Chapter 6
เจ็บกว่าคือฉัน (1)
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน มันเงียบเสียจนได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจ ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่น นันท์ภัสสรนอนนิ่งฟังเสียงหัวใจของคนใต้ร่าง คล้ายกับอยากสัมผัสไปจนถึงก้นบึ้ง ตกลงแล้วเขาซ่อนใครเอาไว้ข้างใน
อยากจะอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ แค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว มันคือความโหยหาที่เขาไม่เคยตอบสนอง
'แต่...เขาไม่คิดว่าเป็นเธอนะปลายฟ้า'
นั่นคือเสียงส่วนลึกร้องบอก มันทำให้หล่อนดึงตัวเองขึ้นสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด แม้อ้อมกอดของเขานั้นแสนอบอุ่น หากแต่ว่าตอนนี้หล่อนกลับหนาวหัวใจเหลือเกิน
เมื่อคิดได้จึงผลักไส สองมือดันแผงอกกว้างเพื่อพาตัวเองให้พ้นจากพันธนาการอันเจ็บปวด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั่นคือสองแขนแข็งแรงที่กอดเกี่ยวจนแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
"อย่า...อย่าเพิ่งไป..."
คนเมาอ้อนเหมือนเด็กที่กำลังต้องการความอบอุ่น หล่อนสะดุ้งมื่อริมฝีปากอุ่นกดลงบนหน้าผากนวลเนียน ความหวามหวานที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ้อมกอดและน้ำเสียงออดอ้อนมีพลังมากพอที่จะทำให้หัวใจสาวอ่อนยวบ แต่...ความจริงก็คือความจริง
หล่อนจะยอมให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ จะไม่ยอมเปลืองตัวเพียงเพราะเป็นตัวแทนใครเด็ดขาด จึงออกอุบาย
"พี่เสือจะนอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ"
"ฮื่อ..."
เสียงดังอยู่ในลำคอทั้งที่ตาลืมไม่ขึ้น บ่งบอกว่าเขาเมาจนสติสัมปชัญญะเตลิดเตลิงไปแล้ว
มือนุ่มไล้ไปตามซีกหน้าคมคร้าม กระซิบสวมรอย
"ลุกไหวมั้ยคะ ฟ้า...เอ่อ...ฝน...ฝนจะช่วยพาไปส่งที่ห้องนอนนะคะ"
"....."
เงียบ...เขาไม่ขัดขืนหรือตอบรับ หล่อนจึงปลุกเขาด้วยการเขย่าแรง ๆ
"พี่เสือ ลุกขึ้นไปนอนนะคะ เดี๋ยวฝนพาไป"
เหมือนชื่อของพี่สาวจะแว่วเข้าไปแทรกในส่วนการการรับรู้ที่กำลังดำดิ่งลึก เขาปรือตามอง หล่อนจึงคลี่ยิ้มหวานเพื่อสวมรอยไปก่อน
ทำยังไงก็ได้เพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดแสนเหน็บหนาว แม้จะรักเขา แต่หล่อนไม่ต้องการแบบนี้
“ไปค่ะ ลุกไหวมั้ยคะ"
“อืม..."
"ถ้างั้น...พี่เสือปล่อยฝนก่อนนะคะ"
เหมือนเขาจะพอรับรู้ได้บ้าง ท่อนแขนแข็งแรงจึงยอมคลายจากร่างอิ่ม หญิงสาวได้ทีรีบผละออกห่าง แต่การที่เขายังคงนอนนิ่งนั่นก็ทำให้นันท์ภัสสรหนักใจไม่น้อย
หล่อนถอยห่างออกมายืนอยู่ปลายเท้า มองไปยังร่างนั้นพลางครุ่นคิด หากจะปล่อยให้เขานอนตรงนี้ทั้งคืน เช้ามาใครเห็นเข้าก็คงจะไม่ดีนัก
คงต้องหาตัวช่วย เพราะลำพังหล่อนเองคงไม่มีแรงพอที่จะทำคนเดียวได้ คิดดังนั้นจึงเดินไปยังเรือนเล็กเพื่อไปเรียกแม่บ้าน อย่างน้อยก็จะได้ช่วยกัน แม้มันอาจจะทุลักทุเลอยู่บ้าง
ร่างหนัก ๆ ถูกทิ้งให้นอนลงไปบนเตียงกว้าง...ในห้องนอนของธามไท คนสองคนต่างยืนหอบหายใจไม่ต่างกัน
"ทำไมคุณเสือถึงเมาขนาดนี้คะ"
เตือนใจยืนหอบจนตัวโยน หลังจากใช้แรงเพื่อพยุงเจ้านายขึ้นมาถึงห้องนอน...นันท์ภัสสรเลือกที่จะไม่แสดงความเห็น ทำแค่เพียงคลี่ยิ้มให้
"ขอบใจมากนะพี่เตือน ไปนอนเถอะจ้ะ เดี๋ยวฟ้าก็จะไปนอนเหมือนกัน"
"ไม่ต้องเช็ดตัวใช่มั้ยคะ"
"ปล่อยให้เขานอนแบบนี้แหละ เมาเสียขนาดนี้"
"ถ้าอย่างนั้นพี่กลับนะคะ"
"ค่ะ"
เมื่อหมดหน้าที่ เตือนใจจึงปลีกตัวออกไป ในขณะที่นันท์ภัสสรขยับเข้าไปช่วยจัดท่าทางให้คนเมา หวังให้เขานอนในท่าที่สบายขึ้น และไอเย็นจากอุณหภูมิที่ลดต่ำอาบไล้ห่มคลุม หล่อนจึงช่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไปบนร่างที่นอนนิ่งเหมือนซ้อมตาย ด้วยกลัวว่าเขาจะหลับลึกจนไม่รับรู้ร้อนหนาวเหมือนคนปกติ
เมื่อส่งเขาถึงเตียงแล้ว หล่อนจึงขยับกายออกห่าง เพื่อจะกลับไปนอนเช่นเดียวกัน
"พี่เสือ!"
ตกใจไม่น้อย เมื่ออุ้งมือแกร่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของตนแล้วออกแรงดึง หันไปมองก็เห็นว่าเขายังคงไม่ลืมตาขึ้นมามอง วินาทีที่กำลังยืนงง เขาก็ออกแรงรั้งมากขึ้นจนร่างของหล่อนเซถลากลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง
คราวนี้หมดโอกาสหนี หลังจากถูกสองแขนแข็งแรงตวัดกอดเกี่ยว รัดเอาไว้จนแน่นราวกลับกลัวว่าหล่อนจะหาเรื่องหนีไปอีกครั้ง
และจะอ้างอะไร ในเมื่อตอนนี้อยู่ในห้องของเขา หล่อนนอนใจเต้นแรงอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโต และเพียงแค่ลองขยับกาย เขาก็ยิ่งออกแรงกอดรัดมากขึ้น
มันคงจะดีไม่น้อย หากเขากอดเธอเพราะคิดว่าเป็นเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น จู่ ๆ รอบขอบตาก็ร้อนผ่าวปวดหนึบ น้ำใส ๆ เอ่อท้นปริ่มขอบตาอย่างไม่อาจควบคุมมันเอาไว้ได้ ทนนอนอยู่ในอ้อมกอดนั้นจนกระทั่งผล็อยหลับไปเพราะความง่วงงุน
อากาศยามเช้ามืดนั้นแสนหนาวเหน็บปลุกธามไทให้รู้สึกตัว ที่จริงเขาตื่นเวลานี้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แม้เมื่อคืนจะดื่มหนักไปนิด แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงนาฬิกาชีวิตของเขาได้
ช่วงเวลามึนงงจากสมองอันหนักอึ้ง รับรู้ได้ว่าอ้อมกอดของตนนั้นไม่ได้ว่างเปล่า เขาคิดว่านั่นคือหมอนข้างแสนนุ่มละมุน สองแขนจึงกระชับแนบแน่นเพื่อหาไออุ่น หากแต่หมอนข้างของเขากลับขยับได้ ไม่ยอมอยู่นิ่งให้เขากอดเสียแล้ว
เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ย นันท์ภัสสรพยายามดันแผงอกกว้างเพื่อที่จะให้พ้นจากพันธนาการ ร่างอุ่นที่ขยับยุกยิก ทำให้ธามไทฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมอง
".....!"
ท่ามกลางอารมณ์ตกใจปนงุนงง แววตาสองคู่สบประสานราวกับเวลานั้นหยุดนิ่ง สองมือแกร่งทาบลงบนสองข้างแก้มนุ่มแล้วจับใบหน้าเล็กพลิกไปมา ราวกับต้องการให้แน่ใจว่าหล่อนคือคนจริง ๆ ไม่ใช่ผีบ้านผีเรือนที่มาหลอกหลอน
ชายหนุ่มเรียกสติกลับคืน แววตาคมกล้าเพ่งมองดวงหน้าหวานอย่างสงสัย แววตาเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ในขณะที่นันท์ภัสสรนอนตัวแข็งราวหุ่นเพราะกำลังทำตัวไม่ถูก
มันคือความเหมือนที่แตกต่าง เมื่อสร่างเมาเขาก็แยกออกขึ้นมาทันที แววตาสงสัยแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
"ปลายฟ้า! ทำบ้าอะไร"
แทนที่จะโทษตัวเอง เขากลับท่าใส่ความว่าหล่อนเป็นฝ่ายแอบย่องเข้าห้องผู้ชาย
"พี่เสือเมา..."
"นั่นแหละ พี่เมา แต่เธอเข้ามานอนในนี้ บนเตียงของพี่ได้ยังไงฮึ!"
เขากำลังจะบอกว่าคนเมาคงไม่มีทางลากคนสติปกติขึ้นเตียงได้ นอกเสียจากว่าหล่อนจงใจให้มันเกิดขึ้น ถ้อยคำของเขาทำให้นันท์ภัสสรถึงกับเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
สิ่งที่ตอกย้ำความเจ็บปวดนั่นก็คือ การที่เขาผลุนผลันลุกนั่งแล้วโดดลงจากเตียง ก้มลงสำรวจตัวเองยกใหญ่
"เมื่อคืน...เกิดอะไรขึ้น!"
“พี่เสือเมามาก ฟ้าก็เลยพาขึ้นมานอนค่ะ"
"แล้วมีอะไรอีก นอกจากนอน ฮึ!"