หลังจากนั้น ในเมืองก็อึกทึกไปด้วยเสียงตีเหล็กตลอดวัน หวงเกาเทียนฝึกหัดใช้ปีกเหล็กโบยบิน จนสามารถใช้งานได้คล่อง ร่างสูงโปร่งใบหน้าขาวดูงดงามกว่าชายปกติ แม้มิใคร่แย้มรอยยิ้มนัก แต่ทว่ากลับเป็นมิตรต่อผู้คน และนำหน้าผู้อื่นไปปล้นชิงตัวประกันมาอย่างกล้าหาญ
ยามได้ข่าวลับมาว่ามีชาวแคว้นหลิงถูกจับเป็นเชลยอยู่ หวงเกาเทียนลักลอบเข้าไปในค่ายทัพของศัตรู ยามที่แม่ทัพเว่ยนั้นล่อลวงศัตรูไปอีกทางหนึ่งและสู้รบกันอย่างดุเดือดอยู่ ร่างสูงโปร่งปิดใบหน้าขาวๆไว้และพรางกายไปในค่ายทัพศัตรู จนพบแม่ทัพชั้นไท่เวยนามว่าหานซียิน จึงเร่งสังหารทหารยามและใช้คีมเหล็กตัดโซ่ออกมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะหามคนตัวโตกว่าด้วยพละกำลังของตนเอง และนำคนที่เจ็บหนักออกมาจนสิ้น
ยามออกมาถึงจุดนัดพบ เมิ่งฉีเซิงนำคนรัดไปบนหลังม้าทั้งหมด และสวมปีกเหล็กบินนำทางต้อนม้าเข้าไปทางประตูเมืองฝูหลิง โดยมีข้าศึกไล่ตามมาติดๆ ผู้คนภายในเมืองต้องเร่งออกมาคุ้มกันและสู้รบกันที่หน้าประตูเมืองฝูหลิง เสี่ยวโซ่วและนายกองชุนที่อยู่บนกำแพงเมือง เร่งผนึกกำลังกันยิงธนู และมีเสี่ยวโซ่วกับท่านลุงฉู่ ซุ่มยิงหน้าไม้ออกไปที่รูเล็กๆข้างกำแพงเมือง ที่เจาะเอาไว้เป็นรูเล็กๆสำหรับยิงหน้าไม้โดยเฉพาะ
ยามเมื่อประตูเมืองเปิดขึ้น หวงเกาเทียนจะยืนรั้งท้ายอยู่เสมอ พร้อมทหารอารักขาที่พร้อมใจกันติดตามหวงซื่อจื่ออย่างเต็มใจ ยามช่วยหานไท่เวยมาได้พร้อมขุนศึกทั้งห้า ทัพของเมืองฝูหลิงคล้ายเปล่งประกายขึ้นมาอย่างกระทันหัน หานไท่เวยยามฝืนลืมตาขึ้นมาได้ ก็ช่วยวางกลศึกจนสามารถยึดค่ายชายแดนคืนกลับคืนมา และตีทัพฉีอันถอยร่นออกไปจนพ้นชายแดน ถัดฝั่งฝูหลิงไปสามเมือง แต่เพียงเท่านั้นมิใช่หนทางแห่งชัยชนะ เพราะแคว้นหลิงแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วในยามนี้
หกเดือนผ่านไปหวงเกาเทียนคล้ายจะตัวสูงขึ้น ตัวโตหน้าขาวอ้วนท้วนกำยำขึ้นมา จนสาวน้อยอ้วนกลมเสี่ยวโซ่วต้องเงยหน้ามองคู่สนทนาอยู่ตลอด นางท้าวเอวและหน้าบูดทุกครา ที่พบว่าเหล่าบุรุษตัวสูงกว่านางกันไปหมดแล้ว
“ฮึ่ม เหตุใดมีแต่ข้าเท่านั้นที่ขาสั้นและอ้วนกลม ทุกคราที่พบกันพวกท่านมีแต่จะตัวโตขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มีแต่ข้าผู้เดียวเท่านั้นที่ขาสั้นและอ้วนกลม สวรรค์มิเคยมีความยุติธรรมเลย ฮึ่ม”
หวงเกาเทียนยามฟังเสี่ยวโซ่วแล้วก็หัวเราะขำพรืด ยกมือปิดปากตนเองเบาๆและลูบหัวนางไปหนึ่งครา ยิ้มแย้มออกมาให้นางเห็น เอ่ยปลอบใจสาวน้อยผู้เดียวในเมืองฝูหลิงไปเบาๆ
“สตรีก็มักจะอ้วนกลมเช่นนี้กันทั้งนั้นยามที่ยังโตมิเต็มที่ นอนมากหน่อยกินมากหน่อย ต่อไปเดี๋ยวออกแรงคราหนึ่งก็สูงขึ้นเอง เจ้าอย่ากังวลไปเลยสาวน้อย”
เสี่ยวโซ่วฟังแล้วพอใจในการปลุกปลอบนั้นอย่างมาก นางเหลือบสายตาใส่ไปคราหนึ่ง และกระโดดกอดเอวของหวงต้าเกอจนแน่น ก่อนจะขโมยหอมแก้มไปแรงๆ ร่างหนาหน้าแดงไปทั้งหน้าจนถึงใบหู ก่อนจะตีก้นนางเบาๆ และเร่งเอ่ยขึ้นมาพลัน
“เจ้าเด็กแก่แดด หญิงชายมิใกล้ชิดกัน เจ้ามาลวนลามข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน บังอาจแล้วเสี่ยวโซ่ว”
“ฮิ ฮิ ฮิ ก็ท่านงดงามที่สุดในฝูหลิง หากว่าใส่ชุดสตรี ผู้คนก็ต้องนึกว่าท่านคือเทพเซียนมาจุติแล้วหวงต้าเกอ”
“ลงไปนะเสี่ยวโซ่ว อย่ามากอดข้า หยุดนะ เสี่ยวโซ่ว”
ทหารทั้งหลายหัวเราะดังลั่น ที่หวงซื่อจื่อถูกสาวน้อยจับนิดแตะหน่อย และระดมจูบไปทั้งเนื้อตัว ร่างหนาพยายามแกะอย่างไรก็มิออก จนนางพอใจแล้วนางจึงกระโดดลงไปจากเอวแกร่ง และแลบลิ้นวิ่งหายไปทันที
หวงเกาเทียนหน้าแดงจับแก้มตนเองเบาๆ และเดินตัวแดงหนีผู้คนไปทันที
ผู้คนหัวเราะลั่นตามหลังไปอย่างขำขัน ในราตรีนั้นหวงเกาเทียนคล้ายหัวใจมิอยู่สุข ยามกายหนุ่มแน่นถูกสัมผัสจากเด็กสาวน้อยๆเข้า ยามราตรีกลางกายนั้นกลับผงาดผึงขึ้นมา ร่างหนานอนมิได้ต้องล้วงคลำกายของตนเองเป็นคราแรกในชีวิต และดึงรั้งแก่นกายของตนเอง แอ่นสะโพกหยัดกายดิ้นเร่าอยู่ค่อนราตรี จนน้ำขาวข้นทะลักออกมาแล้ว จึงค่อยนอนเป็นสุขได้และตื่นมาในยามอิ๋น *1ออกไปผลัดเวรกับทหารบนกำแพงป้อมเสีย
ขึ้นมายืนยามพักหนึ่ง เด็กสาวน้อยๆก็เดินถือตะกร้าอาหารมาให้ และแอบกอดรัดจากด้านหลังจนแน่น กายหนุ่มแน่นของหวงเกาเทียน คล้ายเดือดพล่านขึ้นมา เนื่องจากเป็นฤดูหนาวยามอิ๋นจึงมืดสลัวมีแต่หมอกบดบังไปทุกทิศ ร่างหนาจึงพลิกดันสาวน้อยไปจนติดกำแพงหิน และเบียดแก่นกายแข็งขึงเข้าหาในทันที เด็กสาวตกใจหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็ยอมให้หวงเกาเทียนถูไถใส่กลางกายแต่โดยดี
ในมุมอับทึบมือหนายกเด็กสาวขึ้นนั่งบนช่องกำแพง และควักแก่นกายขนาดใหญ่ออกมา เด็กสาวตาโตข้ึนและตัวสั่นระริกไปทั้งกาย นางใบหน้าบิดเบี้ยวจะร่ำไห้ ยามเห็นมังกรขนาดยักษ์ที่ใหญ่กว่าข้อมือของนางเสียอีก ทั้งยังมีปลายหัวมังกรเบ่งบาน และมีเส้นเอ็นเครียดขึงไปทั้งลำ ร่างหนาดวงตาแดงฉ่ำเยิ้มขึ้นมาก้มลงกระซิบเบา
“อย่ากลัวไปเลย ต้าเกอจะมิมุดหัวมันเข้าไป ขอถูไถเพียงเล็กน้อยให้กายนั้นทุเลาลงเพียงนั้นเอง”
เสี่ยวโซ่วหน้าแดง นางเอนกายพิงกำแพงหินเย็นๆ กายร้อนไปทั้งกาย มือแกร่งกำหัวมังกรแรงๆ จนมันเบ่งบานแข็งขึง แล้วเริ่มต้นพาดท่อนเนื้อลำยาวบนรอยแยกสีหวาน ก่อนจะไถขึ้นไถลงไปมาอย่างรุนแรง
เสี่ยวโซ่วตาเหลือกลาน ยามปลายหัวที่คล้ายจะนุ่มและแข็งตึงอยู่ภายใน ไถครูดตุ่มไตน้อยๆบนร่างสาว เสี่ยวโซ่วแลบปลายลิ้นออกมา และกายส่ายสะบัด ถีบปลายเท้าดิ้นเร่าแอ่นกลีบเนื้อขึ้นจนกายโค้งสะบัดขึ้นมา หวงเกาเทียนตาโตและเด้งสะโพกไถท่อนลำถี่ๆ จนน้ำขาวข้นทะลักออกมา เลอะเปรอะไปตามกายของเด็กสาวไปหมด ร่างหนาเร่งดึงผ้าคลุมกายของตนออก และคลุมนางไปทั้งกายในทันที
“ไปล้างตัวในห้องของข้าก่อน ในห้องของข้ามีกาน้ำร้อนอยู่ตลอดทุกยาม หากมิมีผ้าผลัดก็รื้อค้นเอาในห้องของต้าเกอเสียเด็กดี รีบไปเสียก่อนจะเช้าอย่าให้ผู้ใดพบเล่า กลิ่นกายของข้าติดเจ้าไปหมดแล้วในยามนี้”
เสี่ยวโซ่วหน้าแดงและรวบผืนผ้าคลุมกาย ถลกกระโปรงลงและวิ่งหนีไปในทันที ร่างหนาแลบลิ้นเลียปากของตนเองเบาๆ และหันไปทางด้านหลังตนเอง ดุองครักษ์เงาออกไปในคราหนึ่ง
“อย่าเที่ยวไปฟ้องหานไท่เวยเล่า ข้ายังมิอยากอับอายผู้ใดในยามนี้ นางเอ่อ นางยังเล็กนักแต่ข้าทำเรื่องน่าอายไปเสียแล้ว อร่า”
องครักษ์เงาที่เพิ่งติดตามมาเจอนายของตนหัวเราะคิก และคุกเข่าลงเงียบๆ ร่างสูงโปร่งมองตามทางเดินลงไปและสั่งองครักษ์ของตนให้ยืนยามแทนไปในทันที ก่อนจะวิ่งตามเด็กสาวไปดื้อๆเช่นนั้นเอง
ยามอิ๋น*1 คือ 3.00 - 04.59 น.