ตอนที่ : 6 สมปรารถนาหรือร้าวไปทั้งทรวง

2153 Words
3 สมปรารถนาหรือร้าวไปทั้งทรวง          คุณแสงระวีกับไพลินตื่นแต่เช้า เพื่อมาร่วมลุ้นว่านคินทร์จะพึงพอใจในตัวของไหมฟ้า และรับปากที่จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นโดยเด็ดขาดหรือไม่ ทั้งคู่ไม่ได้บอกไหมฟ้าแต่แรกว่านคินทร์นั้นมีเงื่อนไขตรงที่ขอผ่านคืนแรกนี้ไปก่อน ตอนเช้าเขาถึงจะมาให้คำตอบว่าไหมฟ้าผ่านการพิจารณาจากเขาหรือเปล่า ทว่ารอตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ากระทั่งเก้าโมงตรงก็ยังไม่เห็นทั้งคู่เดินลงมาชั้นล่างเสียที ทำให้หญิงสูงวัยทั้งสองนึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย            “ไพลินเธอว่าตาคินจะชอบหนูไหมหรือเปล่า”            “อันนี้ไพลินเองก็ไม่กล้าเดาค่ะคุณแสง ปกติแล้วทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำไป” ไพลินเองก็นึกห่วงมากขึ้นเมื่อเลยมื้อเช้าไปแล้วทั้งคู่ก็ยังเงียบอยู่            “เราขึ้นไปเคาะประตูเรียกดีไหมไพลิน” คุณแสงระวีใจร้อนอยากจะรู้ผลโดยเร็ว            “เอ่อ มันจะดีหรือคะคุณแสง บางทีพวกเขาอาจจะเหนื่อยก็ได้”            “นั่นสิ เรารอกันอีกสักหน่อยแล้วกัน ตาคินกับหนูไหมคงไม่นอนจนถึงเที่ยงมั้ง”            “ใช่ค่ะ ปกติไหมเป็นคนตื่นเช้านี่คงเหนื่อยจริงๆ” พูดแล้วสองสาวสูงวัยก็มองตากัน เป็นอันรู้ความนัยในสิ่งที่พูด            “ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันไพลิน จะได้หมดห่วงเรื่องนั้นเสียที ตั้งแต่ตาเคนตายเพราะติดโรคจากผู้หญิงของเขาเอง ฉันก็ไม่เคยไว้ใจเรื่องพวกนี้อีกเลย หวังว่าตาคินจะหยุดอยู่แค่หนูไหม จนกว่าจะแต่งงานมีครอบครัวจริงๆ จังๆ เสียที”            ผู้เป็นนายตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างสูง ไพลินเห็นแล้วก็อดหวั่นใจไม่ได้ เกรงว่าหลานสาวของตัวเองจะทำให้ผู้มีพระคุณผิดหวัง ไหมฟ้าเป็นคนซื่อๆ ไม่มีจริตมารยา ไม่แน่นคินทร์อาจจะไม่ชอบก็ได้ แต่ยังไม่ทันจะคิดไปไหนได้ไกลทั้งคู่ก็เดินลงบันไดมาพร้อมๆ กัน            “คุณแสงคะ” ไพลินเห็นก่อนจึงเรียกคุณแสงระวีให้มองที่บันได            “ตาคิน หนูไหม ตื่นแล้วเหรอลูก” น้ำเสียงฟังดูตื่นเต้นชอบกล ไหมฟ้ายิ้มแหยแกมกระดากมองหน้าใครไม่ติด นคินทร์กลับฉีกยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ เขาจูงมือหญิงสาวให้ไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมารดา            “เอ่อ คุณคินคะไหมยืนกับคุณป้าก็ได้ค่ะ” ไหมฟ้าออกอาการเกรงใจ ปกติเธอไม่เคยนั่งเทียบรัศมีเจ้าของบ้าน            “ไม่เป็นไรหรอกหนูไหม คนกันเองทั้งนั้น” ท่านรีบเอ่ยเมื่อเห็นว่าไหมฟ้านั้นประหม่าจนหน้าถอดสี            “นั่นสิ นั่งตรงนี้แหละไหม” นคินทร์กุมมืออีกคนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย            “แหม เห็นแบบนี้แม่คงไม่ต้องถามแล้วสินะตาคิน”            “อะไรครับแม่” นคินทร์แสร้งทำเป็นไม่รู้            “ทีนี้จะรับปากกับแม่ได้หรือยัง ว่าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทั้งหมดของลูก” คุณแสงระวียิ้มด้วยความหวังเต็มเปี่ยม แต่ไหมฟ้าหัวใจเจ็บหนึบไปทั้งดวง เธอเหมือนสินค้าที่ถูกนำเสนอแก่นคินทร์ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพอใจหรือไม่ ปฏิเสธหรือรับเอาไว้ก็แล้วแต่เขาจะตัดสินใจ มือข้างหนึ่งดันมือใหญ่ของเขาออกแล้วก้มหน้ามองพื้น นคินทร์สัมผัสได้ว่าอีกคนกำลังรู้สึกน้อยใจอย่างแน่นอน เขารู้สึกผิดเล็กน้อยต่อเรื่องนี้ แต่ก็พยายามไม่คิดมาก ทุกอย่างเป็นความต้องการของมารดา เขาแค่ทำตามก็เท่านั้น            “พอใจหนูไหมหรือเปล่า” ผู้เป็นมารดาถามอีกรอบ นคินทร์ชำเลืองมองคนข้างๆ เล็กน้อย พบว่าเจ้าตัวยังคงก้มหน้านิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา            “ตกลงครับคุณแม่ ต่อไปนี้ไหมคือเมียเก็บของผม และผมก็จะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา” เขารับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ            “แน่นะตาคิน” ผู้เป็นมารดาตาวาวขึ้นด้วยความดีใจ            “แน่สิครับ”            “แม่ดีใจที่สุดเลยลูก ไหมจะปรนนิบัติคินตลอดหนึ่งปีนี้ จนกว่าคินจะหาว่าที่ลูกสะใภ้ให้แม่ได้นะ”            “ครับแม่” เห็นมารดาดีใจเขาก็พลอยสุขใจตามไปด้วย            สองแม่ลูกพูดคุยเหมือนไหมฟ้าไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น หัวใจดวงน้อยถูกบีบรัดจนรวดร้าวไปทั้งดวง อยู่กับเขาหนึ่งปีในตำแหน่งเมียเก็บ เพื่อรอวันที่เขาจากไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น แค่คิดมันก็ยากเกินจะรับไหว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นป้าเพียงเล็กน้อย ไพลินได้แต่ยิ้มปลอบใจเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร นั่นก็นายผู้มีพระคุณล้นฟ้านี่ก็หลานรัก ทั้งสองมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน            “ไหมขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยความอึดอัดใจ ขืนนั่งอยู่ตรงนี้ต่อคงต้องร้องไห้ต่อหน้าทุกคนแน่ เป็นอย่างนั้นแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก            “รีบไปไหนกัน ไหมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยไม่ใช่เหรอ” นคินทร์หวังว่าจะได้กินมื้อเช้าพร้อมกับไหมฟ้า            “ปกติไหมทานข้าวที่ห้องครัวค่ะ” หญิงสาวฝืนยิ้มให้เขาและมารดา            “งั้นก็ไปกินเถอะหนูไหม ลงมาสายเชียวคงหิว” เรื่องปกติของผู้เป็นแม่ กลับไม่ใช่สำหรับคนเป็นลูก            “ผมอยากกินข้าวกับไหมครับคุณแม่” เขาบอกมารดา ไหมฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากของเขา            “อย่างงั้นเหรอตาคิน หนูไหมไปกินข้าวกับพี่เขาหน่อยนะลูก” คุณแสงระวีหันไปพูดกับไหมฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม            “ค่ะคุณแสง” ใครจะกล้าขัด เงยหน้าขึ้นมองนคินทร์ก็พบว่าเขายิ้มประหนึ่งว่าตัวเองชนะ ทั้งที่ไม่มีเกมแข่งขันอะไรกันทั้งนั้น            “ไพลินไปจัดโต๊ะได้แล้ว”            “ค่ะคุณแสง”            “ไหมไปช่วยค่ะคุณป้า” ไหมฟ้ารีบอาสา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังผู้เป็นป้าไปติดๆ            “หนูไหมคงอายน่ะตาคิน ว่าแต่เราเถอะรังแกน้องหรือเปล่า”            “อะไรครับคุณแม่ ทำไมมาใส่ความผมแบบนี้ล่ะครับ”            “อ้าวก็ดูหน้าหนูไหมสิ ไม่สดชื่นเหมือนทุกวันเลย”            “คงไม่เต็มใจขึ้นเตียงกับผมมั้งครับ”            “อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าไม่เต็มใจหนูไหมคงปฏิเสธไปแล้ว”            “คุณแม่ก็มองคนอื่นแง่บวกเสมอ บางทีไหมอาจจะเกรงใจคุณแม่เลยจำใจยอม”            “รู้ก็ดี” คุณแสงระวีพยายามมองผ่านความหม่นหมองบนหน้าของไหมฟ้า ทั้งที่รู้ว่าหญิงสาวนั้นจำใจทำเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณให้กับท่าน บางครั้งก็ต้องทำเป็นไม่เห็นเพื่อผลลัพธ์ที่คาดหวังเอาไว้            “คุณแม่” เขาเรียกมารดาเสียงลากยาว            “จะได้รู้ว่าแม่กับไหมต้องจำใจทำแบบนี้ เพื่อให้คินหยุดความสัมพันธ์กับผู้หญิงทั้งหมดของคิน”            “ผมก็บอกคุณแม่แล้วว่าผมป้องกันตัวเองดีพอ คุณแม่ไม่ยอมเชื่อใจผมเองนี่ครับ ผมไม่ใช่พี่เคนนะจะได้ผิดพลาดร้ายแรงแบบนั้น”            “ตาเคนรอบคอบกว่าคินอีก” เอ่ยถึงบุตรชายคนโตทีไรท่านก็มีสีหน้าเศร้าในทันที            “โธ่ คุณแม่ เอาเป็นว่าผมยอมทำตามใจคุณแม่แล้ว รับไหมเป็นเมียเก็บ และเลิกยุ่งเกี่ยวกับทุกคน แบบนี้พอใจไหมครับ”            “สัญญาแล้วนะคิน จากนั้นภายในหนึ่งปีก็รีบหาสะใภ้ให้แม่เร็วๆ ล่ะ เพราะว่าแม่สัญญากับไพลินว่าจะให้ไหมเป็นเมียเก็บเราแค่ปีเดียว”            “ปีเดียว?”            “ใช่แค่ปีเดียว ภายในหนึ่งปีนี้คินจะต้องหาผู้หญิงที่คู่ควรกับทยารัยของเรานะลูก” คุณแสงระวีวางแผนการเอาไว้เสียดิบดี            “คนรักนะครับคุณแม่ ไม่ใช่อาหารสดตามท้องตลาด จะได้หาเจอกันง่ายๆ”            “ไม่รู้ล่ะ ถ้าหนึ่งปียังหาไม่เจอแม่ก็ต้องให้ไหมเขาไปตามทางของเขานะลูก”            “เหรอครับ” นคินทร์หน้านิ่งหัวสมองคิดอะไรไม่ออกเพราะว่าเหตุการณ์นั้นยังมาไม่ถึง            “แต่ก็ไม่เป็นไร หากคินยังหาสะใภ้ให้แม่ไม่ได้ แม่ก็จะเป็นคนหาให้คินเอง”            “คุณแม่ก็อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลยนะครับ ผ่านมาแค่หนึ่งวันยังไม่ครบปีสักหน่อย” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง            “ผมไปกินข้าวก่อนนะครับ”            “จ้าไปเถอะลูก”            นคินทร์เดินไปห้องอาหารของบ้านทยารัย เป็นจังหวะที่ไพลินเดินสวนออกมาหลังจากที่จัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง            “ความจริงคุณคินน่าจะให้ไหมทานที่ห้องครัวเหมือนเดิมนะคะ” ไหมฟ้ายังไม่กล้านั่ง หญิงสาวยังคงยืนขนาบข้างเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา            “ฉันอยากกินข้าวกับเธอ แค่นี้เธอแปลความหมายไม่ออกหรือยังไงไหม” คำพูดเหมือนผู้ใหญ่ตำหนิเด็ก ไหมฟ้าเม้มปากเป็นเส้นตรงเพราะไม่รู้จะแย้งเขาอย่างไรดี            “นั่งสิ”            “ค่ะคุณคิน” เก้าอี้ถูกเลื่อนออก ไหมฟ้าหย่อนสะโพกลงนั่งแบบจำใจ มองจานกับข้าวตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่เคยชิน มันอลังการเกินกว่าสองคนจะกินหมดได้ นคินทร์ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยความหิว แต่ไหมฟ้ากลับเอาแต่เขี่ยเม็ดข้าวในจานไปมา และกว่าจะตักเข้าปากได้เขาก็นำหน้าไปเสียหลายคำ            “กินเยอะๆ นะ เมื่อคืนเสียพลังงานไปมาก” แทบสำลักข้าวคำแรกเมื่อเขาเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ไหมฟ้ารีบคว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อกลบเกลื่อนอาการสะดุ้งเล็กๆ จากคำว่าเสียพลังงานของเขา            “ตั้งแต่เรียนจบออกมาเธอทำงานอื่นด้วยใช่ไหม” นคินทร์เคยได้ยินจากปากของมารดาครั้งหนึ่งในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจไถ่ถามอะไรต่อ            “ค่ะ ไหมเพิ่งเข้าทำงานบริษัทค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ            “ตำแหน่งอะไร”            “ตรวจสอบเอกสารทั่วๆ ไปค่ะ” ไหมฟ้าเองก็อธิบายไม่ถูกว่าตำแหน่งของตนเองนั้นเรียกว่าอะไรดี มีตั้งแต่รับออร์เดอร์จากลูกค้าไปจนกระทั่งตรวจสอบเอกสารต่างๆ ทำทุกอย่างที่รุ่นพี่มอบหมายให้ แล้วแต่ว่าจะใช้ให้ทำอะไร            “แล้วดีไหม” เขาถามแบบไม่เจาะจง            “อะไรเหรอคะที่ว่าดีไหม”            “หมายถึงงานน่ะ หนักมากไหม หรือว่าลำบากอะไรหรือเปล่า”            “ก็ดีค่ะไม่ลำบากอะไร เพื่อนร่วมงานก็น่ารักทุกคน”            “ฉันก็แค่อยากบอกว่าถ้าลำบาก หรือไม่สบายใจก็ลาออกซะ”            “ลาออก?” ไหมฟ้าถึงกับวางช้อนส้อมในมือลงเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมนคินทร์จะต้องมายุ่งกับเรื่องงานของเธอด้วย            “ก็ใช่น่ะสิ ไม่ต้องทำงานก็ได้ภายในหนึ่งปีนี้ ฉันไม่ใช้งานเธอฟรีๆ หรอกไหม จะจ่ายเป็นรายเดือนให้” เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่ครอบครองไหมฟ้าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาแล้ว คนฟังหน้าเสียเล็กน้อย เขาคิดจะกดให้เธอเป็นแค่เมียเก็บอยู่กับบ้านไปจนตลอดหนึ่งปีนี้หรืออย่างไร            “ไม่ต้องให้เงินไหมหรอกค่ะคุณคิน ไหมทำงานมีรายได้อยู่แล้ว” เรื่องอะไรจะหยุดชีวิตของตัวเองไว้กับคำว่าเมียเก็บเท่านั้น ไหมฟ้ายังมีงานทำไม่จำเป็นต้องรับเงินจากเขาด้วยซ้ำ เธอยังมีศักดิ์ศรีของเธออยู่            “ถึงทำงานฉันก็จะให้ ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร” นคินทร์ขึงตามองด้วยความไม่พอใจ เขาจะให้แต่ดันหยิ่งไม่อยากรับ หรือว่าอยากเล่นตัวเพื่อโก่งราคา อันหลังนี่ไม่น่าจะใช่ ไหมฟ้าไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ นคินทร์คิดเองสรุปเอง            “ทานข้าวต่อเถอะค่ะ กับข้าวเย็นหมดแล้ว” หญิงสาวไม่อยากอยู่ในสภาวะอึดอัดใจ จึงเลือกที่จะสนใจกับอาหารตรงหน้ามากกว่าการสนทนาเรื่องเงินทองกับเขา            “ก็ดี” นคินทร์ตักข้าวใส่ปาก สายตาก็มองคนตรงหน้า มองเห็นริ้วรอยแห่งความเหน็ดเหนื่อยไม่ว่าจะเป็นกายหรือใจ เรื่องนี้จะโทษเป็นความผิดของใครดี ความไม่รู้จักพอของเขาหรือว่าความวิตกเกินเหตุของมารดา แต่ไม่ว่าจะเป็นใครผิดก็ตาม ไหมฟ้าก็คือคนที่มารับเคราะห์ในครั้งนี้แทน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD