Chapter 8
การลาจาก (2)
หล่อนขู่ฟ่อ ทั้งทุบและข่วนไปตามกายแกร่ง เมื่อเขาใช้สองมือแข็งราวคีมเหล็กบีบลงบนสองข้างแก้มแล้วบังคับให้เงยหน้า ทำท่าจะปล้นจูบโดยไม่กลัวใครผ่านมาเห็น
"พูดยากพูดเย็น ชอบให้ใช้กำลัง!"
"อื๊อ..."
ริมฝีปากอุ่นกดลงหนัก ๆ บนกลีบปากนุ่มสีสวย และก่อนที่เขาจะล่วงล้ำมากกว่านี้ ก็มีเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
เขายอมผละออกห่าง ขบริมฝีปากราวเสียดาย มองหน้าหล่อนด้วยแววตาหิวกระหาย เหมือนเจ้าป่าที่กำลังหงุดหงิดจากชิ้นเนื้อแสนหวานที่หลุดรอดกรงเล็บไปได้
ในขณะที่ภัคภัสสรผ่อนลมหายใจโล่งอก นึกขอบคุณสวรรค์ ถือว่าหล่อนยังทำบุญมาดี ที่ครั้งนี้รอดจากกรงเล็บของสัตว์ร้ายผู้หิวโหยมาได้อย่างหวุดหวิด
คราวหน้าจะวังตัวมากกว่านี้ จะไม่ยอมเฉียดกายเข้าใกล้เขาเกินสิบเมตร หล่อนสัญญากับตัวเอง
แทนไทหันไปมองตามฝีเท้าและเสียงสนทนา ดูเหมือนพวกเขากำลังพากันเดินขึ้นมาตามบันใดที่คดเคี้ยว
ภัคภัสสรใจยังเต้นแรงไม่หาย หากแต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ต้องห่วงแทนไท เรื่องนี้เขาถนัดกับการตีสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา
'มาอีกแล้วเหรอ'
ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นคือเอกภพและมารดา ด้านเอกภพแปลกใจไม่น้อย...สองคนพากันมายืนทำอะไรตรงนี้ อดที่จะหรี่ตามองไม่ได้
คนสองคนที่ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากันต้องมายืนสบตากันอยู่ตรงบันได มันทำให้ชายสองคนแต่ต่างช่วงอายุรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
เอกภพไม่อยากทักทาย เขาไม่ชอบแววตาของแทน
ไทที่มองมาเอาเสียเลย
"แกมองหน้าฉันทำไมฮึไอ้สิงห์ หน้าฉันเหมือนพ่อแกรึไง!"
แทนไทกระตุกยิ้ม เขาหันไปมองมารดาที่กำลังเดินไปกับภัคภัสสร มุ่งตรงไปทางห้องคนป่วย ก่อนจะหันมาทางเอกภพ รู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังมองตามหลังเด็กคราวหลานด้วยแววตากรุ่นกระแสปรารถนา
ความอยากได้มาครอบครองนั้นปิดเอาไว้ไม่มิด จากที่คิดจะไม่ยุ่งแต่ก็อดไม่ได้
"มาก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอาอยู่พอดี"
"ฉันคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน"
"เรื่องปลายฝน"
".....?"
มันได้ผล เอกภพถึงกับสนใจขึ้นมาทันที
"ผมรู้นะครับ คุณอาจะมาสู่ขอเธอแต่งงานหลังเรียนจบ แต่ผมคิดว่าคงจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว"
ไม่มีอะไรที่เขาต้องการและไม่ได้ นาทีนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้
เอกภพจึงไม่ให้ค่ากับคำพูดของเด็กรุ่นหลัง
"ถ้าฉันจะเอา ก็ไม่มีใครขัดฉันได้ นายมีปัญญาเหรอไอ้สิงห์ คิดจะทำอะไร"
"ผมติดต่อที่เรียนไว้ให้เธอแล้ว หลังจบจากที่นี่ เธอจะบินไปต่อโทที่อเมริกาทันที และผมคิดว่าคุณอาควรจะสนับสนุนเธอในข้อนี้ ถ้ารักเธอจริง ก็ควรจะส่งเสริมอนาคตของเธอด้วย อย่าหยุดความเจริญก้าวหน้าของใครด้วยการมัดมือชกแต่งงาน"
"ทำไมฉันไม่รู้ แม่แกไม่เคยพูดถึง"
“รอได้ไหมล่ะครับ ไหน ๆ ก็รอมาจนป่านนี้ รอต่อไปอีกไม่กี่ปีจะเป็นไรไป"
หากภัคภัสสรผ่านมาได้ยิน หล่อนคงปลาบปลื้มที่เขากำลังกางปีกปกป้อง แต่นั่นอาจเป็นปีกของซาตานร้าย เมื่อแทนไทคิดว่ามันคือการยื้อเวลาเอาไว้เพื่อตัวเอง
เขาทำเพื่อตัวเอง ยื้อแย่งมาจากคนอื่นเพื่ออยากเอาชนะ หาใช่ปกป้องเธอ ชายหนุ่มบอกหัวใจตัวแบบนั้น
เอกภพไม่แสดงท่าที เขาเดินหนีคนที่เกลียดแสนเกลียดไปทั้งที่ยังคุยไม่จบ แทนไทมองตามไปด้วยความ รู้สึกหลากหลาย...ทำไมเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเมื่อเห็นท่าทีของเอกภพ ฝ่ายนั้นแสดงให้เห็นว่าถึงอย่างไรก็จะยืนยันคำเดิม
เขาจะทำเฉยแล้วปล่อยไป หรือฉุดหล่อนขึ้นมาจากหุบเหว ยามนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเลือกเดินทางไหนดี
"เดินทางปลอดภัยนะสิงห์"
ผกากาศเดินเข้าไปกอดลูกชาย แทนไทกอดตอบเมื่อท่านมาส่งเขาที่รถ ก่อนจะออกเดินทางไปสนามบิน
ชายหนุ่มเหลียวมองไปด้านในบ้านคล้ายมองหาใครบางคน...ภัคภัสสร...หล่อนเป็นคนเดียวที่ไม่โผล่หัวมา ในขณะที่ทุกคนมายืนส่งเขาที่หน้าบ้าน
นันท์ภัสสรยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ข้าง ๆ ธามไท หล่อนใจหาย เมื่อคิดไปว่าคงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก เพิ่งจะคุยกันดีแท้ ๆ แต่เขาก็ต้องจากไปอีกแล้ว หลังจากนี้หล่อนคงจะเหงาไม่น้อย
แทนไทเห็นแล้ว อดที่จะส่ายหัวไม่ได้เมื่อเห็นคนขี้แยยืนน้ำตาเรี่ยน้ำตาราดเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ด้วยสองมือ ประหนึ่งเขาจะลาไปตาย ทำเหมือนจะไม่ได้พบกันอีก ก่อนจากลา เขาจึงรั้งหล่อนเข้ามากอดเพื่อร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
"เธอต้องหัดเป็นคนเข้มแข็งกว่านี้นะปลายฟ้า จำเอาไว้ คนอ่อนแอจะอยู่บนโลกใบนี้ลำบาก"
ฝ่ามือแกร่งขยี้เบา ๆ ลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่ม ธามไทชักไม่สบอารมณ์ท่าทีโหยไห้อาลัยอาวรณ์ ร่ำลากันไม่จบเสียที เขาจึงดึงแขนนันท์ภัสสรให้แยกออกมา
หล่อนเกิดมาเป็นนางโศก ช่างร้องได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ
"เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีก เธอจะร้องอะไรนักหนาฮึปลายฟ้า!"
"พี่สิงห์จะมาอีกเมื่อไหร่คะ"
ถามเสียงสั่น ในขณะที่แทนไทส่ายหัว เพราะเขายังตอบหล่อนไม่ได้ ต้องดูงานเขาด้วยว่าจะทิ้งมาได้หรือไม่
แต่ในขณะที่ตำหนิน้องสาว ธามไทเองก็ใจหายไม่น้อย หากแต่เขาพยายามกดอารมณ์เศร้าเอาไว้ แต่มันก็ยังคงฉายออกมาทางแววตาอยู่ดี
ก่อนที่แทนไทจะขึ้นรถ เขามองหน้าพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย...เหมือนทลายทุกความอัดอั้น ทั้งสองโผเข้ากอดกันเพื่อร่ำลา มันคือการแสดงความรู้สึกลึก ๆ ผ่านอ้อมกอด ไม่ต้องมีคำพูดมากมายมาบรรยาย
"ผมไปล่ะนะ ฝากดูแลคุณพ่อด้วย"
เขาโบกมือลาทุกคน ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถและปิดประตู ภายใต้กระจกด้านข้างที่ดำมืด เขาอดที่จะเหลือบมองไปยังชั้นสองของตัวบ้านไม่ได้...หล่อนช่างใจดำสิ้นดี ภัคภัสสร
ที่ด้านบน...มือสั่น ๆ แง้มม่านออกเล็กน้อยพอให้มองเห็น ภัคภัสสรยืนน้ำตาคลอแอบมองตามท้ายรถที่ค่อย ๆ แล่นออกไปตามถนนที่พาไปสู่รั้วบ้าน...เขาไปแล้ว...เหลียวมองไปรอบ ๆ ทำไมบรรยากาศในบ้านยามนี้ช่างดูเงียบเหงาเหลือเกิน
หลังจากนี้หล่อนก็จะกลับเข้าสู่โหมดสงบสุข คงอีกนานกว่าเขาจะหวนมาเยือน นี่คือสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรือ หญิงสาวเฝ้าถามตัวเอง แอบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ใครผ่านมาเห็น
ทำไมต้องเศร้าเมื่อเขาไป หล่อนไม่เข้าใจตัวเอง
แต่แล้วหล่อนต้องสะดุ้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงมือปริศนาที่แตะลงบนกลุ่มผมแล้วลูบศีรษะของตนคล้ายอยากช่วยปลอบใจ เมื่อหันไปมอง ก็พบว่าเป็นเอกภพที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาคลี่ยิ้มมาให้
หล่อนผงะถอยหนี รู้สึกขนลุกกับแววตาและรอยยิ้มนั่น รอยยิ้มปร่าแปร่งลอดผ่านเรียวปากอิ่ม รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
"เอ่อ...ขอตัวก่อนนะคะ"
รีบปลีกตัวหนีออกมา สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในท่าทีของเอกภพ เขามองหล่อนด้วยแววตาที่เหมือนกับชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างเสน่หา ต่างไปจากแววตาของผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก และจู่ ๆ ถ้อยคำของแทนไทก็แวบเข้ามาในหัว...เขาบอกหล่อนจะลงเอยกับคนแก่
พยายามสลัดความคิดไม่ดีทิ้งไป หล่อนบอกตัวเอง หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะหนีไปให้ไกลไม่มีใครตามเจอ