“เก้อเกอพวกท่านกำลังทำสิ่งใดกันหรือ ดูน่าสนุกมาก พวกท่านสอนข้าบ้างได้หรือไม่”
ชายสองคนหันมามองนางและสบตากันหัวเราะ ก่อนจะพานางไปดูคันโยกต่างๆบนกำแพงเมือง บนกำแพงเมืองนี้ มีหน้าไม้นับพันอันและมีคันโยกอันหนึ่งเป็นสายพานใช้ลำเลียงลูกดอกเข้าไป ยามกดโยกคราหนึ่ง ลูกดอกจะยิงออกไปมิสิ้นสุด ทั้งยังมีคันดีดลูกหินที่จะดีดหินมิหยุดยั้ง และรางไม้ขนาดใหญ่ที่จะปล่อยท่อนไม้ที่มีค้อนหิน ที่ทำเป็นวงกลมกลิ้งได้ ยามมันหล่นลงไปย่อมกลิ้งทับคนจนตายสิ้น เสี่ยวโซ่วร้องโอ้โห และมานั่งศึกษาวิธีการในทันใด
“เจ้าหน่ะว่างงานอยู่แล้วใช่หรือไม่ หากว่ายามที่มีข้าศึกมาจริงๆ เจ้าหน่ะทำสิ่งใดมิได้แน่ๆเจ้าเปี๊ยก คันโยกเหล่านี้มิหนักเกินแรงเจ้า ยามที่เกิดสงครามจริงๆ พวกเราต้องไปขนหินและกรอกลูกดอกคงมิว่างมากมายนัก เช่นนี้เจ้าหน่ะก็ไปอยู่ในห้องกลไก และคอยดูผ่านช่องนี้ว่าจะเปิดหรือปิดประตูอย่างไร ในยามที่ผู้คนมากมายจะเข้ามา ต้องดูการแต่งกายให้ดีดูธงให้ดีแล้วค่อยเปิดประตูเมืองเข้าใจหรือไม่”
เสี่ยวโซ่วรับฟังแผนการฉุกเฉินอย่างตั้งใจ นางแค่มิมีอันใดทำเช่นนั้นเอง และอยากเล่นสนุกขึ้นมาจริงๆ ยามเมิ่งเกอและเล่อเกอสอนนางเปิดปิดประตูเมืองนับร้อยครั้ง นางทำได้ดีอย่างมิมีตกใจแม้จะมีเสียงกลองและควันไฟจำลอง นางก็หัวเราะร่า และวิ่งไปมาโยกคันกลไกต่างๆบนกำแพงเมืองอย่างเริงร่า ราตรีนั้นนางจึงมีผ้าห่มอุ่นและมีสองบุรุษนอนกอดไปตลอดคืน อบอุ่นที่สุดเท่าที่นางเคยเกิดมาทั้งชีวิตเลย
ยามเช้าบุรุษทั้งสอง สอนนางใช้ปีกเหล็กร่อนหนีไปจากป้อม สอนทิศทางลมและสอนการใช้หน้าไม้ยิงคนจากบนฟ้า ทังยังกำชับว่าบนฟ้าหนาวมาก ให้นางอย่าลืมสวมเสื้อขนแกะในยามที่จะหนีด้วยปีกเหล็กอีกด้วย
เสี่ยวโซ่วพยักหน้าหงึกๆ และตั้งใจบังคับปีกเหล็กจนสามารถบินไปมาใช้ส่งสาส์นให้ทหารในป้อมได้ เมิ่งเกอหัวเราะคิกและนำอาหารมาล่อลวงนางอีกครั้ง เพราะปีกเหล็กนั้นคนตัวโตๆขึ้นไปมิใคร่ได้ จึงใช้เจ้าขอทานน้อยให้เสี่ยงตายบินขึ้นไปก่อน ก่อนจะพบว่าใช้งานได้ดีจึงตบรางวัลให้ขอทานน้อยเป็นอย่างงาม
ทั้งสองจับขอทานน้อยอาบน้ำ ยามเด็กน้อยมิมอมแมมกลับน่ารักน่าชังอยู่มิน้อยเลย เล่อเกอหรือเล่อหานเสวี่ย ทั้งจับขอทานน้อยอาบน้ำและสระผมให้ ก่อนจะยิ้มบางๆออกมาพลัน
“ข้านั้นเสียเม่ยเม่ยไปในสงคราม ยามนี้มีเจ้าอยู่ที่นี่ทำให้ข้านั้นคิดถึงวันวานอีกครั้ง หากว่าต่อไปเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ข้าก็จะทำ ทั้งเมืองนี้แคว้นนี้ข้าจะปกป้องทุกสิ่งให้จงได้เลยเสี่ยวโซ่ว”
เสี่ยวโซ่วหัวเราะคิกๆ นางสาดน้ำใส่เล่อเกอ และเล่นน้ำไปอย่างสบายใจ ทั้งสองเล่นจนพอใจก็ช่วยกันเช็ดตัว เสี่ยวโซ่วเข้าไปผลัดผ้าในฉากกั้น และออกมาให้เล่อเกอช่วยถักผม มีเมิ่งฉีเซิงเดินนำอาหารมาให้ทั้งสอง และนำถุงมือหนังแกะมาให้สาวน้อย และลูบผมของนางเบาๆ
“เจ้าหน่ะกินเยอะๆจะได้โตไวๆนะ ต่อไปเจ้าแซ่เล่อเป็นน้องสาวของหานเสวี่ยเถิด ข้าผู้น้องของหานเสวี่ย จะได้เป็นเปียวเกอของเจ้าอีกคน”
เสี่ยวโซ่วพยักหน้าหงึกๆ มีที่นอนมีของกินมีชื่อแซร่ให้เช่นนี้ มีหรือที่นางหรือจะไม่เอา ทั้งสามนอนกอดกันบนป้อมกำแพงที่มองลงไปเห็นประตูเมืองตลอดเวลา
ยามหลับไปตื่นหนึ่ง เสี่ยวโซ่วก็ตกใจเสียงพลุสัญญาณ ทั้งสามและทหารบนป้อมเร่งลุกขึ้นมาดูที่หน้าประตูเมือง ก่อนจะพบว่ามีม้าจำนวนหนึ่งที่แบกคนเจ็บมา และมีข้าศึกรุกไล่ล่าสังหารมาติดๆ เสี่ยวโซ่วเร่งวิ่งไปที่คันโยกและเปิดประตูเมือง
เล่อหานเสวี่ยและเมิ่งฉีเซิง สวมปีกเหล็กไปกับทหารกล้าตายแล้วยิงหน้าไม้ออกไปติดๆกัน ม้าของเหล่าเด็กหนุ่มที่มีบาดแผลเลือดโทรมกาย วิ่งมาอย่างมิหยุดพักยามจะถึงประตูเมืองแล้ว ทหารข้าศึกชาวฉีอันที่ตัวโตกว่า ฟันม้าขาดเป็นสองท่อน เสี่ยวโซ่วตาโตนางเร่งคว้าหน้าไม้และกระโดดขึ้นยืนบนป้อม
ร่างน้อยๆผูกเชือกรัดเอวตนตามที่ทหารยามสอน แล้วออกแรงยิงหน้าไม้ไปติดๆ ทหารชาวฉีอันค่อยๆล้มลงไปในทันที ยามที่มีคนช่วยเช่นนั้นแล้วเหล่าเด็กชายต่างออกแรงวิ่งจนไปถึงประตูเมือง และวิ่งเข้าไปเมืองในทันที เสี่ยวโซ่วเร่งหมุนกลไกอย่างเร่งด่วนเมื่อพบว่ายังมีทหารติดตามมาอีก
เด็กชายคนสุดท้ายตัวโตกว่าผู้อื่น หันหลังกลับไปและยิงธนูปกป้องคนอยู่ที่หน้าประตูเมือง แม้ว่าประตูเมืองจะปิดลงช้าๆก็มิใส่ใจและยังคงช่วยคนบนฟ้ามิให้ถูกข้าศึกชาวฉีอันยิงตกลงมาอีกด้วย ร่างทรนงนั้นโชกไปด้วยเลือดเสี่ยวโซ่วตื่นตกใจมาก นางเร่งวิ่งไปหยิบเชือกและโยนลงไปในทันที
“เก้อเกอเร่งไต่เชือกขึ้นมา เร็วๆเข้าข้าจะยิงคุ้มกันให้ท่านเอง”
เด็กชายหันไปคว้าเชือกและมีทหารยามวิ่งมาช่วยกันดึงเด็กหนุ่มผู้นั้นขึ้นไป ก่อนที่เสี่ยวโซ่วจะวิ่งหายไปและหมุนกลไกจนเกิดเสียงดังลั่นไปทั้งกำแพงเมือง และคนบนฟ้าก็บินขึ้นสูง ก่อนจะทะยานกลับมายืนบนป้อม แล้วกำแพงเมืองก็สั่นไหว มีลูกหินร้อนและธนูไฟยิงออกไปถี่ๆ ทหารฉีอันหวีดร้องลั่น ตกตายตามกันไปทันที
เด็กชายที่มองเห็นเช่นนั้นก็น้ำตารินและล้มลงไปเพราะมีบาดแผลมากมายในทันที เมิ่งฉีเซิงขยับมาดูคนเจ็บเบาๆและเร่งห้ามเลือดให้ ก่อนจะลากไปนอนในห้องรักษาการณ์นั้นอย่างมิได้ใส่ใจมากนัก จนเสี่ยวโซ่ววิ่งกลับมานางก็ไปลากผ้าห่มที่นางได้มา มาโปะๆคลุมไปทั้งหัวคน และลูบอกคนตัวโตไปเบาๆ
“เก้อเกอท่านเก่งจังเลย หากที่นี่มีพวกท่านอีกหลายคนเมืองนี้ต้องรอดแน่ๆเลย”
ยามนางเอ่ยเช่นนั้น ทหารยามก็หัวเราะลั่น และเร่งลงไปดูคนด้านล่างที่กำลังตกใจร้องไห้โฮ เรียกหาเด็กชายนั้นที่หน้าประตูเมืองกันใหญ่
“หวงต้าเกอ หวงต้าเกอ ท่านยังอยู่หรือไม่ ตอบพวกเราซิ โฮ”
ทหารยามเดินไปชมก็หัวเราะคิกและตะโกนไปก่อนเสียงดัง
“เจ้าเด็กโง่ หวงต้าเกอของเจ้า ปีนขึ้นมาทางหน้าประตูเมืองแล้ว ยามนี้นอนสลบเพราะเสียเลือดมากอยู่บนห้องรักษาการณ์นู่น พวกเจ้ามาทางนี้มาทำแผลกันก่อน แล้วค่อยมากินข้าวกัน”
เด็กชายทั้งหมดถึงกับร่ำไห้ออกมาและทรุดลงกราบขอบคุณสวรรค์ในทันที
เสี่ยวโซ่วมองลงมาจากกำแพง และโบกมือให้ทันใด
“เก้อเกอพวกท่านหน่ะมาทางนี้ มาเล่นกับข้าทางนี้”