“ได้ยินว่าพี่ลี่เฉี่ยวจะสอบเป็นแพทย์หลวง” ฟู่เซียงเซียงชวนคุย “ในวังหลวงคงมีตำราแพทย์ลึกล้ำน่าสนใจเป็นแน่”
“เจ้านี่ก็เห็นอะไรเป็นเรื่องสนุกไปเสียหมด” เขาต่อว่าแต่ไม่จริงจังนักแล้วมองใบหน้างดงาม “ปีหน้าเจ้าก็ปักปิ่นแล้วสินะ”
“เจ้าค่ะ พี่ลี่เฉี่ยวจะเตรียมของขวัญให้ข้าหรือ?”
“มีใครเขาทวงของขวัญกันอย่างนี้กันเล่า” จูลี่เฉี่ยวอดหัวเราะไม่ได้
“ก็ท่านถามเองนี้ ถามแบบนี้ให้ความหวังข้านะ”
“ได้ๆ ปีหน้าเจ้าเตรียมรับของขวัญจากข้าได้เลย”
“ท่านพูดเองนะ อาจารย์เป็นพยานให้ข้าด้วย” นางลากเอาหมอจูซีห่าวเข้ามาเกี่ยว แต่อีกฝ่ายแค่ส่ายหน้าไม่รับรู้ เด็กสาวเบ้ปากแต่ลี่เฉี่ยวกลับยิ้มกว้าง
“ข้าไม่ลืมแน่นอน” จู่ลี่เฉี่ยวให้สัญญา แม้ใบหน้าระบายยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาจ้องเขม็งไปยังอี้เฉินที่ยังนั่งเปลือยท่อนบน ให้หมอจูซีห่าวตรวจดูร่างกาย หมอจูพยักหน้าอย่างพอใจแล้วให้อี้เฉินสวมเสื้อตามเดิม
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าก็กลับได้แล้ว แล้วนี่ค่าสมุนไพรของเจ้า” หมอจูหยิบเงินจำนวนส่งให้ เด็กสาวรับไว้ด้วยรอยยิ้ม นางนับเงินอย่างไม่เกรงมารยาท ดวงตาสุกใสเป็นประกายแล้วยิ้มทะเล้น
“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นวันนี้ข้ากับอี้เฉินกลับเลยนะเจ้าคะ”
ฟู่เซียงเซียงเก็บเงินเรียบร้อยแล้วจึงเดินนำทาสหนุ่มออกมา เขาแอบเห็นมือเล็กๆ นั้นแตะที่ถุงเงินตลอดเวลา การมีเงินทำให้นางมีความสุขได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ชายหนุ่มหรี่ตามองแผ่นหลังบอบบาง เขาไม่เคยเดินตามหลังใครเช่นนี้มาก่อน จู่ๆ นางก็หมุนตัวกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ช่างทำตัวไม่เหมือนเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของเสนาบดีกรมพิธีการฟู่เจี้ยนกั๋วเอาเสียเลย
“เราไปซื้อแป้งกับถั่วแดงให้แม่นมทำของอร่อยให้กินกัน” เด็กสาวพูดแล้วชี้นิ้วไปยังถนนด้านหน้า “เดินไปไม่ไกลนักหรอก เจ้าเดินไหวหรือไม่”
นี่นางเห็นข้าเดินช้าจึงคิดว่าข้าเดินไม่ไหวรึ?
เขานึกอยากโต้เถียงนาง แต่ปกติไม่เคยต่อปากต่อคำกับสตรี ทว่าแค่อ้าปากยังไม่ทันส่งเสียง ฟู่เซียงเซียงก็พยักหน้ารับแล้วชิงพูดก่อน
“ข้าเข้าใจ ร้านอยู่ข้างหน้านี่เอง ไปเถิด”
‘เข้าใจอะไรกัน พูดเองเออเองเอาทั้งนั้น’
ร่างเล็กหมุนตัวกลับ ก้าวเดินได้เพียงสองก้าวก็ถูกเสียงหนึ่งเรียกไว้ ฟู่เซียงเซียงหันไปมองเจ้าของมือขาวผ่องกวักมือเรียกจากตรอกด้านข้าง นางจำหญิงสาวผู้นั้นได้เป็นอย่างดีจึงเดินตรงไปหาพร้อมรอยยิ้ม
“พี่เหมยลี่” เด็กสาวที่อยู่ในชุดเด็กหนุ่มเอ่ยทัก “ท่านมาซื้อของที่ตลาดหรือ?”
“ข้ามาดักพบเจ้าต่างหากล่ะ” หญิงสาวทำตาดุใส่ ทว่าเมื่อเห็นว่าด้านหลังฟู่เซียงเซียงมีบุรุษสวมชุดดำท่าทางน่ากลัวยืนอยู่ นางก็พูดไม่ออก ฟู่เซียงเซียงเข้าใจในทันที นางกุมมือเหมยลี่แล้วพูดปนหัวเราะ
“เขามากับข้า ว่าแต่พี่เหมยลี่มีเรื่องอันใดรึ”
เหมยลี่ลอบมองชายในชุดดำอีกครั้งแล้วยกพัดขึ้นป้องปากกระซิบ “พี่น้องไม่ค่อยสบาย เจ้าช่วยไปดูอาการสักหน่อยเถิด”
“ท่านหมอจูห้ามไม่ให้ข้าออกตรวจคนไข้เพียงลำพัง” ฟู่เซียง เซียงรีบพูดขึ้น แต่อีกฝ่ายดูไม่สนใจนัก
“เจ้าก็รู้ว่าถ้าพวกเราไปหาท่านหมอที่โรงหมอหรือเชิญท่านหมอไปตรวจ หากมีคนรู้เข้าจะคิดว่าเจ็บป่วยหนักนะสิ”
“แล้วที่มาเรียกข้าก็ไม่ใช่เพราะเจ็บป่วยหรอกหรือ?” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย เหมยลี่กระทืบเท้าไม่พอใจแล้วเปลี่ยนเป็นจูงมือฟู่เซียงเซียงให้เดินไปตามตรอกจนไปถึงหอนางโลมแห่งหนึ่ง แต่เหมยลี่พาเข้าไปโดยใช้ประตูด้านหลัง ชายหนุ่มขมวดคิ้วไม่คิดว่าเด็กสาวจะมาสถานที่เช่นนี้ แต่ดูเหมือนนางคุ้นเคยกับคนที่นี่
เด็กสาวหันมาทางอี้เฉิน นางยื่นมือไปรับล่วมยาจากเขาแล้วพูดขึ้น “ข้างในมีแต่สตรี เจ้าเข้าไปไม่ได้ต้องรอด้านนอก”
ฟู่เซียงเซียงเห็นสายตาของอี้เฉินมีค่อยไว้ใจนัก เขามองข้ามศีรษะนางไปด้านหลัง นางขยับตัวใช้ตัวเองบังไว้ทั้งที่รู้ว่าเขามองเห็นหลังบานประตูที่แง้มอยู่
“ไม่ต้องห่วง ข้าเคยมาที่นี่” นางยืนยัน “เจ้ารอข้าอย่าเที่ยวเล่นซุกซน”
นางดุเขาราวกับตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้วผลุบหายเข้าไปในห้อง ท่าทางทึ่มทื่อทำให้หญิงสาวสองสามคนที่ได้ยินพากันหัวเราะคิกคัก
“ไม่ต้องหวงนางหรอก พวกเราไม่ได้ทำร้ายนางแค่เชิญนางมาตรวจพี่ๆน้องๆเท่านั้นเอง” หญิงสาวคนหนึ่งปรายตามองชายหนุ่มในชุดดำแล้วยิ้มพราย “เจ้าไปดื่มชากับข้าก่อนดีกว่า”
ชายหนุ่มขยับเท้าเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบมือเรียวที่ยื่นมาหมายแตะร่างกาย ท่าทางดุดันทำให้มือนั้นชะงักไปทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่หางตาเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่าง เขาสาวเท้าก้าวตามไปทันทีไม่สนใจว่าหญิงสาวเหล่านั้นจะเรียกเขาไว้
หลังบานประตูปิดสนิท ฟู่เซียงเซียงเดินตรงไปยังหลังม่านปักลายดอกเบญจมาศ มีหญิงสาวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ฟู่เซียงเซียงคลี่ยิ้มทักทายแล้วนั่งลงที่เก้าอี้กลมริมเตียง
“พี่ลี่หรูไม่สบายหรือเจ้าคะ”
“เจ็บป่วยเล็กน้อยแต่เกรงจะว่าวันหน้าจะเป็นมาก เจ้าช่วยตรวจดูสักหน่อยสิ”
“แต่ว่า...ท่านหมอจูสั่งห้ามไม่ให้ข้าออกตรวจเพียงลำพัง”
“แล้วอย่างไร ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้” ลี่หรูหัวเราะเบาๆ แต่น้ำเสียงแหบแห้ง
“พี่ลี่หรูมีอาการใดบ้างเจ้าคะ”
แม้ในห้องมีแต่สตรี แต่บางเรื่องก็ไม่อาจพูดเสียงดังนั้น ลี่หรูทำท่าป้องปากกระซิบ ฟู่เซียงเซียงก็เอียงใบหน้าเข้าไปรับฟัง นางฟังอย่างตั้งใจแล้วจึงขอจับชีพจรแล้วให้ลี่หรูอ้าปากดูลิ้น
“อาการม้ามพร่องเจ้าค่ะ ( ***) เมื่อม้ามและกระเพาะพร่องไม่มีแรง เกิดเป็นความชื้นขึ้น และกลายเป็นตกขาว จะเป็น ๆ หาย ๆ อาการมักกลับมาเมื่อร่างกายอ่อนแอ พี่ลี่หรูมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ลิ้นซีด รักษาโดยใช้ยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณบำรุงชี่เสริมม้าม ดึงหยางขึ้นขับชื้น เพื่อรักษาอาการตกขาว ระหว่างนี้พี่ลี่หรูควรงดอาหารหมักดองและรสจัด หลังเสร็จกามกิจแล้วทำความสะอาดทันที ผลัดเปลี่ยนกางเกงชั้นในบ่อยๆ ก็ช่วยให้หายได้เร็วขึ้นเจ้าค่ะ”