Chapter​ 8 การลาจาก (2)

1416 Words
Chapter​ 8 การลาจาก (2) หล่อนขู่ฟ่อ ทั้งทุบและข่วนไปตามกายแกร่ง​ เมื่อเขาใช้สองมือแข็งราวคีมเหล็กบีบลงบนสองข้างแก้มแล้วบังคับให้เงยหน้า​ ทำท่าจะปล้นจูบโดยไม่กลัวใครผ่านมาเห็น "พูดยากพูดเย็น​ ชอบให้ใช้กำลัง!" "อื๊อ..." ริมฝีปากอุ่นกดลงหนัก​ ๆ​ บนกลีบปากนุ่มสีสวย​ และก่อนที่เขาจะล่วงล้ำมากกว่านี้ ก็มีเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาเรื่อย​ ๆ เขายอมผละออกห่าง​ ขบริมฝีปากราวเสียดาย​ มองหน้าหล่อนด้วยแววตาหิวกระหาย​ เหมือนเจ้าป่าที่กำลังหงุดหงิดจากชิ้นเนื้อแสนหวานที่หลุดรอดกรงเล็บไปได้ ในขณะที่ภัคภัสสรผ่อนลมหายใจโล่งอก​ นึกขอบคุณสวรรค์​ ถือว่าหล่อนยังทำบุญมาดี ที่ครั้งนี้รอดจากกรงเล็บของสัตว์ร้ายผู้หิวโหยมาได้อย่างหวุดหวิด คราวหน้าจะวังตัวมากกว่านี้​ จะไม่ยอมเฉียดกายเข้าใกล้เขาเกินสิบเมตร​ หล่อนสัญญากับตัวเอง แทนไทหันไปมองตามฝีเท้าและเสียงสนทนา​ ดูเหมือนพวกเขากำลังพากันเดินขึ้นมาตามบันใดที่คดเคี้ยว​ ภัคภัสสรใจยังเต้นแรงไม่หาย​ หากแต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ​ ไม่ต้องห่วงแทนไท​ เรื่องนี้เขาถนัดกับการตีสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา 'มาอีกแล้วเหรอ'​ ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นคือเอกภพและมารดา​ ด้านเอกภพแปลกใจไม่น้อย...สองคนพากันมายืนทำอะไรตรงนี้​ อดที่จะหรี่ตามองไม่ได้ คนสองคนที่ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากันต้องมายืนสบตากันอยู่ตรงบันได​ มันทำให้ชายสองคนแต่ต่างช่วงอายุรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เอกภพไม่อยากทักทาย ​ เขาไม่ชอบแววตาของแทน ไทที่มองมาเอาเสียเลย "แกมองหน้าฉันทำไมฮึ​ไอ้สิงห์ หน้าฉันเหมือนพ่อแกรึไง!" แทนไทกระตุกยิ้ม​ เขาหันไปมองมารดาที่กำลังเดินไปกับภัคภัสสร​ มุ่งตรงไปทางห้องคนป่วย​ ก่อนจะหันมาทางเอกภพ​ รู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังมองตามหลังเด็กคราวหลานด้วยแววตากรุ่นกระแสปรารถนา ความอยากได้มาครอบครองนั้นปิดเอาไว้ไม่มิด​ จากที่คิดจะไม่ยุ่งแต่ก็อดไม่ได้ "มาก็ดีแล้ว​ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอาอยู่พอดี" "ฉันคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน" "เรื่องปลายฝน" ".....?" มันได้ผล​ เอกภพถึงกับสนใจขึ้นมาทันที "ผมรู้นะครับ​ คุณอาจะมาสู่ขอเธอแต่งงานหลังเรียนจบ​ แต่ผมคิดว่าคงจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว" ไม่มีอะไรที่เขาต้องการและไม่ได้​ นาทีนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้​ เอกภพจึงไม่ให้ค่ากับคำพูดของเด็กรุ่นหลัง "ถ้าฉันจะเอา​ ก็ไม่มีใครขัดฉันได้​ นายมีปัญญาเหรอไอ้สิงห์​ คิดจะทำอะไร" "ผมติดต่อที่เรียนไว้ให้เธอแล้ว​ หลังจบจากที่นี่​ เธอจะบินไปต่อโทที่อเมริกาทันที​ และผมคิดว่าคุณอาควรจะสนับสนุนเธอในข้อนี้​ ถ้ารักเธอจริง​ ก็ควรจะส่งเสริมอนาคตของเธอด้วย​ อย่าหยุดความเจริญก้าวหน้าของใครด้วยการมัดมือชกแต่งงาน" "ทำไมฉันไม่รู้​ แม่แกไม่เคยพูดถึง" “รอได้ไหมล่ะครับ​ ไหน​ ๆ​ ก็รอมาจนป่านนี้​ รอต่อไปอีกไม่กี่ปีจะเป็นไรไป​​" หากภัคภัสสรผ่านมาได้ยิน​ หล่อนคงปลาบปลื้มที่เขากำลังกางปีกปกป้อง​ แต่นั่นอาจเป็นปีกของซาตานร้าย​ เมื่อแทนไทคิดว่ามันคือการยื้อเวลาเอาไว้เพื่อตัวเอง เขาทำเพื่อตัวเอง​ ยื้อแย่งมาจากคนอื่นเพื่ออยากเอาชนะ​ หาใช่ปกป้องเธอ​ ชายหนุ่มบอกหัวใจตัวแบบนั้น เอกภพไม่แสดงท่าที​ เขาเดินหนีคนที่เกลียดแสนเกลียดไปทั้งที่ยังคุยไม่จบ​ แทนไทมองตามไปด้วยความ รู้สึกหลากหลาย...ทำไมเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข​เมื่อเห็นท่าทีของเอกภพ​ ฝ่ายนั้นแสดงให้เห็นว่าถึงอย่างไรก็จะยืนยันคำเดิม​ เขาจะทำเฉยแล้วปล่อยไป​ หรือฉุดหล่อนขึ้นมาจากหุบเหว​ ยามนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเลือกเดินทางไหนดี "เดินทางปลอดภัยนะสิงห์" ผกากาศเดินเข้าไปกอดลูกชาย​ แทนไทกอดตอบเมื่อท่านมาส่งเขาที่รถ​ ก่อนจะออกเดินทางไปสนามบิน ชายหนุ่มเหลียวมองไปด้านในบ้านคล้ายมองหาใครบางคน...ภัคภัสสร...หล่อนเป็นคนเดียวที่ไม่โผล่หัวมา​ ในขณะที่ทุกคนมายืนส่งเขาที่หน้าบ้าน นันท์ภัสสรยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ข้าง​ ๆ​ ธามไท​ หล่อนใจหาย​ เมื่อคิดไปว่าคงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก​ เพิ่งจะคุยกันดีแท้​ ๆ​ แต่เขาก็ต้องจากไปอีกแล้ว​ หลังจากนี้หล่อนคงจะเหงา​ไม่น้อย แทนไทเห็นแล้ว​ อดที่จะส่ายหัวไม่ได้เมื่อเห็นคนขี้แยยืนน้ำตาเรี่ยน้ำตาราด​เช็ดน้ำตาป้อย​ ๆ​ ด้วยสองมือ​ ประหนึ่งเขาจะลาไปตาย ทำเหมือนจะไม่ได้พบกันอีก​ ก่อนจากลา เขาจึงรั้งหล่อนเข้ามากอดเพื่อร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย "เธอต้องหัดเป็นคนเข้มแข็งกว่านี้นะปลายฟ้า​ จำเอาไว้​ คนอ่อนแอจะอยู่บนโลกใบนี้ลำบาก" ฝ่ามือแกร่งขยี้เบา​ ๆ​ ลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่ม​ ธามไทชักไม่สบอารมณ์ท่าทีโหยไห้อาลัยอาวรณ์​ ร่ำลากันไม่จบเสียที​ เขาจึงดึงแขนนันท์ภัสสรให้แยกออกมา​ หล่อนเกิดมาเป็นนางโศก​ ช่างร้องได้ทุกที่ทุกเวลา​จริง​ ๆ "เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีก​ เธอจะร้องอะไรนักหนาฮึปลายฟ้า!" "พี่สิงห์จะมาอีกเมื่อไหร่คะ" ถามเสียงสั่น​ ในขณะที่แทนไทส่ายหัว​ เพราะเขายังตอบหล่อนไม่ได้​ ต้องดูงานเขาด้วยว่าจะทิ้งมาได้หรือไม่ แต่ในขณะที่ตำหนิน้องสาว​ ธามไทเองก็ใจหายไม่น้อย​ หากแต่เขาพยายามกดอารมณ์เศร้าเอาไว้​ แต่มันก็ยังคงฉายออกมาทางแววตาอยู่ดี ก่อนที่แทนไทจะขึ้นรถ​ เขามองหน้าพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย...เหมือนทลายทุกความอัดอั้น​ ทั้งสองโผเข้ากอดกันเพื่อร่ำลา​ มันคือการแสดงความรู้สึกลึก​ ๆ​ ผ่านอ้อมกอด​ ไม่ต้องมีคำพูดมากมายมาบรรยาย "ผมไปล่ะนะ​ ฝากดูแลคุณพ่อด้วย" เขาโบกมือลาทุกคน​ ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถและปิดประตู​ ภายใต้กระจกด้านข้างที่ดำมืด​ เขาอดที่จะเหลือบมองไปยังชั้นสองของตัวบ้านไม่ได้...หล่อนช่างใจดำสิ้นดี​ ภัคภัสสร ที่ด้านบน...มือสั่น​ ๆ​ แง้มม่านออกเล็กน้อยพอให้มองเห็น​ ภัคภัสสรยืนน้ำตาคลอแอบมองตามท้ายรถที่ค่อย​ ๆ​ แล่นออกไปตามถนนที่พาไปสู่รั้วบ้าน...เขาไปแล้ว...เหลียวมองไปรอบ​ ๆ​ ทำไมบรรยากาศในบ้านยามนี้ช่างดูเงียบเหงาเหลือเกิน หลังจากนี้หล่อนก็จะกลับเข้าสู่โหมดสงบสุข​ คงอีกนานกว่าเขาจะหวนมาเยือน​ นี่คือสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรือ​ หญิงสาวเฝ้าถามตัวเอง​ แอบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ใครผ่านมาเห็น ทำไมต้องเศร้าเมื่อเขาไป​ หล่อนไม่เข้าใจตัวเอง แต่แล้วหล่อนต้องสะดุ้ง​ เมื่อสัมผัสได้ถึงมือปริศนาที่แตะลงบนกลุ่มผมแล้วลูบศีรษะของตนคล้ายอยากช่วยปลอบใจ​ เมื่อหันไปมอง​ ก็พบว่าเป็นเอกภพที่ยืนอยู่ด้านหลัง​ เขาคลี่ยิ้มมาให้ หล่อนผงะถอยหนี รู้สึกขนลุกกับแววตาและรอยยิ้มนั่น​ รอยยิ้มปร่าแปร่งลอดผ่านเรียวปากอิ่ม​ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก "เอ่อ...ขอตัวก่อนนะคะ" รีบปลีกตัวหนีออกมา​ สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในท่าทีของเอกภพ​ เขามองหล่อนด้วยแววตาที่เหมือนกับชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างเสน่หา​ ต่างไปจากแววตาของผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก​ และจู่​ ๆ​ ถ้อยคำของแทนไทก็แวบเข้ามาในหัว...เขาบอกหล่อนจะลงเอยกับคนแก่ พยายามสลัดความคิดไม่ดีทิ้งไป​ หล่อนบอกตัวเอง​ หากเป็นเช่นนั้นจริง​ ก็จะหนีไปให้ไกลไม่มีใครตามเจอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD