ตอนที่12. นางรู้

1139 Words
“ข้ารู้ว่าวันหนึ่งเจ้าต้องไปจากข้า แต่รอสักประเดี๋ยวนะ” ชายหนุ่มเก็บรอยยิ้ม มองร่างเล็กที่หมุนตัวคลานไปหยิบอะไรสักอย่างที่หัวเตียง ครู่ต่อมานางก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้ เขายื่นมือไปรับอย่างแปลกใจ “หนังสือสัญญาทาส” นางพูดขึ้นแล้วยื่นถุงเงินส่งตามไป “ข้าตั้งใจคืนให้เจ้า และเงินเล็กน้อย เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ค่อยมีเงินมากนัก แต่เจ้าเองก็ต้องเดินทางอย่างไรก็ควรมีเงินติดตัวบ้าง ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด ทำอะไร ข้าก็หวังให้เจ้าประสบในสิ่งที่ปรารถนา” เขาแปลกใจที่นางเตรียมของเหล่านี้ให้ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเรือนหลังนี้ต้องกระเบียดกระเสียรเรื่องการใช้เงินมากเพียงใด แต่นางยังเจียดเงินไว้ให้เขา “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงมาเป็นทาสเช่นนี้ แต่เรื่องนั้น เจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่สามารถบีบเค้นเอาคำตอบจากเจ้าได้ ที่ผ่านมาเจ้าก็ช่วยเหลือข้าและแม่นมหวงรวมทั้งจางลี่มาตลอด อย่างไรเสียก่อนจากไปข้าคงทำให้ได้แค่คืนหนังสือสัญญาทาสให้เจ้า ต่อไปนี้เจ้าไม่ทาสของข้าและของใครทั้งสิ้น” นางรู้! นางรู้ว่าเขาไม่พูด ไม่ใช่พูดไม่ได้! ดวงตาคมวาวเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน เด็กสาวเม้มริมฝีปากครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “จะรีบไปก็ไปเถิด อากาศเย็นมาก ข้าไม่ออกไปส่งนะ” พูดจบนางก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิม เพียงแค่พลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเกือบมิดใบหน้า แสร้งทำเป็นหลับ แต่นางรับรู้ว่าเขาเข้ามาใกล้แล้วเหน็บผ้าห่มให้นาง คล้ายได้ยินการเคลื่อนไหวบางอย่างด้านหลัง รวดเร็วเสียจนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางนอนนิ่งราวครึ่งเค่อจนมั่นใจว่า ในห้องไม่มีเงาร่างของชายชุดดำผู้นั้นแล้ว จึงลืมตาขึ้นแล้วพลิกตัวกลับมากวาดตามองในห้องอีกครั้ง “ไปแล้วสินะ” นางพึมพำเบาๆ เผลอยกมือขึ้นแตะลำคอ ครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบทำให้นางคอหักตายแล้ว แล้วนางก็หลุดหัวเราะออกมา ต่อให้วันนี้เขาไม่ไป วันหน้านางก็ต้องให้เขาไปอยู่ดี ฐานะอย่างนางเลี้ยงเพิ่มอีกปากท้องก็ไม่ไหว และไม่รู้ว่าอนาคตนางจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ เรื่องที่บ่าวไพร่ในจวนแอบนินทากันก็พอได้ยินบ้าง แม้ท่านพ่อไม่ได้เห็นนางในสายตา แต่ไม่รู้ว่าจะยกนางให้แต่งกับใครอีก และดูจากที่สตรีผู้นั้นสรรหาบุรุษให้นางแต่งงานด้วยนั้นก็เห็นได้ชัดว่า ของดีที่สุดต้องเป็นของลูกสาวนาง ฟู่เซียงเซียงไม่อาจคาดหวังว่าจะได้สามีที่ดีเพื่อจะได้พานางออกไปจากที่นี้ หากครอบครัวฝั่งว่าที่สามีรู้ว่านางเป็นหมอหญิง คงดูแคลนและถึงขั้นไม่ยอมรับเป็นแน่ นางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่เรือนท้ายจวนไปตลอดชีวิต แต่ถ้าบิดายังเมตตาให้นางไปอยู่บ้านบรรพชน บางที... นางอาจมีลู่ทางที่ดีกว่านี้ ทว่ามีบางเรื่องที่นางได้ยินมา ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เป็นเรื่องจริง …………. “คนผู้นั้นไปแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะคุณหนู” “ถ้าคนผู้นั้นที่เจ้ากล่าวถึงคืออี้เฉินละก็...เขาจากไปได้ห้าวันแล้ว และห้าวันมานี้เจ้าก็ถามข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่รอบแล้ว” “เผื่อว่าเขาจะกลับมานี่เจ้าคะ” จางลี่ก้มหน้าซ่อนรอยเขินอายบนแก้ม “เขาจากไปไม่ลาเลยด้วยซ้ำ” “เจ้าจะถามอะไรมากมายนัก” แม่นมหวงอดดุสาวใช้ไม่ได้ “ไปเสียได้ก็ดี หน้าตาน่ากลัวซ้ำไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แค่คุณหนูเมตตาให้ความช่วยเหลือก็นับเป็นวาสนาแล้ว” ฟู่เซียงเซียงคิดแล้วก็อดหงุดหงิดใจไม่ได้ จะไปก็ไม่ว่ากระไร เหตุใดต้องแอบตัดปอยผมของนางด้วย นางเม้มปากไม่พอใจอขณะที่กำลังตากสมุนไพรในลานกลางแจ้ง เขามาอยู่แค่เดือนเดียวแต่ทำให้จางลี่รำพึงหาได้ ช่างน่าแปลกใจนัก นางยังไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด “สุนัขของเจ้าไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ฟู่ซินอี๋เอ่ยพลางกวาดตามองอย่างดูแคลน “เจ้าติดใจสุนัขของข้าถึงขนาดต้องมาดูด้วยตนเองเชียวรึ” ฟู่เซียงเซียงเอ่ยด้วยใบหน้าระบายยิ้ม วางมือจากการตากสมุนไพรแล้วเดินเข้ามาใกล้ ยิ่งยืนใกล้กันก็ยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่ความงามที่เด่นชัด ฟู่ซินอี๋อ้าปากพูดไม่ออกไม่คิดว่าพี่สาวต่างมารดาจะกล้าต่อปากต่อคำนางถึงเพียงนี้ “ข้าก็ไม่ได้อยากมาเหยียบเรือนของเจ้านัก ทั้งเหม็นและสกปรก แต่ที่มาเพราะท่านพ่อให้มาเรียกเจ้าไปพบ” ฟู่เซียงเซียงยืดแผ่นหลังเหยียดตรงปรายตามองน้องสาวต่างมารดาแล้วเอ่ย “อย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฟู่ จะเรียกกันก็ควรให้รู้จักฐานะของตนด้วย และที่สำคัญ ถ้าเรือนของข้าไม่น่ามาเยือน เจ้าก็ส่งบ่าวรับใช้มาเรียกได้ ไม่มีเหตุผลที่เจ้าต้องมาเองเช่นนี้” “เจ้า!” ฟู่ซินอี๋กระทืบเท้าไม่พอใจ “ทำปากเก่งให้ตลอดเถอะ!” พูดจบร่างเล็กในชุดสีแดงสดก็หมุนตัวเดินเร็วๆ จากไปพร้อมกับสาวใช้ที่ติดตามมาด้วย ฟู่เซียงเซียงโคลงศีรษะไปมา สองมือปลดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินไปล้างมือ “คุณหนู” แม่นมหวงอดเป็นกังวลไม่ได้ นายท่านเรียกพบแต่ละครั้งมีแต่เรื่องให้คุณหนูของนางต้องลำบากใจ “จางลี่ช่วยงานแม่นมที่นี่ไม่ต้องตามข้าไปหรอก” นางแย้มยิ้ม “ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็มาแล้ว” ฟู่เซียงเซียงก้าวเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง บ่าวไพร่ไม่เคยให้ความเคารพ แต่นั้นยิ่งทำให้นางต้องเชิดใบหน้าขึ้น ไม่เอาแต่เดินก้มหน้าเหมือนหนูกลัวแมว เด็กสาวในเสื้อผ้าเนื้อหยาบเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ของเรือน บิดานั่งดื่มชาโดยมีจือรั่ว-มารดาของฟู่ซินอี๋ปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ ในห้องไม่มีเงาร่างของลูกสาวคนโปรด แต่นางรู้ว่าคงแอบฟังอยู่ไม่ไกลนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD