บ้านสามว่าที่หมอ
บ้านเดี่ยวสองชั้น มีสนามหน้าบ้าน ที่จอดรถ พื้นที่กำลังดี บ้านหลังนี้อาศัยอยู่สามคน ทีม ธีร์ กลัฟทั้งสามคนเรียนแพทย์ สูตินารี จิตแพทย์ ศัลยกรรม เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
“หน้าเศร้ามาเลยอ่า เป็นอะไรไหนบอกกลัฟมา” กลัฟเดินออกมารอรับฉัน
“ทีมกับธีร์”
“กำลังลงมาส่งงานอยู่ครับ”
“นิมารบกวนหรือเปล่า”
“ไม่เลย คิดถึงนิอยู่แล้ว ไม่ได้เจอกันเกือบสามอาทิตย์เชียวนะ” กลัฟและฉันเดินมาที่ห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิด พวกเขานิยมดื่มเวลามีเรื่องเครียด
“ก็ได้ยินเฟิงบอกว่ายุ่งกันไม่ใช่เหรอ นิก็เลยไม่อยากกวน”
“ไอ้เฟิงมันบอกนิแบบนั้นเหรอ”
“อื้ม”
“มันเริ่มหึงหวงเพื่อนอีกแล้วเหรอ”
“อ้าว แสดงว่าไม่ได้ยุ่งกันเหรอ”
“ปกติเลย ไอ้เฟิงมันบอกช่วงนี้เรียนหนัก ห้ามกวน เราสามคนก็เลยไม่ได้ทักหา”
“บ้าจริง ๆ เลย” ฉันกำลังด่าคู่หมั้นที่ขยันสร้างเรื่องสร้างราว เฟิงหวงค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทำอะไรที่คนปกติไม่ทำกัน อารมณ์ของเขาไม่แน่นอน ผีเข้าผีออก
“มาถึงก็ด่าคู่หมั้นสุดที่รักเลยเหรอนิ” ร่างสูงใหญ่ ผิวขาว คิ้วเข้ม จมูกโด่งรับกับรูปหน้า โดยรวมแล้วคือหล่อ ผู้ชายคนนี้คือธีร์ เขากำลังเรียนจิตแพทย์
“ว่าที่สามีในเร็ววันแล้วธีร์” ฉันเอ่ยด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย
“หืม ยังไง”
“มันมีคนขโมยของในโกดังผลิตอาวุธเถื่อน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของเราสามพี่น้องแน่นอนว่าคุณสมิงโกรธจัด หวยมาออกที่นิต้องแต่งงานกับเฟิงเดือนหน้า”
“ไหงมาลงที่นิ”
“เท่าที่ได้ยินมาคุณสมิงเขาต้องการขนส่งสินค้าทางเรือธิพัตศาล ง่าย ๆ ก็ตระกูลหวังเปิดทางให้คุณสมิงได้” บ้านธิพัตศาลเป็นบ้านของแม่เฟิงหวง นามสกุลเก่าแก่ ส่วนตระกลูหวังก็นามสกุลของพ่อเฟิงหวง ไล่ไปไล่มาก็ค่อนข้างซับซ้อนและไม่พ้นครอบครัวแตกแยกเพราะผู้ชายมักมาก
“โห แบบนี้นิทำไง”
“ทำแบบนี้ไง” ฉันยกแก้วเหล้าที่กลัฟยื่นมาวางตรงหน้ากระดกเข้าปาก คนที่เกิดมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดจะทำอะไรได้นอกจากทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น
“มา ๆ เดี๋ยวดื่มเป็นเพื่อน เมาก็นอนที่นี่” ทีมเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายและเดินเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์บาร์ นั่งเก้าอี้ข้างกลัฟ
“นิไม่อยากแต่งกับเฟิง” เป็นคำพูดที่ออกจากปากฉันนับครั้งไม่ถ้วน ฉันบอกเพื่อนอยู่ตลอด
“เข้าใจ” เพื่อนพูดออกมาพร้อมเพรียงกัน ก็แน่ล่ะ ความเลวที่เฟิงทำ ฉันรู้ทุกเรื่องพอ ๆ กับสามคนนี้รู้
“ถ้าแต่งงานมันคงแย่กว่านี้หลายเท่า”
“ทำไงดีอะ”
“…” ก็ถามเพื่อนไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางทำอะไรได้ เพราะฉันเลือกที่จะทำเพื่อแม่ไง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ตัวฉันทั้งนั้นเลย
“เอาน่า ดื่ม ๆ ให้หายเครียดก่อน แล้วค่อยว่ากัน” มันคงเป็นคำปลอบโยนที่ดีที่สุดสำหรับฉันที่ไร้ทางเลือกที่จะเดิน
ฉันดื่ม ดื่ม ดื่มและดื่ม เพื่อนฉันน่ะไว้ใจได้ พวกนี้ไม่มีทางทำอะไร ถ้าฉันไม่นอนที่นี่ อย่างมากก็โทรตามว่าที่เจ้าบ่าวมารับฉันเท่านั้นเอง ทำไงได้เพื่อนเรามันกลุ่มเดียวกันนี่
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เฟิงหวงเดินเข้ามาในบ้านพักของเพื่อนทั้งสามด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลังจากที่รับสายธีร์แล้วได้ยินว่าซานิเมาหลับอยู่ที่นี่
“อย่าแตะนิ” เขาเดินเข้ามาตรงจังหวะที่กลัฟกำลังวางซานิที่โซฟาเบด
“มึงนี่หึงไม่เข้าเรื่อง” ทีมพูด ทีมเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมผ้าห่มยื่นให้เฟิงหวง ถ้าให้ทีมทำเองมีหวังหึงหวงกันอีก
“กูหึงหมดอะ หมาแมวกูก็หึง”
“มึงอยากให้นิรักทำไมมึงไม่ทำตัวดี ๆ”
“ดีไม่ดีก็ไม่เห็นรู้สึกอะไร ทำไมกูต้องพยายามทำตัวเชื่องด้วย” เฟิงหวงคลุมผ้าห่มผืนบางให้ซานิแล้วเดินมานั่งกับเพื่อนที่เคาน์เตอร์บาร์
“มึงไม่ได้เป็นคนเข้าไปขโมยของในโกดังใช่ไหมเฟิง” ธีร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่ได้เข้า” เฟิงหวงตอบ
“แต่มึงมีส่วนเกี่ยวข้อง?” ทีมพูดต่อ
“ถูกต้องค้าบ”
“มึงทำแบบนั้นทำไมวะ นิเดือดร้อน” ธีร์โวยวายเมื่อรู้ความเลวของเพื่อนที่คิดจะรวบรัดตัดตอนงานแต่งให้เร็วขึ้นทั้งที่ซานิพยายามยื้อเวลา
“ก็กูอยากได้นิ” อยากได้มากกว่าที่ได้ในตอนนี้
ตุบ! หมอนลอยมาจากโซฟาพร้อมร่างเล็กปรี่เข้าหาตัวว่าที่สามี ฝ่ามือฟาดลงใบหน้าชายหนุ่มที่สารภาพความเลวออกมาหน้าตาเฉย
“แค่ที่ได้ไปไม่พอใช่ไหม จะไม่เหลือช่องให้หายใจเลยหรือไง”
เฟิงหวงจับข้อมือซานิที่กำลังจะฟาดใส่ร่างกายเขาไว้ “ไม่ได้เมา?”
สีหน้าเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับสิ่งที่ทำ ก็เขาคิดว่าไม่ผิด ฉะนั้นจะต้องรู้สึกผิดทำไมกันล่ะ
“สร่างเพราะความเลวของแกไง ไอ้โรคจิต!”
“ก็ผัวเธอแหละน่าที่รัก ปะ กลับบ้านกันค่ะทะเลาะต่อหน้าเพื่อนไม่ดีนะ อายเพื่อน”
เมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเฟิงหวง ซานิก็เอือมระอา มือเรียวเล็กยกขึ้นลูบใบหน้าสวยด้วยความหงุดหงิด พยายามตั้งสติที่แทบจะไม่เหลือ โมโหมาก โกรธมาก โกรธทุกอย่างที่ไม่ยุติธรรมกับเธอเลย เธอเหนื่อย เธอเบื่อ เธอท้อ
“ห่างกันหน่อยนะเฟิง ไม่อยากเห็นหน้าว่ะ”