ตอนที่ 11 ชื่อตอน ส่งเถ้ากระดูกนายกองชุน

1467 Words
ยามเมื่อมาถึงเมืองหลวง ตาเฒ่าฉู่พานางเคลื่อนขบวนไปที่สกุลชุน ที่แม้แต่บ้านก็ยังมิมีเหลือเพราะภัยสงคราม ผู้คนยามได้ข่าวดีว่าสงครามสงบลงแล้วจึงเร่งกลับมาเรือนตน สตรีใบหน้างดงามผู้หนึ่งในชุดมอซอเดินกอดบุตรชายมาที่หน้าป้ายสกุลชุน ยามพบตาเฒ่าฉู่ก็ดีใจมาก พยายามมองหาใครคนหนึ่ง เสี่ยวโซ่วที่มีดวงใจเข้มแข็งมาแต่แรกนั้น กลับเริ่มร่ำไห้โฮขึ้นมา ผู้คนสกุลชุนมองไปทางนางแล้วก็ตาแดงตามกันไป เพราะตาเฒ่าฉู่มิยอมเอ่ยคำใดออกมาอีก ชุนฝุเหรินมองไปในมือของสาวน้อยตรงหน้า ยามพบว่ามีห่อผ้าและป้ายหยกสกุลชุน นางร่ำไห้โฮขึ้นมาพลัน “ท่านลุงฉู่ ท่านพี่ของข้ามิกลับมาแล้วใช่หรือไม่” ชายชราหันหน้าหนีไปและน้ำตาร่วงลงมาพลัน ก่อนจะชี้ไปที่เสี่ยวโซ่วทั้งยังเช็ดน้ำตาเช่นนั้นอยู่ “ท่านนายกองชุนเสียสละชีพออกไปเผาเสบียงข้าศึก จึงมีแค่เพียงเถ้าถ่านกลับมาที่บ้านเกิดเท่านั้น แต่ว่าอย่างไรแล้ว แม่หนูนี่คล้ายคลึงกันกับเจ้า นายกองชุนนั้นจึงฝากฝังนางให้นำเถ้ากระดูกของตนเองกลับมาพบเจ้า นายกองชุนกล่าวว่า หากว่าบุตรสาวของเรายังมิตายก็จะมาพบเจ้าเช่นนี้ แต่หากว่านางตายไปแล้ว นายกองชุนจะไปพบนางก่อน ขอให้เจ้าอย่าเสียใจ เพราะนายกองชุนทำเพื่อแผ่นดินนี้ ที่จะให้บุตรหลานนั้นมีชีวิต มิเป็นข้าทาสของผู้ใดต่อไปอีก” ชุนฝุเหรินยกฝ่ามือขึ้นปิดปากของตนเอง และขยับมากอดสาวน้อยตรงหน้าในทันที เอ่ยคำทั้งน้ำตา “โฮ ท่านพี่นั้นรู้ใจข้านัก สาวน้อยแล้วเจ้ามีชื่อว่าอันใด ยามนี้เจ้าพักอยู่ที่ใดหรือ” เสี่ยวโซ่วเบะปากขึ้นมาพลันและร้องไห้ไปตามกัน บุรุษต่างเบือนหน้าหนีไปทั้งสิ้น เสี่ยวโซ่วส่งห่อผ้าให้ในอกของชุนฝุเหริน และมีรถม้านำราชโองการและทหารในกองทัพมาอีกครั้ง “ชุนฝุเหรินรับราชโองการ ด้วยนายกองชุนเหยียน ได้เสียสละพลีชีพตนเพื่อปกป้องแผ่นดินของชาวเทียนหลิง จึงขอพูลบำเหน็จเลื่อนชั้นยศเป็นแม่ทัพแห่งเทียนหลิง พระราชทานจวนหนึ่งหลัง ทองคำสามสิบหีบ ผ้าไหมแพรพรรณชุดเกราะและผืนธงประจำกาย และให้ผู้สืบทอดนั้นดำรงยศชั้นเลี่ยโหวสืบไป ความเสียสละนี้ขอให้ชุนฝุเหรินนั้นอภัยแก่กองทัพและผืนแผ่นดินนี้ด้วยเถิด ผู้คนจะจดจำคุณงามความดีของสกุลชุนตลอดไป จบราชโองการ” ชุนฝุเหรินรับชุดเกราะและดาบของกองทัพมากอดแนบกาย นางเสียดายนักที่ฟูจวินของนางนั้นมิได้สัมผัสชุดเกราะของแม่ทัพด้วยตนเอง ยามนี้มีเพียงลาภยศทิ้งไว้ให้นาง แต่ตัวคนเล่า จากไปเหลือเพียงเถ้าถ่านไปเสียแล้ว ชุนฝุเหรินร่ำไห้โฮ ทุกผู้คนก็มิต่างกัน เหล่าทหารยามมองไปที่สกุลชุนแล้ว ก็พากันผายมือเชิญชุนฝุเหรินไปที่จวนหลังใหม่ ที่เหล่าทหารเร่งช่วยกันสร้างขึ้นมาตามพระบัญชา แม้จะมิเสร็จดีนัก แต่ทว่ายามนี้แทบทุกที่ในเมืองหลวงมีแต่เถ้าถ่าน ผู้คนล้วนลำบากไปทั้งสิ้น เสี่ยวโซ่วเองหยุดพักที่จวนสกุลชุนมินาน หวงเกาเทียนก็นั่งรถม้ามารับนางไปอย่างเอิกเริก จะพานางไปพักที่เรือนแห่งหนึ่งที่กำลังก่อสร้างมิต่างกัน ใบหน้าคมดูเหนื่อยล้าและขยับมาเอนกายกอดนางเบาๆ “เฮ่อ ข้ามิคิดว่าเมืองหลวงจะเสียหายมากมายเช่นนี้ ข้าวของที่ยึดมาและข้าทาสที่นำมาได้ ก็ต้องนำมาใช้ซ่อมแซมเมืองทั้งหมดสิ้น จากนี้ไปเราคงเหนื่อยกันมาก ทหารเสร็จสงครามต่างก็ล้วนมิมีที่ไป เพราะบ้านเรือนเสียหายไปหมดสิ้น ฝ่าบาทและเปิ่นหวางยังคิดสิ่งใดมิออกเลยในยามนี้ ว่าต่อไปจะทำสิ่งใดๆก่อนดี เพราะทุกสิ่งสูญสลายไปหมดสิ้นแล้ว” เสี่ยวโซ่วถอนหายใจออกมา และลูบหัวของหวงเกาเทียนชินหวาง หรือหวงต้าเกอของนางเบาๆ และเอ่ยออกมาอย่างชาญฉลาดอีกครั้ง “หวงต้าเกอหากว่าพวกท่านนึกสิ่งใดมิออก ต้องปรึกษาเล่อเกอและเมิ่งเกอเจ้าค่ะ ทั้งสองนั้นเป็นนักประดิษฐ์กลไก เพียงแค่สร้างบ้านเรือนและสร้างฝายทดน้ำหรือกังหันวิดน้ำนั้นสบายมาก เมืองฝูหลิงก็ได้ทั้งสองนั้นล่ะเจ้าค่ะ ที่เป็นผู้คิดค้นสร้างทุกสิ่งมากมาย เหตุใดท่านมีเรียกหาทั้งสองล่ะเจ้าคะ” ใบหน้าคมในตักของนางลืมดวงตาขึ้นมา และพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกอดรัดร่างนุ่มในอกตนอีก “เฮ่อ ข้าจะเร่งหาคนทอผ้าเลี้ยงไหม และทอชุดเจ้าสาวให้เจ้า มิคิดว่าเมืองนี้มิมีร้านขายผ้าแล้วยังมิพอ แต่แม้แต่ตัวไหมดีๆยังหายากแล้วในยามนี้” เสี่ยวโซ่วยิ้มจางๆและลูบผมของหวงต้าเกอเบาๆ ก้มลงจุมพิตลงไปคราหนึ่ง หัวเราะคิกขึ้นมาและใช้นิ้วตีปากคนเบาๆ นางหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ท่านกินข้าไปแล้วนะเจ้าคะ ตัวไหมอันใด ผืนผ้าไหมอันใด ชาตินี้ข้ามิเคยรู้หรอกเจ้าค่ะ ผืนผ้าคนตายข้ายังขโมยมาห่มคลุมได้ นับเป็นอันใดกันกับการมีชุดเจ้าสาวหรือว่ามิมีหรือ ท่านนั้นอย่าคิดมากไปเลยนะเจ้าคะหวงต้าเกอ ยามนี้ต้องเร่งสร้างบ้านให้ผู้คนก่อน มิว่าบ้านมุงฟางหรือบ้านไม้ไผ่ อันใดก็ต้องมีเพื่อป้องกันลมหนาวให้ผู้คนเสียก่อน อื่นใดนั้นเราค่อยมาคิดกันเถิดนะเจ้าคะ” ใบหน้าคมพยักหน้าเบาๆ รถม้าวิ่งไปตามทางจนถึงหน้าเรือนที่กำลังก่อสร้างอยู่ เสี่ยวโซ่วกระโดดลงจากรถม้าอย่างแก่นแก้ว ก่อนจะพบว่าเรือนนั้นใหญ่โตและสวยงามมาก แม้ว่ามิมีสิ่งใดแล้วแต่ก็พอมีต้นไม้งอกอยู่บ้างที่รายรอบนั้น เสี่ยวโซ่วยิ้มขึ้นมา และพบว่ามีชาวบ้านถือถังไม้ จับปลาตัวโตจนมันดิ้นดีดน้ำใส่นาง มาส่งให้หวงต้าเกอ เสี่ยวโซ่วตาโตและหัวเราะคิก ชี้ไปที่สระน้ำขนาดใหญ่ในจวนนั้น และแย้มรอยยิ้มขึ้นมาพลัน “ปลาตัวโตนี้ตัวโตมากและเป็นตัวเมีย ต่อไปมินานมันคงวางไข่มาก เราจะยังมิกินมันแต่เลี้ยงไว้ก่อนได้หรือไม่เพคะหวงชินหวาง” เสี่ยวโซ่วให้เกียรติคนข้างกายยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น ตามการสั่งสอนของกองทัพและหานไท่เวย หวงเกาเทียนชินหวางยิ้มออกมาจางๆ และพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ชายชราผู้หอบถังไม้มาก็ดีใจเป็นอันมาก เร่งนำปลาไปปล่อยให้ในบ่อน้ำ และยิ้มออกมาอีกครั้ง “ทูลหวางเย่ ในหมู่บ้านมีผู้คนไปขุดหัวมันหัวเผือกมาได้มาก หากว่าทรงมิรังเกียจ ข้าน้อยจะไปนำต้นพันธุ์พืชผลและดอกไม้มาให้ท่านอีก ข้าดีใจมากที่ได้กลับมาที่เรือนตนอีกครา แม้ว่าจะเสียหายไปจากสงครามมาก แต่อยู่ที่ใดก็มิดีเท่าบ้านของพวกเรา เช่นนี้แล้วจึงอยากทำสิ่งที่ตนเองทำได้ เพื่อพวกท่านบ้างได้หรือไม่ขอรับหวางเย่” ใบหน้าคมพยักหน้าและยิ้มอ่อนจาง ค้อมกายขอบคุณชายชรา และมอบเงินเล็กน้อยให้ไปและรับสั่งออกมาอีกครั้ง “หากว่ามิเป็นการรบกวนท่านมาก ช่วยนำต้นไม้ที่มีผลและไม้ดอกงดงาม มาปลูกประดับที่จวนนี้ให้เปิ่นหวางด้วยเถิด เปิ่นหวางคงอยู่ในเมืองหลวงนี้อีกนาน กว่าจะได้กลับไปครองวังที่ทางเหนืออีกครั้ง” “ข้าน้อยจะเร่งไปในป่าหาสิ่งของสวยงามมาทูลถวายขอรับ ขอบพระทัยหวางเย่ เงินนี้ข้าจะเก็บไว้ให้ดีมินำมาใช้จ่ายเลย ข้าน้อยมิเคยได้สิ่งของพระราชทานมาก่อน รู้สึกปลาบปลื้มในหัวใจชรานี้มากมายขอรับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD