๆ ลูกไปบ้างเถอะคุณ อย่ากดดันมากเลย ปล่อยให้แกได้รับอิสระบ้าง” นิราพรจำต้องเงียบ เธอคงต้องยอมตามความต้องการของสามี กลับมาจากท่องเที่ยวเมื่อไหร่เห็นทีต้องจัดระเบียบลูกใหม่เสียแล้ว หลังจากพูดคุยกับบิดาเสร็จคนตัวเล็กรีบขึ้นห้องเพื่อติดต่อเพื่อนสาวทันที หากดาริกาไม่ยอมเดินทางไปด้วยเห็นทีต้องทำให้ยอมร่วมมือ “ว่าไงยัยนิล”ดาริกากรอกเสียงตามสาย “ดา ฉันอยากเจอแกอะ” “มีอะไรอีกล่ะทำเสียงแบบนี้”คนฟังเริ่มสงสัย “มีนิดหน่อย แกออกมาเจอฉันหน่อยนะ พรุ่งนี้ได้ไหมร้านกาแฟเจ้าเดิม” ดาริกาฉุดคิดบางอย่างทุกวันนี้ตนเองแทบจะบ้าตายเพราะพี่ชาย เอาแต่พร่ำพรรณนาต้องการเจอหน้าเพื่อน รบเร้าทุกวันเล่นเอาเธอเหนื่อย ไม่กล้าติดต่อนิลลนาเพราะเกรงเพื่อนจะโกรธ แต่คราวนี้ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะพอดิบพอดี “ฉันออกไปหาแกก็ได้นิล แต่ว่าฉันต้องเอาพี่นัทไปด้วยนะเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปสมัครงานที่บริษัทพี่เขาอะ” ปลายสายชะงัก พี่ชายเพื่อนงั้นเหรอ คราวที่แล้วยังจดจำสายตาคู่นั้นได้ดี มันบ่งบอกถึงความนัยบางอย่าง แต่หากไม่ไปก็คงพลาดเรื่องการเดินทาง เป็นไงเป็นกันเธอคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก ก็แค่สายตาของคนอื่นมองมาเหมือนเคยๆ “ก็ได้ๆ แล้วเจอกันนะดา”นิลลนายอมรับคำขอเพื่อน ก่อนตัดสายลง หญิงสาวหยิบกระเป๋าสีครีมขึ้นสะพายบนไหล่แล้วลงจากชั้นบน ผู้ให้กำเนิดสองคนมองตาม นิลลนารีบสาวเท้าเข้ามาหา “พ่อคะแม่คะ เดี๋ยวนิลออกไปหาดาก่อนนะคะ” “ไปเถอะลูก”วิชยุทธอนุญาต “แล้วขับรถดีๆ นะนิล” “ค่ะพ่อ” ร่างบางรีบก้าวยาวไปยังรถบีเอ็มของขวัญสมัยเรียนที่พ่อซื้อให้ เธอเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับแล้วเคลื่อนมันออกจากรั้วบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงถึงหน้าร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ด้านหน้าเป็นระเบียงไม้ค่อนข้างร่มรื่นเพราะมีไม้ใหญ่ขึ้นให้ร่มเงา เดินผ่านเข้ามาประตูร้านป็นกระจกรวมถึงหน้าต่าง ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ เพื่อหาเพื่อนเห็นโบกมือทักทาย นิลลยายิ้มกว้างเดินตรงไปหาทันที พอจวนถึงเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ชายเพื่อนอีกคน “สวัสดีค่ะ”เธอยกมือกระพุ่มไหว้นัทพล “สวัสดีครับ”นัทพลระบายยิ้มจ้องมองใบหน้าของเพื่อนน้องไม่วางตา “นั่งเลยยัยนิล นัดมามีอะไร” เธอนั่งตามคำเชิญเพื่อน รับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่มผู้ร่วมวงมองมาบ่อยๆ “ดา ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”นิลลนาเริ่มเข้าเรื่อง “เรื่องอะไรเหรอ”ดาริกาแสดงสีหน้าอยากรู้ ร่วมถึงพี่ชายอีกคน นิลลนาลังเลเล็กน้อย แต่เธอจำต้องให้เพื่อนช่วยจริงๆ “คือ... แกจำได้ไหมว่าก่อนจบฉันเคยบอกแล้วว่าอยากทำอะไร” คนฟังพยักหน้า อดรำคาญไม่ได้ที่คนพูดไม่ยอมบอกให้หมดเสียที “แกมีอะไรก็เล่ามาเลยยัยนิล!”ดาริกาเร่ง “ฉันอยากไปเที่ยวประเทศซากวัย!” ดาริกาหยัดตัวตรงแล้วระบายลมหายใจ ในคำพูดอยากไปเที่ยวแล้วตามตัวมาเช่นนี้ แสดงว่าเพื่อนตัวแสบคงหาข้ออ้างอะไรเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน “แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอนิล”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD