หลังจากที่ทั้งสองคนมาถึงที่บ้าน เขาก็พาหนูนิดมานั่งทำการบ้านที่สวนหน้าบ้าน สิบสองปีที่ผ่านมามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะพอสมควร ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ของเขาและหนูนิดที่มันไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ว่าสถานะเราสองคนคืออะไร รู้แค่ว่าเขารักและหวงเธอมาก ส่วนเด็กสาวก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา
วินหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก วันนี้เขาจะต้องเคลียร์ทุกอย่างจากสิ่งวุ่นวายทั้งหมดที่เขาได้สร้างมันขึ้นมา และคนเดียวที่จะจัดการทุกอย่างให้เขาได้นั้นคือพี่ฟาร์
(ว่าไงครับคุณวิน)
"จัดการเรียบร้อยหรือยัง"
สิ่งที่เขาถามปลายสายรู้ดีว่ามันคืออะไร ฟาร์มองเฟียสที่ตอนนี้กำลังโวยวายใส่เขาอยู่ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
(ยังครับ คุณเฟียสเธอไม่ยอมท่าเดียว ยังดึงดันจะเจอคุณให้ได้ซึ่งผมพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วครับ)
"ฝากจัดการผู้หญิงที่เหลือด้วย ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครคนไหนอีก"
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปลายสายได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมรับหัวใจตัวเองและมันคงถึงเวลาที่เด็กตัวเล็กๆในตอนนั้นจะกลายสถานะเป็นอย่างอื่น ซึ่งจะให้รวดเร็วคงยากเพราะผูกพันกันมานาน เจ้านายเขาคงค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่การเคลียร์ความวุ่นวายออกไปก่อนถือเป็นเรื่องที่ดี
(ได้ครับ ผมจะจัดการที่เหลือให้)
เขาเดินออกมาหน้าบ้านมองหาเด็กน้อยของเขาที่ตอนนี้กำลังเอาดอกไม้ไปวางไว้ที่หลุมฝังศพของเจ้าบ๊อก สุนัขตัวโปรดที่ตอนนี้ได้เสียชีวิตลงไปด้วยวัยชรา
"หนูนิดคิดถึงบ๊อกจัง"
เสียงเล็กเอ่ยออกมาปนเศร้า เขามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้นก็นึกอะไรดีๆออก
"พี่ฟาร์"
(ครับ)
"ไปซื้อเจ้าหมาตัวใหม่มาให้หนูนิดที ขอพันธุ์แบบเดิมแบบเจ้าบ๊อกเลยนะ สีเดียวกันเป๊ะๆเลยนะ ผมต้องการวันนี้เลย"
เขามองโทรศัพท์อย่างอึ้งสุดๆ ให้ไปซื้อสุนัขให้เหมือนตัวเดิมและใช้เวลาในการหาเย็นนี้ มันจะไปหาจากไหนเนี้ย
(ใจเย็นๆนะครับ วันนี้คงไม่ทัน)
"ต้องทันครับ สู้ๆนะพี่ฟาร์เดี๋ยวผมโบนัสให้งามๆ"
(เห้อ! เงินมาล่ออีกแล้วนะครับ รอรับได้เลยฟาร์จัดให้)
เขายิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย มีเงินมาล่อแบบนี้ใครไม่ทำบ้างล่ะจริงมั้ย
"เยี่ยมเลย ผมรอนะ"
เขากดวางสายก่อนจะเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารในห้องทำงานแล้วเดินกลับมาที่สวนหน้าบ้าน และตอนนี้เขาเดินมานั่งลงข้างๆเด็กสาว เธอเงยหน้ามองพี่วินก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"คุณป๋าหนูนิดทำการบ้านเสร็จแล้วค่ะ"
"เก่งมากค่ะ ทำอะไรอยู่คะนึกถึงเจ้าบ๊อกเหรอ"
เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน เด็กสาวหันไปมองหลุมฝังศพก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
"นึกถึงตอนวิ่งเล่นด้วยกันค่ะ หนูนิดไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เพราะคุณป๋าหวงมากไม่ให้ไปไหนเลย มีแต่เจ้าบ๊อกที่เล่นด้วยตลอด"
"ก็ป๋าเป็นห่วงหนูนี่นา เพื่อนนะไม่ต้องมีเยอะมีแค่ที่จริงใจและสนิทมากก็พอ เดี๋ยวพอเรียนมหาวิทยาลัยก็เจอเพื่อนใหม่อีกเยอะแยะเลย เรานะต้องเลือกคบบ้าง"
"ก็เลือกแล้วค่ะเลยมีแค่ไม่กี่คน แต่ใช่ว่าจะคุยกับใครไม่ได้นะคะ เพื่อนในห้องก็คุยกันตลอดเพียงแค่เราไม่คุยเรื่องส่วนตัวกันเฉยๆ"
เขารับฟังเด็กน้อยอย่างตั้งใจ ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับตัวของหนูนิด เพราะเธอเล่าให้ฟังทุกอย่างไม่ปิดบัง แม้กระทั่งเพื่อนที่โรงเรียนคนไหนมาจีบหรือแม้กระทั่งนักศึกษาฝึกงานมาจีบ เด็กน้อยของเขาเล่าทุกอย่างเขาจึงสบายใจและเชื่อใจเธอมาก
"ดีแล้วค่ะ เรื่องส่วนตัวอย่าไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด เพื่อนนะเวลาเป็นมิตรอะไรก็ดีไปหมด แต่พอมิตรกลายเป็นศัตรูเมื่อไหร่ พวกเขาพร้อมทำลายล้างเพื่อนได้เสมอ ยิ่งเขารู้เรื่องเรามากเท่าไหร่ ก็มีความเสี่ยงว่าจะถูกนำมาเล่าได้เสมอ เพราะฉะนั้นหนูคบใครก็ได้ แต่ไม่สามารถเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังก็ได้ จำไว้นะคะ"
เขาถูกอาทินกรสอนมาเองกับมือ ตอนที่มาบริหารบริษัทใหม่ๆอาสอนแบบนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทมาก หรือคนที่ไว้ใจในบริษัทแม้กระทั่งตัวของคุณอาเอง เขาให้เรียนรู้ว่าไม่มีใครไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยามดีก็ดีจนน่าใจหาย แต่พอผลประโยชน์เข้ามาเมื่อไหร่ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะฉะนั้นอย่าไว้ใจใครและอย่าให้ใครก็ตามรู้จุดอ่อนของเรา เมื่อวันหนึ่งคนเหล่านั้นต้องกลายมาเป็นศัตรูเราจะเข้มแข็งและตอบโต้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
"ค่ะ ทั้งโลกใบนี้หนูนิดไว้ใจคนเดียวค่ะ คือคุณป๋านั้นเอง"
เด็กน้อยกอดแขนชายหนุ่มอย่างออดอ้อน ปากหวานแบบนี้ใครไม่รักก็โง่เต็มทนแล้ว ยิ่งเธอน่ารักเท่าไหร่เขายิ่งไปไหนไม่ได้เท่านั้น
"อย่ามาอ้อนแบบนี้เยอะนะ เดี๋ยวจับหอมแก้มจนช้ำเลย หึหึ"
เด็กน้อยหัวเราะร่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วควงแขนเขามานั่งลงที่โต๊ะ เธอเก็บการบ้านใส่กระเป๋าตามเดิมมองแฟ้มซองสีน้ำตาลของเขาที่ถือติดมือมาด้วย
"ซองอะไรคะ"
"ของขวัญวันครบรอบสิบแปดปีค่ะ แกะดูสิแต่ไม่ใช่ของป๋านะของคุณอาทินกรคุณพ่อของหนูไง"
เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งซองให้เธอ หนูนิดวางกระเป๋าลงก่อนจะรับซองเอกสารมาเปิดดู มันเป็นใบสูติบัตรของเธอ โฉนดที่ดิน เงินฝากของคุณพ่อพร้อมบัตรATM รหัสผ่านอีกหกตัวอยู่ในซองเพื่อให้เธอกดออกมาโดยไม่ต้องไปทำเรื่องให้วุ่นวาย บัญชีนั้นมีการเดินสเตทเม้นตลอดเพราะเขาให้พี่ฟาร์โอนเงินเดือนของคุณอาให้ทุกเดือนตลอดเวลาสิบสอบปีมานี้ คาดว่าแค่ที่เขาโอนให้น่าจะหลายล้านแล้ว
"ลองเปิดดูสมุดบัญชีดูสิคะ ป๋าให้พี่ฟาร์เอาไปปรับให้แล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาที่หนูจะได้รับมันแล้ว พี่เอากุญแจไปเปิดเซฟจากธนาคารมาให้ ทุกอย่างจะถูกโอนเป็นชื่อของหนูตามที่ทนายระบุไว้ตอนอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่เงินในบัญชีหนูไปโอนย้ายมาเป็นของตัวเองเถอะ แต่ป๋าเดาว่าบัตรคงหมดอายุไปแล้วงั้นรอสิบแปดปีตอนได้จัดการอะไรด้วยตัวเองทุกอย่างค่อยเอาออกมา เดี๋ยวป๋าให้ทนายจัดการให้"
หนูนิดเปิดบัญชีเงินฝากดูก่อนจะตาโตอย่างตกใจ เงินในนั้นมีหลายสิบล้านมากพอที่เธอจะใช้โดยไม่รบกวนเขาด้วยซ้ำ
"ทำไมมันเยอะขนาดนี้คะ คุณป๋าเอาไปเลยค่ะมันควรเป็นของคุณป๋ามากกว่าเพราะถ้าตอนนั้นไม่มีคุณป๋าหนูนิดก็คง..."
เธอรู้สึกว่าเงินนั้นมันควรเป็นของเขาคนที่เลี้ยงดูเธอมาตลอดหลายสิบปี เขาคงจะหมดไปเยอะเหมือนกันทั้งที่เรียนของเธอแต่ละปีแพงๆทั้งนั้น ไหนจะของใช้การกินต่างๆ ไม่รู้ว่าเงินในบัญชีที่มัจะพอคืนเขารึเปล่า
"มาคิดเล็กน้อยอะไรตอนนี้คะ เรื่องดูแลหนูป๋าเต็มใจมาก ไม่เคยคิดเป็นเงินทองเลยสักนิด ขอแค่หนูน่ารักแบบนี้ตลอดไปก็พอ สัญญาก่อนว่าหนูจะเป็นเด็กดีของป๋าตลอดไป"
เขายื่นมือไปเกี่ยวก้อยหญิงสาว เธอยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งใจก่อนจะเกี่ยวก้อยกับเขาเช่นกัน
"สัญญาค่ะ หนูนิดจะเป็นเด็กดีของคุณป๋าตลอดไปเลย"
"น่ารักมาหอมแก้มที"
เขาดึงเด็กสาวมาหอมแก้มหลายฟอดจนเธอเบี่ยงตัวหนีลูบแก้มตังเองป้อยๆ
"พอแล้วค่ะช้ำหมดแล้ว"
"งั้นมาหอมแก้มป๋าคืนสิ เอาให้ช้ำเลยจะได้หายกัน"
เขาเอ่ยหยอกล้อเด็กน้อย หนูนิดยิ้มเขินก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเดินมาอย่างไม่ยอมทำ
"คนขี้โกง ตัวเองได้กับได้เลย ชิ!"