Chapter​ 9 ทางที่ต้องเลือก

3727 Words
Chapter​ 9 ทางที่ต้องเลือก หนึ่งปีต่อมา... แพสชั่น​ ไวเนอรี​ ภายในห้องประชุม​ ผู้บริหารมารวมตัวกันในเวลาเก้าโมงตรง​ เป็นวาระด่วนที่มีหนังสือร่อนมาจากผู้บริหารสูงสุด​ ผู้กุมอนาคตของแพสชั่นไวเนอรีในตอนนี้​ และคงจะเป็นใครไปไม่ได้...เอกภพ และธามไทก็มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย​ เขายังไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด​ว่าเหตุใดจึงมีการเรียกประชุมด่วน​ แต่เพราะมีคำสั่งมาจากเอกภพ​ ไม่มีใครปฏิเสธได้ เมื่อครบองค์ประชุม​ เอกภพก็เริ่มเปิดประเด็น "ผมต้องขออภัยทุกท่านด้วยที่กะทันหันไปนิด​ แต่ วันนี้ผมจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบ...เกี่ยวกับเรื่องการทำผิดกฎบริษัทอย่างร้ายแรง" เอกภพปรายตามองไปรอบ​ ๆ​ โต๊ะ​ ก่อนมาหยุดนิ่งยังธามไท เขามองหน้าชายหนุ่มคราวหลาน แล้วพูดต่อ "เมื่อเร็ว​ ๆ​ นี้มีผู้บริหารของเราคนนึงได้ทำผิดกฎบริษัท​ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้​ นั่นคือการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพนักงานในบริษัท!" มีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที​ เพราะคนที่ถูกกล่าวถึงคงต้องเป็นคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในนี้​ พวกเขานั่งรอฟังอย่างลุ้นระทึกว่าหวยจะออกที่ใคร 'ฉิบหายแล้วไอ้เสือ...ถ้าเป็นเรื่องคืนนั้นละก็!' มือของธามไทชื้นไปด้วยเหงื่อ​ เขากำลังคิดว่าหวยจะต้องมาออกที่เขาแน่​ ๆ​ เรื่องนั้นมันมีสตอรี​ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพนักงานคนนั้นทำไมถึงมานอนกับเขาในห้อง​พัก​ เป็นทริปสัมมนาระดับผู้บริหาร​ หล่อนเป็นเลขาของผู้จัดการฝ่ายการตลาด​ ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เยอะเพราะให้เงินปิดปากหล่อนไปแล้ว​ แม้เขาจะเชื่อว่าตัวเองถูกวางยา​ก็ตาม​ ในเมื่อไม่มีหลักฐานว่าใครวางยา​ ถามหากล้องวงจรปิดก็เสียหมด​ สุดท้ายเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนผิดอยู่ดี "และคนนั้นก็คือเขา!" ".....!" ทุกคนต่างหันมามองธามไทเป็นตาเดียว​ แน่นอน​ สีหน้าพวกเขาต่างตกใจไปตาม​ ๆ​ กัน​ ไม่คิดว่าธามไทจะมีนิสัยแบบนี้ ผกามาศเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อ​ หล่อนลุกขึ้นกลางวง "ไม่จริงใช่มั้ยเสือ​ แม่เชื่อว่าเสือไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นแน่!" ธามไทนั่งนิ่งเพราะคิดคำแก้ตัวไม่ออก​ มันเกิดขึ้นจริงเพียงแต่ไม่มีหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเอง​ และการที่เขาเงียบทำให้ผกามาศเริ่มใจคอไม่ดี ถ้าลูกชายหล่อนทำจริง​ มันหมายถึงว่าเขาจะต้องพ้นจากตำแหน่ง​ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแพสชั่นไวเนอรีอีก "ทางเราสืบทราบว่านายมีสัมพันธ์กับพนักงานคนนึง​ แต่จะไม่มีการเอ่ยถึงเธอคนนั้นในนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง​ มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย...ธามไท" เสียงของเอกภพช่างฟังดูเยือกเย็นในความรู้สึก​ ยามนี้ในหัวของธามไทอื้ออึงไปหมด​ เขากำลังช็อกจนไม่มีสติที่จะคิดอะไรต่อได้...มันคือแผนกำจัดเสี้ยนหนาม​ให้พ้นทาง ชายหนุ่มเชื่อเช่นนั้น แต่ยามนี้เขากำลังเบลอ​ ไม่มีแรงพอที่จะต่อกรกับเอกภพได้ "เสือ..." ผกามาศน้ำตารื้น​ หล่อนขบริมฝีปาก​ หันไปทางเอกภพที่มีสีหน้าเรียบเฉย "มีหลักฐานมั้ย​ ก่อนจะกล่าวหาเขา" “ถ้าจะถามหลักฐาน​ ผมมีเป็นรูปถ่ายตอนอยู่ในห้อง​ และจำเป็นจะต้องเรียกผู้เสียหายมาให้การ" "เอามาสิ​ ไหนล่ะ" "ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่​ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว​ ผม...ขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยการออกไปจากแพสชั่นไวเนอรี​ เพราะ...กฎก็คือกฎ​" ธามไทลุกพรวดขึ้น​ เขากวาดตามองไปรอบ​ ๆ​ ห้อง​ ก่อนหยุดนิ่งยังเอกภพ​ ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูน​เมื่อถูกเขี้ยวเล็บของคนที่เคยนับคือกระซวกจนเดินเซล้มลง วันนี้เขาพ่ายแพ้อย่างแท้จริง​ หมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งอย่างจากการรวมหัวกันของคนกลุ่มหนึ่ง คนที่ช่วงชิงทุกอย่างไปโดยทำเป็นขบวนการ ไม่เป็นไร...วันนี้ล้มแต่วันหน้ายังมี​ ทุกอย่างสร้างใหม่ได้​ ตราบใดที่ลมหายใจยังมี​ เขาบอกตัวเองยามทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง​ เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยใจที่เจ็บปวด เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกปลดจากตำแหน่ง​ แต่แค่เสียใจที่ไม่อาจปกป้องบริษัทเอาไว้ได้​ และเขาเอาแต่โทษตัวเอง​ เพราะความไม่เอาไหนของเขาจึงทำให้สิ่งที่บิดาสร้างขึ้นถูกคนอื่นชุบมือเปิบไปอย่างง่ายดาย แจน​ พิมพ์พรรณ​ ชื่อนี้เขาจะจำไปจนตาย​ ชาตินี้จะไม่มีวันลืมในสิ่งที่หล่อนได้กระทำลงไป​ หล่อนทำลายชีวิตผู้ชายคนหนึ่งจนพัง​ และเขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้หญิงสารเลวคนนั้น​ ชายหนุ่มสาบานกับตัวเอง​ เขาฝังความคั่งแค้นไว้ในใจเพื่อรอเวลาเอาคืน ยูทาห์​ สหรัฐอเมริกา… บนเทือกเขาสูงเสียดฟ้าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน​ เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังกระหึ่มอยู่เหนือยอดเขา​ ฮอลำนั้นทรงตัวอยู่ในอากาศโดยไม่ลงจอด​ เพื่อส่งคนกลุ่มหนึ่งในชุดที่เซฟตี้อย่างแน่นหนา​ พวกเขานัดกันมาเล่นกีฬาท้าความตายในวันพักผ่อน​ แทนที่จะไปเล่นในสกีรีสอร์ทที่ค่อนข้างปลอดภัย​ แต่นั่นไม่เร้าใจพอ​ พวกเขาจึงเลือกที่จะเริ่มจากจุดนี้แทน เสียงฮอค่อย​ ๆ​ ดังห่างออกไป​ พวกเขาต่างสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก​เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติอันแสนสวยงาม​ เสียงตะโกนคุยกันแข่งกับสายลมแรง มากี่ทีก็ยังคงสวยงามและยิ่งใหญ่เสมอ​ เทือกเขาร็อกกี้ที่ทอดยาวพาดผ่านทิศตะวันตก​ ไล่ตั้งแต่แคนาดา​ อเมริกา​ ลงต่ำไปจนถึงเม็กซิโก "Oh, so​ beautiful.​ Many people like the visit here." (โอ้โห้​ เยี่ยมไปเลย​ ไม่แปลกหรอกนะหากมีคนหลั่งไหลมาที่นี่)​ ทุกคนก็คิดเช่นนั้น​ มันสวยงาม​ หากแต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน​ และคนที่จะมาเล่นด้วยกันก็จะต้องเข้าขากันเป็นอย่างดีด้วย "Everything is going to be fine." (ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี มันจะต้องราบรื่น)​ "Let’s go." (ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเถอะ)​ หลังแว่นก็อกเกิ้ล แทนไทไล่สายตามองไปตามแนวหิมะที่ลาดลงต่ำเพื่อหาเส้นทาง​ที่จะไถสโนวบอร์ดลงไป เขามาที่นี่หลายครั้งกับเพื่อนต่างชาติที่รักในกีฬาผาดโผนเหมือน​ ๆ​ กัน​ และนั่นทำให้เขาลืมสกีรีสอร์ทธรรมดาไปเลย​ เมื่อที่นี่ทำให้เขาค้นพบความสนุกสุดเหวี่ยง​ เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเรียกหาอะดรีนาลีน​ เขาจะมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยมัน แทนไทหันไปหาเพื่อนร่วมทีม​แล้วส่งซิกให้กัน​ เขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะลงไป​ สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกเพื่อเรียกสมาธิ "God bless you, Follow me." (ขอพระเจ้าจงคุ้มครอง...มากันเลยพวก)​ "วู้ๆๆๆๆ" เสียงตะโกนลั่นอยู่เหนือยอดเขา​ คนบ้าพอ​ ๆ​ กันทั้งห้าคนพาตัวเองลงมาจากยอดเขาด้วยการไถสโนว์บอร์ดไปตามแนวหิมะหนาเกือบห้าร้อยนิ้วที่คดเคี้ยวเลาะเหลี่ยมเขา ซึ่งการขึ้นมาเล่นบนนี้ต้องอาศัยความชำนาญเป็นอย่างมาก​ หากพลาดแล้วเสียหลัก​ตกลงไป​ มีสองอย่างนั่นคือ​ ไม่ตายก็พิการสถานเดียว ที่ร้ายกว่านั้นคืออาจจะหาศพไม่เจอด้วยซ้ำ แต่ยิ่งอันตรายยิ่งหอมหวาน​ พวกเขาลุ่มหลงมันจนยอมพาชีวิตมาเสี่ยงที่นี่​ ในขณะที่หลายคนมองว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าทำลงไป ในขณะที่แทนไทฝังตัวเองอยู่ในโลกของตน​ กำลังก้าวหน้าในเรื่องงาน​ เขายังคงไม่รู้ว่าไกลห่างออกไปนับหมื่นไมล์ที่ซีกโลกฝั่งตะวันออก​กำลังเกิดอะไรขึ้น​บ้าง ข้อความจากทางไกลเขายังไม่ได้เปิดอ่าน​ ตอนนี้เขากำลังพาตัวเองดำดิ่งลึกไปกับกีฬาท้าความตาย​ เหมือนที่เขาเคยพูดกับภัคภัสสร​ โลกนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ​ และควรจะใช้ชีวิตให้คุ้ม​ เพราะคนเรามีโอกาสเกิดได้แค่ครั้งเดียว หากต้องจบชีวิตเพราะการกระทำของตัว​ เขาก็จะไม่เสียใจ​ เพราะนั่นคือทางที่ได้เลือกแล้ว "โอ้กกก..." เสียงอาเจียนดังอยู่ในห้องน้ำที่ชั้นล่างของตัวบ้าน...ภัคภัสสรเปิดก็อกใช้มือรองน้ำแล้วนำมาบ้วนปาก​ หยาดน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความอัดอั้น "ฮือ​ ๆ" พยายามข่มเสียงสะอื้นให้เงียบที่สุด​ หล่อนวิ่งมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำไม่ให้ใครเห็น​ คิดด้วยความคับแค้นใจ...ทำไม...ทำไมถึงต้องเป็นเธอ แววตาแดงช้ำมองหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงา​ มันพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาที่คลอขัง​ หล่อนสบตากับเงาในกระจก​นิ่งนาน​ใจคิดไปพร้อมกัน​ ทางเลือกไหนที่ควรจะเดินไป ภาพบิดาบุญธรรมที่นอนบนเตียงใส่เครื่องช่วยหายใจฉายขึ้นมาในหัวจนอกสะท้านไหว...เอกภพฮุบบริษัท​ ธามไทถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง​ ซ้ำมารดาบุญธรรมยังขอร้องให้แต่งงานกับเอกภพ​ โดยเอาเรื่องบุญคุณมาอ้าง​ ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาจนตั้งหลักรับไม่ทัน หรือมันถึงเวลาแล้ว...ถึงเวลาที่ควรจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง...ดั่งเช่นเรื่องราวในประวัติศาสตร์​ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ​ ส่วนหล่อนสถานการณ์กำลังบีบบังคับว่าจะเสียสละ​เ​พื่อคนอื่น หรือจะทำเพื่อตัวเอง “พี่เสือ​ ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น​ ฝนจะทำทุกอย่างเพื่อเอาบริษัทของคุณพ่อคืนมา!'​ หญิงสาวขบกรามแน่น​ แววตาฉายแววเด็ดเดี่ยว​ สองมือปาดน้ำตาทิ้งไป​ หล่อนจะไม่อ่อนแอ​ จะไม่ร้องไห้คร่ำครวญให้กับโชคชะตาที่กำลังเล่นตลก...ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ​ หยุดนิ่งสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด​เพื่อตั้งสติ หล่อนตัดสินใจได้แล้ว​ ว่าจะทำเช่นไรต่อไป หอบร่างที่เบาโหวงเดินกลับไปยังมุมรับแขก...เอกภพนั่งรอคำตอบอยู่ตรงนั้น​ เขาพาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมาทาบทาม ผกามาศสบตากับคนที่เดินใจลอยกลับมาคล้ายขอคำตอบ...ภัคภัสสรข่มอารมณ์ชิงชังเอาไว้จนลึกสุดใจ​ หล่อนเกลียดหน้าซ่อนยิ้มกรุ้มกริ่มของเอกภพยิ่งนัก เกลียดจนแม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากมอง จะต้องฝืนใจยอมเป็นเมียคนแบบนี้จริง​ ๆ​ หรือ​ มันหมายถึงชีวิตวัยสาวต้องเสียไปด้วยการถูกบังคับให้แต่งงาน​ หล่อนย้ำหัวใจตัวเอง แต่ถ้ามันคือหนทางเดียวที่จะช่วยกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมาได้​ หล่อนก็พร้อมจะเสียสละ​ คิดดังนั้นจึงกลั้นใจเอ่ยออกมา "ก็ได้ค่ะ​ ฝนตกลง" ทุกคนมีสีหน้าโล่งอกขึ้นมาทันที​ รอยยิ้มปลื้มปริ่มผุดพราวบนใบหน้าของเอกภพหลังจากได้คำตอบที่พึงพอใจ​ ขัดกับใจของภัคภัสสร​ ใจหล่อนกำลังร่ำไห้​ หากแต่พยายามบอกตัวเอง…หล่อนทำดีที่สุดแล้ว​ ทำเพื่อทุกคน แค่ยอมหลับหูหลับตาเป็นเมียเอกภพ​ แกล้งรักเขา​ ทำทุกอย่างให้เขาลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น​ แล้วทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือ​ นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิดเอาไว้ หนึ่งเดียวที่ปรารถนา...แพสชั่นไวเนอรีจะต้องกลับมาอยู่ในมือของคนที่สมควรจะได้ครอบครอง...ทั้งธามไทและแทนไท​ ได้แต่เฝ้าหวังอย่างลม​ ๆ​ แล้ง​ ๆ​ รอให้แทนไทกลับเมืองไทยเพื่อมากอบกู้บริษัทของตัวเองกลับคืน ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิ​ส​ (LAX)​ สนามบินแอลเอที่แสนกว้างใหญ่​ ​ภายในเทอร์มินอล 4​ผู้โดยสารแลดูหนาตา​ ที่โดดเด่นกว่าชาติอื่นจะเป็นชาวญี่ปุ่นและคนอเมริกันเจ้าถิ่นเป็นเสียส่วนใหญ่...ภายในเกต แทนไทนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ผู้โดยสาร​ เขาซุกตัวอยู่ในมุมเงียบ​ ๆ​ จมอยู่กับเรื่องราวผ่านโลกออนไลน์ อีกไม่นานก็จะได้เวลาขึ้นเครื่อง​ เขาจะต้องไปพักที่โตเกียวและต่อเครื่องเข้าประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง​ มันเป็นการเดินทางที่แสนเหนื่อยกายและน่าเบื่อ​ ใช้เวลาเป็นวัน​ ๆ​ กว่าจะได้ไปเหยียบแผ่นดินถิ่นที่จากมา แววตาคมกล้าสั่นไหวยามปลายนิ้วสไลด์ไปบนหน้าจอโทรศัพท์...เขาเห็นแล้ว...ภาพของบิดาที่แพทย์ประคองอาการเอาไว้ด้วยสายออกซิเจน​ ก้อนบางอย่างแล่นมาจุกอก​ รู้สึกปวดหนึบหนับไปรอบกระบอกตา​ ตลอดเวลาเขาคิดว่าทำใจได้​ จะไม่ร้องไห้เมื่อถึงวันลาจาก​ แต่เมื่อทุกอย่างเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด​ เขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองอ่อนแอกว่าที่คิด​ ที่ทำงานอย่างหนัก...แท้จริงเขาแค่คนขลาดกลัว​ อยากลืมเรื่องราวทุกข์ใจจนต้องเอางานมาบังหน้า คล้ายพระเจ้าจะยังไม่สาแก่ใจ​ ดูเหมือนทุกอย่างจะประเดประดังราวอยู่ท่ามกลางทะเลพิโรธ​ เขายังได้เห็นการ์ดงานแต่งระหว่างเอกภพและภัคภัสสร​ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นไหว​ ในที่สุด...มันก็เกิดขึ้นจริง ความรู้สึกหลากหลายประเดประดัง​ ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรหลังจากได้เห็น...หลังจากกลับมาจากบ้านเกิดเมื่อปีก่อน​ เขาก็บ้างานอย่างหนักเพื่อตำแหน่งที่จะถูกปรับขึ้น​ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง​ และนานนับปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ เตือนแล้วไม่ฟัง หล่อนช่างสิ้นคิดที่ยอมแต่งงานกับชายแก่คราวพ่อ...หรือเพราะอำนาจเงิน​ที่ทำให้หล่อนเป็นไป​ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาถึงกับกระตุกยิ้มเยาะ...เงินซื้อทุกอย่างได้จริง​ ๆ ผู้หญิงหน้าเงิน! เขามองหล่อนแบบนั้น​ ยิ่งตอกย้ำมุมมองที่เคยมีต่อคนที่ใจชิงชัง ในที่สุดหล่อนก็พิสูจน์ให้ได้เห็น​ เขาดูคนไม่ผิดจริง ๆ คิดอีกทีก็เหมือนจะเสียหน้า​ หล่อนปฏิเสธเขาหัวชนฝา​ แต่กลับยอมเป็นเมียคนที่มีอายุห่างจาก​เขาเกือบสามสิบปี เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ดึงสติคนเสียหน้าขึ้นมาจากห้วงภวังค์...ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์แล้วลุกขึ้น​ยืนเต็มความสูง เตรียมบอร์ดดิ้งพาสไว้ให้พร้อม​ คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินไปยังทางออกที่พาไปสู่สายการบินที่ได้จองเอาไว้...อเมริกันแอร์ไลน์​ สายการบินที่จะพาเขาบินลัดฟ้าไปสู่โตเกียว พรุ่งนี้ก็จะได้เหยียบแผ่นดินไทย...การกลับไปของเขาคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากจริง​ ๆ ไร่องุ่น​ Breeze Valley​ Vineyard... ป้ายทางเข้าโดดเด่น​อยู่ด้านหน้า​ มันปักอยู่ริมถนนเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิง...นันท์ภัสสรค่อย​ ๆ​ ผ่อนคันเร่งและแตะเบรกเพื่อเลี้ยวเจ้าฮอนด้าดรีมซุปเปอร์คัพสีฟ้าขาวเข้าไปด้านใน​ และทุกครั้งที่ผ่านตรงนี้...พยายามแล้ว...พยายามที่จะไม่สนใจข้อความที่เขียนอยู่บนแผ่นไม้​ หากแต่ก็ต้องเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจทุกที แม้กระทั่งชื่อไร่องุ่น​ เขาก็จงใจให้มีความหมายถึงใครบางคน​ มันช่างล้ำลึกกับการถ่ายทอดความในใจ...Breeze​ ให้ความหมายถึงสายลมที่พัดโชย มันเหมือนลมเตือนเมื่อความหนาวกำลังจะมาเยือน...ปลายฝนต้นหนาว​ หล่อนตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย ฮอนด้าวินเทจขนาดกะทัดรัดเคลื่อนที่เข้าไปอย่างช้า​ ๆ​ ตามเส้นทางที่ทอดยาว​ไปจนจรดตีนเขา​ สองข้างทางขนาบด้วยต้นองุ่นหลากหลายสายพันธุ์​ หล่อนหอบหิ้วของกินมาฝากเขาจึงต้องประคองไปอย่างระมัดระวัง​...หลังตัดขาดจากแพสชั่นไวเนอรี​ ธามไทก็ใช้เวลาทั้งหมดมาทุ่มเทกับที่นี่​ หมกตัวอยู่ในไร่จนคนที่บ้านแทบไม่เห็นหน้า​ อาทิตย์หนึ่งจะโผล่หน้าไปที บาดแผลเขายังไม่หายดี จากการที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมทำร้ายจนสาหัสปางตาย​ ต้องเป็นเสือซ่อนลายหลบมาเลียแผลในไร่กว้างใหญ่​ คือสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่...เขาเคยประกาศเอาไว้​ จะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ภายในระยะเวลาห้าปี คนที่ทำกันเจ็บแสบมากที่สุดก็คือ​เอกภพจอมเจ้าเล่ห์​ เป็นคนที่ทางบ้านหล่อนนับถือและไว้วางใจ​ สุดท้ายเขาก็เผยเขี้ยวเล็บที่ซ่อนเอาไว้​ ทำร้ายคนที่รักเขาประหนึ่งอาแท้​ ๆ​ ได้อย่างเลือดเย็น ​ ที่หน้าบ้านทรงโรงนาสีแดงสดใส​ นันท์ภัสสรดับเครื่องก่อนลงจากรถ ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน​ ไม่ลืบหยิบขนมที่หัดทำด้วยตัวเองติดมือมาด้วย...หล่อนตั้งใจทำมาให้เขาโดยเฉพาะ​ อยากให้เขาลองชิมและมองหล่อนอย่างชื่นชมบ้าง​ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่เริ่มเรียนรัก​ เขาไม่เคยเห็นหล่อนอยู่ในสายตา ไม่น่าเชื่อว่าจะอดทนรักผู้ชายคนนึงมาได้นานถึงเพียงนี้​ หล่อนต้องยอมรับในความอึด​ ถึก​ ทน​ ของตัวเอง แต่บางเวลาก็แอบร้องไห้กับตัวเอง​ เมื่ออีกมุมช่างเหมือนคนโง่งม​ จมอยู่กับรักที่เป็นไปไม่ได้จนเหมือนปิดโอกาสตัวเอง​ ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปเหมือนคนหายใจทิ้งไปวัน​ ๆ "อื้อหืมมม..." ส่ายหัวออกมาเมื่อไม่ทันมองจึงเดินสะดุดขวดที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น...มันไม่ได้มีแค่ขวดสองขวด​ เมื่อกวาดตามองไปข้างหน้าก็เจอแต่ขวดเบียร์​ หากจะบอกว่าเขาซัดเบียร์ไปเป็นลังก็คงจะไม่เกินความจริงนัก หญิงสาวเก็บกวาดด้วยการนำไปเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบในที่ ๆ​ ควรอยู่​ ก่อนจะเดินมองหาเจ้าของไร่...จนกระทั่งไปเห็นเขานอนหมดสภาพอยู่หลังบ้านข้างก้อนกองฟางที่เรียงราย ประหนึ่งที่บ้านทำไร่ข้าวบาเลย์ ขวดเบียร์จึงงอกมานอนแอ้งแม้งอยู่ข้างกองฟาง "พี่เสือ! เมาอีกแล้ว" หล่อนปรี่เข้าไปหาร่างนั้น​ มองใบหน้าคมคร้ามที่หนวดเคราเริ่มยาวรุงรัง​ คล้ายกับคนไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน​หลายชาติ คนมองได้แต่ส่ายหัว​ เมื่อเขาไม่เหลือเค้าธามไทคนเดิมที่เคยรู้จัก​ ถามว่าหมดรักไหม​ หล่อนตอบได้อย่างไม่คิด​ ถึงอย่างไรก็รักเขาเหมือนเดิม หมดสภาพนักเรียนนอกอิมพอร์ตจากลอนดอน​ เขากลายร่างเป็นหนุ่มชาวไร่เต็มขั้น คิดขณะนั่งลงข้าง​ ๆ​ แล้วเขย่าแรง​ ๆ​ เพื่อปลุกคนเมาให้รู้สึกตัว เมาเหมือนหมา​ อยากจะตะโกนใส่หูเขาเหลือเกิน "พี่เสือ​ มานอนอะไรตรงนี้คะ​ ลุกขึ้นไปนอนในบ้านเลยค่ะ" เขาปัดป่ายคล้ายรำคาญ​ ส่ายหน้าไปมาก่อนปรือตามอง​ เห็นใบหน้าคุ้น​ ๆ​ ลอยเด่น​คราวนี้เขาพอจำได้​ หล่อนไม่ใช่ภัคภัสสร​ เพราะสีผมที่แตกต่างกัน อีกแล้ว...หล่อนมาก่อกวนเขาอีกแล้ว​ คนเมาที่ยังพอมีสติชักสีหน้ารำคาญ​ คิ้วเข้มย่นจนแทบชิดติดกัน “มาทำไมฮึ!​ งานการไม่ไปทำ" เขาชอบไล่เสมอ​ เรียนจบแล้วก็ควรไปหางานทำ​ หากแต่หล่อนอยากเดินตามฝันด้วยการเปิดคาเฟ่ที่ไร่ของเขา​ และเมื่อเล่าความฝันให้เขาฟัง​ เขาก็หัวเราะเยาะอย่างไม่เห็นด้วย เขาบอกมันไม่ง่ายอย่างที่คิด​ มันคือธุรกิจขายฝัน​ หากหล่อนมีเงินนอนในบัญชีเป็นร้อยล้านเขาจะส่งเสริมให้หล่อนทำ​ แต่เด็กจบใหม่อย่างหล่อนนั้นไม่เหมาะสักนิดกับการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว ทั้งที่ลงทุนไปเรียนการชงกาแฟ​ เรียนรู้เรื่องกาแฟ​ และเรียนเบเกอรี่​ และหวังว่าวันนี้เขาจะไม่ขว้างขนมของหล่อนทิ้งจนไปนอนศพไม่สวยอยู่ข้างฝาบ้าน​ "ลุกขึ้นมาค่ะ​ คันจะตายนอนไปได้ยังไง​ ทำตัวเป็นคนอนาถาไปได้" "ให้ตายสิปลายฟ้า​ เธอมันน่ารำคาญจริง​ ๆ" เมื่อถูกเซ้าซี้หนักจึงตัดความรำคาญด้วยการลุกขึ้น​ เพราะหล่อนเล่นดึงทึ้งเขาเสียจนนอนต่อไม่ได้ "โอ๊ะ! ระวังค่ะ" เขาเซแถด ๆ​ เพราะลุกกะทันหันไม่ดูสภาพตัวเอง​ จนหล่อนต้องช่วยประคอง​ หากแต่ก็ยังทำเก่ง "ไม่ต้อง!​ พี่เดินเองได้​ ไม่ได้เมาสักนิด คนเมาอะไรพูดรู้เรื่องฮึ" เขาปัดมือที่คล้องแขนของตนออก​ นันท์ภัสสรไม่อยากเถียงด้วย​ กลิ่นน้ำเมาคละคลุ้งไปทั่วแต่ก็ยังแถว่าไม่ได้เมา มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำเข้าไปในบ้าน​ อาการเหมือนคนอกหัก​ ดื่มเหล้าประชดรัก...มันมาอีกแล้ว...ความคิดที่แสนบั่นทอนใจ เขาคงจะช้ำหนักจึงซัดเบียร์อย่างไม่บันยะบันยัง​ หลังจากได้รู้ว่าภัคภัสสรตอบตกลงเอกภพเรื่องแต่งงาน​ มันคือความจริงที่หล่อนต้องยอมรับ...เขารักอีกคนที่ไม่ใช่เธอ คือความเหมือนที่แตกต่าง​ นั่นทำให้คน​ ๆ​ หนึ่งเลือกจะรัก​ คำพูดของแทน​ไทแวบเข้ามาในหัวทันที และหล่อนไม่อาจแทนที่พี่สาวได้​ เขาไม่ซาบซึ้งถึงความรักที่หล่อนมีให้แม้สักนิด​ และที่เจ็บหนักนั่นก็คือ​ เขาเชื่อว่าหล่อนกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน​ หากแต่ก็ทำเฉยประหนึ่งเซ็กส์ระหว่างเขากับหล่อนเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนการออกมาบอกว่าได้หล่อนเป็นเมีย​ มันจะทำให้เขาสูญเสียรักไปตลอดกาล​ ก็เลยจำต้องปกปิด​ และวันนี้เขากำลังจะสูญเสียรักนั้นไป​ เสียใจจนเสียผู้เสียคนอย่างที่เห็น หล่อนถึงบอกว่าตัวเองถึกทน ​ ถูกเขาทำร้าย​ ๆ​ ใส่ขนาดนี้ก็ยังให้อภัย​ หวังว่าสักวัน...เขาจะเห็นค่าในความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง​ คนที่รักอย่างมั่นคงมาเนิ่นนาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD