สองสามวันผ่านมาแล้วที่คิมถูกขังอยู่แต่ในห้องนอนเพียงลำพัง ตั้งแต่วันที่เขาหลั่งคราบน้ำหลังสุขสมกับการช่วยเหลือตัวเองต่อหน้าเธอ เธอก็ไม่เจอเขาอีก แต่ทว่าอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ทั้งสามมื้อไม่ล่าช้าหรือถูกละเลยแม้สักนิด
แม้ภายในใจเธอเกิดความกระวนกระวายแต่ทว่าสีหน้าและท่าทางกลับไม่แสดงออกมาเลยสักนิด สัมผัสบางอย่างบอกเธอว่าเธอถูกจับตาอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นเมื่อเธอไม่ได้ถูกขังไว้ในกรงสุนัข คิมก็จะบริหารร่างกายเป็นกิจวัตรทั้งวิดพื้นทั้งฟิตอัพเธอทำได้หมดและครบตามจำนวนที่เธอต้องหมั่นบริหารกล้ามเนื้อให้กับร่างกายอยู่เสมอ
แต่แล้วในคืนวันที่สี่ คิมที่กำลังจะหลับเหมือนสามคืนที่ผ่านมา ปกติในเวลานี้ด้านนอกจะเงียบสนิท แต่ทว่าคืนนี้กลับมีเสียงดังที่ประตูพร้อมกับเสียงฝีเท้ามากมาย
! คิมขยับลุกจากเตียง เธอตั้งหลักตั้งท่าเตรียมรับสถานการณ์ตรงหน้า สาม สอง หนึ่ง ผลั๊วะ! ประตูถูกผลักเข้ามา ตามด้วยชายสองคนที่ขนาบข้างชายคนหนึ่งที่กำลังเข็นรถเข็น ซึ่งคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นคือเลียม
คิมมองคนทั้งสี่ที่เคลื่อนเข้ามาเมื่อมาถึงเตียงคนสองคนก็ช่วยกันพยุงเลียมลงจากรถเข็นและช่วยเขาขึ้นเตียงนอน คิมที่ยืนมองอยู่เธอเริ่มสำรวจทุกอย่างมากขึ้น คือ ตัวเลียมเขาตอนนี้มีใบหน้าซีดเซียวและแผงอกเขามีผ้าพันแผลพันไว้มากมาย
เลียมไม่ได้เอ่ยอะไรแต่สายตาไม่ละไปจากคิมที่ยังคงยืนนิ่งมองเขาไม่วางตา จนกระทั่งสายตาของทั้งสองก็เดินทางมาประสานกัน
“คุณได้รับบาดเจ็บ?”
อื้ม เลียมขานรับในคอ
“เพียงแค่สี่วันที่เราไม่เจอกันคุณได้รับบาดเจ็บ และดูเหมือนว่าจะมากเสียด้วย”
อื้ม เลียมขานรับในคออีกครั้ง
“แล้วคุณยังจะมาอยู่กับฉันตามลำพังสองต่อสอง”
“ฉันลืมไป ว่ามีเธออยู่” อะไรคือลืมไปว่ามีเธออยู่ มันช่างตีความยากนัก คิมคิดต่อในใจกับคำพูดตอบกลับที่ช่างอ่อนล้าแหบพร่า
“เกิดอะไรขึ้น” คิมชะงักคำพูด นี่อะไรกัน! เธอให้ปากเป็นนายสมองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปถามเขาแบบนี้ เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่าว่าเธอเป็นห่วง แบบนั้นเธอไม่เข้าข่ายผู้ป่วยที่หลงรักความเจ็บปวดหรือไง
ซึ่งไม่เพียงแค่คิมที่แปลกใจ เลียมเองก็เลิกคิ้วมองเธออย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง และจู่ๆ เลียมก็อดไม่ได้ที่จะต้องยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เมื่อสี่วันก่อนเขาเองก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไร หลังจากที่เล่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคิมให้จอนสันได้รู้ จู่ๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่หวลรำลึกความหลังระหว่างกันนั้น เลียมก็รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ถูกกดทับไว้ใต้ก้นบึ้งของหัวใจ แม้ครั้งอดีตเขากระทำเยี่ยงสัตว์กับคิม แต่เป็นการกระทำที่เขาไม่เคยคิดอยากจะทำกับผู้หญิงคนไหน เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขาเกิดความคิดสัปดนเหล่านั้น
เขาจึงให้จอนสันเปลี่ยนภารกิจ ซึ่งภารกิจนี้ก็คือกวาดล้างองค์กรนักฆ่าที่คิมสังกัดอยู่ เพียงแค่องค์กรนี้ไม่มีอยู่ คิมก็ไม่ต้องทำงานที่รับมอบหมายมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ง่ายเลย เขาเองก็เสียลูกน้องไปถึงห้าคน และได้รับบาดเจ็บกว่าอีกสิบคน ซึ่งเขาพาคนไปบุกกว่าเกือบสามสิบคน
แม้องค์กรนักฆ่ากลุ่มนี้จะสูญเสียไปไม่น้อย แต่ก็มีหนีรอดไปได้ เขารู้ดีว่าการกระทำครั้งนี้ถือว่าเขาอุกอาจและข้ามเส้นแบ่งกัน แต่เขากลับไม่ลังเลที่จะทำเลย ถ้าเธอรู้เรื่องเธอจะมองเขาเป็นแบบไหน จะวางหัวใจของเธอในมือของเขาได้มั้ย แต่เลียมก็ได้แค่คิด เขายังไม่อยากบอกอะไรคิมทั้งนั้น
จิตใจเขายังคงชั่วร้ายเลวทรามเหมือนเดิม ซึ่งเขาก็เป็นแบบนี้ และจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะตาย เพราะฉะนั้นคิมจะไม่มีทางรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่อเธอโดยเด็ดขาด
“ถูกยิงสองนัด แต่ไม่โดนจุดสำคัญ แค่เสียเลือดมากไปหน่อยเท่านั้น”
“คุณไปให้เลือดมาแล้วใช่มั้ย” เลียมพยักหน้ารับ “อ่อ ถ้างั้นก็พักผ่อนเยอะๆ เถอะ”
“เป็นห่วงฉันเหรอ” คิมชะงักไปเล็กน้อย และส่ายหน้าเป็นคำตอบ เสริมคำพูดประโยคหนึ่งว่า
“คุณจะต้องตายด้วยน้ำมือฉันเท่านั้น” หึหึหึ เสียงหัวเราะในคอของเลียมดังขึ้นเบาๆ ทันทีที่ได้ยิน
“ถ้างั้นหลังจากนี้ไป คิมเธอก็คงต้องคอยขัดขวางเหล่านักฆ่ามากมายที่ถูกส่งมากำจัดฉันแล้วล่ะ”
“ก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงของฉันสักเท่าไหร่”
“ดี ฉันจะคอยดูว่าเธอจะทำได้อย่างที่ปากพูดหรือเปล่า” ในแววตาของเลียมตอนนี้ฉายแววประหลาดบางอย่างออกมา ยากนักที่คิมจะเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
และคิมก็ไม่ใส่ใจที่จะหาคำตอบ เธอบอกให้เขาพักผ่อนเพราะตัวเธอเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน และเมื่อเลียมเหมือนจะว่าง่ายเขาขยับเพื่อจะนอนลงแต่ใบหน้าเขาเหเกเล็กน้อยเพราะกระทบกระเทือนบาดแผล คิมเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้และช่วยพยุงให้เขาได้นอนลงอย่างสบาย
“ขอบใจ” ปีศาจร้ายกล่าวขอบใจซาตานสาว มันช่างประหลาดจริงๆ