ทนนั่งละเลียดอาหารบนโต๊ะไปราวครึ่งชั่วโมงไหมฟ้าก็รวบช้อนส้อม หญิงสาวเห็นเขายังไม่อิ่มจึงไม่กล้าลุกจากโต๊ะอาหาร เพราะว่าเธอสมควรที่จะเป็นคนเก็บโต๊ะ มากกว่าจะให้เป็นผู้เป็นป้าหรือนิดาสาวใช้อีกคนของบ้าน
“วันนี้วันเสาร์ไปดูหนังกันไหม” นคินทร์ถามหลังจากยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“ไหมอยากพักผ่อนค่ะคุณคิน” หญิงสาวตอบตามตรง ยอมรับว่ายังระบมไปทั้งตัว และยังทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ค่อยได้ นคินทร์มองหญิงสาวเหมือนคนมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว
“ดูคนเดียวไม่สนุก ไม่เป็นไรเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ฉัน...ชวนจี๊ดก็ได้” ชื่อเล่นของนางร้ายในวงการบันเทิงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคู่ควงของนคินทร์ ทำให้ไหมฟ้ากัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น หากเขาไปกับผู้หญิงเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันคนนั้น มีหรือนคินทร์จะรอดหรืออดใจไหว ไหมฟ้านั่งนิ่งเหมือนคิดชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ
“มีอะไร” เขาถามเมื่อเห็นว่าไหมฟ้าเงียบนานเกินไป
“ไหมไปดูหนังเป็นเพื่อนคุณคินก็ได้ค่ะ” คำตอบที่นคินทร์ไม่คิดว่าจะได้ยินออกมาจากปากของหญิงสาว เขาวางกับดักได้ถูกจุดจริงๆ คิ้วทั้งสองข้างเลิกสูงขึ้น สองฝ่ามือวางราบเพื่อดันโต๊ะลุกขึ้นยืน
“ไปแต่งตัวนะ สิบห้านาทีเจอกัน” นคินทร์เลื่อนเก้าอี้ออกเดินผิวปากจากไปอย่างคนอารมณ์ดี ปล่อยให้ไหมฟ้าจัดการเก็บจานชามเข้าห้องครัวเพียงลำพัง เสร็จแล้วหญิงสาวก็ออกประตูห้องครัวด้านหลังตรงไปห้องพักของตัวเอง
ส่วนนคินทร์เมื่อเดินผ่านห้องรับแขกเพื่อขึ้นบันไดชั้นบน ก็พบกับสายตาตั้งคำถามของมารดา เขาจึงสาวเท้าเดินไปหาท่านพร้อมกับรอยยิ้ม
“มีอะไรจะถามผมเหรอครับคุณแม่”
“เอ็นดูน้องหน่อยนะคิน น้องยังเด็กอยู่”
“เด็กที่ไหนกันครับ” เขาแย้ง
‘ยิ่งตอนไม่ใส่เสื้อผ้าด้วยแล้ว หาคำว่าเด็กไม่เจอกันเลยทีเดียว’
“เอ่อ ป้าไพลินครับ ผมขอพาไหมไปดูหนังนอกบ้านนะครับ” เขาหันไปเอ่ยขอกับไพลิน
“แล้วแต่คุณคินเถอะค่ะ” แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่หากออกมาในรูปแบบนี้ก็แสดงว่านคินทร์ไม่ได้รังเกียจหลานสาวของตน
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอากุญแจรถก่อนนะครับ” เพราะว่าตอนลงมานั้นเขาลืมหยิบมาด้วย ชายหนุ่มจึงต้องขึ้นไปอีกรอบ
สองสาวสูงวัยหันไปมองสบตากัน คุณแสงระวีนั้นสุขใจที่ได้เห็นแนวโน้มของนคินทร์กับไหมฟ้าจะไปด้วยกันได้ดี ส่วนไพลินเข้าใจหลานสาวของตัวเองพอสมควร ไหมฟ้าคงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ยังฝืนยิ้มให้ผู้เป็นป้าได้สบายใจ
“ไพลินไปดูไหมก่อนนะคะคุณแสง”
“ไปเถอะไพลิน ขอบใจอีกครั้งนะที่ยอมยกหลานสาวให้ตาคินตั้งหนึ่งปี บางทีฉันก็คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะคุณแสง ไพลินกับไหมเต็มใจค่ะ คุณแสงอย่าคิดมากเลยนะคะ” ไพลินโค้งศีรษะให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ทางใดจะทำให้ผู้เป็นนายสบายใจได้ไพลินก็เต็มใจที่จะทำ
เสียงสะอื้นไห้ดังอยู่ภายในห้องพักของหลานสาว ผู้เป็นป้าอย่างไพลินถึงกับยกมือขึ้นทาบอกด้วยความสงสาร กลั้นใจยกมือเคาะประตูห้องเบาๆ ไม่ช้าไหมฟ้าก็เดินมาเปิดประตูให้ ดวงตาแดงก่ำใบหน้างามหมองเศร้าไปด้วยร่องรอยของการร้องไห้
“ไหม”
“คุณป้า” ไหมฟ้าโถมร่างเข้าหาไพลินราวต้องการที่พึ่ง สะอื้นไห้ตรงอกของผู้เป็นป้าด้วยความร้าวราน
“เงียบๆ ไหม ไม่ต้องร้องนะลูก คุณคินทำอะไรไหมหรือเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วง แต่ไหมฟ้าก็ส่ายหน้าสะอื้นอย่างเดียว
“แล้วร้องทำไมล่ะลูก”
“ฮึก...ไหมเสียใจค่ะคุณป้า” ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด แต่ความเสียใจมันมีมหาศาลเกินจะทนไหว ยิ่งได้รับรู้ในสิ่งที่ประมุขของบ้านสนทนากับนคินทร์เมื่อครู่ใหญ่ๆ ที่ผ่านมา ไหมฟ้าก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าในสายตาของทุกคน
“ไม่เอา ไม่ร้องไห้นะไหม คุณคินบอกว่าไหมจะไปดูหนังด้วย แกขึ้นไปหยิบกุญแจรถแล้วไหมก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตานะลูก เดี๋ยวแกเห็นหน้าไหมแบบนี้แล้วจะตกใจเอา” ผู้เป็นป้ายกนิ้วปาดน้ำตาออกจากหน้าของหลานสาวลวกๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่ดูสวยหวานที่สุดออกมา
“ชุดนี้นะจะได้ดูดีหน่อย” คนพูดไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังสะอึกอยู่ในใจ ไหมฟ้าจะไปดูหนังกับเขาก็ต้องทำตัวให้คู่ควร ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ หญิงสาวมองชุดเดรสสีครีมเปิดไหล่ที่เธอซื้อมาตอนไปงานแต่งเพื่อนร่วมงาน
“ไม่ค่ะคุณป้า ไหมจะใส่ชุดปกติของไหม” หญิงสาวหยิบชุดสวยจากมือของไพลินแขวนไว้ที่เดิม แล้วดึงกางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาวออกมาแทน
“ไหม ไหวหรือเปล่าลูก”
“ไหมไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าออกไปก่อนนะคะ ไหมเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ออกไปแล้ว” ฝืนยิ้มแห้งๆ ให้ผู้เป็นป้า จะฟูมฟายมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์ มีแต่จะสร้างความลำบากใจให้แก่ไพลิน
“รีบๆ หน่อยนะคุณคินรออยู่” ไพลินเดินออกจากห้องไปทั้งที่แววตายังมีความเป็นห่วงไหมฟ้า เด็กคนนี้มักเป็นแบบนี้เสมอปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็เก็บทุกเรื่องเอาไว้เพียงลำพัง
นคินทร์รออยู่สักพักใหญ่ ไหมฟ้าก็เดินเข้ามาหาในลานจอดรถของบ้าน เขามองดูการแต่งตัวที่คุ้นตาของหญิงสาวด้วยความรู้สึกชื่นชมแกมเอ็นดู เพราะมันแลดูน่ารักและสวยสมวัย แม้จะไม่ได้แต่งหน้า ผมก็แค่รวบและรัดไว้ด้วยที่ติดผม ธรรมดาเช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา แต่กลับพิเศษสำหรับเขาในตอนนี้
“มาแล้วเหรอ เลือกหรือยังว่าจะดูเรื่องอะไร” เขาชวนคุยระหว่างเปิดประตูรถให้หญิงสาว
“ตามใจคุณคินสิคะ ไหมไม่ได้อยากดูเท่าไหร่”
“อ้าว แล้วกัน งั้นฉันเลือกเองนะ” เขาบอกก่อนจะเดินอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ
“ค่ะ” ไหมฟ้าขานรับเมื่อเขาปิดประตูรถเข้ามานั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ระหว่างรถแล่นออกจากรั้วบ้านทยารัย ไหมฟ้าสังเกตเห็นว่าเขามีสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีจนเกินเหตุ ทั้งที่ปกติเห็นชอบทำหน้านิ่งๆ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นสักเท่าไหร่
“มีอะไร แอบมองฉันแบบนี้ หรือว่าวันนี้ฉันหล่อผิดปกติ” เขาไม่ใช่คนหลงตัวเอง แต่ก็อดล้อคนนั่งข้างไม่ได้ ไหมฟ้ารีบละสายตาออกจากใบหน้าของเขา หันไปมองถนนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยตอบเขา
“หล่อไม่ผิดปกติหรอกค่ะคุณคิน แค่แปลกใจว่าทำไมคุณคินดูอารมณ์ดีจังคะ” ผิดกับตัวเธอที่เศร้าทั้งหน้าและหัวใจ
“ก็คนมีความสุข จะให้ฉันนั่งอมทุกข์ได้ยังไง” เขาหันมาขยิบตาให้ข้างหนึ่ง
“เหรอคะ” ไหมฟ้าหันไปมองด้านข้าง สิ่งรอบกายของเธอมันเคลื่อนตัวช้า หรือว่าความรู้สึกของเธอเองที่มันตายด้านลง เพราะคำว่า เมียเก็บ ที่หลายคนพยายามยัดเยียดให้
เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณห้างสรรพสินค้า นคินทร์ก็จูงมือของไหมฟ้าขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้าที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ สาวน้อยพยายามดึงมือของตัวเองออก
“เป็นอะไรรึไหม เราทำกันมากกว่านี้เสียอีก จำไม่ได้หรือยังไง” เขาติงทั้งคำพูดและสายตา
‘ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ จะจับมือกันเดินในที่สาธารณะ ควรจะเป็นคู่รักไม่ใช่เมียเก็บแบบไหม’
ได้แต่คิดแย้งอยู่ในใจ ยอมปล่อยให้เขาจับจูงมือของตัวเองเดินผ่านผู้คนมากหน้าหลายตา
เขาเลือกดูหนังแอกชันชื่อดังของฮอลลีวูด ซึ่งไหมฟ้าก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด หญิงสาวเดินถือแก้วน้ำอัดลมตามเขาเข้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อเจอเก้าอี้นั่งซึ่งอยู่มุมตรงกลางของโรงพอดี ทั้งคู่ก็เข้าไปประจำที่นั่งของตัวเอง
“วันนี้วันเสาร์คนเลยเยอะ” เขากระซิบบอกระหว่างที่กำลังฉายหนังตัวอย่าง
“ค่ะ” ไหมฟ้าไม่รู้จะออกความเห็นอะไร เธอยังอยากจะนอนพักให้มากกว่านี้ ยอมรับในสถานะที่เปลี่ยนไปของตัวเองไม่ได้จริงๆ วันก่อนเธอกับเขายังเป็นแค่คนรู้จักกันห่างๆ แต่เมื่อคืนกลับแนบชิดสนิทเนื้อจนไม่มีช่องว่างให้อากาศได้ลอดผ่านอย่างน่าใจหาย