หวงเกาเทียนหัวเราะออกมาเบาๆและพยุงชายชราขึ้นมาเสมอตน และพยุงไปดูจุดที่ตนเองต้องการต้นไม้มาประดับจวนน้อยๆนี้ของพระองค์ เสี่ยวโซ่วยิ้มตามภาพนี้ไปด้วย และผงะไปน้อยๆที่หันไปพบเหล่าบุรุษบุตรขุนนางที่ขี่ม้ามาและร้องไห้โฮขึ้นมา
“โฮ หวงต้าเกอพวกเรามิมีจวนนอนอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดให้พวกเราพักกับท่านชั่วคราวด้วยเถิดขอรับ ยามนี้แม้แต่ข้ารับใช้และสิ่งใดๆก็มิมีแล้ว พวกเราแม้ผ่านสงครามมาได้ แต่ทว่าก็มิอาจสร้างจวนและทำอาหารได้เองเลยขอรับ โฮ”
ร่างหนาชะงักและถอนหายใจออกมาเบาๆ ชี้ไปที่ทางหนึ่งทันที
“พวกเจ้าไปนอนรวมกันที่เรือนฝั่งนั้นก่อน เหลือเพียงห้องหนึ่ง ยามทิวาก็ตื่นมาช่วยทหารสร้างจวนเสีย หากสร้างจวนของเปิ่นหวางเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าจะได้ไปสร้างจวนของตนเองเพื่อรอคอยบิดามารดาและข้ารับใช้ได้ ยามนี้มิว่ารวยจนล้วนต้องทำงานกันทั้งสิ้น พวกเจ้าก็เร่งเรียนรู้เถิด มิเช่นนั้นจะมีชีวิตต่อไปได้ลำบากในภาวะยากแค้นเช่นนี้”
ทุกผู้คนถลาไปกอดขาของหวงชินหวางเฉกเช่นเคย ร่างหนาต้องสะบัดออกจึงหลุดออกมาได้ เสี่ยวโซ่วอดขำมิได้ นางถอนหายใจและนำปลาที่ชายชราแล่มาให้ถือไปมองหาเตาไฟเสีย ยามถึงจุดที่ด้านหลังเรือนนางก็พบว่ามีทหารนั้นกำลังเผาอิฐและก่อสร้างโรงครัวกันอยู่ เสี่ยวโซ่วหัวเราะคิกและมองเห็นคนนำดินปั้นมาสุมใส่ในกองเพลิง นางก็จดจ้องมองดูอย่างมิวางตาเลยทีเดียว
“นั่นพวกท่านทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”
“ฮ่า ฮ่า พวกเรานั้นกำลังปั้นถ้วยชามและเผาเครื่องเคลือบใช้เองอย่างง่ายๆนะ ยามแรกคงต้องทำเช่นนี้ไปก่อน หากว่าเรานั้นพบช่างเครื่องเคลือบที่มีฝีมือดีแล้ว ค่อยไปจัดเครื่องเคลือบงดงามมาทูลถวายอีกคราหนึ่ง”
เสี่ยวโซ่วยิ้มออกมาทันที และส่งถังปลาไปทางทหารที่เคยรับหน้าที่ทำครัวของหวงต้าเกอ แล้วก็นั่งลงกับเก้าอี้เล็กๆที่ทหารทำไว้ให้นั่งมากมาย นางนั่งลงและปั้นก้อนดินขึ้นมาก่อนจะหัวเราะคิิก และทำชามหูกระต่ายขึ้นมาใบหนึ่ง ผู้คนเจ้าปัญหาในจวนมาพบเข้าก็ตาโต และมานั่งร่ำเรียนวิชาเครื่องปั้นกันอย่างตั้งใจมากผิดปกติจนเสี่ยวโซ่วทักขึ้นมา
“ฉิงเกอท่านตั้งใจมากไปหรือไม่เจ้าคะ ท่านปั้นดินมิหยุดมือเลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวโซ่วถามฉิงก่านอวี้ บุตรชายของตุลาการฉิงผู้ที่ยังหาบิดาของตนเองมิพบ และมิมีบ้านนอนในยามนี้ไปเสียแล้ว ฉิงก่านอี้ทำหน้าตาเช่นลูกหมาหลงทาง และเบะปากขึ้นมาพลัน
“ที่ข้าทำสิ่งนี้ไปมากเพราะอยากช่วยเบาแรงของผู้อื่นบ้าง ยามก่อนสงครามข้าก็มิเคยทำสิ่งใด ล้วนมีข้ารับใช้คอยดูแล แม้แต่ยามที่อาบน้ำล้างก้นให้ แต่ยามนี้ข้ามิต่างจากเสี่ยวโซ่วแล้วหล่ะ โฮ โฮ ตรงจุดที่เคยมีจวนของข้าตั้งอยู่มีแต่ซากเรือนผุๆและเสาเรือนเป็นตอไฟไหม้ จวนที่สวยงามแม้แต่กำแพงยังพังถล่มลงมา สิ้นเนื้อประดาตัวมิต่างจากขอทานแล้ว เช่นนี้หากว่าต่อไปทำสิ่งใดได้ ข้าก็จะทำมันให้ดี จนกว่าจะสร้างจวนได้และสร้างฐานะได้ ข้าจะมีขี้เกียจอีกต่อไปแล้วเสี่ยวโซ่ว”
เสี่ยวโซ่วหัวเราะขึ้นมาเบาๆและยิ้มออกมาอีกครั้ง นางเอ็นดูฉิงเกอไปเสียแล้วในยามนี้ รู้สึกขำมากกว่าสงสารคนไปเสียแล้ว มินานนักก็พบว่าเหล่าพี่ชายทั้งยี่สิบห้าคนนั้น หน้าตามอมแมมและมือเปื้อนดินไปหมด ทั้งหมดนำถ้วยชามที่ปั้นแล้วมาวางตากไว้ไปทั่ว เพื่อรอแถวในการเผาลงเตาเผาไฟ ที่อาฮุยนั้นก่ออิฐทำห้องเผาขนาดกลางขึ้นมาให้
อีกสองสามวันพอเผาไฟให้อิฐนั้นทนทาน ก็จะสามารถเผาเครื่องปั้นของพวกนางทั้งหมดได้แล้ว ทั้งหมดตื่นเต้นกันมาก ล้วนแต่เป็นเด็กชายเด็กสาวที่เพิ่งเริ่มโต และต้องผจญภัยมาด้วยกันแทบทั้งสิ้น
ยามที่ทำหลายสิ่งจบสิ้น ก็มีทหารเคาะระฆังเรียกให้ไปรับสำรับ ทุกผู้คนล้างมือไม้และเดินเรียงกันไปอย่างเคยชิน ในจวนนั้นทหารเข้าออกส่งม้วนสาส์นเต็มไปหมด ในเรื่องของการสร้างเมือง
เสี่ยวโซ่วเร่งกินข้าวและไปอาบน้ำจนหอมกรุ่นแล้ว นางจึงค่อยยกสำรับไปหาคนตัวโต ที่ทหารบอกว่ายังยอมกินสิ่งใดๆลงไปเลย เสี่ยวโซ่วได้ทีจึงยกสำรับไปภายในและดึงภู่กันขนนกออกจากมือคน และนั่งทับลงไปเสียเลย นางคล้องคอคนและหัวเราะคิกขึ้นมา
“หวงหวางเย่เพคะ ทรงจะเร่งปฎิบัติราชกิจไป เมืองนี้ก็มิได้ก่อสร้างได้เร็วไปมากนักหรอกเพคะ มิสู้ว่าทรงเสวยให้อิ่มท้องก่อนแล้วค่อยทรงงานต่อมิดีกว่าหรือเพคะ”
ใบหน้าคมหอมแก้มนางลงไปแรงๆและกอดนางจนแน่น โบกมือไล่ทหารข้างกายไปจนสิ้น ยามคนออกไปร่างหนาก็ยอมให้นางป้อนข้าวตนเอง และให้นางเช็ดเหงื่อบนกายให้ เสี่ยวโซ่วยามเปิดผ้าของคนได้ นางก็หน้าแดงซ่านขึ้นมาพลัน ก้มหน้าเช็ดไป มิมองอกตันๆนั้นให้นาน ใบหน้าคมหัวเราะคิกและดึงนางลงในตักแกร่งอีกครั้ง
“ข้าวก็กินลงไปแล้ว แต่ยามนี้นั้นข้าหิวเจ้าเสียมากกว่า ยอมให้กินดีๆเถิดนะเสี่ยวโซ่ว”
ใบหน้าหวานแดงเรื่อ และยกมือดันใบหน้าคนเบาๆ แต่ลิ้นร้อนๆก็แลบเลียนิ้วของนาง และดูดดึงจนร่างบางสะดุ้งเฮือกขึ้นมาน้อยๆและสั่นระริกไปทั้งกายของนางแล้วในยามนี้
“อร่า หวงต้าเกอ อร้า”
มือหนาทึ้งสายรัดเอวของเสี่ยวโซ่ว และรื้อดึงเอี้ยมของนางออกไป โยนปลิวไปที่ข้างโต๊ะทรงอักษร ก่อนจะอ้าปากร้อนๆดูดดึงยอดอกสีกวานจนเกิดเสียงดังลั่นขึ้นมา เสี่ยวโซ่วสะดุ้งเฮือก นางดิ้นเร่าและพยายามผลักไสน้อยๆ ใบหน้าหวานส่ายไปมาและกายสั่นไหวระริก น้ำหวานซึมออกมาที่กลางกายสาวเหมือนน้ำพุ นางหลับดวงตาและดิ้นกระตุกกายถี่ๆ จนร่างหนาทานทนมิได้อีก มือหนาดึงนางหงายลงบนโต๊ะอักษร และควักแก่นกายเบ่งบานสอดแทรกในกลีบเนื้อสาวช้าๆ ถอนเข้าถอนออกจนแฉะชุ่ม แล้วก็ดันท่อนลำแข็งขึงเข้าไปจนสุดลำ ร่างบางตาเหลือกลานผวาคว้าลำคอแกร่งและรัดเอวหนาจนแน่น
“อร้าย หวงต้าเกอ อร้าย ซี้ด อร้า”
“อร่า เสี่ยวโซ่วกายเจ้ารัดรึงนัก กายของเปิ่นหวางจะระเบิดแล้วสาวน้อย”
ร่างหนาหนักสาวแก่นกายเข้าออกถอดถอนเรือนกายล้ำลึก ควบขย่มกายดึงรั้งเรียวขาขาวๆ จนร่างบางดิ้นเร่า แตกพร่าไปพร้อมกัน ร่างหนารัดนางในอดจนแน่นและปลดปล่อยน้ำขุ่นข้นจนล้นทะลัก เสี่ยวโซ่วดิ้นเร่าสั่นกระตุกระริกนางร้องลั่นและบีบรัดในกายจนถึงสววรค์ไปอีกครา ร่างหนาจึงค่อยถอนกายออกช้าๆ และแย้มรอยยิ้มขึ้นมาพลัน
“เจ้ามันตะกละนักเสี่ยวโซ่ว ดูซิปากล่างน้อยๆนี้กินเปิ่นหวางไปจนหมดเลย ทั้งยังมิยอมปล่อยเสียด้วยนะ หึหึ”
ใบหน้าหวานค้อนควับ นางใช้มือบางตีเพี้ยะจนคนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า “