4

3293 Words
          อากาศริมทะเลช่วยให้ผ่อนคลายได้เสมอ แต่พรรณวษาไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้บ่อยนัก ปกติเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำเกือบทุกวัน บางสัปดาห์ที่เป็นวันหยุดยังต้องเข้าไปตรวจดูเอกสารบางแฟ้มให้บริษัท ชีวิตของเธอ นอกจากงานแล้ว ก็มีแต่งานกับงาน ไม่ค่อยนิยมออกไปสังสรรค์ที่ไหน เธอไม่ค่อยคบหาใคร ที่มีสนิทด้วยก็เพียงไอลดาเท่านั้น สองสาวคบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษา รู้ใจกันหมดแทบทุกเรื่อง พอคิดว่าชีวิตของเธอมีใครบ้างนอกจากเพื่อน ก็อดนึกถึงญาติอีกคนขึ้นมาไม่ได้ สัปดาห์หน้า เธอต้องเอายาไปให้ท่านแล้วนี่นา ไม่รู้ว่ารอบนี้จะยอมมาพบแพทย์ตามนัดไหม พลันสายตาสะดุดเข้ากับใครบางคนตรงหน้าหาด พยายามไม่มองที่เขา แต่เพราะเป็นสิ่งเดียวตรงจุดกึ่งกลางสายตาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ จึงดึงความสนใจจากเธอไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว           พรรณวษาเมินหน้าหนีตรงนั้น หันหลังกลับไปยังทางเดินที่ทอดยาวตรงสู่ห้องพัก ออกเดินได้พักเดียวก็แว่วเสียงเรียกจากทางด้านหลัง                 “เดี๋ยวคุณ”           ไม่ได้หันกลับไปมองตามเสียงนั้น คนที่เรียกไว้จึงเร่งฝีเท้าก้าวตามจนทัน มาหยุดยืนขวางหน้า พร้อมจ้องมองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก พรรณวษาหยุดตามแทบไม่ทัน ทำเอาเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบล้ม ธรณ์เลยคว้าแขนไว้ ดึงไม่ให้ลงไปกองที่พื้นเสียก่อน           พอรู้สึกได้ถึงมือของเขา ค่อยออกแรงดึงแขนของตัวเองออกทีเดียวก็หลุด           “แรงเยอะไม่ใช่เล่นนี่นา” ธรณ์เย้า ดวงตาของเขาเป็นประกายสนุกขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง พรรณวษาถอยหลังหนี ถามด้วยเสียงเรียบ ๆ ใจไม่อยากคุยกับธรณ์เท่าไรนัก           “มีอะไร”           ธรณ์เพิ่งสังเกตว่าดวงตาของพรรณวษาเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกันกับเขา แล้วเอ่ยอะไรขึ้นมาสักอย่าง เพื่อที่เจ้าตัวจะได้ไม่รู้ว่าเขากำลังเพ่งความสนใจกับดวงตาของเธอ กระนั้นก็ไม่ยอมพูดธุระตัวเองเสียที ว่าเรียกไว้ทำไม           “ผมเรียกแล้วคุณทำเมินใส่ทำไม นึกว่าทำเป็นเล่นตัวให้ผู้ชายสนใจเสียอีก”           พรรณวษามองสำรวจเขาแล้วยิ้มแค่ปาก สวนกลับเบาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ “ไม่น่าแปลกใจล่ะ ว่าทำไมด้าถึงเลือกคุณเอส แทนที่จะเป็นคุณ”           น้ำเสียงราบเรียบนั้นทำอารมณ์ของธรณ์เหวี่ยงไปมาได้เป็นครั้งแรก มุมปากของเขาขยับโค้งขึ้นคล้ายยิ้ม แม้ในใจจะเดือดปุด ๆ ก็ตาม ถามแหย่           “พูดเยอะขึ้นแล้วนี่ นึกว่ามีโควตาในการคุย ว่าวันหนึ่งพูดได้ไม่เกินสิบคำ แล้วนี่ ด้าอยู่ที่ห้องหรือเปล่า”           พรรณวษาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเขา เดินเลี่ยงเพื่อกลับเข้าห้องพัก ธรณ์ตามมาไม่ห่างนัก ว่าขึ้น “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ผมเข้าไปดูเองก็ได้” เหมือนจะได้ผล พรรณวษาหยุดเดิน แล้วหันไปหาเขาทั้งตัว  เตือนสติ พยายามไม่ก้าวก่ายให้มากจนเกินไป คนบางคน ถ้าไม่พูดเลยก็จะยิ่งทำ อย่างคนตรงหน้าเธอนี่อย่างไรเล่า “คุณควรให้เกียรติผู้หญิงที่เคยเป็นอดีตคนรักของคุณบ้างนะ นึกถึงความเหมาะสม ความพอเหมาะพอควร คุณเข้าไปตามด้าถึงในห้องแบบนั้น ด้าจะเสียหายไหม เกิดสามีของด้ารู้ หรือใครรู้ คิดว่าเขาจะโลกสวย คิดในแง่ดีกันหมดทุกคนหรือเปล่า แล้วถ้าด้าเสียหายขึ้นมา คุณจะทำยังไง” พูดมาเสียยาว จู่ ๆ ก็เงียบไป ราวกับถูกชักปลั๊กออก ก่อนแค่นยิ้ม ตอกหน้าธรณ์ออกไปอีกประโยค “เพราะคิดน้อยแบบนี้เอง คุณถึงไม่คู่ควรกับใครเลยสักคน”           ธรณ์แค่นหัวเราะใส่เธอเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะตลก ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาทีหนึ่งก็ยาวเหยียด แถมยังใส่เขาเป็นชุดอีก พูดจาดูถูกคนเก่งไม่หยอกเลยนี่ สูงส่งมาจากไหนเชียว สบช่องบ้างเลยถามห้วนสั้น ไร้อารมณ์ขันกลับไปว่า “ไม่เหมาะกับใครสักคนแม้แต่กับคุณอย่างนั้นน่ะหรือ” พรรณวษาเลือกจะไม่ตอบโต้ให้ยืดเยื้อ เดินเลี่ยงเขาเพื่อกลับห้อง ธรณ์มองตามหลังอย่างโมโหนิด ๆ เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว ค่อยเห็นไอลดานั่งอยู่กลางเตียงนอนในห้องที่แสงค่อนข้างสลัว ท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนก่อนหน้าเธอจะเข้ามาไม่นานนี่เอง           “ไปไหนมา” เสียงถามงัวเงียดังมาจากคนที่ยังอยู่บนเตียงนอน พรรณวษาปิดประตูแล้วเดินไปดึงม่านออก บอกทั้งที่ยังทำตัวยุ่งวุ่นวายกับผ้าม่านอยู่           “ไปเดินเล่นข้างนอกมา”           ไอลดาปิดตาลงอีกครั้งแล้วบ่น “มึนหัวอะพรรณ”           “ต้องให้อุ้มไปอาบน้ำไหมล่ะ”           ได้ยินอีกฝ่ายทำเสียงงอแงอยู่ในลำคอ ก็ค่อยเดินไปนั่งข้าง ๆ บ่นต่อ “เมื่อคืนด้าดื่มจนเมาเละเลย คืนนี้ไม่เอาแบบนั้นแล้วนะ”           “ไม่เละหรอกน่า แค่พูดจาไม่รู้เรื่องแค่นั้นเอง” ไอลดาบอกขำ ๆ แบบรู้ตัวเองดี แล้วสะบัดผ้าห่มออก เดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ตะโกนถามออกมาจากด้านใน “พี่ธรณ์ตื่นหรือยังก็ไม่รู้เนอะ” ได้ยินชื่ออีกฝ่ายก็ให้อารมณ์เปลี่ยนในทันที เลือกจะเงียบ ไม่เอ่ยถึง เพราะฟังดูแล้วไม่ใช่ประโยคคำถามอะไรเลย ไม่นานไอลดาเดินออกมาแต่งตัวด้วยชุดใหม่ ค่อยตรงไปห้องอาหาร รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน           หลังสั่งงานกับทางคนของตนเองเรียบร้อยแล้ว ธรณ์เดินไปที่ห้องของสองสาว พบแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ด้านใน เดาว่าคงไปหาอะไรกินกันแล้วป่านนี้ ค่อยเตร่ไปยังห้องอาหาร ยิ้มเมื่อเห็นไอลดานั่งละเลียดอาหารตรงหน้าอยู่กับเพื่อนตัวแสบของเธอ           “ตื่นแล้วหรือครับ เจ้าหญิงของพี่”           ธรณ์ทักยิ้ม ๆ ตามองอีกคนที่จัดการกับอาหารเช้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเห็นเธอตักต้มจืดกินด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ไม่มีเคอะเขินเมื่อถูกเขามองจ้องอยู่ ส่วนไอลดาเห็นตรงหน้ามีอาหารที่ยังไม่แตะเลยวางตั้งอยู่เช่นกัน เจ้าตัวเอาแต่ละเลียดน้ำผลไม้เพียงเท่านั้น           แล้วเอ่ยชวนกับไอลดา “สรุปว่าเราไปดำน้ำไหม”           “ไปสิคะ” ไอลดาค่อยดูมีชีวิตชีวาขึ้น แล้วขยับตัวนั่งใหม่ด้วยท่วงท่ากระตือรือร้นในทันที           “กินข้าวแล้ว เราไปกันเลยนะ” ธรณ์ส่งสายตาว่าให้จัดการอาหารตรงหน้าของตัวเอง ไอลดาผลักออก เก็บอาการผะอืดผะอมเอาไว้ แล้วว่า “เช้า ๆ ยังไม่ค่อยหิวค่ะ ใครจะกินครบสามมื้อแบบพรรณได้เล่า” พอพูดถึงเพื่อนขึ้นมา พลันนึกอะไรได้ ไอลดาจึงค่อยหันมาถาม “ไปด้วยกันไหมพรรณ”           พรรณวษาเคี้ยวอาหารในปากช้า ๆ ละสายตาจากชายหญิงสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเธอ เอี้ยวตัวรับผลไม้ที่พนักงานนำมาบริการให้ที่โต๊ะ ยังไม่ทันตอบอะไรออกไป ธรณ์ก็ว่าขัด พอรู้มาบ้างว่าเพื่อนของไอลดาไม่นิยมการนั่งเรือเร็ว           “ไปด้วยกันสิคุณ วันนี้คลื่นลมใช้ได้เลย นั่งเรือโต้คลื่น สนุกน้อยเสียที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้หานั่งง่าย ๆ เหมือนนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปทำงานนะเออ” พรรณวษามองสบตาเขานิ่ง ธรณ์เคยรู้เรื่องเธอมาก่อนหรือเปล่า ว่าเคยลงดำน้ำกับครูสอนครั้งหนึ่ง แต่ก็เอาชนะความกลัวของตัวเองไม่ได้ “คลื่นสูงมากก็ไม่ไหวนะคะ พรรณไปด้วยไม่เมาแย่หรือเนี่ย” ไอลดาบอกจบ มองสบตาอย่างห่วง ๆ           พอเห็นสายตาอดีตคนรักของเพื่อนสนิทมองมาอย่างท้าทาย พรรณวษารีบเก็บอาหารหวาดหวั่น บอกเสียงเอื่อยเฉื่อยโต้กลับไปว่า “ไหวสิ ไม่ไปด้วยเสียดายแย่เลย เรือนะด้าไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ จะได้หานั่งได้ง่าย ๆ แต่พรรณไม่ลงด้วยนะ อยากไปนั่งเรือเล่นเฉย ๆ”           ธรณ์ยิ้มเลยคราวนี้ เขาซ่อนสายตาจัดจ้าของตัวเองเอาไว้แทบไม่มิด รับมื้อเช้าพร้อมกับนั่งรับประทานไปด้วยกันจนเรียบร้อย ค่อยกลับห้องเพื่อเตรียมตัวสำหรับทริปดำน้ำในวันนี้           ถึงเวลานัดหมาย ทั้งหมดพากันลงเรือเร็ว ธรณ์ให้ลูกน้องของเขาขับพาไปส่ง ส่วนตัวเองนั่งคุยกับไอลดาที่ด้านหน้า โดยมีพรรณวษานั่งดมยาดมอยู่ตลอด ตั้งแต่ออกเดินทาง พยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระของใคร แว่วเสียงไอลดาคุยแทรกเสียงเครื่องยนต์ของเรือเป็นระยะ           “พี่ธรณ์ว่าที่ไหนสวยสุดคะ”           ธรณ์เงียบไปอึดใจเดียว “พี่ชอบที่เกาะเต่า” “ด้าชอบตอนที่เราไปตาชัยมากกว่าค่ะ” ไอลดายิ้ม ระลึกถึงความหลังครั้งที่ยังคบหาอยู่กับธรณ์ “ตอนนั้นที่เราเจอชาวออสซี่ขอแต่งงานกันตอนดำน้ำไง จำได้ไหมคะ”           “จำได้” ธรณ์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ตามองยังเบื้องหน้า เล่าต่อจากกันกับภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะเขาเองก็รู้สึกประทับใจไม่น้อย “ก็เพราะคู่นั้นแหละ เลยทำให้พี่คิดได้ ว่าควรขอด้าแต่งงานในวันครบรอบของเรา”           พรรณวษาที่นั่งฟังอยู่ด้วย ปรายตามองคนที่สาวความหลังออกมาทำคะแนน เลยได้เห็นว่าเพื่อนของตนเองเอื้อมมือไปบีบมือเขาเบา ๆ บอกเสียงอ่อย           “ด้าขอโทษค่ะ”           ธรณ์ยิ้ม บอกอย่างคนเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี “ขอโทษทำไม เรื่องแบบนี้มีคนผิดที่ไหนกัน แค่อีกคนยังรัก อีกคนหมดรักแล้ว ไม่มีคนผิดหรอกด้า”           ได้ยินแบบนั้น คนบอกเลิกรัก ตัดสัมพันธ์ไปก่อนก็เริ่มตาแดง ๆ เรียกธรณ์เสียงสั่น “พี่ธรณ์... ด้า ด้า”           “เรื่องมันผ่านมาขนาดนี้แล้ว...” ธรณ์พยายามบอกปัด ไม่ให้ไอลดาพูดถึงอีก รักของเขาที่มีต่อไอลดายังตราตรึงในใจของเขาอยู่ตลอด           “นั่นสิ เอามาพูดอีกทำไม”           เสียงนั้นไม่ได้ดังนัก แต่ธรณ์กับไอลดาก็ได้ยิน ทั้งสองหันไปมองทางเจ้าของประโยคเมื่อครู่แทบพร้อมกัน แล้วก็เป็นไอลดาที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนเป็นคนแรก ค่อยหันไปตีแขนธรณ์เบา ๆ เอียงตัวกระซิบนินทาเพื่อนตนเองว่า           “นี่ไงคะที่ด้าบอก ว่าพรรณน่ะแสบ แล้วก็ร้ายกาจออกจะตายไป เดี๋ยวพี่ธรณ์คอยดูต่อเถอะ ว่าเพื่อนด้าน่ะยังร้ายได้มากกว่านี้อีก ไม่เชื่อก็คอยดูเถอะค่ะ”           ธรณ์ยังสัมผัสไม่ได้ถึงความร้ายที่ไอลดาว่า บังเกิดความอยากขึ้นในตอนนั้น อยากจะดูนัก ว่าพรรณวษาจะร้ายได้ขนาดไหน เห็นหน้านิ่ง ๆ เฉย ๆ มึน ๆ แบบนี้ เขายังนึกถึงความร้ายขั้นสุดไม่ออกเหมือนกัน           คนของธรณ์จอดเรือเมื่อถึงจุดลงดำน้ำ           “โชคดีอะ วันนี้น้ำใสมากเลยค่ะพี่ธรณ์”           ธรณ์ตอบรับสั้น ๆ ออกไป ทั้งสองคนจึงช่วยกันเตรียมอุปกรณ์สำหรับดำน้ำให้กันและกัน แต่พรรณวษาเริ่มแย่แล้ว เธอหน้าซีดลงทุกขณะ ไอลดาเห็นก็ทักอย่างไม่สบายใจ           “ไหวไหมพรรณ”           “อือ” ตอบสั้น ๆ จ่อยาดมที่รูจมูกไว้ตลอด จนเริ่มแสบผิวตรงขอบจมูกและเหนือริมฝีปาก สุดท้ายคนขับเรือก็เข้ามาบอกให้เธอมองไปไกล ๆ นู่นเลย อย่ามองคลื่นทะเล           พรรณวษาทำตามคำแนะนำทุกอย่าง จนสุดท้ายเธอก็อาเจียนออกมาจนได้ ไอลดาเข้ามาดูแล เรียกอย่างเป็นห่วง           “พรรณ ไหวแน่นะ”           โบกมือไล่เพื่อนว่าให้ไปดำน้ำเถอะ ปดว่าเธอยังไหวหากได้อาเจียนออกมาแล้ว นั่งมองทั้งสองคนที่พากันลงดำน้ำแล้ว ค่อยล้มตัวลงนอนตรงพื้นเรือตามคำบอกของลูกน้องธรณ์ ปิดตาลงนอนให้คลื่นโต้เรือ กระแทกเธอไปมาแบบนั้นเป็นนาน นานจนเลิกนับเวลารอ ตอนนี้ไม่อาเจียนแล้ว แต่เพลียมาก แล้วก็ลุ้นว่าเมื่อไรสองคนนั้นจะกลับขึ้นเรือเสียที จนเห็นเงาคนยืนบังแสงแดดที่ส่องหน้าเธออยู่ ค่อยลืมตาขึ้นมอง           “ไหวไหมคุณ” เป็นธรณ์นั่นเอง           พรรณวษาพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ แล้วขืนตัวลุกนั่ง ก่อนจะพาตัวเองลุกยืนตามลำดับ พบว่าเธอเมาคลื่นขึ้นมาอีกครั้ง เกาะขอบเรือให้มั่น แล้วอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง มีเหลือเพียงน้ำย่อยเท่านั้นเอง โดยมีไอลดาร้องตกอกตกใจอยู่ข้าง ๆ บ่นว่าคราวหลังจะไม่ให้เธอมาด้วยอีกแล้ว           ให้เอาปืนจ่อ เอามีดจี้ สาบานเลยว่าชีวิตนี้เธอจะไม่มาอีก พรรณวษาคิดอย่างเพลีย ๆ           “ลืมเอายาให้กินก่อนลงเรือเนอะ” ธรณ์ทำทีเป็นบ่นเหมือนเพิ่งนึกออกจริง ๆ ได้ยินเสียงเขาเหมือนขำเบา ๆ ด้วยตอนที่พูดนั้น แต่เธอไม่ขำไปกับเขา ไม่มีแรงจะโต้ออกไป จึงเงียบ นั่งหน้าซีดตรงที่นั่งของตัวเอง ถึงเวลากลับ พรรณวษาตัดสินใจลุกยืน เกาะขอบเก้าอี้คนขับเรือ โต้ลมอยู่อย่างนั้นก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น           แรงลมที่พัดสวนกับความเร็วเรือ รัดรึงรูปร่างของพรรณวษา จนทำให้เห็นเด่นชัดว่าเจ้าหล่อนเป็นคนมีทรวดทรงเย้ายวนอยู่ไม่ใช่น้อย ก้อนเนื้อกลมมนสองก้อนใต้เสื้อคลุมแขนยาวนั้น ดูเหมือนว่าขนาดกำลังดีค่อนไปทางใหญ่ ลาดต่ำลงที่หน้าท้องยังแบนราบ เผยส่วนเว้าโค้งภายใต้กางเกงเนื้อผ้ายืดขากระบอกห้าส่วนที่หล่อนสวม เน้นให้เห็นขอบโค้งของสะโพกได้ค่อนข้างชัด           “มองอะไรหรือคะพี่ธรณ์”           เสียงไอลดาถามขัด ธรณ์ดึงสายตาจากเพื่อนตัวแสบของอดีตคนรัก ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงพิรุธให้ใครจับได้เลย ว่าเขาลอบมองเรือนร่างของเจ้าหล่อนไปมากขนาดไหนแล้ว “เพื่อนด้าไม่เมื่อยหรือ ยืนตลอดทางเลย”           “เมาเรือน่ะสิคะ เมื่อยก็ต้องทนแล้วล่ะค่ะ” ไอลดาตอบแทน รู้ซึ้งดีว่าเพื่อนอาการเป็นอย่างไรแล้วในนาทีนี้ ค่อยเอื้อมมือจับท่อนแขน ถามด้วยความอาทรห่วงใย แววตาทอความรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน           “ดีขึ้นหรือยังพรรณ”           พรรณวษายิ้มเซียว ๆ พยักหน้าซีด ๆ ของตัวเองแทนคำพูด แล้วเลือกที่จะยืนอยู่แบบนั้นจนถึงฝั่ง พอเกาะขอบเรือขึ้นไปบนท่าได้ ก็ให้รู้สึกว่าพื้นดินโคลงไปมาอยู่ตลอด จนต้องยืนนิ่งไว้ก่อนเพื่อตั้งหลัก           ธรณ์ตามหลังเธอมา รับไอลดาจากเรือจนเรียบร้อยแล้ว บอกยิ้ม ๆ “เมาบกน่ะสิ”           พรรณวษารู้อาการของตัวเองดี เธอหันไปถามเพื่อนด้วยใบหน้าซีด ๆ “กลับห้องเลยไหมด้า”           “ไปสิ”           ธรณ์เห็นว่าพวกเธอจะกลับเข้าห้องพักเลย จึงออกปากถาม “มื้อเย็นจะรับที่ห้องเลยไหมครับสาว ๆ”           “ดีค่ะพี่ธรณ์ ขอบคุณมากนะคะ”           ไอลดาบอกเขาแล้วก็เข้ามาจับแขนเธอพาเดิน           “เป็นไงบ้างพรรณ”           พรรณวษาใช้หางตามองที่ด้านหลัง เห็นว่าไกลมากพอแล้วก็ค่อยเอียงตัวบอก “เมาเรือน่ะสิ คราวหลังไม่ไปด้วยแล้ว”           คนอยากดำน้ำขำก๊าก แล้วดึงเธอไปกอด “โอ๋ ๆ ด้าขอโทษ”              ธรณ์มองตามหลังไปแล้ว ก็ค่อยยิ้มอย่างผู้มีชัย หันไปเก็บข้าวของอุปกรณ์ ไม่ลืมเลยไปสั่งที่ห้องครัวให้นำอาหารไปให้สองสาวที่ห้องด้วย ถึงกลับเข้าห้องของเขาเพื่ออาบน้ำ ธรณ์มาถึงหลังอาหารจากห้องครัวมาส่งได้ไม่นาน พรรณวษายังคงดมยาดม นั่งหมดสภาพอยู่ที่ระเบียง ส่วนไอลดาเปิดประตูเดินสวนออกไปด้านนอก พร้อมถุงบรรจุบุหรี่ในนั้น ธรณ์มองแล้วก็นึกรู้ทันทีว่าหญิงสาวมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ ไอลดาสูบบุหรี่ แต่ไม่ได้ติดขนาดหนักจนน่าเกลียดสำหรับเขา  วางน้ำขิงที่ให้คนในครัวเตรียมมาให้ด้วยลงที่โต๊ะ มองตามหลังไอลดาที่เดินหายไปที่หน้าหาด ค่อยเลื่อนสายตามองยังอีกคนที่เอาแต่นิ่งเงียบ ใบหน้าซีดเผือด ยังไม่ซับสีเลือดเลยสักนิด พรรณวษาผุดตัวลุกออกจากเก้าอี้ เดินแทบวิ่งไปที่ห้องน้ำ เธอยังไม่หยุดอาเจียนดี พอล้างหน้าเรียบร้อยจึงกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง ตัดสินใจตักต้มยำน้ำใสใส่ชามแบ่งมานั่งซดน้ำไปพลาง ๆ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง “กินรสจัดมากไม่ได้ช่วยอะไรหรอกคุณ เอานี่ ช่วยได้” ธรณ์ยื่นแก้วที่เทน้ำขิงไว้แล้วส่งให้ รับมาถือพร้อมกับขอบคุณเบา ๆ อย่างคนไร้เรี่ยวแรง           ไอลดากลับเข้าห้องมา เห็นธรณ์ส่งแก้วให้พรรณวษา ก็มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ธรณ์เงยหน้าไปเจอเข้าพอดี ก็ยิ้มให้ทางนั้นแล้วถาม           “มองอะไรครับคนสวย”           “ก็เห็นอยู่ ด้ามองพี่ธรณ์นี่ไงคะ”           “มองทำไมครับ”           “ไม่เคยเห็นเทกแคร์ใครแบบนี้มาก่อน”           ธรณ์เหลือบตาลงมองคนที่เขาเพิ่งเทกแคร์ไป ยักไหล่น้อย ๆ บอกอย่างไม่ติดขัดอะไรว่า “พี่กลัวเขาเป็นอะไรไปในรีสอร์ตของพี่ ก็เท่านั้นเอง”           “ไปคุยกันที่อื่นได้ไหม” เสียงไล่แผ่ว ๆ อย่างคนกำลังจะหมดแรง ทำเอาธรณ์ผุดรอยยิ้มขึ้นตรงมุมปาก ชวนไอลดาคุยต่อ ไม่ได้อยู่กันแบบเงียบ ๆ อย่างที่มีคนเอ่ยปากขอเลย           “คืนนี้มีโชว์ที่หน้าหาดด้วย ด้าไปไหมครับ”           อาการเมาบกเล่นงานเธอหนักมาก จนไม่มีเวลาสนใจใคร ไม่ได้นึกตามคำพูดของใครด้วย ว่าใครจะไปไหน อย่างไร ที่ไหน           “อยากไปนะคะ” ไอลดาบอกกับทางนั้นแล้ว หันมาถามเธอ “ไปด้วยกันไหมพรรณ” พอเห็นว่าเธอโบกมือว่าไม่ไป ก็สบตากับธรณ์นิ่ง บอกเสียงอ่อยว่า           “ด้าไม่ไปดีกว่าค่ะพี่ธรณ์ พรรณเป็นแบบนี้ อยู่ห้องคนเดียวด้วย น่าห่วงออก”           แล้วถึงได้เปิดตามองเพื่อน พร้อมเสียงธรณ์ที่ว่าขึ้นต่อจากนั้น           “ก็ดี เผื่อเพื่อนเราปุบปับเป็นอะไรไป จะได้ช่วยทัน”           พรรณวษาไม่ได้รับรู้ถึงความเป็นห่วงในน้ำเสียงของธรณ์เลยสักนิดเดียว ไอลดาพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน แล้วว่าต่อจากนั้น “งั้นเรานั่งกินอะไรกันที่ระเบียงนี่แหละเนอะ พรรณว่าไง”           เธอหรือจะไปว่าอะไรได้ ขอแค่สองคนนั้นไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางก็พอ เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องมาเสียใจภายหลังอีก เธอไม่ห้ามใครหรอก โต ๆ กันแล้วทั้งนั้น แต่ที่อยากทำคือเตือนสติเพื่อนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ก็แค่นั้นเอง      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD