เสี่ยวโซ่วใช้ปีกเหล็กบินลงมาและมาช่วยโรยยาใส่แผลให้ผู้คน เด็กชายในชุดเสื้อผ้าเลอค่าตามกายมีหยกพกเอวสีต่างๆ และสวมกวานทองคำล้ำค่า นอนแผ่หราในพื้นดินและร้องไห้ออกมาเบาๆ
“พวกเราคือบุตรชายของเสนาบดีทางเป่ยฉาง คนของพวกเราที่อารักขาพวกเราลี้ภัยสงครามมา ต่างสละชีพตกตายกันไปจนหมดสิ้น พวกเราถูกคุมขังในคุกของฉีอันอยู่สามวัน จนวันที่หวงต้าเกอนั้นช่วยพวกเราแหกคุกออกมา และพวกเราต่างถูกตามล่าจากทหารฉีอันมาตลอดราตรี คิดว่าจะหนีพ้นเสียแล้ว หากพวกเราถูกจับไปได้ทหารของกองทัพหลิงเทียนต้องลำบากแน่ๆ ยามนี้การรบนั้นดุเดือดมาก บิดาของพวกเราต่างยกทัพมาทางใต้แล้ว ยามนี้คงเป็นกองทัพหนุนของหลิงเทียนอยู่ หากมิได้พวกท่านพวกเราย่อมทำให้กองทัพลำบากแล้ว ชาตินี้ข้าจะมิลืมเลือนพวกท่านเลย”
เหล่าทหารหัวเราะร่า และไปนำผ้าห่มหยาบๆ มาให้เหล่าเด็กชายเอ่ยขออภัยที่มิมีของดีกว่านี้แล้ว เด็กชายส่ายหน้าเบาๆ และเร่งถอดผ้าเปื้อนเลือด และกวานทองคำออกใส่ยามแรกนั้น เด็กชายนามว่าเซี่ยหรานฉี ยื่นกวานทองคำให้เล่อหานเสวี่ย แต่ใบหน้าคมส่ายไปมาเบาๆ และตบบ่าคนไปหนึ่งครา
“ตี้ตีพวกเจ้าหน่ะอย่าคิดมากไปเลย เมืองนี้นั้นมิต้องใช้เงินทอง สงครามรายล้อมเราเช่นนี้ ข้าจะนำทองคำหนีไปที่ใดได้ คนค้าขายในเมืองนี้ก็มิมีแล้ว มีแต่ทหารกองหนึ่ง เดิมทีเมืองนี้เคยเป็นที่มั่นของกองหนุน แต่ทว่านับแต่กองหนุนเคลื่อนไปแล้วก็ยังมิมีข่าวคราวเลย มีเพียงพวกเราที่ต้องปกป้องเมืองนี้ไว้ รอคอยทหารกล้าทั้งหลายกลับมาอีกคราเท่านั้นเอง”
เด็กชายมองสบตาเล่อหานเสวี่ยและพากันคุกเข่าลงคำนับสามครา และขอสาบานเป็นพี่น้องกัน เล่อหานเสวี่ยหัวเราะขึ้นมาและ ให้เด็กชายถือข้าวต้มคนล่ะชาม สาบานร่วมตายกันที่ตรงนั้น เสี่ยวโซ่วหัวเราะคิกๆ และยกชามข้าวเทลงท้องไปอย่างว่องไว นางเคี้ยวกลืนโจ๊กข้นๆ ลงไปและเรอออกมาในทันที
“ฮร้า สงครามเช่นนี้แต่ข้ามีโจ๊กข้นๆ กิน ต่อไปหากต้องตายข้าก็มิหิวโหยแล้ว”
เล่อหานเสวี่ยหัวเราะเบาๆ และอุ้มเสี่ยวโซ่วนั่งบนบ่าไป และนำทางเด็กชายมาในบ้านพักทหาร ให้ผลัดผ้าอาบน้ำ และเร่งวางแผนให้เด็กชายนั้น ช่วยป้องกันเมืองช่วยสลับเวรยามในทิศต่างๆ เหล่าเด็กชายทั้งสิบแปดคนต่างเร่งเรียนรู้อย่างว่องไว ผ่านไปสองวัน หวงต้าเกอหรือหวงเกาเทียน ที่มีใบหน้าเย็นชาปากแดงเรื่อผมยาวสีน้ำหมึก เดินโงนเงนออกมาจากบนป้อมและลงมานั่งกินโจ๊กอย่างหิวโหย เสี่ยวโซ่วขยับมานั่งยองที่พื้นและเงยหน้าขึ้นไปพลัน นางยิ้มอดกมาจนตาหยีและวิ่งไปเก็บดอกไม้มาส่งให้หวงต้าเกอในทันที
“หวงต้าเกอท่านงดงามนักโตไปข้าจะแต่งงานกับท่าน”
หวงเกาเทียนพ่นโจ๊กออกมาพรูดสำลักโจ๊กไปในทันที ทุกผู้คนหัวเราะลั่นออกมาพลัน ผู้มีใบหน้าขาวอีกคนที่อ่อนเยาว์กว่านามว่า ซูหย่งเซวี่ยดึงหยกที่เอวของหวงต้าเกอออกไป และโยนให้เด็กน้อยไปในทันทีเอ่ยติดตลกออกมาพลัน
“เจ้าเอ่ยปากสู่ขอหวงต้าเกอแล้วนะ ต่อไปเจ้าต้องเป็นสตรีอุ่นเตียงของหวงต้าเกอแล้ว รับปากมิคืนคำนะเจ้าเด็กแก่แดด”
เสี่ยวโซ่ว คว้าหยกรูปสิงโตคำรามมาชมและยกขึ้นส่องไปบนฟ้า เหล่าทหารตาโตและคุกเข่าลงในทันใด หวงเกาเทียนโบกมือเบาๆ ไปคราหนึ่ง และขยับมาแบมือขอหยกคืนจากเด็กสาวตัวน้อยๆ ยิ้มเจิดจ้าให้นางและหอมแก้มนางไปคราหนึ่งกระซิบเบาๆ
“ต้าเกอมีหยกแสดงฐานะเพียงชิ้นหนึ่งยังให้เจ้ามิได้ ต่อไปหากสงครามจบลงแล้วเราทั้งหมดต่างมิตาย ข้าจะหาสิ่งที่ดีกว่านี้มาให้เจ้า หากมิได้เจ้าข้าคงตายไปแล้วจริงๆ ขอบใจเจ้านะสาวน้อย”
“คิก คิก หากพวกเรารอด ท่านต้องพาข้าไปเที่ยวบ้านของพวกท่านนะ ข้าอยากพจญภัยตั้งแต่เกิดมาข้าก็นอนในเมืองนี้มานานแล้ว มิรู้ว่าตนเองคือใคร หรือมีญาติที่ใด ข้าจำได้เพียงว่าตื่นมาก็มิรู้ตนเองแล้ว และมินานกองหนุนของแม่ทัพเว่ยและนายกองชุนก็มาให้น่องไก่ข้าทุกวัน นอกจากนั้นข้านั้นจดจำสิ่งใดมิได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
ทุกผู้คนขมวดคิ้วพลัน และพิศมองใบหน้าของเด็กสาวที่คล้ายคนในเมืองหลวง มากกว่าคนทางชายแดนที่มีผิวเข้มและตาคมกว่า จึงสัญญาไว้ว่าจะสืบหาครอบครัวของเด็กสาวให้ในภายหลัง หากว่าทั้งหมดรอดไปจากสงครามได้ เช่นนั้นทั้งหมดจึงกอดคอกันสาบานต่อฟ้าดิน และร่วมปกป้องเมืองฝูหลิงกันไปก่อน เพราะกึ่งหนึ่งมาจากทางเหนือที่ชายแดนแตกแล้ว อีกส่วนคือบุตรชายขุนนางชั้นสูง ที่ถูกลักพามาจากค่ายทหาร หลังจากนั้นมินานแม่ทัพเว่ยและนายกองชุน ควบม้านำทหารถอยร่นมาทางเมืองฝูหลิง ด้วยต้านทานทัพฉีอันมิได้มาก จึงถอยกลับมาก่อน
ยามทั้งหมดมาถึงเมืองฝูหลิงและพบว่ายังมิถูกยึดครอง นายกองชุนเดินหาเสี่ยวโซ่วและยามพบก็กระโดดกอดเด็กสาวอย่างคิดถึง ดวงตาของนายกองชุนรื้นไปด้วยน้ำตา และก่นด่าเด็กน้อยเบาๆ
“เด็กโง่ ข้าบอกให้เจ้าหนีไปเหตุใดจึงยังคงอยู่ที่นี่กัน”
“ฮ่า ฮ่า ข้ารอท่านนายกองชุน ข้าจะปกป้องเมืองฝูหลิงนี้ให้ได้เลยล่ะ ท่านนายกอง”
นายกองชุนที่ตาเสียไปข้างหนึ่ง ร้องไห้ออกมาเพราะคิดถึงบุตรสาวตนและภรรยาที่มิรู้ว่ายามนี้เป็นอย่างไร เพราะสงครามนั้นดุเดือด ชาวแคว้นหลิงต่างต้องถอยร่นเพราะถูกโอบล้อมตีเมืองไปหมดทุกทิศ เมืองฝูหลิงนี้จึงถูกยึดเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของแม่ทัพเว่ย ยามนักรบมาถึงฝูหลิงต่างบาดเจ็บและหิวโหย เสบียงนั้นก็ขาดอดอยากมาตลอดทาง จนมาถึงเมืองฝูหลิง ยามแม่ทัพเว่ยมาถึงในเมืองแล้ว จึงเร่งแก้ไขปัญหาเสบียงก่อนสิ่งใด หวงเกาเทียนเห็นเช่นนั้นจึงจุดดลุประจำกายของตนเองขึ้น เกิดเป็นสิงโตผงาดบนผืนฟ้า ทุกผู้คนต่างตกตะลึงและหันหาในทันที หวงเกาเทียนเหยียบบนกำแพงเมืองและ ชูดวงตราหยกในมือตนขึ้นในทันใด
“เปิ่นหวางอยู่ที่นี่แล้ว จะขอปกป้องฝูหลิงไปกับพวกท่าน แม้ตายจะมิยอมให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำได้”
เสี่ยวโซ่วมองขึ้นไปบนกำแพงและร้องออกมาอย่างชื่นชมในทันใด
“ฮร้า หวงต้าเกองดงามที่สุดในโลกเลย ฮิ ฮิ ฮิ”