ปัจจุบัน
การจราจรที่ติดขัด ขยับได้บางช่วงทำให้ปกป้องซึ่งเพลียจากการเดินทางข้ามประเทศเผลอหลับในเป็นพักๆ เขาแทบยกมือไหว้ท่วมหัวที่เอาชีวิตรอดมาถึงคอนโดฯ ได้ในที่สุด ชายหนุ่มหยิบของที่แดนเทพใช้ลูกน้องไปซื้อมาใส่รถหย่อนลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ต โบกมือเรียกยามให้ช่วยยกกระเป๋าเดินทางท้ายรถขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน
เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่มีกลิ่นหอมสดชื่นต้อนรับ จากการดูแลทำความสะอาดของแม่บ้านที่เขาจ้างเป็นพิเศษให้ดูแลห้องตอนที่เขาไม่อยู่
ปกป้องทิ้งตัวหงายหลังลงบนเตียงได้ก็หลับตาลง ดำดิ่งสู่นิทราทันทีโดยไม่ยอมเสียเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เปลือกตาของเขาหนักอึ้งตอนที่เสียงโทรศัพท์ดัง ชายหนุ่มไม่รู้ว่ามันดังนานแค่ไหนและเขานอนไปนานเท่าไร เขาเอื้อมหยิบ ปรือตามองเล็กน้อยก่อนรับสาย
“อือ มีไรเหรอ” เสียงหลุดออกมาจากริมฝีปากอย่างอยากลำบาก
“นาย พวกเราอยู่ที่ผับแล้วนะ แต่เข้าไปไม่ได้ เจ้าของร้านบอกว่ากองถ่ายเหมาร้านถึงตีสอง”
“อ้าว พวกนายไปเที่ยวกันแล้วทำไมต้องมาบอกฉันล่ะ” ปกป้องถามเสียงไม่ต่างจากคนเมา
ปลายสายจับน้ำเสียงได้ว่าปกป้องถูกปลุกขึ้นมารับโทรศัพท์และเบลอจนจำไม่ได้ว่าออกคำสั่งให้พวกตนไปทำอะไรที่ไหนจึงทบทวนให้ “ก็นายบอกให้พวกเราไปเฝ้าคุณปิ่นที่ผับแถวพระรามห้าไง เลี้ยงปิดกล้องน่ะ”
ปกป้องเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็นึกออก “อ๋อ เข้าไม่ได้ก็รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ สอดส่องดูแลความปลอดภัยเหมือนเดิม ถ้าน้องกลับไปเอารถที่คอนโดฯ ของไอ้พระเอกนั่นแล้วตามกันขึ้นไปเองก็เรื่องของเขา แสดงความเขาเต็มใจ...แต่ถ้าเห็นว่าโดนฉุดหรือมอมยาก็กระทืบมัน แล้วพาน้องกลับมา แบบทุกครั้งนั่นแหละ แค่นี้นะ” ปกป้องสั่ง น้ำเสียงไม่ได้กระฉับกระเฉงขึ้นจากเดิมเลย
น้องจะแซ่บยังไงเขาไม่ว่าถ้ามันเป็นความสมัครใจ ขอแค่อย่าหลอกลวงหรือบังคับขืนใจกัน ตอนเขาอยู่ต่างประเทศก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นสองสามครั้ง แต่คนของเขาก็จัดการทันทุกครั้ง แต่แทนที่ปิ่นมุกจะเข็ด กลับยิ่งไม่ระวังตัวเพราะวางใจเรื่องการดูแลของเขา
เขามองนาฬิกาในโทรศัพท์หลังวางสาย ตอนนี้ยังไม่เที่ยงคืน แสดงว่านอนไปแค่สองชั่วโมง ความง่วงดึงเขาหลับลึกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกรบกวนด้วยเสียงโทรศัพท์อีก
“คนอื่นออกมากันหมดแล้ว รถทยอยออกแล้ว แต่คุณปิ่นกับพระเอกยังไม่ออกมาเลยครับ พวกเขาจะทำอะไรกันข้างในไหม โอ๊ะๆ ออกมากันแล้ว”
“ตามไปเลย เฮ้อ” ปกป้องถอนหายใจ ครั้งนี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวจี๊ด ขมับเขาเต้นตุบๆ นอนไม่พอ ทำไมต้องมาเจอเรื่องปวดกระบาลเอาวันนี้ด้วยก็ไม่รู้
ลูกน้องของเขาวางสายไปครู่ใหญ่ก็โทร.มาอีกที
“นายครับ เมาแอ๋ ไอ้หมอนั่นมันจะอุ้มขึ้นคอนโดฯ ผมเลยบอกว่าพ่อคุณปิ่นให้มารับ ดีนะที่มันฮึดฮัดแค่เล็กน้อย เลยรอดตีนพวกผม ผมให้ไอ้เอสขับรถคุณปิ่นกลับ ส่วนคุณปิ่นอยู่ในรถผม อีกสิบนาทีถึงคอนโดฯ ครับนาย”
“อือ ก็ทำเหมือนเดิม โทร.ตามแม่บ้านคอนโดฯ ที่ฉันจ้างไว้พิเศษ ให้เอาคุณปิ่นขึ้นมาไว้บนห้อง” เป็นอันว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้น
ปกป้องนอนหลับเหมือนคนอดนอนมาเป็นชาติ แล้วความหิวก็ปลุกเขาขึ้นมา ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ให้แม่บ้านเตรียมของว่างไว้ในตู้เย็น นาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์คือสี่โมงเย็น เขานอนมาราธอนแต่ก็ยังรู้สึกว่าสามารถนอนต่อได้อีกถ้าไม่หิวขนาดนี้ ป่านนี้ปิ่นมุกน่าจะตื่นแล้ว ไปหาของกินในตู้เย็นห้องของเธอก็ได้
เขาออกจากห้องตัวเอง เคาะประตูฝั่งตรงข้ามสองสามครั้ง ไม่มีเสียงดังมาจากข้างในจึงถือวิสาสะกดรหัสปลดล็อก ชายหนุ่มยิ้มพอใจที่ปิ่นมุกไม่ได้เปลี่ยนรหัส ในขณะที่ห้องเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนเช่นกัน
กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยลอยเจือจางในห้องที่ปิดม่านสองชั้นจนมืดสนิท เขาเปิดไฟอย่างคุ้นเคย พอไม่เห็นใครก็เปิดประตูห้องนอนของปิ่นมุกซึ่งก็ปิดม่านจนมืดสนิทเช่นกัน แอร์เย็นฉ่ำตีกระทบหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังหลับอยู่ เขาจึงตรงไปยังโซนที่ใช้ทำครัว เปิดตู้เย็นหาของว่างกิน พออิ่มแล้วก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
ปกป้องตบที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตว่าเจ้าสิ่งนั้นยังอยู่ หรือตกอยู่ในห้องนอนของตน พอเจอก็คว้าน้ำหนึ่งขวดเดินเข้าไปในห้องนอนของปิ่นมุก
พอเปิดไฟที่หัวเตียง ก็พบว่าปิ่นมุกยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง เขานั่งลงข้างเตียง มองคู่หมั้นลมๆ แล้งๆ สุดป่วนที่เขาไม่เคยคิดเกินเลยไปมากกว่าน้องสาว ปกป้องหัวเราะเบาๆ เอานิ้วเขี่ยปากอิ่มซึ่งมีลิปสติกเปื้อนไปนอกขอบปาก
“ยายแม่มด” เขาว่าพลางหัวเราะ ใครๆ ก็ว่าเธอสวยมาก แต่เขาเห็นจนชินจึงเฉยๆ แต่หลังมือเผลอไล้ไปตามโครงหน้าซึ่งมีกลิสเตอร์แวววาว
ปิ่นมุกขยับเปลือกตายุกยิกอย่างรำคาญ และปรือตาขึ้นน้อยๆ นึกว่าปกป้องอยู่ในความฝันแต่มันก็เหมือนจริงเกินไป สมองคนเมายังมีแต่แอลกอฮอล์ครอบงำ
“พี่ปกเหรอ กลับมาแล้ว หรือว่าเจอกันในฝันเนี่ย” ปิ่นมุกถามและหลับตาลงต่อ
“กลับมาแล้ว”
“ของกินเต็มตู้เย็น ไปหยิบกินเอาเอง แล้วล้างจานด้วยล่ะ” ปิ่นมุกพูดอย่างเคยชิน ปกป้องชอบเห็นเธอเป็นเซเว่น หิวเมื่อไรก็แวะมา
“กินอิ่มแล้ว ไง เมื่อคืนไปทำอะไรมามั่ง เล่าให้ฟังมั่งดิ๊”
“แซ่บเวอร์ๆ เลย” ปิ่นมุกซึ่งนอนหงายอยู่ดีๆ พลิกตัวมาทางด้านที่เขานั่ง สายชุดเดรสเส้นเล็กๆ ที่เคยผูกเป็นโบคลายออกจากกันจนเห็นหน้าอกขาวๆ หมิ่นเหม่จะเปลือยแล้ว ท่ามกลางแสงสลัวของไฟ
“อะไรแซ่บ”
“พี่นิ้วโป้งไง มันมาก เอวดีสุดๆ” ปิ่นมุกยิ้มไปพูดไป และหลับต่อ
“ร่อนเอวกันในผับเลยเหรอ”
“อือ แบบนี้อะ” ปิ่นมุกส่ายสะโพกเลื้อยอยู่บนที่นอน กระโปรงที่สั้นอยู่แล้วร่นขึ้นมาถึงต้นขา
“ทุเรศจริงๆ” ปกป้องส่ายหัว ล้วงของในกระเป๋ามาแกะเอาแค่ที่ต้องใช้ และเก็บที่เหลือไว้ในกระเป๋าอย่างเดิม “เอ้า ลุกขึ้นมากินนี่หน่อย ซื้อมาฝากจากอังกฤษ” เขาดึงแขนปิ่นมุกขึ้นมา
แต่หญิงสาวทั้งง่วงทั้งเมาจึงลุกไม่ขึ้น ปกป้องต้องดึงสองแขนลากน้องมานั่งพิงหัวเตียง สภาพของปิ่นมุกทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายหลายครั้ง ทั้งขาว หุ่นดี แขนเล็ก ไหปลาร้าสวย นมใหญ่ เอวคอด
ปกป้องเผลอมองอยู่ครู่ใหญ่ก็คำรามอย่างตัดใจ พี่น้องได้กันมีตั้งเยอะเพราะความน่าเอาแบบนี้แหละ แต่ไม่ใช่กับเขา ปกป้องเอาสายเดรสมาผูกเป็นเงื่อนตาย จะได้ไม่ต้องทำนมหลุดอีก
“ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นคืนนี้เตียงถล่มแน่ แต่กับปิ่นพี่เอาไม่ลงจริงๆ บอกตรงๆ” ปกป้องพูดย้อนแย้งในตัวเอง
“พูดยังกับตัวเองมีสิทธิ์เลือกคนเดียว ปิ่นก็ไม่เอาพี่โปกกกกหรอกเด้อ” ปิ่นมุกต่อปากต่อคำเสียงยานคาง “ม่ายเคยคิดจะเอาเลยจริงๆ ไอ้หมูใหญ่เอ๊ย ตอนนี้ในหัวจายน้องปิ่นมีพี่นิ้วโป้งเท่าน้านนน นี่ๆ ดูนะ โป่ง ชี้ กลาง หน่าง กอยยย ก้อย นาง กลาง ชี้ กลาง นาง กอยยย กอย นาง ชี้ กลาง นาง กอยยย” ปิ่นมุกเอานิ้วทั้งห้าขึ้นมากางและร้องเพลงมั่วๆ ก่อนจะหุบนิ้วอื่นๆ ชูนิ้วโป้งไว้นิ้วเดียว แถมยิ้มหวานเหมือนไอ้พระเอกนั่นมานั่งอยู่ตรงหน้า
“เพลงบ้าอะไรของเธอฮะ เอางี้ สมมติพี่นิ้วกลางคนนี้กลายเป็นพี่นิ้วโป้งนะ ไหนน้องปิ่นคนสวยหลับตาแล้วอ้าปากให้พี่ดูหน่อยซิ” ปกป้องปวารณาตัวเป็นนิ้วที่ยาวที่สุดในมือ จากนั้นก็จับคางปิ่นมุกให้มองตนเองและทำตาม
“เผื่อพี่นิ้วโป้งเอาอะไรให้อมใช่เปล่า” ปิ่นมุกยิ้มตาหวาน “อมตรงนี้แล้วต้องใส่ตรงนั้นด้วยน้า”
“ลามก รับไม่ได้ อ้าปากเร็ว” ปกป้องเขย่าคางของปิ่นมุก
“อ้า” พอปิ่นมุกหลับตาอ้าปาก ปกป้องก็เอาสิ่งที่เตรียมไว้ใส่ปากของเธอตามด้วยส่งน้ำให้
“ดื่มน้ำตามเร็ว”
“แหวะ แค็กๆ” ปิ่นมุกบ้วนสิ่งที่อยู่ในปากออกมา และคว้าน้ำไปดื่ม
“กินเข้าไปสิ” ปกป้องมองหาสิ่งที่เธอบ้วนและหยิบมันขึ้นมา บีบปากน้องยัดมันเข้าไปใหม่