ตอนที่ : 1 บุญคุณต้องตอบแทน
1
บุญคุณต้องตอบแทน
ใบหน้าเศร้าแกมหม่นหมองของหลานสาว ทำให้ผู้เป็นป้าถึงกับหน้าเสียลงเมื่อได้เห็น ไพลินคิดว่าเรื่องนี้มันคงยากแก่การจะทำใจยอมรับได้ แต่จะให้ปฏิเสธอย่างไรได้ในเมื่อผู้มีพระคุณของนางขอร้องมา
“ว่ายังไงไหม” ไพลินถามย้ำอีกรอบ
ไหม หรือชื่อจริงว่า ไหมฟ้า ประดับดาว เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นป้า แววตาไหวระริกไปด้วยความเจ็บปวด หากแต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าท่านทำแบบนี้ก็เพราะว่าถูกคุณแสงระวีสั่งการมาอีกที ไหมฟ้ากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะยิ้มแบบสุดจะฝืนแล้วเอ่ยตอบผู้เป็นป้า
“ถ้ามันจะทำให้คุณป้าสบายใจ ไหมทำก็ได้ค่ะ”
“ไหม ป้าไม่รู้จะพูดยังไง ไหมจะปฏิเสธก็ได้นะ แต่ว่าคุณแสงเธอก็จะผิดหวัง เข้าใจป้าใช่ไหมลูก” ไพลินนึกสงสารหลานสาวขึ้นมาจับใจ แต่เจ้านายผู้มีพระคุณก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
“เพราะว่าคุณแสงท่านเมตตาคุณป้า และคุณป้าก็เมตตาไหมอีกที ไม่เป็นไรหรอกค่ะหากเราจะทำให้ท่านสบายใจ อีกอย่างก็แค่หนึ่งปีเอง จากนั้นไหมก็จะมีอิสระใช่ไหมคะ” ไหมฟ้าพยายามปลอบใจตัวเอง ด้วยการฝืนเอ่ยออกมาให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งที่นี่คือเรื่องที่เธอทำใจยอมรับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ใช่จ้ะ คุณแสงบอกว่าขอปีเดียว ท่านไม่อยากให้คุณคินไปมั่วกับผู้หญิงนอกบ้าน” ได้ยินแล้วไหมฟ้าก็ใจกระตุก
“...ค่ะคุณป้า”
‘เลยต้องให้มามั่วกับเธอแค่คนเดียวพอ’
หญิงสาวนึกอยากจะร้องไห้กับความจริงตรงหน้า อยู่ใต้ใบบุญของคุณแสงระวีทั้งป้าและหลานแบบนี้ จะไปขัดอะไรท่านได้ หากขัดไปก็จะได้กลายเป็นคนเนรคุณในทันที
“ไหม ป้าขอโทษนะลูก” ไพลินแตะหัวไหล่หลานสาวเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่หัวใจก็เจ็บร้าวไปทั้งดวง สิ่งที่ถูกขอร้องมานั้น ช่างยากแก่การที่จะทำใจให้ยอมรับได้จริงๆ คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นพันที่เขาเต็มใจ แล้วทำไมต้องเลือกเธอ
“ป้า ลำบากใจจริงๆ แต่ถ้าไหมไม่...” เห็นสีหน้าเศร้าของไหมฟ้าไพลินก็นึกอยากจะเปลี่ยนใจ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคุกดกดกดกดณป้า” หญิงสาวฝืนยิ้มให้ผู้เป็นป้าอีกหน ชีวิตของเธอถูกชุบเลี้ยงจากไพลินตั้งแต่บิดามารดาแยกทางกัน แล้วทิ้งเธอให้ท่านดูแล ส่วนบุพการีทั้งสองคนนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวของตัวเอง ไพลินไม่อยากให้เกิดปัญหาพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงขึ้นในภายหลัง จึงได้รับตัวเธอผู้เป็นหลานสาวมาเลี้ยงดู และด้วยความที่เป็นคนตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว ไพลินจึงรักไหมฟ้าเสมือนหนึ่งลูกสาวของตัวเอง นับเป็นเวลาสิบสองปีแล้วที่ไหมฟ้าอยู่ในบ้านหลังนี้ ในฐานะหลานสาวของแม่บ้าน
“แล้ว...วันไหนคะคุณป้า” ถามเพราะต้องการใช้เวลาในการทำใจ
“ก็คงมะรืนนี้แหละไหม...คุณคินเรียกเมื่อไหร่ค่อยขึ้นไปหานะ”
ไพลินรู้สึกลำคอแห้งผากเมื่อต้องเอ่ยประโยคนี้ออกมา ไหมฟ้าเองก็หัวใจวูบหล่นไปอยู่ปลายเท้า เพียงเพราะว่าไม่อยากให้ลูกชายของตนเองเสี่ยงโรคร้าย คุณแสงระวีถึงกับให้เธอเป็นคนรองรับตัณหาของนคินทร์แทน
“ทำไมคุณคินไม่ป้องกันล่ะคุณป้า ไหมไม่เข้าใจ” ถามพร้อมกับสีหน้าคล้ายคนอยากจะร้องไห้
“คุณคินแกบอกว่าป้องกันอย่างดีแล้ว แต่คุณแสงท่านไม่ไว้ใจเผื่อพลาด อีกอย่างท่านก็กลัวจะไปทำใครป่องเข้าสักวัน” ไพลินบอกหลานสาวด้วยท่าทีหนักอกหนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนเรื่องนี้ไหมฟ้าก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วไหมจะต้อง...เอ่อ” ไหมฟ้าไม่กล้าพูดต่อด้วยรู้สึกกระดากปากตัวเอง
“ป้าจะพาไปฉีดยาคุมกำเนิดทุกสามเดือนเอง”
ได้ยินแล้วก็พลันให้รู้สึกห่อเหี่ยวใจ ไหมฟ้าน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาในทันที เธอเพิ่งจะยี่สิบเอ็ดได้รับปริญญาตรีมาไม่ถึงครึ่งปี กลับต้องมีสถานะเป็นนางบำเรอของนคินทร์เสียแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอนาถใจ นคินทร์ไม่เคยชายตามองเธอเลยตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา สถานะยังคงเป็นลูกชายเจ้าของบ้านกับผู้อาศัยอยู่ไม่เคยเปลี่ยน แต่ว่าอีกสองวันข้างหน้าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์บางอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมองเธอแบบไหน จะรังเกียจหรือสมเพชดี
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน คุณแสงระวีได้เรียกให้ไพลินเข้าไปพบและเอ่ยวัตถุประสงค์นี้ออกมา ครั้งแรกที่ได้ยินไพลินถึงกับหน้าชาไปด้วยความรู้สึกว่า ตัวเองและหลานสาวนั้นกำลังถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีอยู่
‘ฉันไม่ได้จะดูถูกหนูไหมกับไพลินเลยนะ แต่ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าหนูไหมแล้ว’ คุณแสงระวีบอกด้วยสีหน้าหนักใจ
‘คุณแสงคะ เรื่องนี้ไพลินไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ต้องถามไหมก่อน’
‘ไม่เป็นไรไพลินฉันเข้าใจ แต่ฉันคาดหวังเอาไว้มาก ไพลินเห็นใช่ไหมข่าวที่ออกแต่ละวันตาคินควงสาวไม่ซ้ำหน้า ฉันเกรงว่าสักวันจะพลาดหรือเกิดติดโรคร้ายขึ้นมา ฉันจะไร้ทายาทสืบสกุล ตาคินเป็นลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของฉัน’
คนพูดมีแววตาสะท้อนถึงความเจ็บปวดออกมา และที่คุณแสงระวีต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ก็เพราะว่าบุตรชายคนโตนั้นได้จากโลกนี้ไปเมื่อสองปีก่อนด้วยวัยแค่สามสิบสามปี จากโรคร้ายที่ติดมาจากบรรดาสาวกลางคืน
‘แต่คุณคินก็น่าจะคิดได้นะคะ เพราะว่ามีตัวอย่างจากพี่ชายให้เห็น’ ไพลินออกความเห็นของตัวเองบ้าง
‘ใช่ฉันรู้ ตาคินเคยบอกว่าป้องกันทุกครั้ง แต่ฉันเป็นห่วงหากวันไหนเมาจนเกิดขาดสติขึ้นมา ทุกอย่างมันก็อาจเกิดขึ้นได้’ ความวิตกกังวลนี้ส่งผลออกทางสภาพร่างกาย คุณแสงระวีนั้นข้าวปลาแทบไม่แตะ ร่างกายผ่ายผอมลงทุกวัน คนได้รับรู้ถึงกับเห็นอกเห็นใจผู้เป็นนายขึ้นมาครามครัน
‘ทำไมไม่พูดกับคุณคินตรงๆ ล่ะคะคุณแสง’
‘เคยแล้วไพลิน ตาคินก็เอาแต่ขำบอกว่าเลิกห่วงได้แล้ว เขาเป็นผู้ชายเรื่องแบบนี้ต้องมีบ้าง’ คุณแสงระวีเงยหน้ามองเพดาน ดวงตาส่อแววเศร้าออกมาอย่างชัดเจน เมื่อต้องนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับบุตรชายคนโต ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กลับทิ้งภาพสุดท้ายอันแสนหดหู่เอาไว้ในความทรงจำของผู้เป็นมารดา
‘คุณแสงคะ’ เมื่อเห็นเจ้านายเงียบไปไพลินจึงเรียกเบาๆ
‘ตาเคนก็เคยพูดแบบนี้กับฉัน แล้วเป็นไง ไพลินเห็นแล้วใช่ไหมว่าวาระสุดท้ายของตาเคนเป็นยังไง’ น้ำตาคลอเบ้ายามเอ่ยถึงบุตรชายคนโต ไพลินเห็นแล้วก็หัวใจห่อเหี่ยวตามไปด้วย สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อตัดสินใจรับปากในเรื่องนี้
‘ก็ได้ค่ะคุณแสง เดี๋ยวไพลินจะไปคุยกับไหมให้นะคะ กลัวก็แต่...คุณคินนั่นแหละ’
‘ตาคินทำไมไพลิน’
‘ก็คุณคินจะรังเกียจไหมหรือเปล่าคะ ปกติก็ไม่ค่อยจะเห็นคุณคินแกชายตาแลหลานสาวของไพลินเลย’
‘ไม่หรอกไพลิน หนูไหมน่ารักอ่อนหวานและใสซื่อขนาดนั้น ต่างจากผู้หญิงเจนจัดของตาคินมากมายนัก แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เถอะ คร้านจะติดใจ’
‘ก็หวังว่าคุณคินจะไม่ไล่ไหมออกจากห้องเสียก่อนนะคะ’
‘ฉันคิดว่าไม่เป็นแบบนั้นแน่ ฉันขอเวลาแค่ปีเดียวแค่นั้นนะไพลิน จากนั้นฉันจะหาลูกสะใภ้ให้เร็วที่สุด’ คุณแสงระวีคาดหวังเอาไว้สูง ไพลินเลยจำต้องนำเรื่องนี้ ไปบอกหลานสาวของตัวเองในวันรุ่งขึ้น
“ไหมถือว่าเห็นแก่ป้า แล้วก็เห็นแก่บุญคุณที่คุณแสงเมตตาเราสองคนนะลูก ตอบแทนท่านบ้างสักครั้งหนึ่ง”
ในอดีตนั้นไพลินเคยถูกสามีทอดทิ้ง แล้วขโมยทรัพย์สินของมีค่าไปจนหมดสิ้น ในตอนนั้นไพลินไม่ได้ทำงานเนื่องจากป่วยหนัก จนต้องออกจากงานที่ทำ เคราะห์ดีที่ว่าคุณแสงระวีไปพบเข้า ในวันที่ไม่มีแม้ข้าวสารสักเม็ดจะหุง ไพลินจึงมีที่ซุกหัวนอนและได้งานใหม่ในตำแหน่งแม่บ้าน แล้วยังสามารถจุนเจือให้หลานสาว ที่พ่อแม่แยกทางกันอย่างไหมฟ้าอีกคน