Chapter 10
สวาทรักคนเถื่อน (1)
ยามบ่ายแก่ ๆ ที่แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายอาบไล้ห่มคลุม บ้านเสวกุลโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางแสงสีทองนวลตา มีภูเขาเป็นฉากหลังทอดตัวเป็นแนวยาว...ภาพแสนคุ้นเคย บรรยากาศยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป หากแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือละครชีวิต พลิกผันไปตามบทบาทที่แต่ละคนได้รับ
ในห้องกระจกใสห้องหนึ่งที่ชั้นล่าง เสียงสนทนากันเบา ๆ ดังเล็ดลอด
"น้องฝนสวยมาก ใส่ออกมาแล้วสวยยิ่งกว่าแบบที่ร่างไว้อีก พอดีมั้ยคะ ต้องแก้ตรงไหนหรือเปล่า
คำชมพร่ำไม่หยุด ภัคภัสสรหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่สูงจรดเพดาน ใบหน้าสวยราบเรียบไร้ซึ่งรอยยิ้ม ทั้งที่วันนี้มันน่าจะเป็นวันที่หล่อนมีความสุขกับการได้ลองชุดเจ้าสาว แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เลย ยิ่งวันแต่ง
งานใกล้เข้ามามากขึ้นเท่าไหร่ หล่อนนอนหลับไปพร้อมน้ำตาทุกคืน
ความทรมานนี้ไม่มีใครรับรู้ เพราะหล่อนบอกตัวเองทุกวัน จะทนแบกรับเอาไว้เพียงลำพัง
“ไม่ต้องแก้แล้วค่ะ พอดีแล้ว"
หล่อนไม่มีอารมณ์มาเรื่องมาก หากเจ้าบ่าวคือคนที่รักนั้นคงจะดี หล่อนอาจจะอยากเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน แต่งานแต่งครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะความไม่เต็มใจ หล่อนไม่อยากโดดเด่นอะไรทั้งนั้น อยากจะให้รีบจบ ๆ ไปด้วยซ้ำ
แล้วจะทนได้ไหมในวันเข้าหอ คิดมาถึงตรงนี้รอบขอบตาก็ร้อนผ่าวปวดหนึบ แอบขบกรามแน่นเพื่อฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้อวดสายตาเจ้าของห้องเสื้อ
ที่ด้านนอก...สายตาเจือความรู้สึกหลากหลายคู่หนึ่งแอบจับจ้องมองเข้ามาด้านในนานแล้ว คล้ายจะมีเซ้นส์ ภัคภัสสรหันไปมอง สบตากับเขาอย่างบังเอิญ
"พี่สิงห์!"
ใจหายวาบตกไปอยู่ตาตุ่ม คิดไปสารพัดว่าจะเกิด
อะไรขึ้นบ้างหลังจากนี้...หล่อนกลัวแววตาที่มองมาคู่นั้น...ยามนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้านนอกจากหล่อน เพราะทุกคนไปอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด ส่วนหล่อนจะตามไปทีหลังเมื่อลองชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พระเจ้าคงต้องการทดสอบความอดทนของหล่อนแน่ ๆ จึงส่งซาตานร้ายให้ผุดขึ้นมาจากนรกอีกครั้ง และวันนี้จะต้องเป็นวันแย่ ๆ อีกวัน ไม่อาจคาดเดากับการกลับมาของเขาแต่ละครั้งได้เลย
ลางหรณ์ของหล่อนเป็นจริง เมื่อแทนไทเดินเข้ามาในห้องอุ้งมือแกร่งคว้าหมับลงบนข้อมือเล็กแล้วออกแรงกระตุก
มองไปทางคนนอก บอกทางสายตาให้รู้ว่า นี่คือบ้านของเขา จะทำอะไรก็ได้
"ผมมีเรื่องต้องคุยกับเธอ ขอตัวว่าที่เจ้าสาวสักครู่"
ชายหนุ่มออกแรงลากให้ภัคภัสสรออกไปจากห้อง ขณะที่หล่อนสบตามองหาตัวช่วย หากแต่แววตาคมกล้าที่ตวัดมองราวจะกินเลือดกินเนื้อ ก็ทำให้คนนอกที่ไม่รู้ความเป็นไปไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่ายืนงงอยู่คนเดียว
ภัคภัสสรพยายามบิดข้อมือหนี เมื่อถูกเขาฉุดกระชากลากถูไปยังบันไดที่จะพาไปสู่ห้องนอน...ใจเต้นโครมคราม คิดล่วงหน้าว่าคงไม่ใช่การลากมาคุยแบบสันติแน่
"จะไปไหนคะ พี่สิงห์ต้องการอะไร ฝนไม่มีอะไรจะคุยกับพี่สิงห์!"
เมื่อดื้อดึงนัก เดินไปดี ๆ ไม่ได้ เขาจึงอาศัยแรงที่มีมากกว่าจัดการแบกหล่อนขึ้นมาพาดไว้บนบ่าราวกับร่างนั้นเบาเหมือนปุยนุ่น หล่อนทำได้เพียงแต่ดิ้นและใช้สองมือทุบแผ่นหลังกว้างไปมา หากแต่การดิ้นรนไม่ช่วยให้ได้รับอิสรภาพกลับคืน
เขาเดินขึ้นบันไดที่เวียนวนแล้วตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตน นั่นทำให้ภัคภัสสรยิ่งดิ้นหนักขึ้น
"ทำไมต้องคุยในนี้คะ! ปล่อยนะ ฝนไม่ไป ไม่คุยอะไรทั้งนั้น!" หล่อนโวยวายลั่นบ้าน เมื่อรู้ตัวแล้วว่าวันนี้คงไม่รอดกรงเล็บของราชสีห์ผู้หิวโหยแน่
"แหกปากให้ตาย ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาช่วยเธอหรอกนะ!"
ชายหนุ่มใช้เท้าถีบบานประตูแล้วแบกหล่อนเข้าไปในห้อง ก่อนโยนร่างนั้นลงไปบนเตียง รู้ทันว่าหล่อนต้องกระเสือกกระสนหนี ร่างหนัก ๆ จึงรีบโถมตามลงไป สองมือตรึงข้อมือเล็กเอาไว้กับที่นอน
ภายใต้ชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด หล่อนนอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างหนัก ๆ แววตาของเขามองดูไม่ต่างไปจากเด็กที่กำลังจะถูกแย่งของรักของหวงไปจากอก เลยต้องทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาเอาไว้ แม้วิธีการออกจะเอาแต่ใจและงอแงเล่นนอกกติกาไปหน่อยก็ตาม
แววตาคมกล้าไล่มองไปยังผิวเนื้อนวลเนียน ท่อนบนมีเพียงเกาะอกสีขาวปิดบังส่วนซ่อนเร้นเอาไว้ ก่อนสายตาจะหยุดนิ่งยังใบหน้ารูปไข่หวานละมุน แววตาของหล่อนฉายแววหยิ่งผยอง ท้าทายเขาในท่าที
จวนเจียนจะถูกจับกินหากแต่ก็ยังหยิ่งผยองจนวินาทีสุดท้าย เขากระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะใส่หน้าคนที่นอนนิ่ง คล้ายกับยอมจำนน
“หึ อยากมีผัวจนตัวสั่น หรือเพราะหิวเงินจนหน้ามืดยอมมีผัวแก่คราวพ่อก็เอา สรุปเธอเป็นแบบไหน หรือทั้ง
สองอย่างฮึปลายฝน!"
หล่อนมองหน้าเขาอย่างโกรธขึ้งที่เขาสำรอกถ้อยคำระคายหูออกมาจากปากร้ายกาจ กลับมาคราวนี้เขาไม่ได้มาตัวเปล่า เขามาพร้อมพายุที่พร้อมจะถล่มทุกอย่างจนราพนาสูร
“ถ้าตอบว่าถูกทุกข้อ ฝนจะโดนอะไรคะ!"
"ไม่ต้องทำเก่งปลายฝน เธอได้โดนจริง ๆ แน่!"
หล่อนใช้ความเงียบหวังปราบคนพาลให้ล่าถอย หากแต่ที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มหยามเหยียด
"ดีนะ ในขณะที่คุณพ่อป่วยหนักนอนอยู่โรงพยาบาล แต่เธอกลับแอบมาลองชุดเจ้าสาวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หึ สงสัยจะอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่น คงรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วใช่มั้ย"
หล่อนสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ...เขายังเหมือนเดิม คิดว่ามันเป็นนิสัยที่ฝังรากลึก หมดหนทางเยียวยาเสียแล้ว
"พี่สิงห์ก็เหมือนกันนั่นแหละ ในขณะที่คุณพ่อนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล พี่สิงห์กลับแอบมาหาเรื่องฝน ว่าคนอื่น
ไม่ดูตัวเอง!"
หล่อนยอกย้อนจนคนพาลหน้าชา ขบกรามแน่นสบตากับเขาอย่างท้าทาย
นึกอยากจะย้อนกลับบ้าง แล้วเขาล่ะมัวไปทำอะไรอยู่ หายหัวไปเป็นปี ๆ มาถึงก็ตำหนิคนอื่นโดยไม่รู้ถึงความเป็นไป...เขาไม่รู้หรอกว่า คนทางนี้ต้องแบกรับความทุกข์ระทมแค่ไหน กินน้ำตาต่างข้าวแทบทุกวัน
"ฉันเพิ่งบินมาถึง ส่วนเธอล่ะปลายฝน เธอมัวทำอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่ไปหาคุณพ่อ"
"ฝนกำลังจะไปโรงพยาบาล แต่ห้องเสื้อก็โทร.มาพอดี"
เขากระตุกยิ้มให้กับคำแก้ตัวของผู้หญิงหน้าเงิน คำพูดของหล่อนเขาไม่มีวันที่จะเชื่อใจ
"นั่นแหละปลายฝน ที่แท้เธอคิดถึงตัวเองมากกว่าคนอื่น ไม่ต้องอ้างอะไรทั้งนั้น"
"ฝนผิดอะไรคะ ทำผิดตรงไหนในสายตาพี่สิงห์"
ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูน ยอมรับว่าคราแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่ยุ่ง แต่เมื่อมาเห็นหล่อนในชุดเจ้าสาวแล้ว
อดเสือกตัวเองเข้ามาไม่ได้จริง ๆ
มันเหมือนกับเครื่องย้ำเตือน จากนี้ไปเขาไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้แบบนี้อีก คล้ายกับคนหวงก้างจนลืมถูกผิด ก่อนหล่อนจะเป็นของใคร เขาจะขอลองชิมตัดหน้าแม้ว่าจะต้องตกนรกก็ยอม
"ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพราะเห็นว่าเขารวย หึ ฉันถามหน่อย แล้วเธอเอาไอ้สี่สิบเก้านิ้วนั่นไปทิ้งไว้ไหน เขาไม่ว่าเอาเหรอที่เธอหนีมาแต่งงานแบบนี้!"
เขายกเรื่องสมัยพระเจ้าเหาขึ้นมา หล่อนขี้เกียจจะเถียงกับคนพาล ปล่อยให้เขาเข้าใจแบบนั้นต่อไป จะเข้าใจว่าหล่อนผ่านผู้ชายมามากมายก็ช่างหัวแทนไท
นั่นคือปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของหล่อน
"เงียบทำไมปลายฝน ตอบฉันมาสิ เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!"
"ฝนมีเหตุผล และพี่สิงห์ก็ไม่จำเป็นต้องรู้!"
"ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง ล้มเลิกงานแต่งซะ ไปกับฉัน ไปบอกอาภพว่าเธอเปลี่ยนใจแล้ว"
"เพื่ออะไรคะ จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร..."
"ฉันพยายามจะฉุดเธอขึ้นมาจากก้นหลุม อยากจะตะเกียกตะกายลงไปอีกก็ตามใจ"
หล่อนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาทำเหมือนกำลังสยายปีกเพื่อปกป้องคนไร้หนทางไป หากแต่ก็ไม่อาจเชื่อได้เลยว่าหากหลุดพ้นจากคนอย่างเอกภพ แล้วมาหลบภัยภายใต้ปีกของแทนไท ปีกที่กางปกป้องแท้จริงคือปีกของซาตานร้ายที่พร้อมจะทำลายหล่อนได้ทุกเมื่อหรือไม่
หนีเสือปะจระเข้ หล่อนไม่มีทางเลือกที่ดีที่สุดเลยสักทางเดียว
"ฝนตัดสินใจดีแล้ว จะไม่เดินถอยหลังอีก"
น้ำเสียงและแววตาเด็ดเดี่ยว ทำให้แทนไทอยากที่จะเอาชนะ ส่วนที่ทำลงไปเพราะหวงหรือว่าอะไรนั้น เขาตอบตัวเองไม่ได้เช่นเคย
"งั้นก็มาดูกันสิ หากเธอเป็นเมียฉัน จะมีใครหน้าไหนยังอยากได้อยู่มั้ย!"
เขาเริ่มไม่สนห่าเหวอะไรทั้งนั้น สองมือถลกชาย กระโปรงชุดเจ้าสาวขึ้นสูง ในขณะที่ภัคภัสสรทั้งดิ้นทั้งข่วน
เป็นพัลวัน หากแต่เขาหาได้สะดุ้งสะเทือน
"ฉันเคยจูบเธอ...แต่วันนี้ฉันจะทำมากกว่านั้น!"
"อย่า...อื๊อ..."
เขาไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จึงแสดงความป่าเถื่อนออกมาแบบนั้น ความร้อนเร่าบดขยี้หน่วงหนักลงบนกลีบปากนุ่มตามแรงอารมณ์...อา...มันหวามหวานคล้ายได้ลิ้มรสชาติแสนสดใหม่ ลุ่มหลงในเสน่ห์ล่อหลอกจนอยากลองลิ้มชิ้นเนื้อแสนหอมหวาน กัดให้จมเขี้ยวแล้วละเลียดเข้าปากอย่างใจเย็น
ในห้วงอารมณ์หวามไหวจากรสสัมผัสที่ได้รับจากเรียวปากอุ่น สักพักเขาต้องผงะเมื่อความเจ็บจากแรงขบแล่นพล่านไปทั้งร่างกาย
“ซี๊ดดด...เธอกล้ากัดฉันเหรอปลายฝน ฉันจะฆ่าเธอให้ตายคาเตียง!"
เขาเข่นเสียงอาฆาต ปลายนิ้วแกร่งแตะลงบนรอยเจ็บ สัมผัสได้ถึงความคาวเค็มจากตุ่มรับรส หล่อนแผลงฤทธิ์กัดริมฝีปากของเขาจนได้แผลกันเลยทีเดียว
ภัคภัสสรอาศัยจังหวะนั้นผลักร่างคนหื่นเต็มแรง
ผลุนผลันลงจากเตียงก่อนที่จะตกไปอยู่ในอ้อมกอดของซาตานร้ายอีกครั้ง สองมือจับชายกระโปรงยกขึ้นมา เพื่อที่จะวิ่งหนีเขาออกไปจากห้องก่อนจะหกล้มหน้าคะมำเพราะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง
และจังหวะเดียวกันนั้น บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาเต็มแรง หญิงสาวต้องผงะ เมื่อคนที่้เดินสวนเข้ามาไม่ใช่ใคร คือว่าที่สามีในอนาคตนั่นเอง
เขารู้เพราะเจ้าของห้องเสื้อโทร.ไปบอก ในขณะที่กำลังเดินทางมารับภัคภัสสรไปโรงพยาบาล
"ไอ้สิงห์ ฉันจะฆ่าแก!"
เอกภพโกรธจนลงหัวเมื่อเห็นท่าทีตื่นตกใจของภัคภัสสร บ่งบอกว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในห้องนี้...เหมือนถูกลูบคม ปลายกระบอกปืนจึงเล็งไปยังคนที่ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวแม้สักนิด ทำราวกับว่ามันคือปืนเด็กเล่นที่มาจากร้านทุกอย่างยี่สิบ ไม่เชื่อว่าในรังเพลิงคือกระสุนจริงที่อาจส่งเขาไปลงนรกได้
ให้ตายสิ เขาเกลียดท่าทีกวนประสาทนั่นชะมัด ไม่กลัวตายก็ควรจะเกรงใจปืนในมือเขาบ้าง เอกภพคิดขณะที่
ยังคงเล็งกระบอกปืนอยู่อย่างนั้น
หากไม่ติดว่าเป็นบ้านคนอื่น ป่านนี้แทนไทได้ถอดวิญญาณไปคุยกับยมบาลแล้วจริง ๆ
แทนที่จะหนีจนหัวซุนข้อหาปล้ำว่าที่ภรรยาชาวบ้าน แทนไทกลับขยับเข้าหาคล้ายกับต้องการเปิดทางให้อีกฝ่ายยิงได้แม่นขึ้น ชายหนุ่มดุนลิ้นไปตรงรอยเจ็บที่เกิดจากฟันซี่คม เขามองหน้าเอกภพอย่างอย่างท้าทาย
"ถือปืนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ ผมแจ้งความได้เลยนะครับ"
"แกเอากฎหมายมาขู่ฉันเหรอ! แล้วที่ทำอยู่นี่ล่ะ ไอ้สารเลว!"
“งั้นก็จะมัวช้าทำไม ยิงมาสิครับ เอาเลย!"
แววตาอาฆาตมองเลยไปยังคนที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเอกภพ กระตุกยิ้มไปให้หล่อน บอกให้รู้ว่ามันไม่จบแค่นี้แน่นอน เขาจะเอาคืนให้หนัก ข้อหาทำเขาเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ท้านักใช่มั้ย แกได้ตายสมใจแน่!"
เมื่อเห็นว่าเอกภพทำท่าจะขาดสติเหนี่ยวไกขึ้นมา
จริง ๆ พลัน! ภัคภัสสรก็ปราดออกมาจากมุมที่ปลอดภัย เอาร่างไปขวางกลางเอาไว้ หากเอกภพขาดสติเหนี่ยวไกขึ้นมาจริง ๆ แน่นอนมันต้องผ่านร่างหล่อนก่อนจะไปถึงแทนไท
"อย่าค่ะ! อย่ายิงเขา"
"ทำบ้าอะไรฮึปลายฝน หลบไปซะ ผู้ชายคนนี้มันจะปล้ำเธอนะ!"
เหมือนหล่อนกำลังปกป้องชายชู้ เอกภพคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ
"มันยังไม่เกิดขึ้น เก็บปืนก่อนค่ะคุณอา!"
"เธอปกป้องมันเหรอ ปลายฝน!"
"เปล่าค่ะ แต่ไม่อยากให้มีคนตายในบ้าน หากอาภพยิงเขา อาภพก็จะต้องติดคุก แล้วฝนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ฝนจะต้องเป็นหม้ายขันหมากเหรอคะ"
ถ้อยคำแสนบาดลึกห้วงอารมณ์แทนไท หล่อนเผยใจออกมาแล้ว อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอกภพ เขาอยากอาเจียนเพราะความเลี่ยนในน้ำคำ ความรู้สึกเหมือนมายืนงงในดงน้ำตาล เหม็นกลิ่นความรักเหลือเกิน
หากแต่ใครเล่าจะรู้ ที่หล่อนต้องพูดออกมาแบบนั้น แท้จริงมันคือมารยาล่อหลอก หล่อนจะต้องทำให้เอกภพรักและหลงจนโงหัวไม่ขึ้น จะใช้เล่ห์ทั้งหมดที่มีพรากทุกอย่างกลับคืน
เพื่อเป้าหมายอันสูงสุด แม้จะแลกมาด้วยการถูกแทนไทตราหน้าว่าชั่วช้าก็ตาม
เมื่อเห็นว่าเอกภพมีท่าทีอ่อนลง หล่อนจึงขยับเข้าหาคนที่ยืนมองแทนไทตาเป็นหมัด มือนุ่มจับลงบนท่อนแขนแกร่งแล้วค่อย ๆ ออกแรงกดให้เขายอมลดปลายกระบอกปืน จนกระทั่งมันห้อยตกลงไปอยู่ข้างลำตัว หล่อนได้ทีดึงปืนในมือของเขามาถือไว้เพื่อความปลอดภัย
"อย่าทำอะไรตามอารมณ์เลยนะคะ ฝนคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณอา"
'เธอรักเขาลงเหรอปลายฝน ผู้ชายคนนี้หักหลังทุกคนในบ้านเรานะ ผู้หญิงสารเลว!'
เสียงก้องอยู่ในหัวแทนไท ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูน เมื่อเห็นความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน ผ่านท่าทีและแววตาที่สื่อออกมา
การที่หล่อนซุกซบใบหน้าลงบนบ่ากว้าง มันทำให้หัวใจเอกภพถึงกับอ่อนยวบ เขาพ่ายแพ้ความอ่อนโยนที่หล่อนเสแสร้งแสดงออก ภาพความแนบชิดตรงหน้า ทำให้แทนไทถึงกับเบือนหน้าหนี เมื่อเขาเริ่มปั่นป่วนในท้อง รู้สึกคลื่นเ**ยนอยากอาเจียนออกมา
อยากจะยกห้องนอนให้ทั้งสองไป หลังจากนี้จะทำอะไรกันก็เชิญ
ในขณะที่แววตาของหล่อนบอกเขาว่า เขาจะไม่มีวันได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ และเขาจะไม่มีวันได้ทำมากกว่าการจูบ หล่อนสัญญากับตัวเอง