Chapter​ 2 ข่าวที่ไม่อยากได้ยิน (2)

1243 Words
Chapter​ 2 ข่าวที่ไม่อยากได้ยิน (2) ผกามาศพยายามกระซิบเตือนสติลูกชาย "คุณพ่อไม่ได้หลับ​ ท่านรับรู้ทุกอย่างนะสิงห์" แทนไทกระซิบกลับเช่นกัน "ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่อง​ คุณแม่ช่วยไล่ยัยสองคนนั้นออกไปสิครับ​ แค่เห็นหน้าก็เวียนหัว​ จู่​ ๆ​ ก็อยากอ้วกออกมา​ เกลียดจนท้องไส้ปั่นป่วน​เคยได้ยินมั้ยครับ" แทนไทปรายตามองไปโดยรอบ​ การที่เขายืนกอดอกแล้วสายตาหยุดนิ่งยังสองฝาแฝดที่นั่งอยู่คนละฟากของเตียงคนป่วย​ ก็ทำให้สองสาวรู้สึกร้อน​ ๆ​ หนาว​ ๆ​ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้ชายคนนี้เกลียดหล่อนทั้งสองมากขนาดไหน​ "แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่อย่าง​ ทำไมต้องจ้างพยาบาลให้เปลืองเงินเปลืองทองด้วยล่ะครับ​ ในเมื่อคนในบ้านมีตั้งเยอะแยะ​ หรือว่า...เป็นง่อยกันหมด" เริ่มแล้ว...เขาเริ่มหาเรื่องโจมตี​ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า​ ภัคภัสสรคิดอย่างรู้เท่าทัน​ เพราะแววตาไม่เป็นมิตรนั้นจับจ้องมาที่ตน "ต้องมีคนคอยป้อนอาหารเหลวให้ตรงเวลาจ้ะ​ เพราะคุณพ่อไม่ยอมลุกขึ้นมาทานเอง" "ก็แค่ป้อนอาหาร​ มันจะยากอะไรขนาดนั้น" "ถ้าป้อนไม่เป็นก็จะทำให้สำลักได้จ้ะ​ เลยต้องให้ผู้ เชี่ยวชาญทำ" ผกามาศพยายามผ่อนบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียด​ รู้ดีว่าลูกชายกำลังคิดอะไร "เธอ" แทนไทชี้ไปยังนันท์ภัสสร​ ก่อนจะตามมาด้วยภัคภัสสร​ "แล้วก็...เธอ" สองสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก​ นั่นคือคำแรกที่เขาคุยด้วย “ทำไมเธอสองคนไม่คิดจะทำ​ คิดจะอยู่สบายเสวยสุขในบ้านหลังนี้โดยไม่คิดจะยืดแขนยืดขาช่วยเหลืออะไรเลยใช่มั้ย...หึ ผ่านมาหลายปีนึกว่าจะคิดได้​ แต่เปล่าเลย​ สมองของพวกเธอไม่ได้คิดอะไรเลยต่างหาก!" "พี่สิงห์​ เราไม่ได้..." "พูดตรง ๆ​ ก็คือ​ สมองกลวง!" ภัคภัสสรและนันท์ภัสสรลอบกำมือเข้าหากัน​ เป็นเพราะเกรงใจคนที่นอนป่วยก็เลยไม่อยากโต้ตอบ​ กลัวจะยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ "จะว่าไปแล้วคุณพ่อนี่ก็น่าสงสารนะครับ​ มีแต่คนรัก คนรุมล้อมเมื่อยามยังอยู่ดีมีสุข​ แต่พอล้มป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้​ ก็ไม่มีใครคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ​ ​ไม่มีคน​เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว​ ไม่มีใครอยากทำเพราะรังเกียจ​ ก็นั่นล่ะนะ​ เป็นสัจธรรมของชีวิตคน" "แล้วพี่สิงห์ทำมั้ยล่ะคะ​ เอาแต่ยืนว่าพวกเราปาว​ ๆ" นันท์ภัสสร​ แฝดคนน้องเริ่มเหลืออด​ หล่อนไม่เหมือนพี่สาว​ที่อดทนให้ผู้ชายตรงหน้าเหยียดหยามโดยไม่คิดจะโต้แย้ง เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟ​ แววตาแข็งกร้าวตวัดมองไปยังคนปากดีอย่างเอาเรื่อง "ในเมื่อยังซุกหัวอยู่ในบ้านหลังนี้​ เธอก็ควรจะสำเหนียกว่ากำลังตอบโต้อยู่กับใคร​ หากวันข้างหน้าสิ้นบุญคุณพ่อ​ พวกเธออาจไม่มีที่ซุกหัวนอนเลยก็ได้!" "สิงห์​ คุณพ่อไม่ได้หลับ​ แยกย้ายกันไปก่อนเถอะจ้ะ" ผกามาศรีบห้ามทัพ​ พยายามดันร่างสูงใหญ่เพื่อให้ยอมขยับเป็นฝ่ายล่าถอย​ หากแต่แทนไทยังคงดื้อดึง​ นาทีนี้ไม่มีใครที่จะหยุดเขาได้ "คอยดูนะ​ ถ้าฉันมีอำนาจในบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ฉัน จะไล่พวกเธอสองคนออกไปเป็นอันดับแรก!" "สิงห์​ หยุดเถอะ" "ฉันอยู่เมกาต้องทำงานหาเงินใช้เอง​ ป​า​กกัดตีนถีบทุกอย่างเพื่อที่จะไม่รบกวนเงินทางบ้าน​ แต่พวกเธอที่อยู่เสวยสุขบนกองเงินกองทองที่ไม่ได้หามาด้วยตัวเอง​ กลับไม่ช่วยอะไรเลย​ ไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณของท่านเลยใช่มั้ย​ ทำไมถึงพากันปล่อยให้ท่านนอนติดเตียงแบบนี้​ ลองทำสิ​ พาท่านนั่งรถเข็นออกไปเดินเล่น​ ให้ท่านได้ขยับร่างกายบ้าง​ หากยังนอนเป็นผักอยู่แบบนี้​ ยังไงก็ไม่มีทางดีขึ้นหรอก" วินาทีนั้น​ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา...เป็นธามไท​ มาพร้อมใบหน้าที่ขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่ง "เสียงอะไรครับ​ ดังไปถึงข้างนอก" ขนาดเขาที่อยู่ข้างนอกยังได้ยิน​ มันไม่ใช่เรื่องปกติ​ นับประสาอะไรกับคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง​ และนี่คือสิ่งที่ทำให้ธามไทไม่พอใจเป็นอย่างมาก จากสีหน้าของแต่ละคน​ บอกธามไทให้รู้ว่าต้องมีคนแสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาอีกจนได้ "พี่มีเรื่องจะคุยกับนายเพียงลำพังสองคน​ ออกไปคุย กันข้างนอกได้มั้ย" เดินไปรั้งแขนของคนที่กำลังแปลงร่างเพื่อให้เดินตามออกไปข้างนอก​ สัมผัสได้ถึงแรงขัดขืนเล็ก​ ๆ "เรื่องสำคัญ​ นายควรจะรู้เอาไว้" เสียงเข่นรอดไรฟัน​ออกแนวบังคับ​ ทำให้แทนไทยอมเดินตามออกไปแม้ไม่เต็มใจนัก ด้วยนิสัยส่วนตัว​ เขาไม่ชอบให้ใครมาบงการ ที่ด้านนอก​ ทิ้งระยะห่างที่พอจะแน่ใจว่า​ เสียงสนทนาจะไม่แว่วไปเข้าหูคนป่วย​ ธามไทผ่อนลมหายใจหนักหน่วง "มีอะไรครับ" แทนไททำหน้าสีหน้าเบื่อหน่าย​ บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าอย่าคุยนาน "นายก็รู้ใช่ไหมว่าก้อนเนื้อนั้นมันคือเนื้อร้าย" "อือฮึ" "แต่นายยังไม่รู้​ คุณหมอบอกว่ามันไม่ใช่จุดกำเนิดของมะเร็ง​ แต่มันแพร่กระจายมาจากจุดอื่น​ ซึ่งตรงนี้คุณหมอกำลังหาว่ามันมาจากตรงไหน ​ แต่ก็ยังไม่พบ​ ข่าวร้าย คือ...ต่อให้ทำคีโม​ ท่านก็อาจอยู่กับเราได้อีกไม่นาน" ".....!" เป็นข่าวใหม่ที่ค่อนข้างกระแทกใจคนฟัง​ แทนไทยืนนิ่งขบกรามแน่น​ คำว่าอีกไม่นานทำให้เขาใจหายวาบ​ จริงอยู่ที่พูดใส่หน้าสองสาวไปแบบนั้น​ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแช่งให้บิดาตายเร็วขึ้น "นี่แหละ​ คือสิ่งที่นายควรรู้​ จะได้...ทำตัวถูก​ ระวังในการแสดงออกต่อหน้าคุณพ่อมากกว่านี้" "อีกไม่นาน...กี่ปี..." "อาจจะหนึ่งปี​ หรือสองปี​ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของคนป่วย​ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม​ เราควรทำใจยอมรับกับความสูญเสียเอาไว้ด้วย" มันเร็วเกินไป​ ในคราแรกตามความคิดของแทนไท​ การทำเคมีบำบัดคือการยับยั้งการแพร่กระจาย​ของเซลล์มะเร็ง ​ และหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย​ หลายคนอยู่ได้นานหลายปี​ เขาไม่คิดว่าปัญหาของบิดาจะใหญ่ขนาดนี้ "คุยกันเรื่องนั้นใช่ไหม" เสียงผกามาศดังแทรก​ หล่อนเดินมาสมทบ​ สบตากับธามไท​ เป็นอันรู้กันว่าเรื่องสำคัญถูกถ่ายทอดไปถึงแทนไทแล้ว "ก็ตามที่เสือบอก​ แม่เองก็ใจหายเหมือนกัน​ ไม่คิดว่าคุณหมอจะพูดกับเราตรง​ ๆ​ แบบนั้น" ไม่มีอะไรที่ต้องคุยต่อ​ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน ก่อนแทนไทจะเดินแยกจากมาอย่าง​เงียบ​ ๆ​ เขาแค่ขอเวลาอยู่กับตัวเอง​สักพัก ทบทวนว่าที่ผ่านมาทำอะไรอยู่​ ผ่านมาหลายปีที่ไม่ได้คุยกับบิดา​ แต่การกลับมาเจอหน้ากันคราวนี้​ โอกาสที่เขากับท่านจะได้พูดคุยกันก็ริบหรี่เหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD