อากาศริมทะเลช่วยให้ผ่อนคลายได้เสมอ แต่พรรณวษาไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้บ่อยนัก ปกติเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำเกือบทุกวัน บางสัปดาห์ที่เป็นวันหยุดยังต้องเข้าไปตรวจดูเอกสารบางแฟ้มให้บริษัท ชีวิตของเธอ นอกจากงานแล้ว ก็มีแต่งานกับงาน ไม่ค่อยนิยมออกไปสังสรรค์ที่ไหน เธอไม่ค่อยคบหาใคร ที่มีสนิทด้วยก็เพียงไอลดาเท่านั้น สองสาวคบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา รู้ใจกันหมดแทบทุกเรื่อง พอคิดว่าชีวิตของเธอมีใครบ้างนอกจากเพื่อน ก็อดนึกถึงญาติอีกคนขึ้นมาไม่ได้ สัปดาห์หน้า เธอต้องเอายาไปให้ท่านแล้วนี่นา ไม่รู้ว่ารอบนี้จะยอมมาพบแพทย์ตามนัดไหม
พลันสายตาสะดุดเข้ากับใครบางคนตรงหน้าหาด พยายามไม่มองที่เขา แต่เพราะเป็นสิ่งเดียวตรงจุดกึ่งกลางสายตาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ จึงดึงความสนใจจากเธอไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
พรรณวษาเมินหน้าหนีตรงนั้น หันหลังกลับไปยังทางเดินที่ทอดยาวตรงสู่ห้องพัก ออกเดินได้พักเดียวก็แว่วเสียงเรียกจากทางด้านหลัง
“เดี๋ยวคุณ”
ไม่ได้หันกลับไปมองตามเสียงนั้น
คนที่เรียกไว้จึงเร่งฝีเท้าก้าวตามจนทัน มาหยุดยืนขวางหน้า พร้อมจ้องมองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก พรรณวษาหยุดตามแทบไม่ทัน ทำเอาเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบล้ม ธรณ์เลยคว้าแขนไว้ ดึงไม่ให้ลงไปกองที่พื้นเสียก่อน
พอรู้สึกได้ถึงมือของเขา ค่อยออกแรงดึงแขนของตัวเองออกทีเดียวก็หลุด
“แรงเยอะไม่ใช่เล่นนี่นา” ธรณ์เย้า ดวงตาของเขาเป็นประกายสนุกขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง พรรณวษาถอยหลังหนี ถามด้วยเสียงเรียบ ๆ ใจไม่อยากคุยกับธรณ์เท่าไรนัก
“มีอะไร”
ธรณ์เพิ่งสังเกตว่าดวงตาของพรรณวษาเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกันกับเขา แล้วเอ่ยอะไรขึ้นมาสักอย่าง เพื่อที่เจ้าตัวจะได้ไม่รู้ว่าเขากำลังเพ่งความสนใจกับดวงตาของเธอ กระนั้นก็ไม่ยอมพูดธุระตัวเองเสียที ว่าเรียกไว้ทำไม
“ผมเรียกแล้วคุณทำเมินใส่ทำไม นึกว่าทำเป็นเล่นตัวให้ผู้ชายสนใจเสียอีก”
พรรณวษามองสำรวจเขาแล้วยิ้มแค่ปาก สวนกลับเบาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ “ไม่น่าแปลกใจล่ะ ว่าทำไมด้าถึงเลือกคุณเอส แทนที่จะเป็นคุณ”
น้ำเสียงราบเรียบนั้นทำอารมณ์ของธรณ์เหวี่ยงไปมาได้เป็นครั้งแรก มุมปากของเขาขยับโค้งขึ้นคล้ายยิ้ม แม้ในใจจะเดือดปุด ๆ ก็ตาม ถามแหย่
“พูดเยอะขึ้นแล้วนี่ นึกว่ามีโควตาในการคุย ว่าวันหนึ่งพูดได้ไม่เกินสิบคำ แล้วนี่ ด้าอยู่ที่ห้องหรือเปล่า”
พรรณวษาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเขา เดินเลี่ยงเพื่อกลับเข้าห้องพัก ธรณ์ตามมาไม่ห่างนัก ว่าขึ้น
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ผมเข้าไปดูเองก็ได้”
เหมือนจะได้ผล พรรณวษาหยุดเดิน แล้วหันไปหาเขาทั้งตัว เตือนสติ พยายามไม่ก้าวก่ายให้มากจนเกินไป คนบางคน ถ้าไม่พูดเลยก็จะยิ่งทำ อย่างคนตรงหน้าเธอนี่อย่างไรเล่า
“คุณควรให้เกียรติผู้หญิงที่เคยเป็นอดีตคนรักของคุณบ้างนะ นึกถึงความเหมาะสม ความพอเหมาะพอควร คุณเข้าไปตามด้าถึงในห้องแบบนั้น ด้าจะเสียหายไหม เกิดสามีของด้ารู้ หรือใครรู้ คิดว่าเขาจะโลกสวย คิดในแง่ดีกันหมดทุกคนหรือเปล่า แล้วถ้าด้าเสียหายขึ้นมา คุณจะทำยังไง” พูดมาเสียยาว จู่ ๆ ก็เงียบไป ราวกับถูกชักปลั๊กออก ก่อนแค่นยิ้ม ตอกหน้าธรณ์ออกไปอีกประโยค “เพราะคิดน้อยแบบนี้เอง คุณถึงไม่คู่ควรกับใครเลยสักคน”
ธรณ์แค่นหัวเราะใส่เธอเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะตลก ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาทีหนึ่งก็ยาวเหยียด แถมยังใส่เขาเป็นชุดอีก พูดจาดูถูกคนเก่งไม่หยอกเลยนี่ สูงส่งมาจากไหนเชียว สบช่องบ้างเลยถามห้วนสั้น ไร้อารมณ์ขันกลับไปว่า “ไม่เหมาะกับใครสักคนแม้แต่กับคุณอย่างนั้นน่ะหรือ”
พรรณวษาเลือกจะไม่ตอบโต้ให้ยืดเยื้อ เดินเลี่ยงเขาเพื่อกลับห้อง ธรณ์มองตามหลังอย่างโมโหนิด ๆ
เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว ค่อยเห็นไอลดานั่งอยู่กลางเตียงนอนในห้องที่แสงค่อนข้างสลัว ท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนก่อนหน้าเธอจะเข้ามาไม่นานนี่เอง
“ไปไหนมา” เสียงถามงัวเงียดังมาจากคนที่ยังอยู่บนเตียงนอน พรรณวษาปิดประตูแล้วเดินไปดึงม่านออก บอกทั้งที่ยังทำตัวยุ่งวุ่นวายกับผ้าม่านอยู่
“ไปเดินเล่นข้างนอกมา”
ไอลดาปิดตาลงอีกครั้งแล้วบ่น “มึนหัวอะพรรณ”
“ต้องให้อุ้มไปอาบน้ำไหมล่ะ”
ได้ยินอีกฝ่ายทำเสียงงอแงอยู่ในลำคอ ก็ค่อยเดินไปนั่งข้าง ๆ บ่นต่อ “เมื่อคืนด้าดื่มจนเมาเละเลย คืนนี้ไม่เอาแบบนั้นแล้วนะ”
“ไม่เละหรอกน่า แค่พูดจาไม่รู้เรื่องแค่นั้นเอง” ไอลดาบอกขำ ๆ แบบรู้ตัวเองดี แล้วสะบัดผ้าห่มออก เดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ตะโกนถามออกมาจากด้านใน
“พี่ธรณ์ตื่นหรือยังก็ไม่รู้เนอะ”
ได้ยินชื่ออีกฝ่ายก็ให้อารมณ์เปลี่ยนในทันที เลือกจะเงียบ ไม่เอ่ยถึง เพราะฟังดูแล้วไม่ใช่ประโยคคำถามอะไรเลย ไม่นานไอลดาเดินออกมาแต่งตัวด้วยชุดใหม่ ค่อยตรงไปห้องอาหาร รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
หลังสั่งงานกับทางคนของตนเองเรียบร้อยแล้ว ธรณ์เดินไปที่ห้องของสองสาว พบแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ด้านใน เดาว่าคงไปหาอะไรกินกันแล้วป่านนี้ ค่อยเตร่ไปยังห้องอาหาร ยิ้มเมื่อเห็นไอลดานั่งละเลียดอาหารตรงหน้าอยู่กับเพื่อนตัวแสบของเธอ
“ตื่นแล้วหรือครับ เจ้าหญิงของพี่”
ธรณ์ทักยิ้ม ๆ ตามองอีกคนที่จัดการกับอาหารเช้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเห็นเธอตักต้มจืดกินด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ไม่มีเคอะเขินเมื่อถูกเขามองจ้องอยู่ ส่วนไอลดาเห็นตรงหน้ามีอาหารที่ยังไม่แตะเลยวางตั้งอยู่เช่นกัน เจ้าตัวเอาแต่ละเลียดน้ำผลไม้เพียงเท่านั้น
แล้วเอ่ยชวนกับไอลดา “สรุปว่าเราไปดำน้ำไหม”
“ไปสิคะ” ไอลดาค่อยดูมีชีวิตชีวาขึ้น แล้วขยับตัวนั่งใหม่ด้วยท่วงท่ากระตือรือร้นในทันที
“กินข้าวแล้ว เราไปกันเลยนะ” ธรณ์ส่งสายตาว่าให้จัดการอาหารตรงหน้าของตัวเอง ไอลดาผลักออก เก็บอาการผะอืดผะอมเอาไว้ แล้วว่า “เช้า ๆ ยังไม่ค่อยหิวค่ะ ใครจะกินครบสามมื้อแบบพรรณได้เล่า”
พอพูดถึงเพื่อนขึ้นมา พลันนึกอะไรได้ ไอลดาจึงค่อยหันมาถาม “ไปด้วยกันไหมพรรณ”
พรรณวษาเคี้ยวอาหารในปากช้า ๆ ละสายตาจากชายหญิงสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเธอ เอี้ยวตัวรับผลไม้ที่พนักงานนำมาบริการให้ที่โต๊ะ ยังไม่ทันตอบอะไรออกไป ธรณ์ก็ว่าขัด พอรู้มาบ้างว่าเพื่อนของไอลดาไม่นิยมการนั่งเรือเร็ว
“ไปด้วยกันสิคุณ วันนี้คลื่นลมใช้ได้เลย นั่งเรือโต้คลื่น สนุกน้อยเสียที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้หานั่งง่าย ๆ เหมือนนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปทำงานนะเออ”
พรรณวษามองสบตาเขานิ่ง ธรณ์เคยรู้เรื่องเธอมาก่อนหรือเปล่า ว่าเคยลงดำน้ำกับครูสอนครั้งหนึ่ง แต่ก็เอาชนะความกลัวของตัวเองไม่ได้
“คลื่นสูงมากก็ไม่ไหวนะคะ พรรณไปด้วยไม่เมาแย่หรือเนี่ย”
ไอลดาบอกจบ มองสบตาอย่างห่วง ๆ
พอเห็นสายตาอดีตคนรักของเพื่อนสนิทมองมาอย่างท้าทาย พรรณวษารีบเก็บอาหารหวาดหวั่น บอกเสียงเอื่อยเฉื่อยโต้กลับไปว่า “ไหวสิ ไม่ไปด้วยเสียดายแย่เลย เรือนะด้าไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ จะได้หานั่งได้ง่าย ๆ แต่พรรณไม่ลงด้วยนะ อยากไปนั่งเรือเล่นเฉย ๆ”
ธรณ์ยิ้มเลยคราวนี้ เขาซ่อนสายตาจัดจ้าของตัวเองเอาไว้แทบไม่มิด รับมื้อเช้าพร้อมกับนั่งรับประทานไปด้วยกันจนเรียบร้อย ค่อยกลับห้องเพื่อเตรียมตัวสำหรับทริปดำน้ำในวันนี้
ถึงเวลานัดหมาย ทั้งหมดพากันลงเรือเร็ว ธรณ์ให้ลูกน้องของเขาขับพาไปส่ง ส่วนตัวเองนั่งคุยกับไอลดาที่ด้านหน้า โดยมีพรรณวษานั่งดมยาดมอยู่ตลอด ตั้งแต่ออกเดินทาง พยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระของใคร แว่วเสียงไอลดาคุยแทรกเสียงเครื่องยนต์ของเรือเป็นระยะ
“พี่ธรณ์ว่าที่ไหนสวยสุดคะ”
ธรณ์เงียบไปอึดใจเดียว “พี่ชอบที่เกาะเต่า”
“ด้าชอบตอนที่เราไปตาชัยมากกว่าค่ะ” ไอลดายิ้ม ระลึกถึงความหลังครั้งที่ยังคบหาอยู่กับธรณ์ “ตอนนั้นที่เราเจอชาวออสซี่ขอแต่งงานกันตอนดำน้ำไง จำได้ไหมคะ”
“จำได้” ธรณ์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ตามองยังเบื้องหน้า เล่าต่อจากกันกับภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะเขาเองก็รู้สึกประทับใจไม่น้อย “ก็เพราะคู่นั้นแหละ เลยทำให้พี่คิดได้ ว่าควรขอด้าแต่งงานในวันครบรอบของเรา”
พรรณวษาที่นั่งฟังอยู่ด้วย ปรายตามองคนที่สาวความหลังออกมาทำคะแนน เลยได้เห็นว่าเพื่อนของตนเองเอื้อมมือไปบีบมือเขาเบา ๆ บอกเสียงอ่อย
“ด้าขอโทษค่ะ”
ธรณ์ยิ้ม บอกอย่างคนเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี “ขอโทษทำไม เรื่องแบบนี้มีคนผิดที่ไหนกัน แค่อีกคนยังรัก อีกคนหมดรักแล้ว ไม่มีคนผิดหรอกด้า”
ได้ยินแบบนั้น คนบอกเลิกรัก ตัดสัมพันธ์ไปก่อนก็เริ่มตาแดง ๆ เรียกธรณ์เสียงสั่น “พี่ธรณ์... ด้า ด้า”
“เรื่องมันผ่านมาขนาดนี้แล้ว...” ธรณ์พยายามบอกปัด ไม่ให้ไอลดาพูดถึงอีก รักของเขาที่มีต่อไอลดายังตราตรึงในใจของเขาอยู่ตลอด
“นั่นสิ เอามาพูดอีกทำไม”
เสียงนั้นไม่ได้ดังนัก แต่ธรณ์กับไอลดาก็ได้ยิน ทั้งสองหันไปมองทางเจ้าของประโยคเมื่อครู่แทบพร้อมกัน แล้วก็เป็นไอลดาที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนเป็นคนแรก ค่อยหันไปตีแขนธรณ์เบา ๆ เอียงตัวกระซิบนินทาเพื่อนตนเองว่า
“นี่ไงคะที่ด้าบอก ว่าพรรณน่ะแสบ แล้วก็ร้ายกาจออกจะตายไป เดี๋ยวพี่ธรณ์คอยดูต่อเถอะ ว่าเพื่อนด้าน่ะยังร้ายได้มากกว่านี้อีก ไม่เชื่อก็คอยดูเถอะค่ะ”
ธรณ์ยังสัมผัสไม่ได้ถึงความร้ายที่ไอลดาว่า บังเกิดความอยากขึ้นในตอนนั้น อยากจะดูนัก ว่าพรรณวษาจะร้ายได้ขนาดไหน เห็นหน้านิ่ง ๆ เฉย ๆ มึน ๆ แบบนี้ เขายังนึกถึงความร้ายขั้นสุดไม่ออกเหมือนกัน
คนของธรณ์จอดเรือเมื่อถึงจุดลงดำน้ำ
“โชคดีอะ วันนี้น้ำใสมากเลยค่ะพี่ธรณ์”
ธรณ์ตอบรับสั้น ๆ ออกไป ทั้งสองคนจึงช่วยกันเตรียมอุปกรณ์สำหรับดำน้ำให้กันและกัน แต่พรรณวษาเริ่มแย่แล้ว เธอหน้าซีดลงทุกขณะ ไอลดาเห็นก็ทักอย่างไม่สบายใจ
“ไหวไหมพรรณ”
“อือ” ตอบสั้น ๆ จ่อยาดมที่รูจมูกไว้ตลอด จนเริ่มแสบผิวตรงขอบจมูกและเหนือริมฝีปาก สุดท้ายคนขับเรือก็เข้ามาบอกให้เธอมองไปไกล ๆ นู่นเลย อย่ามองคลื่นทะเล
พรรณวษาทำตามคำแนะนำทุกอย่าง จนสุดท้ายเธอก็อาเจียนออกมาจนได้ ไอลดาเข้ามาดูแล เรียกอย่างเป็นห่วง
“พรรณ ไหวแน่นะ”
โบกมือไล่เพื่อนว่าให้ไปดำน้ำเถอะ ปดว่าเธอยังไหวหากได้อาเจียนออกมาแล้ว นั่งมองทั้งสองคนที่พากันลงดำน้ำแล้ว ค่อยล้มตัวลงนอนตรงพื้นเรือตามคำบอกของลูกน้องธรณ์ ปิดตาลงนอนให้คลื่นโต้เรือ กระแทกเธอไปมาแบบนั้นเป็นนาน นานจนเลิกนับเวลารอ ตอนนี้ไม่อาเจียนแล้ว แต่เพลียมาก แล้วก็ลุ้นว่าเมื่อไรสองคนนั้นจะกลับขึ้นเรือเสียที
จนเห็นเงาคนยืนบังแสงแดดที่ส่องหน้าเธออยู่ ค่อยลืมตาขึ้นมอง
“ไหวไหมคุณ” เป็นธรณ์นั่นเอง
พรรณวษาพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ แล้วขืนตัวลุกนั่ง ก่อนจะพาตัวเองลุกยืนตามลำดับ พบว่าเธอเมาคลื่นขึ้นมาอีกครั้ง เกาะขอบเรือให้มั่น แล้วอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง มีเหลือเพียงน้ำย่อยเท่านั้นเอง โดยมีไอลดาร้องตกอกตกใจอยู่ข้าง ๆ บ่นว่าคราวหลังจะไม่ให้เธอมาด้วยอีกแล้ว
ให้เอาปืนจ่อ เอามีดจี้ สาบานเลยว่าชีวิตนี้เธอจะไม่มาอีก พรรณวษาคิดอย่างเพลีย ๆ
“ลืมเอายาให้กินก่อนลงเรือเนอะ” ธรณ์ทำทีเป็นบ่นเหมือนเพิ่งนึกออกจริง ๆ ได้ยินเสียงเขาเหมือนขำเบา ๆ ด้วยตอนที่พูดนั้น แต่เธอไม่ขำไปกับเขา ไม่มีแรงจะโต้ออกไป จึงเงียบ นั่งหน้าซีดตรงที่นั่งของตัวเอง
ถึงเวลากลับ พรรณวษาตัดสินใจลุกยืน เกาะขอบเก้าอี้คนขับเรือ โต้ลมอยู่อย่างนั้นก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น
แรงลมที่พัดสวนกับความเร็วเรือ รัดรึงรูปร่างของพรรณวษา จนทำให้เห็นเด่นชัดว่าเจ้าหล่อนเป็นคนมีทรวดทรงเย้ายวนอยู่ไม่ใช่น้อย ก้อนเนื้อกลมมนสองก้อนใต้เสื้อคลุมแขนยาวนั้น ดูเหมือนว่าขนาดกำลังดีค่อนไปทางใหญ่ ลาดต่ำลงที่หน้าท้องยังแบนราบ เผยส่วนเว้าโค้งภายใต้กางเกงเนื้อผ้ายืดขากระบอกห้าส่วนที่หล่อนสวม เน้นให้เห็นขอบโค้งของสะโพกได้ค่อนข้างชัด
“มองอะไรหรือคะพี่ธรณ์”
เสียงไอลดาถามขัด ธรณ์ดึงสายตาจากเพื่อนตัวแสบของอดีตคนรัก ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงพิรุธให้ใครจับได้เลย ว่าเขาลอบมองเรือนร่างของเจ้าหล่อนไปมากขนาดไหนแล้ว
“เพื่อนด้าไม่เมื่อยหรือ ยืนตลอดทางเลย”
“เมาเรือน่ะสิคะ เมื่อยก็ต้องทนแล้วล่ะค่ะ” ไอลดาตอบแทน รู้ซึ้งดีว่าเพื่อนอาการเป็นอย่างไรแล้วในนาทีนี้ ค่อยเอื้อมมือจับท่อนแขน ถามด้วยความอาทรห่วงใย แววตาทอความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน
“ดีขึ้นหรือยังพรรณ”
พรรณวษายิ้มเซียว ๆ พยักหน้าซีด ๆ ของตัวเองแทนคำพูด แล้วเลือกที่จะยืนอยู่แบบนั้นจนถึงฝั่ง พอเกาะขอบเรือขึ้นไปบนท่าได้ ก็ให้รู้สึกว่าพื้นดินโคลงไปมาอยู่ตลอด จนต้องยืนนิ่งไว้ก่อนเพื่อตั้งหลัก
ธรณ์ตามหลังเธอมา รับไอลดาจากเรือจนเรียบร้อยแล้ว บอกยิ้ม ๆ “เมาบกน่ะสิ”
พรรณวษารู้อาการของตัวเองดี เธอหันไปถามเพื่อนด้วยใบหน้าซีด ๆ “กลับห้องเลยไหมด้า”
“ไปสิ”
ธรณ์เห็นว่าพวกเธอจะกลับเข้าห้องพักเลย จึงออกปากถาม “มื้อเย็นจะรับที่ห้องเลยไหมครับสาว ๆ”
“ดีค่ะพี่ธรณ์ ขอบคุณมากนะคะ”
ไอลดาบอกเขาแล้วก็เข้ามาจับแขนเธอพาเดิน
“เป็นไงบ้างพรรณ”
พรรณวษาใช้หางตามองที่ด้านหลัง เห็นว่าไกลมากพอแล้วก็ค่อยเอียงตัวบอก “เมาเรือน่ะสิ คราวหลังไม่ไปด้วยแล้ว”
คนอยากดำน้ำขำก๊าก แล้วดึงเธอไปกอด “โอ๋ ๆ ด้าขอโทษ”
ธรณ์มองตามหลังไปแล้ว ก็ค่อยยิ้มอย่างผู้มีชัย หันไปเก็บข้าวของอุปกรณ์ ไม่ลืมเลยไปสั่งที่ห้องครัวให้นำอาหารไปให้สองสาวที่ห้องด้วย ถึงกลับเข้าห้องของเขาเพื่ออาบน้ำ
ธรณ์มาถึงหลังอาหารจากห้องครัวมาส่งได้ไม่นาน พรรณวษายังคงดมยาดม นั่งหมดสภาพอยู่ที่ระเบียง ส่วนไอลดาเปิดประตูเดินสวนออกไปด้านนอก พร้อมถุงบรรจุบุหรี่ในนั้น ธรณ์มองแล้วก็นึกรู้ทันทีว่าหญิงสาวมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ ไอลดาสูบบุหรี่ แต่ไม่ได้ติดขนาดหนักจนน่าเกลียดสำหรับเขา
วางน้ำขิงที่ให้คนในครัวเตรียมมาให้ด้วยลงที่โต๊ะ มองตามหลังไอลดาที่เดินหายไปที่หน้าหาด ค่อยเลื่อนสายตามองยังอีกคนที่เอาแต่นิ่งเงียบ ใบหน้าซีดเผือด ยังไม่ซับสีเลือดเลยสักนิด
พรรณวษาผุดตัวลุกออกจากเก้าอี้ เดินแทบวิ่งไปที่ห้องน้ำ เธอยังไม่หยุดอาเจียนดี พอล้างหน้าเรียบร้อยจึงกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง ตัดสินใจตักต้มยำน้ำใสใส่ชามแบ่งมานั่งซดน้ำไปพลาง ๆ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
“กินรสจัดมากไม่ได้ช่วยอะไรหรอกคุณ เอานี่ ช่วยได้”
ธรณ์ยื่นแก้วที่เทน้ำขิงไว้แล้วส่งให้ รับมาถือพร้อมกับขอบคุณเบา ๆ อย่างคนไร้เรี่ยวแรง
ไอลดากลับเข้าห้องมา เห็นธรณ์ส่งแก้วให้พรรณวษา ก็มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ธรณ์เงยหน้าไปเจอเข้าพอดี ก็ยิ้มให้ทางนั้นแล้วถาม
“มองอะไรครับคนสวย”
“ก็เห็นอยู่ ด้ามองพี่ธรณ์นี่ไงคะ”
“มองทำไมครับ”
“ไม่เคยเห็นเทกแคร์ใครแบบนี้มาก่อน”
ธรณ์เหลือบตาลงมองคนที่เขาเพิ่งเทกแคร์ไป ยักไหล่น้อย ๆ บอกอย่างไม่ติดขัดอะไรว่า “พี่กลัวเขาเป็นอะไรไปในรีสอร์ตของพี่ ก็เท่านั้นเอง”
“ไปคุยกันที่อื่นได้ไหม” เสียงไล่แผ่ว ๆ อย่างคนกำลังจะหมดแรง ทำเอาธรณ์ผุดรอยยิ้มขึ้นตรงมุมปาก ชวนไอลดาคุยต่อ ไม่ได้อยู่กันแบบเงียบ ๆ อย่างที่มีคนเอ่ยปากขอเลย
“คืนนี้มีโชว์ที่หน้าหาดด้วย ด้าไปไหมครับ”
อาการเมาบกเล่นงานเธอหนักมาก จนไม่มีเวลาสนใจใคร ไม่ได้นึกตามคำพูดของใครด้วย ว่าใครจะไปไหน อย่างไร ที่ไหน
“อยากไปนะคะ” ไอลดาบอกกับทางนั้นแล้ว หันมาถามเธอ “ไปด้วยกันไหมพรรณ” พอเห็นว่าเธอโบกมือว่าไม่ไป ก็สบตากับธรณ์นิ่ง บอกเสียงอ่อยว่า
“ด้าไม่ไปดีกว่าค่ะพี่ธรณ์ พรรณเป็นแบบนี้ อยู่ห้องคนเดียวด้วย น่าห่วงออก”
แล้วถึงได้เปิดตามองเพื่อน พร้อมเสียงธรณ์ที่ว่าขึ้นต่อจากนั้น
“ก็ดี เผื่อเพื่อนเราปุบปับเป็นอะไรไป จะได้ช่วยทัน”
พรรณวษาไม่ได้รับรู้ถึงความเป็นห่วงในน้ำเสียงของธรณ์เลยสักนิดเดียว ไอลดาพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน แล้วว่าต่อจากนั้น “งั้นเรานั่งกินอะไรกันที่ระเบียงนี่แหละเนอะ พรรณว่าไง”
เธอหรือจะไปว่าอะไรได้ ขอแค่สองคนนั้นไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางก็พอ เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องมาเสียใจภายหลังอีก เธอไม่ห้ามใครหรอก โต ๆ กันแล้วทั้งนั้น แต่ที่อยากทำคือเตือนสติเพื่อนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ก็แค่นั้นเอง