“เจ้าเป็นทาส และนางก็เป็นหญิง คราวหน้าคราวหลังอย่างทำเช่นนี้อีก”
‘แล้วจะปล่อยให้นางล้มหน้าคว่ำไปหรือไร?’
“คนผู้นี้พูดไม่ได้” ท่านหมอจูเอ่ยกับลูกศิษย์ และอธิบายกับทาสหนุ่ม “นางมักซุ่มซ่ามอยู่เสมอ หากคราวหน้านางหกล้ม เจ้าก็ประคองไหล่นางไว้ ไม่ใช่กอดเอวนางเช่นนั้น”
ทาสหนุ่มนิ่งงันไป เขาคิดแค่ต้องการช่วยไม่ให้นางหน้าคว่ำกระแทกพื้น หมอจูซีห่าวเข้าใจว่าทาสผู้นี้คงไม่มีความรู้จึงตั้งใจอบรมสั่งสอน แม้ฟู่เซียงเซียงแต่กายเป็นชายแต่อย่างไรนางก็เป็นหญิง จะทำสิ่งใดก็ต้องระวังให้มาก แต่นางไม่เหมือนสตรีทั่วไป ไม่เช่นนั้นคงไม่สนใจเรียนการรักษาคนเช่นนี้
ฟู่เซียงเซียงชงน้ำชาแล้วยกเข้ามาในห้องโถง โดยมีศิษย์ที่หมอจูซีห่าวรับไว้อีกสามคนอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือจูลี่เฉียว หลานชายของเขาเอง เด็กสาวคุกเข่ายกน้ำชา ดวงตางามเป็นประกายงดงามเฝ้ามองมือหยาบกร้านยกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด แล้วจึงหยิบชุดเข็มเงินส่งให้ฟู่เซียงเซียง
“จงเรียนรู้และรักษาผู้คนด้วยความซื่อสัตย์จากใจ”
“ศิษย์ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
นางรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หมอจูซีห่าวพยักหน้าพอใจ เห็นที่ว่าต้องเหนื่อยกับสอนเจ้าวัวดื้อตัวนี้สักหน่อย แต่เขาเชื่อว่านางจะเป็นหมอหญิงที่ดีได้
“เจ้าคงศึกษามาบ้างแล้ว แต่ข้าไม่รู้เจ้าเข้าใจถูกผิดมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็เริ่มจากพื้นฐานเลยก็แล้วกัน”
หมอจูซีห่าวกวาดตามองทาสหนุ่มที่ติดตามฟู่เซียงเซียงมาด้วย “หุ่นสองตำลึงของเจ้าแข็งแรงกว่าที่คิดไว้มาก ฟื้นฟูได้เร็วกว่าที่คาดคิดจริงๆ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะข้าทุมเทแรงกายและใจดูแลรักษาเขาอย่างดียิ่ง ท่านหมออยากดูหรือไม่เจ้าคะ แผลที่ข้าเย็บเป็นครั้งแรกไม่มีปริแตกเลยสักนิด”
ไม่พูดเปล่า นางเดินไปฉุดแขนของอี้เฉินให้มายืนต่อหน้าหมอจู ...ไม่สิ ต้องเรียกว่าอาจารย์จูซีห่าว ซ้ำยังทึ้งเสื้อผ้าของอี้เฉินลง และเพราะนางตัวเล็กจึงต้องเขย่งปลายเท้าขึ้น จับเขาหันหลังให้อาจารย์จูดูรอยแผลที่นางรักษาเขา
“คงเพราะเจ้าเป็นหญิงมีฝีมือด้านเย็บปักจึงทำออกมาได้ดี”
“ศิษย์พี่! เย็บหนังมนุษย์จะเหมือนเย็บผ้าได้อย่างไร นี่มันเกิดจากฝีมือข้าล้วนๆ”
ฟู่เซียงเซียงเหมือนน้องคนเล็กในกลุ่มทำให้บรรดาศิษย์พี่หยอกเย้า มีเพียงสายตาของจูลี่เฉี่ยวที่ไม่ค่อยพอใจนัก แม้ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม เขายื่นมือไปชีพจรของอี้เฉิน ทาสหนุ่มเพียงตวัดหางตามองอย่างหงุดหงิดท่าทางราวหมาป่า
“มีอะไรรึศิษย์พี่ลี่เฉี่ยว”
หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ แต่อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไปมาส่งยิ้มเอ็นดูให้เด็กสาว แต่ในใจครุ่นคิด ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงจึงจะควบคุมชีพจรได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงกลายเป็นทาสได้เล่า? เขาคงเข้าใจอะไรผิดไปเป็นแน่.
...
หลายวันมานี้อี้เฉินติดตามฟู่เซียงเซียง ไปโรงหมอทุกวัน ระหว่างที่นางเรียนกับหมอจูซี่ห่าว เขาก็ถูกเรียกใช้งานแบกหามในโรงหมอ และเมื่อเด็กสาวเห็นก็จะโวยวายกล่าวหาว่าผู้อื่นรังแกคนของตน
“เจ้าเป็นคนของข้าอย่าให้ผู้อื่นใช้งานสิ” นางทำตาดุใส่ แต่ท่าทางน่าเอ็นดูเช่นนี้ไม่ทำให้คนถูกดุหวาดกลัวได้
เขาเองก็ไม่ได้อยากทำงานพวกนี้ ที่ทำเพราะต้องการช่วยฟู่เซียงเซียงต่างหาก หากเขาไม่ชิงลงมือทำเสียเอง คนเหล่านี้ก็ใช้นางทำงานเหมือนเดิม เขาไม่ต้องการเป็นที่ผิดสังเกต ผู้ใดใช้ให้ทำอะไรจึงทำตามอย่างว่าง่าย ท่าทางทึ่มทื่อจนน่าเวทนาโดยเฉพาะเวลาที่เด็กสาวตัวเล็กกางแขนปกป้อง ที่ผ่านมาเคยมีใครทำให้เขาเช่นนี้บ้างหรือไม่ มันเนิ่นนานเสียจนจำไม่ได้แล้ว
“บาดแผลยังไม่สมานดี ยกของหนักเช่นนี้จะปริเอาได้ ข้าให้เจ้าติดตามมาเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้ให้มาทำงานหนักเช่นนี้”
ฟู่เซียงเซียงหันมาดุอี้เฉิน ท่าทางนางเหมือนแมวน้อยที่ขู่ฟ่อๆให้ผู้อื่นกลัว แต่เห็นแล้วยิ่งน่าเอ็นดูจนนึกอยากลูบศีรษะเหลือเกิน
“ช่างเถอะๆ เจ้าตามข้าไปหาอาจารย์จูให้ตรวจดูบาดแผลดีกว่า”
ประเดี๋ยวนี้นางเรียกท่านหมอจูว่าอาจารย์จูได้เต็มปากเต็มคำไม่ต้องเกรงว่าผู้ใดจะหัวเราะเยาะ ใครต่อใครก็มองออกว่านางเป็นศิษย์ที่ท่านหมอจูซีห่าวให้ความเอ็นดูที่สุด หลายคนแอบพูดคุยกันลับหลัง ไม่แน่ว่าท่านหมอจูหมายตาให้ฟู่เซียงเซียงแต่งงานกับจูลี่เฉี่ยวเพื่อสืบทอดกิจการโรงหมอ แต่เรื่องเหล่านี้ฟู่เซียงเซียงไม่ได้รับรู้เลยสักนิด มีเพียงอี้เฉินที่ได้ยินเต็มสองหูและหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล
“อาจารย์จู” ฟู่เซียงเซียงเรียกหมอจูเสียงอ่อนหวาน “ท่านตรวจดูบาดแผลของอี้เฉินสักนิดเถิด เขาถูกบรรดาศิษย์พี่เรียกใช้ตอนที่ข้าไม่อยู่ ไม่รู้แผลปริแตกหรือไม่”
“เจ้าอยากให้ข้าดูแผลให้เขา หรืออยากอวดฝีมือการรักษของเจ้ากันแน่”
หมอจูซีห่าวส่ายหน้าไปมา เหตุใดจะไม่รู้ว่านางคิดเช่นไร แต่กระนั้นก็ยังพยักหน้าให้อี้เฉินเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วสั่งให้ถอดเสื้อออก ฟู่เซียงเซียงแม้เป็นหญิง แต่ศึกษาการรักษาผู้คนกับท่านหมอจูซีห่าวมาสามปี เคยเห็นร่างเปลือยของบุรุษมาแล้วจึงไม่ได้มีสีหน้าเขินอายแต่อย่างใด ยามเมื่อต้องวินิจฉัยอาการคนเจ็บป่วย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง ไม่เหลือภาพเด็กสาวที่ชอบพูดจาชวนให้คนฟังอมยิ้ม
จูลี่เฉี่ยวยืนมองใกล้ๆ พิจารณารอยแผลเป็นบนร่างของชายผู้นี้ จะว่าไปก็น่าประหลาดใจที่ยังมีชีวิตรอดมาถึงเวลานี้ได้ เขาอดประเมินไม่ได้ว่าทาสผู้นี้เคยทำอะไรมาก่อน เหตุใดร่างกายจึงเต็มไปด้วยแผลเป็นเช่นนี้