4

1283 Words
สามชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่เจรจาตกลงกันเสร็จ ไดอิจิก็เอ่ยขอตัวกลับไปอย่างมึนๆ งงๆ ดูเหมือนว่าทุกคนจะเชื่อว่านี่คือแมตช์การชกเพื่อการกุศลจริงๆ และเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกอินเมื่อเห็นคลิปของเด็กๆ บนดอย ที่น่ารักน่าเอ็นดู มีชีวิตที่แตกต่างจากเด็กเมืองกรุงอย่างเห็นได้ชัด จึงไม่แปลกใจที่ คุณกังศมา ยายของหิรัญจะระดมทุน และชักชวนคนในแวดวงชั้นสูงไปร่วมทำบุญและแจกทุนการศึกษาอยู่ทุกปี ดั่งคำกล่าว...ค่าอาหารบางมื้อของคุณ อาจจะเป็นค่าเทอมของเด็กคนหนึ่ง ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและครอบครัวให้ดีขึ้นมาได้ ดังนั้น...อย่าได้ลังเลที่จะมอบโอกาสดีๆ หรือต่อยอดอนาคตให้กับเด็กๆ เหล่านั้น ใช่! ประโยคนี้มันก้องอยู่ในหูของเขามาตลอดทางที่นั่งรถกลับมาบ้าน คลิปวีดิโอที่ถ่ายทอดให้เห็นอีกด้านหนึ่งของสังคมที่ถูกละเลย มันจุกแน่นอยู่ในอก และมันทำให้เขาตระหนักถึงโอกาสที่ตัวเองสามารถหยิบยื่นให้กับเด็กๆ เหล่านั้น “ผมว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ เวทีใหญ่ การชกจะได้ขาวสะอาด” คมสันออกความเห็น ขณะเดินตามผู้เป็นนายเข้าไปข้างในบ้าน “อืม! หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เราก็ต้องมีแผนสำรองเผื่อเอาไว้” ไดอิจิ บอกหลังจากที่นอนคิดทบทวนมาแล้วทั้งคืน “ยังไงครับ?” คมสันเลิกคิ้วถามทันใด “ก็...” ไดอิจิบอกแผนสำรองนอกรอบ เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็เสียทั้งหุ้นในบริษัทและน้องสาวสุดที่รักไปไม่ได้ เช้าวันต่อมา...เมื่อวานหลังจากประชุมโปรโมตการชกเพื่อการกุศลร่วมกับไดอิจิเสร็จ หิรัญก็ต้องเป็นกรรมการห้ามศึกระหว่างขุนพันกับแม่ทัพ ที่โตจนหมา เอ๊ย! สุนัข เลียตูดไม่ถึง แต่ยังคงแกล้งกันไปมาเหมือนเด็กๆ “กาแฟครับบอส” ชาญชัยวางแก้วกาแฟร้อนลงบนโต๊ะให้กับผู้เป็นนายที่เพิ่งจะตื่นนอน “ขอบใจ เมื่อคืนสองคนนั่นกลับยังไง?” หิรัญหยิบแก้วกาแฟร้อนขึ้นมาเป่า และจิบเบาๆ อย่างรู้สึกมึนๆ “คุณขุนไปส่งคุณทัพกลับเพนต์เฮาส์ครับ” ชาญชัยรายงาน “สองคนนี่ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายก็รักกันนะว่าไหม?” หิรัญออกความเห็น “อืม...อาจจะเป็นเพราะมิตรภาพที่ยาวนานและเหนียวแน่นมั้งครับ” ชาญชัยเอ่ยชมพลางนึกไปถึงตอนที่ขุนพันหิ้วปีกแม่ทัพไปขึ้นรถ ก็ทำให้อดอมยิ้มออกมาไม่ได้ “คงใช่ ว่าแต่...ยูกิของฉันเป็นยังไงบ้าง จะกลับมาวันไหน?” หิรัญถามถึงนางฟ้าคนสวยด้วยสายตาเป็นประกาย หลังจากส่งคนไปแอบดูและตามถ่ายภาพของเธอมาเป็นระยะๆ เขาก็แทบจะอดใจรอที่จะได้พบตัวจริงไม่ไหว “อาทิตย์หน้าครับ” ชาญชัยบอกกำหนดการที่ให้ลูกน้องไปตามสืบมา “แกว่าฉันดูเป็นยังไงบ้าง?” หิรัญถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวาให้ลูกน้องคนสนิทประเมินความหล่อของตน “ผมว่าถ้าบอสตัดผมทรงใหม่ จะหล่อเว่อร์ แถมจะดูเด็กลงอีกหลายปีครับ” ชาญชัยบอกตามตรง แม้ว่าปกติแล้วเจ้านายของตนจะหล่อเหลาบาดจิตบาดใจสาวๆ อยู่แล้ว แต่หากจะจีบสาวแรกรุ่น ก็ควรต้องปรับลุคใหม่ “จริงเหรอ?” “จริงครับ” “โอเค งั้นแกโทรไปจองคิวที่ร้านตัดผมเลย ฉันจะไปในอีกสองชั่วโมง” หิรัญบอกก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปอย่างอารมณ์ดี “ครับบอส” ชาญชัยขานรับก่อนจะโทร. ไปจองคิวให้กับผู้เป็นนาย หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากที่ไดอิจิเอาแต่ฟิตร่างกายอย่างหนักตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา และแล้ววันสำคัญที่เฝ้ารอคอยก็มาถึง “พระเจ้า! น้องสาวพี่สวยจัง” ไดอิจิอุทานด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับอ้าแขนรอรับน้องสาวสุดที่รัก ซึ่งเดินมากับไอโกะ บุตรสาวคนสนิทของบิดากับมารดา ซึ่งเสียชีวิตไปในการลอบสังหารครั้งนั้น (อายุกับอาซามิ) “สวัสดีค่ะพี่ชิโร่” อาซามิยกมือไหว้พี่ชายก่อนจะเข้าไปกอดอย่างดีใจ เพราะไม่ได้เจอกันมานาน แม้จะวิดีโอคอลคุยกันบ่อยๆ ก็ตาม แต่มันก็ไม่เหมือนได้กอดกันแบบนี้ “สวัสดีครับ เดินทางเหนื่อยไหม?” ไดอิจิกอดตอบพร้อมกับโยกตัวน้องสาวที่สวยสะพรั่งเต็มตัวไปมาเบาๆ อย่างคิดถึง “นิดหน่อยค่ะ” อาซามิตอบก่อนจะค่อยๆ ดันตัวออกอย่างรู้สึกเขินนิดๆ ที่เห็นใครๆ ต่างพากันจ้องมองมายังเธอกับพี่ชาย “สวัสดีค่ะคุณชิโร่” ไอโกะยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม “สวัสดี” ไดอิจิรับไหว้ด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะหันไปชวนน้องสาว “เรากลับกันเถอะ พี่ให้ป้าออมทำเมนูโปรดรอเราเพียบเลย” “จริงเหรอคะ” อาซามิถามอย่างดีใจ เพราะอยากจะกินฝีมือของแม่ครัวที่บ้านมานาน “จริงสิ” ไดอิจิพยักหน้ารับก่อนจะควงแขนของน้องสาวให้ออกเดินไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อาซามิรีบหันไปพยักหน้าให้เพื่อนรักออกเดินไปด้วย “มาเร็วไอโกะ” “อืม” คนถูกเรียกขานรับ ก่อนจะรีบออกเดินตามไปติดๆ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเหล่าบอดี้การ์ด 5-6 คน ด้านคนที่ยืนอยู่บนชั้นสาม ละสายตาจากกล้องส่องทางไกล แล้วถึงกับฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างอารมณ์ดี ที่เห็นนางฟ้าคนสวยเดินทางกลับถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ “ให้ตายสิ! สวยขึ้นเป็นกองเลย” หิรัญเอ่ยพลางยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดูอีกครั้ง แม้ว่าจะเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเธอ เขาก็ยังอยากจะมองอยู่ดี “เอ่อ...ผมว่าเราไปกันเถอะครับบอส คนหันมามองกันเต็มเลย” ชาญชัยเอ่ยชวน เมื่อเห็นสาวๆ เริ่มหันมามองอย่างสนใจและบางคนก็ล้วงมือถือมาถ่ายรูปไปบ้างแล้ว แม้ว่าเจ้านายของตนจะไม่ใช่ดาราหรือนายแบบดัง แต่ก็รวยและหล่อกว่าพระเอกเบอร์ต้นๆ ของประเทศ “โอเคๆ ไปโรงยิมกัน” หิรัญบอกก่อนจะออกเดินนำไปอย่างอารมณ์ดี “ครับ” ชาญชัยเดินตามไปพร้อมกับลอบถอนหายใจอย่างรู้สึกเพลียๆ ไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างผู้เป็นนายกับไดอิจิจะไปลงเอยกันที่ตรงไหน รู้เพียงแค่ว่า...ตอนนี้โลกทั้งใบของผู้เป็นนายมันได้กลายเป็นสีชมพูไปแล้ว ชั่วโมงต่อมา...คฤหาสน์บรรจงวิเศษ “สวัสดีค่ะคุณหนูของนม” อ่อน แม่บ้านหญิงวัยเจ็ดสิบปีที่ดูแลคนในตระกูลบรรจงวิเศษมานาน น้ำตาคลอเมื่อเห็นบุตรสาวของผู้เป็นนายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ก้าวออกมาจากรถ “สวัสดีค่ะ คิดถึงนมจังเลย” อาซามิยกมือไหว้และเข้าไปกอดอย่างดีใจ อ่อนกอดตอบครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ดันตัวของเด็กสาวออก แล้วจ้องมองใบหน้างามอย่างพินิจ “โห...ไม่เจอหน้ากันแค่สองปี คุณยูกิโตเป็นสาวแล้ว นะคะเนี่ย” “สวัสดีค่ะนมอ่อน” คนที่ก้าวออกมาจากรถคนสุดท้ายรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่รักทันใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD