“อำเราทำไมก็ไม่รู้เนอะ”
ไอลดาบ่น เมื่อรู้ความจริงจากปากธรณ์ในที่สุดว่ารีสอร์ตแห่งนี้คือกิจการที่เขาเพิ่งควักเงินซื้อเมื่อไม่นานนี้เอง
ที่นี่เกือบร้างมาแล้ว เพราะไม่มีคนเข้าพักเลยหลายเดือน ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงการบริหารจัดการไม่เป็นระบบ สถานที่เก่าไม่ปรับปรุง ไม่ดึงดูดคนเข้าพักมากพอ พนักงานที่มีให้บริการก็เท่าที่เห็น ไม่ถึงสิบคนเลยด้วยซ้ำ
“ด้าไม่ได้ถามพี่สักคำเลยนี่ครับ ว่าที่นี่น่ะของพี่ธรณ์หรือเปล่า” ธรณ์หยอกล้อหญิงสาวที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของความรู้สึกดี ๆ อยู่ในหัวใจด้วยรอยยิ้ม
ไอลดามองค้อนกลับ กระนั้นก็ยังพูดอย่างอารมณ์ดีว่า
“ไม่ถามก็เพราะไม่รู้นี่คะ พี่ธรณ์ก็ใจดำ ไม่บอกด้าบ้างเลย”
พรรณวษาที่นั่งร่วมโต๊ะเงียบ ๆ เลยพลอยรู้เรื่องไปด้วยว่าสองคนสนทนาเรื่องอะไรบ้าง พอจับใจความได้ว่ารีสอร์ตนี้เป็นของธรณ์ เขารวบรวมเงินที่อ้างว่าไม่ค่อยจะมี ซื้อกิจการนี้เมื่อไม่นาน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเขา
“ขนาดไม่มีเงินนะเนี่ย ซื้อไปกี่สิบกี่ร้อยล้านคะเนี่ย บอกด้าได้ไหม”
ธรณ์ทำทีเป็นเมินไปมองทางแขกที่โบกมือทักทายเขา ซ่อนประกายตาจัดจ้าเอาไว้ เลี่ยงตอบเรื่องราคาที่เขาซื้อมา “งบดุลเขาไม่ดีมาสองสามปีแล้ว เลยขายถูกหน่อย”
ไอลดายิ้ม เอื้อมมือหยิบแก้วขึ้นดื่ม พร้อมคิดอะไรในหัวไปพลาง หากธรณ์พูดจาลักษณะนี้เมื่อสี่ปีก่อน เธออาจเชื่อว่าเขาไม่มีเงินจริง ๆ แต่ตอนนี้ไอลดาไม่นึกเชื่อเขาเลยสักนิด ก็ข่าวที่ว่าเขาได้ผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลมาเฉียด ๆ สิบหลักนั้น ลือกันจนมาถึงหูเธอด้วยน่ะสิ ทีแรกที่ได้ยิน ไอลดาไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไรนัก แต่คนที่นำเรื่องนี้มาคุยให้ฟังคือหัสดินทร์ สามีของเธอเอง เขาเอาเรื่องนี้มาคุยกับเธอตั้งแต่ข่าวเพิ่งหลุดออกมาใหม่ ๆ ก่อนทิ้งท้ายด้วยการเหน็บเธออีกว่า อยากกลับไปหาธรณ์ไหม นั่นเองที่ทำให้ไอลดาเริ่มมีปัญหากับหัสดินทร์ เธอไม่พอใจที่เขาดูถูกเธอเช่นนั้น และจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ลามไปยังเรื่องอื่นด้วย ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันแย่ลงทุกที
เมื่อก่อนไอลดารู้ว่าธรณ์ไม่มีสินทรัพย์ที่เป็นที่ดินหรือกิจการในรูปแบบที่คอยทำเงินให้ แบบที่คนในครอบครัวของเขามี แล้วก็จะถูกพี่ ๆ ของเขาเอามาพูดเย้าตลอดว่าเขาจน แต่แล้วเขาจนจริงหรือ บ้านนี้ตระกูลนี้น่ะหรือ จะปล่อยให้ตัวเองจน
“อัศวหาญญ์วรกุลคนไหนกันคะไม่มีเงิน พี่ธรณ์ก็ขี้โม้ไปเรื่อย”
ธรณ์ไม่ได้ตอบอะไร พอดีที่คนของเขาเข้ามาคุยอะไรด้วย จึงหันมาบอกกับพวกเธอว่าขอตัวสักครู่ แล้วลุกออกไปทำธุระของเขา
รอจนอดีตคนรักหายออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว พรรณวษาจึงว่าขึ้นด้วยระดับเสียงที่ตั้งใจให้ได้ยินแค่สองคน
“ไม่แปลกหรอกถ้าที่นี่จะขาดทุนยับ”
ไอลดาถามอย่างไม่สนใจจะฟังเท่าไรนัก ยกแก้วเครื่องดื่ม ดื่มอย่างเพลิน ๆ “ทำไมหรือ”
“ห้องพักที่นี่พังมาก ต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย แต่เขาก็ยังไม่เห็นทำอะไร พนักงานยังไม่ต้องจ้างมาเยอะหรอก เพราะแขกเข้าพักก็ไม่ได้มากมายเท่าไร แต่แค่ให้เป็นระบบหน่อยก็ดี เชื่อพรรณไหมว่าเขาต้องซื้อมาแพงกว่าราคาประเมิน”
ไอลดามองตามไปรอบ ๆ ถามกลับอย่างคล้อยตาม
“พรรณว่าอย่างนั้นหรือ ด้าไม่ค่อยรู้หรอก ก็คงงั้นแหละมั้ง”
พรรณวษาเลือกจะพยักหน้าตอบแทนคำพูด แล้วยื่นมือรับเครื่องดื่มในแก้วลงวางให้ไอลดา ไม่นานธรณ์กลับมานั่งร่วมโต๊ะด้วยอย่างเดิม ท่าทางเขาเงียบกว่าตอนลุกไปเสียอีก พอดีที่นักดนตรีนักร้องบรรเลงเพลงทำนองคุ้นหูขึ้นมา ไอลดาก็ยิ้มกว้างแล้วหันไปคุยกับเขา
“เพลงเพราะจังเลยนะคะพี่ธรณ์ นึกถึงตอนนั้นเลย ที่พี่ธรณ์พาไปดินเนอร์ฉลองวันเกิดด้า”
ธรณ์หันมาส่งยิ้มให้ เขาเองก็กำลังนึกถึงอยู่พอดี เขาพบไอลดาครั้งแรกก็ชอบ ถูกใจ อยากได้มาครอบครอง แล้วถึงได้เดินหน้าจีบจนสำเร็จ เขาหลงใหลในความสดใสของไอลดา ชอบที่เธอพูดจาเปิดเผย ยิ้มแย้ม ช่างออดอ้อน ก่อนที่สายตาจะเลยไปทางด้านข้างของไอลดา พอเห็นว่าอีกฝ่ายมองเขาอยู่ก็เลิกคิ้วให้เธอน้อย ๆ คิดอย่างออกขวางนิด ๆ ว่า
คนอะไรไม่ช่างพูดช่างจา แววตาก็เรียบเฉยเย็นชาแฝงไปด้วยความระแวดระวัง ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ แบบนี้เองถึงยังโสด ใครจะอยากเข้าใกล้คนแบบนี้กัน
พรรณวษาละสายตาจากเขามาก่อน เมื่อมีสายเรียกเข้าอีกครั้ง แล้วหันไปคุยกับไอลดา
“เพื่อนที่ทำงานโทรมาน่ะ”
“จ้า แฟนก็บอกมาเถอะ” ไอลดาแซวยิ้ม ๆ ธรณ์ไม่ได้สนใจฟังอะไร เขามองบรรยากาศรอบ ๆ รีสอร์ตของตัวเอง คล้ายกับอยากสำรวจดูว่าแขกต่างชาติพอใจกับโชว์มากน้อยแค่ไหน
คล้อยหลังพรรณวษาแล้ว ไอลดายกแก้มดื่มอีกครั้ง ค่อยหันมายิ้มหวานกับธรณ์ แล้วชวนกันคุยถึงคนที่เพิ่งเดินออกไปรับสายยังหาดทรายตรงหน้า
“เห็นเงียบ ๆ แบบนี้เถอะค่ะ ร้ายจะตาย”
ธรณ์ยกขวดเบียร์ขึ้นจิบ มองอดีตคนรักที่เอ่ยถึงเพื่อนตัวเอง แล้วก็นิ่งไป เพราะคิดเรื่องอื่นอยู่ ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากคุยเรื่องของพรรณวษาเท่าไรนัก กระนั้นแล้วก็ยังอุตส่าห์ออกปากถามไป อย่างต้องการต่อบทสนทนามากกว่าจะอยากรับรู้ถึงความร้ายกาจที่ไอลดากล่าวถึง “ร้ายยังไงหรือ”
“ตอนที่พี่ธรณ์เล่าเรื่องซื้อที่นี่ให้ฟัง พรรณแอบบ่นน่ะสิคะว่าที่นี่ขายแพงกว่าราคาประเมินแน่ ๆ แล้วก็ควรปรับปรุงระบบใหม่อย่างด่วนเลย”
ธรณ์หูผึ่ง พยักหน้าเบา ๆ นึกแปลกใจว่าพรรณวษารู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน เขาเองก็กำลังคิดเช่นนี้อยู่ แล้วเลยเงียบ ไม่พูดว่าอะไรต่อจากนั้น ไม่ถามต่อว่าร้ายที่ว่านั้น มีอะไรอีก
“พี่ธรณ์ยังจำได้ไหมละคะว่าด้ากับพรรณสนิทกันขนาดไหน
มีเรื่องอะไรด้าก็จะบอกพรรณทุกเรื่องเลย”
ธรณ์เลิกคิ้วถามขัดยิ้ม ๆ รู้สึกว่าอารมณ์ของเขาจะผ่อนคลายลงบ้างแล้วจากเมื่อครู่ “รวมถึงเรื่องพี่ด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
ธรณ์ขยับตัวนั่งใหม่ รอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะเล่า
ไอลดาจับก้านแก้วค็อกเทลหมุนไปมา ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด วางลงแล้วถึงเล่า “ก่อนที่เราจะคบกัน ด้าเคยถามพรรณด้วยนะคะว่าพี่ธรณ์เป็นยังไงบ้าง แล้วพี่ธรณ์รู้ไหมว่าพรรณน่ะวิจารณ์พี่ธรณ์ซะเละ บอกว่าพี่ธรณ์ไม่ใช่ผู้ชายที่ด้าหรือใครควรจะฝากชีวิตไว้ด้วยเลย”
จากที่ฟังด้วยรอยยิ้มอยู่เมื่อครู่ ใบหน้าหล่อเหลา แววตาแบบคนอารมณ์ดีก็ค่อย ๆ เย็นชาลง เรื่องนี้เขาพอรู้อยู่บ้าง ว่ามีคนพูดถึงเขาลับหลังเช่นไร แต่นาทีนี้บอกได้เลย ว่าใครพูดถึงเขาแบบไหนก็ไม่เจ็บใจเท่ากับที่เพื่อนของไอลดาพูดถึงแน่นอน
พรรณวษามีแววตาเรียบนิ่งที่มองสบด้วยคราใด ก็จะให้ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ในครานั้น ไม่รู้สิ ธรณ์ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ทำตัวเย็นชาได้ขนาดนี้มาก่อนล่ะมั้ง
แล้วเสียงของไอลดาก็ดึงให้ธรณ์กลับลงมาที่บทสนทนากลางโต๊ะอีกครั้ง “แต่ด้าก็ไม่ได้ฟังที่พรรณบอกหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นด้าจะตัดสินใจคบกับพี่ธรณ์หรือคะ”
“อย่าบอกนะว่าเขายุให้เราเลิกกับพี่ แล้วไปเลือกพี่เอสน่ะ”
ไอลดายิ้มเลยคราวนี้ ถามปนขำเล็กน้อย ที่ไม่ใช่เพราะตลก แต่เพราะดื่มจนเริ่มครองตัวเองไม่ได้แล้วมากกว่า “พี่ธรณ์รู้ได้ยังไงคะ”
นี่เขาเดาเล่น ๆ นะ เรื่องจริงหรอกหรือ
เท่านั้นเอง ความรู้สึกเฉย ๆ ที่มีให้หญิงสาวหน้านิ่งอย่างพรรณวษาก็แปรปรวนเป็นดำดิ่งลงเหวในทันที กลายเป็นโมโหขึ้นในที่สุด
แม้เรื่องราวจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ถ้าได้พูดถึงทีไร ธรณ์ก็มักมีอาการหัวร้อนแบบนี้ทุกครั้งไป
ไอลดาที่คุยสนุกติดลม ไม่ทันสังเกตอาการของอดีตคนรัก หญิงสาวเล่าอย่างสนุกปากไปเรื่อย ๆ ว่า “พอพรรณรู้ว่าพี่เอสตามจีบด้าอีกคนเท่านั้นแหละค่ะ โอ้โห แทบจะปูพรมให้พี่เอสเข้าหาด้าเลย”
เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ไอลดาก็เงียบเสียงไป หญิงสาวเมินหน้าออกไปยังทิศทางอื่นเพื่อปาดน้ำตาออก พูดไปแล้วก็อดนึกถึงคืนวันเก่า ๆ เหล่านั้นไม่ได้ หัสดินทร์ทำราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง เขาพะนอเอาใจ ตามไปรับไปส่งเธอทุกที่ที่ต้องการ มีโอกาสสำหรับมื้ออาหารหวาน ๆ อยู่เสมอ และภาพลักษณ์ของเขาในตอนนั้นก็ดีกว่าผู้ชายคนไหน ๆ หัสดินทร์ดูดี เขามาจากตระกูลผู้ดีที่อบอุ่น เอาใจใส่ มีการศึกษา เวลายืนเคียงข้างเขา มันทำให้ใครต่อใครมองมาด้วยแววอิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ อยากยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นแทนที่เธอ แต่มาวันนี้ ไม่มีสิ่งที่ว่านั้นอีกแล้ว
บางคนอาจยังมองอย่างอิจฉาเธออยู่ แต่ไอลดาจำต้องกล้ำกลืนฝืนทน เก็บความชอกช้ำใจเอาไว้ให้มิดชิด แต่แล้วก็รู้ว่าทนเก็บมันต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ต้องระบายออกให้คนที่ไว้ใจที่สุดได้รับฟังเรื่องราวพวกนั้นบ้าง
หัสดินทร์เจ้าชู้ เขาแทบจะนอนกับผู้หญิงทุกคนรอบตัวเขา เธอเพิ่งมารู้แน่ชัดก็เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง แค่นี้เธอก็ช้ำใจมากพอแล้ว นี่ยังไม่รวมความต้องการทางเพศของเขาที่ออกจะล้น ๆ นั่นอีก
ธรณ์ไม่ทันได้สนใจว่าอดีตคนรักอยู่ในโหมดทุกข์โศก เพราะกำลังหัวร้อนอยู่กับคนที่แสดงตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาเสมอ พยายามควบคุมอารมณ์ หันมาที่ไอลดาอีกที เห็นนั่งก้มหน้าร้องไห้ไปแล้ว
เลยขยับมานั่งใกล้ ๆ ใกล้กว่าเดิม ถามด้วยน้ำเสียงอาทร
“ด้าครับ เป็นอะไรไปครับคนดี”
ไอลดาร้องไห้โฮหนักขึ้น มีคนหันมามองที่เธอกันบ้างแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่พรรณวษาเดินกลับมา พอเห็นว่าเพื่อนก้มหน้าซบฝ่ามือ ร้องไห้อยู่ ก็ค่อยลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ ยกมือลูบไหล่เพื่อน ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ด้า... เป็นอะไร”
ไอลดาลดอาการร้องไห้โฮลงมาแล้ว เหลือเพียงสะอื้นเบา ๆ เท่านั้น พรรณวษาจึงเลือกถามด้วยน้ำเสียงกดดันเล็กน้อย ตามองเลยไปทางคนที่นั่งนิ่งอยู่
“คงไม่มีใครพูดอะไรให้ด้าต้องรู้สึกผิดหรอกใช่ไหม”
เสียงถามราวกับกล่าวหากัน ทำเอาธรณ์ชะงักเล็กน้อย เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงกดดันกลับบ้าง
“หมายถึงอะไร อย่าเที่ยวกล่าวหาใครลอย ๆ แบบนี้สิคุณ”
“ก็อย่างเช่น” พรรณวษายื่นมือหยิบทิชชูบนโต๊ะส่งให้ไอลดา ก่อนจะหันไปสบตากับธรณ์ “ด้าทิ้งพี่ทำไม หรือไม่ก็ นึกถึงความรักสี่ปีของเราบ้างหรือเปล่าด้า อะไรแบบนั้น”
ธรณ์บิดมุมปากลง มองสบตากับคนที่ถามนิ่งเป็นนาน เขาไม่ได้สะเทือนใจเลยสักนิดกับสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยออกมา ประโยคพวกนั้นเขาเคยใช้ถามไอลดาจริงตอนที่เธอทิ้งเขาไปใหม่ ๆ แล้วเลือกจะย้อนถามเธอคืนด้วยแววตาท้าทายกลับ
“แล้วถ้าใช่ คุณมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ”
ถ้าเขาคิดว่าเธอจะเงียบ ไม่กล้าต่อกรด้วย ธรณ์คิดผิดมหันต์
“ถ้าคุณเป็นสุภาพบุรุษมากพอ คุณจะไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีกยังไงล่ะ แต่เท่าที่มอง ไม่น่าจะใช่สุภาพบุรุษขนาดนั้น”
ทั้งคู่มองจ้องกันอยู่เกือบนาที โดยไม่มีใครยอมละสายตาไปก่อน แล้วถึงได้ยุติสงครามเย็นลง เมื่อพนักงานเข้ามาเมียง ๆ มอง ๆ รอส่งเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้ไอลดา ธรณ์ยกมือบอกว่าพอก่อน
พรรณวษาจึงขยับมาคว้าตัวเพื่อนไปซบไหล่ตนเอง ไอลดาไม่ยอมกินอะไรเลย ออกจากระเบียงห้องมาได้ก็ตามธรณ์มาที่นี่ทันที นั่งลงแล้วก็เห็นว่าเอาแต่นั่งละเลียดเครื่องดื่ม คงมีมึนมีเมากันบ้างล่ะ นึกไม่พอใจธรณ์ที่เอาแต่มอมเหล้าไอลดา ลดเสียงลง ถามแผ่วเบา “กินอะไรหน่อยนะด้า จะได้กลับห้องไปนอนพัก”
“ยัง ยังไม่กิน ยังไม่กลับ อุตส่าห์ได้เจอพี่ธรณ์ทั้งที จะรีบนอนไปไหนกันพรรณนี่”
ธรณ์มองสองสาวตรงหน้า พร้อมเอ่ยเสียงขรึมขึ้น
“กลับห้องดีกว่า เดี๋ยวพี่สั่งอาหารให้”
แล้วเรียกพนักงานมารับออเดอร์ของไอลดา เขาเลือกเป็นต้มยำรสไม่จัดมากให้ไอลดา กินแล้วจะได้ตาสว่างขึ้นหน่อย แล้วถึงได้ยินไอลดาถามเสียงอ้อแอ้ออกมาว่า
“พี่ธรณ์กลับวันไหนหรือคะ”
“ยังไม่แน่เลย อยากกลับพร้อมพี่หรือ”
“พรุ่งนี้เราไปดำน้ำกันดีไหมคะ”
ธรณ์มองตอบสายตาหวานปนซึ้งของไอลดาแล้วก็ยิ้ม ยอมตามใจ “สำหรับด้า อะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ”
“ดีค่ะ ด้าอยากไปตั้งนานแล้ว” ไอลดาบอกจบก็นิ่งไป ยกมือปัดไปมาวุ่นวายตรงหน้าตัวเอง ว่าขึ้นอย่างเพิ่งนึกอะไรได้ “ว้า ไปไม่ได้แล้วค่ะ”
ธรณ์มองด้วยสายตาเอ็นดู ถามยิ้ม ๆ “ทำไมครับ”
“ก็พรรณน่ะสิคะ กลัวน้ำ กลัวทะเล กลัวการหายใจไม่ออก กลัวที่แคบ กลัวการมองไม่เห็นพื้น กลัวทุกอย่างเลย”
คิดอยู่ในใจว่าไม่น่าเชื่อ เขานึกว่าคนอย่างพรรณวษาจะไม่กลัวอะไรเลยบนโลกนี้แล้วเสียอีก แล้วเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างเดิม ว่าออกไป
“อย่างนั้นสิเราถึงต้องไป”
ไอลดานั่งมองธรณ์คอแทบพับ แล้วก็หน้าเศร้าลงอีกครั้ง เสียงสั่นอย่างคนกำลังจะร้องไห้
“พี่ธรณ์ ด้าเสียใจนะคะกับเรื่องของเรา”
ธรณ์เองก็มองตอบไอลดาด้วยสายตาเศร้าใจไม่ต่างกัน
“ไม่โกรธด้าแล้วใช่ไหมคะ”
พรรณวษามองถ่านไฟสองก้อนที่ทำท่าจะประทุคุความร้อนขึ้นอีกครั้ง ค่อยยื่นมือออกไปขวางหน้าเอาไว้ ด้วยการสะกิดไอลดาให้รู้ว่ายังมีเธออยู่ตรงนั้นอีกคน
“กลับเถอะด้า ไปล้างหน้าล้างตาหน่อย สร่างแล้วจะมาดื่มต่อ ก็มา”
ไอลดายิ้มเจ้าเล่ห์ ชี้นิ้วใส่เธอ รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอกล่อให้กลับห้อง เพราะถ้าได้ล้างหน้าล้างตาแล้ว ไอลดาไม่มีทางออกไปไหนอีก เธอจะไม่ก้าวขาผ่านประตู ทั้งที่ใบหน้ายังโล้นสด ไร้เครื่องสำอางเป็นแน่ อีกทั้งตอนนี้เธอก็เมามาก อย่างน้อย ๆ มือก็ไม่นิ่งพอจะกรีดอายไลเนอร์ได้ล่ะ
“ยังไม่อยากกลับเลยค่ะคุณแม่ หนูกำลังสนุกอยู่เลย”
ได้ยินแบบนั้น พรรณวษายกมือขึ้นทำท่าจะตีไปพร้อมด้วย
“ให้พรรณเป็นแม่ใช่ไหม จะได้ตี”
“ว้าย ๆ ไม่เอาค่ะ”
ไอลดาร้องเสียงดังอย่างคนคุมตัวเองไม่อยู่ จนธรณ์ต้องค้อมศีรษะขอโทษแขกโต๊ะอื่น ๆ แล้วตัดสินใจลุกขึ้น น้ำเสียงของเขา ฟังคล้ายไม่พอใจ และวางอำนาจอยู่นิด ๆ จนพรรณวษาต้องเงยขึ้นไปมองเขา ก็พบว่าธรณ์มองเธออยู่เช่นกัน
“เดี๋ยวพี่พากลับห้องดีกว่าด้า”
เท่านั้นเองไอลดาก็ลุกพรวดขึ้นยืน แล้วเกาะแขนธรณ์ข้างหนึ่ง อีกมือก็คว้ามือเธอไว้แน่น ออกเดินเรียงหน้ากระดานกันไปสามคน ตรงไปยังทิศทางของห้องพักหน้าหาด
“พี่ธรณ์พักห้องไหนคะ”
“ข้าง ๆ เรานี่ไง”
“ดีจัง แบบนี้ด้าก็จะได้ไม่กลัว”
ธรณ์ยิ้มมุมปากนิดเดียว ก้มลงพูดกับไอลดาด้วยเสียงที่ไม่น่าเรียกว่ากระซิบได้เลย “มีเพื่อนเราทั้งคน ยังต้องกลัวอะไรอีก”
“พี่ธรณ์หมายถึงพรรณน่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้แล้วใช่ไหมคะ”
ธรณ์ไม่ตอบ เขามองเลยมาทางเธอ แต่พรรณวษาก็หาได้รู้สึกอะไรไม่ ดีสิที่คนมองว่าเธอน่ากลัว จะได้ไม่เข้ามาวอแววุ่นวายอะไรด้วย
จนถึงห้องพัก ไอลดายอมปล่อยมือจากธรณ์ เขาเดินออกไปสำรวจที่ระเบียงด้านนอกให้ เธอจึงพาไอลดานั่งลงที่เก้าอี้ พอหันหลังกลับมาก็เกือบชนเข้ากับธรณ์ที่เดินกลับเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ ต่างคนเลยต่างขยับหลบกันให้วุ่นไปหมด
“พี่ธรณ์” ไอลดาเรียกเสียงอ้อแอ้อยู่บนเก้าอี้
“ครับ”
“ถ้ามีใครปีนเข้ามา พี่ธรณ์จะได้ยินเสียงด้าเรียกไหมคะ”
“ใครจะกล้าผ่านด่านเพื่อนเรา”
“พี่ธรณ์ไงล่ะคะ” ไอลดาว่ายิ้ม ๆ
พอดีที่พนักงานนำอาหารมาส่ง ธรณ์บอกให้วางที่โต๊ะในห้อง แล้วบอกลา ค่อยตรงไปยังห้องของเขาที่อยู่ติดกัน
ไอลดาถูกพาตัวเข้าไปอาบน้ำจนเรียบร้อย ก็ค่อยนั่งตักข้าวกิน จัดการได้ไม่กี่คำก็รวบช้อนวางลง เข้าห้องน้ำเอาอาหารออกจนหมด ล้างหน้า บ้วนปากแล้วปีนขึ้นเตียงทันที
“พรรณ”
ไอลดาเรียกเสียงเอื่อย คล้ายจะเข้าสู่ห้วงนิทราอยู่อีกไม่นานนี้แล้ว พรรณวษาที่เพิ่งอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดี ขานรับว่า “หืม”
“ด้าแม่งโคตรโง่เลย ไม่น่าทิ้งพี่ธรณ์แล้วไปเลือกไอ้พี่เอสนั่น”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
ไอลดาเงียบ ไม่ตอบว่าเพราะเหตุใด แล้วถามใหม่
“พรรณว่าพี่ธรณ์จะยังรอด้าอยู่ไหม”
พรรณวษากลับมาที่เตียงของตัวเอง ขึ้นไปนอนแล้วก็ตอบอย่างที่คิด “ไม่รู้สิ”
คนมีพันธะมุ่ยหน้าใส่เพื่อน ขยับหันหลังให้พรรณวษา ดึงผ้าห่มขึ้นคลุม บอกเสียงที่ฟังดูจริงจังอยู่ไม่น้อย “ถ้ารอ ด้าว่าด้าจะกลับไปหาพี่ธรณ์แหละ”
พรรณวษาได้แต่เงียบ แล้วขยับไปยังเตียงของตัวเอง ตามองเพื่อนที่คงหลับไปแล้วด้วยความรู้สึกห่วงใยอย่างสุดซึ้ง เธอเป็นเพื่อนก็จริง แต่ไม่มีทางห้ามเพื่อน หรือเอาตัวเข้าขวางจนลืมนึกถึงความพอเหมาะพอควร แต่ด้วยความหวังดีที่มีให้กัน ก็ยังอยากเตือนให้คิดและทำอะไรลงไปด้วยสติที่ครบถ้วนมากที่สุด ไอลดาต้องชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียในสิ่งที่จะทำลงไป ในเมื่อเลือกแต่งงานกับหัสดินทร์แล้ว ก็อยากให้นึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากนั้นด้วย หากเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดเอาไว้ เจ้าตัวจะรับได้หรือ ยิ่งเป็นคนคิดอะไรไม่ค่อยกว้างไกลอยู่ด้วย พรรณวษาห่วงแต่เพียงเท่านี้ เท่านั้นเอง