บันลือ พี่ชายของ คณิน เดินหน้าตึงเข้ามาข้างในบ้านอย่างโมโห หลังทราบว่าผู้ถือหุ้นในบริษัทพากันเทขายหุ้นให้กับ หิรัญ ซานเตียนโน่ คู่แข่งทางธุรกิจ ที่ฟาดฟันกันมาหลายปี
“เรื่องจริงเหรอ ที่ดีแลนกว้านซื้อหุ้นในบริษัทเราไปได้ถึง 40%”
“ครับ” ไดอิจิยกมือไหว้ก่อนจะพยักหน้ารับตามตรง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าแกไม่มีปัญญาจะบริหารหรือดูแลบริษัทนี้ได้” บันลือต่อว่าหลานชายอย่างเดือดจัด
“แล้วคุณลุงคิดว่า...หากตัวเองได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหาร จะมีปัญญาทำอะไรได้ดีกว่าผมเหรอครับ” คนที่โดนดูถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ตอกกลับอย่างทนไม่ไหว เพราะที่ผ่านมาตนทนเงียบมาตลอด คิดว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็คือพี่ชายของพ่อ แต่ช่วงหลังๆ ชักเริ่มจะพาดพิงไปถึงมารดาของตนอยู่บ่อยๆ แถมยังป้ายความผิดว่าการที่บิดาถูกลอบสังหารเมื่อห้าปีก่อน เป็นเพราะถูกคู่หมั้นของมารดาตามมาล้างแค้น เพราะหนีงานแต่งมาหลบซ่อนอยู่ที่ประเทศไทย
“แก! ไอ้...” บันลือเดือดจนเส้นเลือดในสมองแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังถูกสวนกลับอย่างไม่ไว้หน้า
“คุณลุงกลับบ้านไปรอรับเงินส่วนแบ่งประจำปีเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ไม่ต้องห่วง” ไดอิจิบอกพร้อมกับผายมือเชิญ
“ปากดีเหมือนแม่แกไม่มีผิด” บันลือจ้องมองด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง
“ผมว่า...ผมน่าจะเหมือนญาติทางฝั่งพ่อมากกว่าครับ เพราะคุณแม่ของผม ท่านถูกอบรมเรื่องกิริยามารยาทมาเป็นอย่างดี”
“ไอ้...ไอ้นอกคอก แกมัน...” บันลือทนไม่ไหวเตรียมจะเข้าไปสั่งสอนเด็กปากดี แต่กลับถูกอีกฝ่ายชี้นิ้วไล่ ทำเอาตนถึงกับช็อกจนพูดไม่ออก เพราะที่ผ่านมาหลานชายตัวดีไม่เคยมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้มาก่อน
“ส่งแขก” ไดอิจิเอ่ยปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า
“ครับบอส” คมสันรับคำสั่ง เตรียมจะเดินเข้าไปอัญเชิญ ชายวัย 68 ปี ที่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งโทสะ ซึ่งมาทีไร...ก็มักจะสำแดงฤทธิ์เดชอยู่เสมอ
“อย่ามายุ่ง! ไอ้หมารับใช้” บันลือหันไปตวาดใส่คนสนิทของหลานชายด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ขอบคุณครับที่คุณบันลือให้เกียรติผม” คมสันยิ้มยั่วก่อนจะก้มหัวลงนิดๆ อย่างน้อมรับที่ถูกเปรียบเทียบกับสุนัข
“#$&^$$#@#^%^@$!@^” บันลือสบถออกมาเป็นภาษาจีนยาวเยียด ก่อนจะเดินหน้าตึงออกไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้ภาษาจีนกลางหรือว่า...จีนกวางตุ้งวะ” ไดอิจิหันไปถามคนสนิทอย่างมึนๆ
“ผมฟังไม่ออกครับบอส” คมสันตอบก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างขำๆ กับท่าทีของบันลือเมื่อครู่
“หึ! ครั้งหน้าฉันจะด่ากลับเป็นภาษาญี่ปุ่น เอาให้จำทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้เลย” ไดอิจิกลอกตาอย่างเพลียๆ กับพี่ชายของบิดาที่ไม่เคยชื่นชมเวลาที่ตนประสบความสำเร็จ มีแต่จะคอยเหยียบซ้ำทุกครั้งที่เดินพลาด
ผิดกับญาติทางฝั่งของมารดา ที่แม้ว่าท่านจะถูกขับออกจากตระกูลซามูไรที่สูงส่ง เพราะเลือกจะใช้ชีวิตอยู่ในไทยกับบิดา
แต่กระนั้น...สายใยระหว่างครอบครัวก็ไม่เคยจะตัดขาด ทุกคนยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนมารดาที่ไทยอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งวันที่บิดากับมารดาถูกลอบสังหาร ก็ทำให้ความสัมพันธ์ที่กำลังจะกลับมาดี ต้องถดถอยไปยืนที่จุดเดิม เพราะตำรวจปักใจเชื่อว่าผู้เป็นตากับยายและอดีตคู่หมั้นของมารดา เป็นคนลงมือในเหตุการณ์ครั้งนี้
สองวันต่อมา...ค่ายมวย DDT
“ไอ้เชี่ยรัญมันนัดเรามาทำห่าอะไรที่นี่วะ?” ไดอิจิสบถอย่างหัวเสียหลังขับรถตามสัญญาณ GPS ที่ส่งมาให้ในไลน์เมื่อสิบนาทีก่อน ปรากฏว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายนัดเจรจาคือค่ายมวยของ แม่ทัพ อินธิรากรณ์
“นั่นสิครับ” คมสันบอกก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถตามผู้เป็นนายอย่างมึนงง
“เชิญคุณไดอิจิข้างในครับ” เคน โค้ชที่ดูแลนักมวยในค่ายรีบเดินเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มๆ
ไดอิจิกลอกตาก่อนจะเดินตามไปอย่างรู้สึกแปลกๆ และทันทีที่อีกฝ่ายผลักประตูเข้าไปข้างในโรงยิมขนาดใหญ่ ก็มีแสงแฟลชจากกล้องของนักข่าว กระหน่ำสาดมาที่ตนรัวๆ แชะ! แชะ! แชะ!
“คุณไดอิจิคะ จริงไหมที่คุณจะขึ้นชกกับคุณหิรัญ” นักข่าวสาวยิงคำถามนักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นทันที
“เอ่อ...ผม...” ไดอิจิ ถึงกับสตั๊นไปทันทีทันใดที่ถูกถาม นึกไม่ถึงว่าหิรัญจะกล้าเรียกนักข่าวมาทำข่าวเยอะแยะมากมายขนาดนี้
“จริงครับ เป็นแมชต์การกุศล รายได้ทั้งหมดจะนำไปเป็นค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนที่อยู่บนดอย” หิรัญเดินเข้ามาให้สัมภาษณ์ร่วมกับคู่ชก ที่ทำหน้าตื่นๆ จนดูตลกอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจใช่ไหมครับ” นักข่าวชายยิงคำถามต่อ
“ไม่ครับ จริงไหมเพื่อน” หิรัญตอบพลางหันไปฉีกยิ้มให้คู่ชก
“จริงครับ” ไดอิจิรีบปรับสีหน้าแล้วไหลตามน้ำอย่างเนียนๆ
“ขอถ่ายรูปคู่หน่อยค่ะ” นักข่าวสาวเตรียมเก็บภาพ
“ครับ” หิรัญและไดอิจิขานรับก่อนจะขยับเข้ามายืนใกล้ๆ กัน
“แกเรียกนักข่าวมาทำเชี่ยอะไร” ไดอิจิกระซิบถามก่อนจะฉีกยิ้มให้กล้อง
“อ้าว! จะชกกันทั้งที มันก็ต้องขึ้นเวทีที่ยิ่งใหญ่หน่อยสิเพื่อน” หิรัญกระซิบตอบอย่างขำๆ
“เชี่ย!” ไดอิจิสบถเบาๆ
“ยูกิล่ะ จะกลับมาเมื่อไหร่” หิรัญถามถึงนางในฝันอย่างเก็บทรงไม่อยู่
“อย่ามายุ่งกับน้องกู” ไดอิจิกัดฟันบอกเสียงเย็น
“ไม่ยุ่งได้ไง อีกหน่อยยูกิก็ต้องมาอยู่กับกูแล้ว” หิรัญบอกอย่างมั่นใจ ว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ
“ข้ามศพกูไปก่อน” ไดอิจิบอกพลางยกยิ้มเหยียดๆ ที่มุมปาก
“หึๆ จะข้ามศพมึงทำไม แค่ชกชนะมึงก็พอมั้ง” หิรัญตอบกลับอย่างกวนๆ
“เสี่ยกับคุณชิโร่ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ” นักข่าวสาวบอกหลังจากที่เพื่อนร่วมอาชีพทางฝั่งนั้น เก็บภาพกันไปได้พอสมควรแล้ว
“ครับ” สองหนุ่มขานรับก่อนจะพากันหันไปส่งยิ้ม
“สวัสดีครับเสี่ย สวัสดีครับคุณชิโร่” แม่ทัพ อินธิรากรณ์ เดินเข้ามายกมือไหว้ทั้งสองหนุ่มที่มีอายุมากกว่า จากนั้นก็เดินเข้ามาร่วมเฟรมถ่ายรูปหมู่ร่วมกับสปอนเซอร์รายใหญ่ ที่เดินทางมาประชุมด่วนเกี่ยวกับแมตช์ชกการกุศล ที่คาดว่าจะมีสาวๆ เข้าชมการถ่ายทอดสดมากที่สุดในรอบสิบปี